ตอนที่ 34 : เผ่าเทวา
เหล่าเมดรีบวิ่งไปรายงานเรื่องนี้กับนายเหนือหัวของพวกนางแทบจะในทันที วิลเลี่ยมยืนแข็งค้างอยู่อย่างนั้น หมัดกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมา เส้นเลือดที่ขมับเต้นปุดๆ
ไม่รอช้าเขารีบเดินไปหาตัวเจ้าต้นไม้นั่นทันที เขาต้องการรู้ว่าทำไมมันจึงทำอะไรแบบนี้กับเขา? เรื่องมันวุ่นวายไปมากแล้ว แค่ด้านการเรียน สังคม และเรื่องของการฝึกเขาก็ปวดหัวแล้ว แล้วไหนจะเรื่องปีกอีก มันต้องการอะไรจากเขากันแน่?! คิดแล้วเขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก ก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านี้คงต้องรีบหาตัวการให้เจอโดยเร็ว
เจ้าต้นไม้ปรากฏกายขึ้นแล้วร้องออกมา วิลเลี่ยมรีบเทศนากับมันในทันทีที่เห็นตัวมัน บ่นไปเรื่อยทั้งยังบอกเล่าถึงอาการปวดหัวที่เพิ่มขึ้นมาไม่เว้นวันของเขาไปด้วย เจ้าต้นไม้เอียงดอกของมันอย่างไม่เข้าใจ นี่ว่าที่มารดาของมันรู้หรือไม่ ปีกนั่นมันพิเศษเพียงใด? ในอดีตกาลมนุษย์ปรารถนาอยากจะเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์เทวา ปีกนั่นก็เป็นหนึ่งในสัญลักณ์ของเผ่าเทวา แล้วเหตุใดว่าที่มารดาที่เป็นมนุษย์จึงมิปรารถนามันกัน?
วิลเลี่ยมเทศนาไปนานจนเริ่มปวดปาก รู้สึกได้เลยว่าไม่มีแรงจะพูด อีกทั้งยังปวดหัวจี๊ด
“กีกี?”
มันยังคงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นมาบ่นใส่มันทำไม มันต้องการให้วิลเลี่ยมวิวัฒนาการจากมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์เทวาต่างหาก มันเป็นเรื่องที่ดีมิใช่หรือ? มารดารู้หรือไม่ โพชั่นที่ท่านดื่มไปนั้น มีส่วนผสมเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มีในปีกของเทวา ตนละ1ชิ้น กว่าจะเอามาเป็นส่วนผสม ต้องกระชากปีกเทวานับพัน โพชั่นที่ล้ำค่าเช่นนี้ทำไมมารดาถึงยังโมโหมันอยู่? เจ้าต้นไม้ใช้เกสรที่ทำหน้าที่แทนสมองของตนเองคิดอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องมากีกีใส่ข้า ที่ข้าบอก เจ้าได้ฟังบ้างรึไม่ ทีหลังอย่าทำอะไรโดยพลการแบบนั้นอีก...มันทำให้ข้าปวดหัวนะ...เจ้ารู้ไหม?”
วิลเลี่ยมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายราวกับใช้ชีวิตมาเป็นร้อยปี ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยเจ้าต้นไม้ไว้เพียงตนเดียว
"อลิซ!!!”
ดยุกวินเซ้นต์รีบวิ่งไปกระโจนกอดวิลเลี่ยมทันที จาร์เวียกับเหล่าเมดรีบวิ่งตามมา ให้ตายสิ ทั้งๆที่ปวดท้องอย่างหนักแท้ๆ ทำไมถึงแรงเยอะขึ้นมาขนาดนี้นะ?
“น-นี่มันจริงหรือนี่?!”
ชายวัยกลางคนอุทานเมื่อเห็นปีกโปร่งแสงของลูกสาวตนเอง ดวงตาเบิกกว้างขึ้น น-นี่มัน ไม่ผิดแน่! ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ที่เป็นที่รักของเหล่าเทวา จะได้รับสิทธิพิเศษ สิทธิที่จะได้เป็นหนึ่งในเผ่าเทวา!
ดยุกวัยกลางคนทรุดลงกับพื้นแทบจะในทันที ท-ทำไมอลิซจึงได้รับความรักจากเหล่าเทวาล่ะ? เผ่าเทวานั้นอยู่บนสรวงสวรรค์เท่านั้น...
จู่ๆความทรงจำที่ลูกสาวตนเองนั้นได้โดดน้ำตายก็ฟื้นขึ้นมา ในคราที่ได้ร่างของนางมา ก็ถูกวินิจฉัยว่านางได้จากโลกนี้ไปแล้ว เขาเสียใจมาก และวางร่างของนางทิ้งไว้ในห้องนอน ในระหว่างนั้นก็พยายามหาตัวนักเวทย์น้ำแข็งมาแช่แข็งร่างของนางเอาไว้ ในตอนนั้น จู่ๆนางก็ฟื้นขึ้นมาอย่างปฏิหาริย์!...อย่าบอกนะว่า นางได้จากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ แล้วนางก็ไปขึ้นสวรรค์ เดาได้ว่าเผ่าเทวาคงชอบใจ และรักในตัวนาง จึงประทานให้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง...อีกทั้งยังประทานปีกให้นางด้วยกระมั้ง...
คิดแล้วน้ำตาก็หลั่งไหลออกมา ขอบคุณเหล่าเทวาจริงๆ นึกว่าเป็นเพราะปฏิหาริย์ที่ทำให้นางกลับมา แท้จริงแล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือเผ่าเทวาต่างหาก...
วิลเลี่ยมมองบิดาของร่างนี้อย่างตกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร้องออกมา ยิ่งกับชายคนนี้ที่มีศักดิ์เป็นบิดาของเขาในโลกปัจจุบันนี้...มันทำให้เขากังวลว่าตนทำอะไรผิด?
ดยุกวินเซ้นต์ร้องไห้ไปได้ไม่นานก็โอดครวญเพราะอาการปวดท้อง นี่ผ่านมาสองวันแล้ว เหตุใดอาการปวดมันจึงมิลดลงเลยแม้แต่น้อย?!
จาร์เวียพยุงนายเหนือหัวของตนเดินเดินไปยังห้องนอน โดยทิ้งท้ายให้เหล่าเมดเลิกสอดส่องปีกของวิลเลี่ยมเสียทีเพราะมันช่างไร้มารยาท
เมดทั้งหลายเดินไปทำงานของตนเอง แต่ก็ยังแอบส่องปีกโปร่งแสงของวิลเลี่ยมเป็นระยะๆ
วิลเลี่ยมที่เห็นอาการของดยุกวินเซ้นต์ก็รู้สึกไม่สบายใจ ที่อีกฝ่ายร้องให้เพราะปวดท้องรึเปล่านะ? สงสัยอาการจะรุนแรงมาก...
คิดแล้วก็ไปหาหนังสือปรุงยาที่เกี่ยวกับการรักษาเฉพาะส่วน แม้นในความจริงอีกฝ่ายจะไม่ใช่พ่อแท้ๆของเขา แต่เป็นพ่อของร่างของมิสอควาเรียส อีกทั้งยังมีบุญคุณกับเขามาก อย่างไรก็ต้องหาทางช่วย
เขาเดินไปยังห้องใต้ดิน ในมือหอบหนังสือปกหนังเล่มหนาปึกไปด้วย
เขาเปิดไล่หาทีละสูตรทีละสูตร แล้วก็หาอาการเจอ
แต่เจ้าต้นไม้ปรากฎตัวขึ้นมาซะก่อน วิลเลี่ยมหันขวับไปหามันทันที
"อย่าได้ทำอะไรโดยพลการ!"
"กีกี!"
มันร้องออกมา ดูเหมือนมันพยายามจะเถียงเขาอยู่ วิลเลี่ยมพ่นลมออกทางจมูก เขาไล่ดูสูตรปรุงยา แต่สวนผสมนั้นมีมิพอ ทั้งเขายังมิแน่ใจด้วยว่ามันสามารถแก้อาการของดยุกวินเซ้นต์ได้อย่างตรงจุดหรือไม่..สุดท้ายแล้วเขาก็พึมพำบทสวดเบาๆเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเอง
"ข้าขอถามเจ้าได้หรือไม่ เจ้ารู้วิธีแก้อาการปวดท้องของบิดาข้ารึเปล่า?"
เจ้าต้นไม้เอียงดอกของมันก่อนที่มันจะหายตัวไป วิลเลี่ยมไม่เข้าใจว่ามันจะทำอะไร..
มันแอบเข้าไปในห้องนอนของดยุกวินเซ้นต์ที่มีจาร์เวียคอยดูแลมิห่าง พ่อบ้านวัยกลางคนหาผ้ามาคอยซับเหงื่อให้นายของตน
"ข้าบอกท่านแล้วใช่หรือไม่! ว่าไม่ควรกินไวน์ นม น้ำผลไม้ เหล้า วิสกี้ รวมกัน! ทั้งยังกินช็อกโกแลตเข้าไปอีกทั้งๆที่ท่านกินมันทีไรก็อาเจียนทุกที! อีกทั้งก่อนหน้าจะจัดงานเลี้ยงท่านก็ผโหมงานมิหลับมินอน! สมควรแล้วที่จะอาการรุนแรงแบบนี้ บอกให้พักก็ไม่ฟัง!"
จากตอนแรกๆที่พูดสุภาพ ก็เริ่มเปลี่ยนมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดยุกวินเซ้นต์หน้าเหยเกเพราะความเจ็บ
"จาร์จาร์! ก็ข้าดีใจนี่ที่ลูกสาวข้ากลับม-"
แปะ!
จาร์เวียเอาผ้าที่ชุบน้ำแต่ยังไม่ได้บิดน้ำออกแปะไปที่ใบหน้าเจ้านายของตนอย่างมิเกรงกลัว
"เลิกเถียงกระผมเสียที ต่อไปนี้ท่านต้องทำตามตารางสุขภาพที่กระผมเขียนไว้ ไม่งั้นกระผมจะมิปล่อยให้ท่านไปหาคุณหนูอลิซอีก! เรื่องแบบนี้มันเกิดมาหลายครั้งแล้วนะท่าน! ครั้งนี้กระผมจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว!"
พ่อบ้านวัยกลางคนลุกขึ้นแล้วไปหยิบตาราง ที่เขียนเวลาทำงาน เวลากิน นอน พักผ่อน แล้วเจอบุตร มาให้นายของตน พร้อมกับบ่นใส่จนอีกฝ่ายหูชา ตอนนี้ทั้งคู่มิเหมือนเจ้านายกับลูกน้องแต่เหมือนเป็นพ่อกับลูกเสียมากกว่า ดยุกวัยกลางคนทำหน้ามุ่ยแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหวังว่าเสียงบ่นของพ่อบ้านจะเบาลงสักหน่อย
เจ้าต้นไม้ที่เกาะอยู่ตรงหน้าต่าง จดจำทุกบทสนทนา มันรู้แล้วว่าบิดาของมารดาเป็นอันใด คงเพราะกินเครื่องดื่มมึนเมาของมนุษย์เข้าไปมากสอนะ ทั้งยังมีอาหารบางอย่างที่เป็นพอษกับร่างกายเฉพาะของตนเองด้วยมันยืดรากเล็กๆออกไป รากอันนั้นหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการชาออกมาเพียงแค่สัมผัส จากนั้นก็ใช้รากแทงเข้าไปในขาข้างหนึ่งของดยุกวินเซ้นแล้วเก็บเลือดมาด้วย
มันรีบกลับไปหามารดาของมันที่ห้องใต้ดินทันที
"กีกี!"
มันร้องแล้วยืดแขนไปพันขวดแก้วมา รากที่มันใช้ดูดเลือดของดยุกวินเซ้นสอดเข้าไปในขวดแล้วปล่อยเลือดของดยุกวินเซ้นต์ให้ไหลเข้าไป1/5ของขวด
"นี่เจ้าเอาอะไรมาน่ะ? เดี๋ยวนะ..กลิ่นแบบนี้มัน.."
วิลเลี่ยมขมวดคิ้วแน่น มันคือกลิ่นคาวเลือดของมนุษย์ ตอนที่เขายังเป็นทหารเขาได้ทำการสังหารชีวิตไปมากมาย กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั้วบริเวณ แม้นผ่านมานานแล้ว หรือกระทั่งเปลี่ยนร่าง กลิ่นนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในสมองเขาอย่างมิอาจลืมเลือน
"เจ้าไปทำอะไรมา? ทำร้ายใครรึเปล่า?"
วิลเลี่ยมหรี่ตามองมัน มันส่ายดอกของมัน
"กี! กีกีกีกีกีกีกีกี๋!"
มันร้องออกมาราวกับกำลังอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น วิลเลี่ยมแม้นจะมิเข้าใจสิ่งที่มันสื่อแต่ก็รับฟัง
"เจ้าจะทำอะไร อย่างน้อยช่วยบอกข้าได้รึไม่?"
มันยืดมือใบมีดไปชี้คำในหนังสือ 'โพชั่น. รักษา. อาการ. ปวดท้อง.'
วิลเลี่ยมมองมัน
"ไม่อันตราย? ไม่ส่งผลลัพธ์ที่แปลกประหลาด?"
มันพยักดอกของมัน วิลเลี่ยมหลีกทางให้มัน ถึงจะรู้สึกระแวงโพชั่นที่มันทำว่าจะเกิดผลลัพธ์อะไรพิสดารหรือไม่ แต่เขายังมีความสามารถในด้านของหารปรุงยาไม่มากพอที่จะลองปรุง อย่างมากก็แค่ระดับกลางเท่านั้น ยังคงสู้มันไม่ได้แม้เพียงนิ้วก้อย อย่างไรก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมัน
เจ้าต้นไม้เทโพชั่นที่วิลเลี่ยมยังปรุงไม่เสร็จทิ้ง แล้วไปหาน้ำมาใส่หมอ ก่อนจะใส่ส่วนผสมเพื่อปรุงยาอย่างคล่องแคล่วว่องไว ในตอนที่รากของมันดูดเลือดของดยุกวินเซ้นต์มา ในตอนนั้นระบบประสาททั่วลำต้นมันได้วิเคราะห์ผลของอาการปวดท้องของดยุกวินเซ้นได้อย่างเรียบร้อย ลำต้นมันหลั่งสารที่เปลี่ยนให้เลือดนั้นเป็นส่วนผสมเฉพาะบุคคล ที่จะรักษาอาการเฉพาะของตัวเจ้าของเลือดเท่านั้น
เมื่อใส่ส่วนผสมทั้งหมดก็หยดเลือดลงไปหนึ่งหยดแล้วคนโพชั่น
มันกลายเป็นสีชมพูประกายแสง เจ้าต้นไม้หาขวดมาใส่โพชั่นแล้วยื่นไปให้วิลเลี่ยม เขารับมันมา
"เสร็จแล้วหรอ?"
มันพยักหน้าวิลเลี่ยมวิ่งไปหาดยุกวินเซ้นพ์เพื่อไปยื่นโพชั่นให้
"ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ?"
เมื่อพ่อบ้านได้ยินเสียง ก็รีบไปเปิดประตูทันที ในตอนแรกนั้นเขาทำหน้าบูดบึ้งเพราะเทศนาเจ้านายของตนอยู่ แต่เมื่อคุณหนูเข้ามาก็ทำหน้าเรียบร้อยตามปกติ
"ข้านำโพชั่นมาให้ค่ะ หวังว่าท่านพ่อกินแล้วจะหายจากอาการปวดท้อง"
วิลเลี่ยมยื่นขวดโพชั่นให้พ่อบ้าน จาร์เวียรับโพชั่นมาอย่างนอบน้อม
"ขอตัวก่อนนะคะ"
วิลเลี่ยมเดินออกไปเพราะไม่อยากรบกวน ก็หวังว่าจะได้ผล
ทันทีที่เด็กสาวออกไป จาร์เวียก็หันมายิ้มเหี้ยม
"ข้าไม่ชอบโพชั่น ไม่เอาโพชั่น มันขม!"
ดยุกวัยกลางคนปฏิเสธโพชั่นแทบจะในทันที แต่ไหนแต่ไร เขาก็เกลียดการกินโพชั่นเป็นที่สุด!
"หวานเป็นลมขมเป็นยานะขอรับ มานี่!!"
จาร์เวียขึ้นไปบนเตียงแล้วง้างปากเจ้านายของตนเองออกเพื่อที่จะจับกรอกยา
"กรี๊ด?!!! ไม่อ๊าววว!! ม่าย!!!!!!"
เสียงตะโกนของเขาดังกังวาลไปทั่วคฤหาสต์
วิลเลี่ยมชะงัก แต่ก็คิดแค่ว่าคงหูฝาดไปกระมั้ง อยากออกไปนั่งอ่านหนังสือในป่าหมื่นพฤกษาเสียจริง...แต่เห็นทีคงจะเป็นไปมิได้ ในเมื่อตอนนี้เขามีปีกอยู่นี่นา
เขาเดินออกจากคฤหาสต์แล้วไปตรงสวน คฤหาสต์ที่นี่อยู่ไกลจากตลาด คงมิมีใครเดินมาเห็นเขาพอดีหรอกมั้ง?
วิลเลี่ยมเริ่มสวดภาวนาด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมใต้ต้นไม้ แต่ต้นไม้นั้นมีร่มเงา ทำให้เห็นปีกของเขาได้ชัดเจน ในเวลานั้นเอง ฟรานซิสส์ก็วิ่งมา ตั้งแต่วันแรกที่นางได้มาบ้านของสตรีที่นางเคารพรัก นางก็จดจำเส้นทางได้ทั้งหมด วันนี้นางมีของไปถวายท่านอลิซด้วย! หวังว่าท่านอลิซคงจะพอใจนะ!
นางเดินไปเคาะประตูคฤหาสต์ เมื่อเหล่าเมดเปิดรับ นางก็ถามทันทีว่าท่านอลิซที่เคารพรักของนางอยู่แห่งหนใด เหล่าเมดทำท่าทีเลิกลั่ก ไม่คิดว่าจะมีแขกมาเยี่ยมคุณหนูอย่างกระทันหัน แต่ก่อนที่จะได้เอื้อนเอ่ยอะไร ฟรานซิสส์ก็มองไปยังหน้าต่างบนหลงสุด นางเห็นเส้นผมสีครีมอยู่ตรงนั้น มิผิดแน่ ท่านอลิซอยู่ตรงนั้น! มิรอช้านางรีบวิ่งไปทันที นางกอดของถวายไว้ในอ้อมอกแน่น
แต่เมื่อไปเจอ ท่านอลิซที่นางเคารพรัก..นางก็เบิกตากว้าง ตัวสั่นระริก ท่านอลิซมีปีก!?? แล้วทำไมท่านอลิซถึงมีใบหน้าที่งดงามมากขึ้น?!!! พระบิดา?!!
"พระบิดาทรงโปรด?!!!"
นางตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนวิลเลี่ยมที่ง่วนอยู่กับการสวดเงยหน้าขึ้นไปมองนาง...
--------
กลับมาแย้วรีดที่รัก >^< คิดถึงจังเลย ตอนนี้ไรท์คิดว่าจะทำตอนพิเศษวาเลนไทน์ดีไหมน๊า? หรือไม่ทำดี ฮาาา แต่ถ้าทำ ผมจะเปิดให้อ่านเฉพาะวันวาเลนไทน์จนถึงวันศุกร์นะฮะ ถ้าจะอ่านอีกคงต้องเสียตัง(?)ดีรึเปล่าเนี่ย? เอาเป็นว่า ตามนั้นฮะ!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟรานซิสจะสติแตกมั้ย 5555
อ๊ายยยยย!!!อิจฉา555+
ไรท์น่าจะหาทางทำให้วิลจังสื่อสารกับต้นไม้ได้หน่อยน่ะ
สงสารจัง^ ^
ของเดิมนางก็อาการหนักแล้ว นี่มีปีกให้เห็น
กู่ไม่กลับแล้ว