หลังจากนั้นวิลเลี่ยมก็เสวนากับเดธ และถามเรื่องราวต่างๆที่เขายังไม่รู้หรือไม่เข้าใจในระหว่างที่อ่านหนังสือไปด้วย หนังสือที่เขาอ่านจบเริ่มกองรอบตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะวิลเลี่ยมผ่านการอ่านหนังสือมานับไม้ถ้วนความเร็วในการอ่านของเขาจึงรวดเร็วกว่าคนปกติอยู่มาก
เขานั้นปรับความเข้าใจของตนเองในระหว่างที่อ่านหนังสือไปด้วย ในที่แห่งนี้เขาจะใช้ความรู้และคติตอนที่เขายังเป็นบาทหลวงมิได้ หรือก็คือเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามละมั้ง? การอ่านหนังสือทำให้เขาเข้าใจเรื่องต่างๆมากขึ้นและเปิดรับมันเข้ามา แม้จะเป็นเรื่องเวทมนต์ ดาราศาสตร์ อักษรรูน และการปรุงยา เขาเลือกอ่านแต่หมวดหมู่ที่เขาสนใจเท่านั้น ถึงแม้จะยังเข้าใจอยู่ในระดับพื้นฐานก็ตาม เขาพบว่าการปรุงยาของที่นี่นั้นก็แค่ใช้ไฟ และสมุนไพรต่างๆมาผสมกันเท่านั้นเอง มิต่างจากการทำยาสมุนไพรมากเท่าไหร่นัก ซึ่งแตกต่างจากเรื่องเล่าที่ว่าการปรุงยาของพวกแม่มดหรือพวกสาวกซาตานอะไรนั่นไปไกลโขเลยทีเดียว ยิ่งอ่านเขาก็เริ่มสนใจมากขึ้น เพราะในหนังสือนั้นระบุไว้ว่าผู้ปรุงยานั้นก็เหมือนกับหมอและผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นคือสิ่งที่เขาปรารถนาจะมาเป็นตั้งแต่เด็ก โชคร้ายที่บิดาคนก่อนของเขาอยากให้เขาเป็นทหารจึงปิดกั้นมิให้เขาเรียนเรื่องนี้โดยเด็ดขาด....
หลังจากอ่านจบเขาก็ไปอ่านหมวดหมู่ประวัติศาสตร์ และข้อมูลต่างๆไปด้วย จบที่หนังสือเกี่ยวกับศาสนาของที่นี่ ซึ่งเขาก็พบว่ามันมิแตกต่างจากเขามากนัก และ แม่ชีหรือบาทหลวงสามารถแต่งงานและมีลูกได้....ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ประหลาดและแปลกใหม่สำหรับเขามากเลยทีเดียว พออ่านจบเขาก็จัดการเรียงหนังสือเข้าที่เดิม
เดธมองสตรีร่างบางด้วยดวงตาทอประกาย อ่าช่างน่าสนใจ วิญญาณนี้ถึงแม้ตนจะมาอยู่ในต่างโลกแต่กลับสุขุมและเยือกเย็นนัก แทบจะไม่แสดงอาการทางอารมณ์ออกมาให้ผู้ใดเห็นเลย การที่อีกฝ่ายมีสติตลอดเวลายิ่งทำให้เขาสนใจเกี่ยวกับตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก
วิลเลี่ยมถอนหายใจเมื่อเก็บหนังสือทั้งหมดครบแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจความเป็นมาและเรื่องวัฒนธรรมของที่นี่แล้วถึงแม้จะไม่เต็มร้อยก็เถอะนะแต่เขาก็โละคติเก่าๆเกี่ยวกับเรื่องมนต์ดำปีศาจ เวทมนต์อะไรพวกนี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาระแวงคือตัวเทพแห่งความตายที่กำลังจ้องมาที่เขาด้วยสายตาอันน่าขนลุกขนพอง....
"มีอะไร?"
เขาเอ่ยถามเดธอย่างสงสัย อีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรแต่ยังคงจ้องมาทางเขาด้วยสายตาอันน่าขนลุกเช่นเดิม ครานี้วิลเลี่ยมไม่ทักท้วงอะไรอีกต่อไป เพราะต่อให้ถามอีกเจ้าตัวก็ต้องส่ายหน้าให้เขาอีกเป็นแน่
เขาเดินออกจากห้องสมุดไปก็พบกับเมดพอดี โชคดีที่เดธนั้นหายตัวไปจากห้องสมุดได้ก่อนที่เมดจะเห็นตัวเขา
"คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเรียกคุณหนูไปรับประทานข้าว เชิญตามข้ามาเลยเจ้าค่ะ"
นางพูดเสียงนุ่มแล้วเดินนำไป วิลเลี่ยมเดินตามอีกฝ่ายทันทีและสอดส่องทางไปด้วย ตอนนี้เขารู้ทางไปแล้วสามห้องคือห้องรับประทานอาหาร ห้องสมุด และห้องของอลิซ อควาเรียส
"มาแล้วหรอลูก? กินเยอะๆเลยนะ พ่อเตรียมของโปรดของลูกไว้ทั้งนั้นเลย"
ถึงแม้วินเซ้นต์จะรู้ว่าความจำของลูกสาวนั้นเสื่อมแต่เขาคิดว่าความชอบในอาหารของนางจะยังไม่เปลี่ยนไปหรอกนะ
วิลเลี่ยมมองอาหารตรงหน้า ซึ่งเมนูส่วนใหญ่จะเป็นขนมหวานและเนื้อ....แต่เขานั้นมิใคร่ชอบขนมหวานมากนักอย่างมากก็ชอบขนมปัง และเขาเองก็มิค่อยจะอยากกินเนื้อสัตว์โดยปกติอยู่แล้วไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เขาไม่ชอบกินมันของสัตว์ มันให้รสชาติที่เลี่ยนมากจนเขาแทบจะสำรอกออกมา แต่ทุกคนในครอบครัวและเพื่อนของเขากลับชอบมันมิรู้ว่าทำไม และอาหารที่อยู่บนโต๊ะซึ่งเป็นเมนูเนื้อจะติดมันอยู่ด้วยแทบจะทุกจานน่ะสิ!
คิ้วของเขากระตุกเบาๆ ก่อนที่เขาจะนั่งลงอย่างสำรวม เขานั่งรอเพื่อให้ผู้เป็นพ่อของร่างนี้รับประทานอาหารก่อน และดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้จึงรับประทานอาหารก่อนทันที
"ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานพรแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และแก่อาหารที่จะรับประทานนี้ เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตรับใช้พระองค์และเพื่อนมนุษย์ อาเมน"
วิลเลี่ยมสวดบทก่อนรับประทานอาหารแล้วจึงทานตาม แม้ไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับใครมานานแล้วแต่เขายังคงจำมารยาทที่พึงกระทำบนโต๊ะอาหารได้อย่างครบถ้วน
ในระหว่างที่ดยุกวินเซ้นต์กินเขาก็จับตามองบุตรสาวของตนเองไปด้วยเขาสังเกตุว่าบุตรสาวของตนนั้นไม่ได้แตะต้องอาหารมากนักแถมยังพูดพึมพำอะไรสักอย่างที่เขามิเข้าใจอีกด้วย นางจะเลือกกินแต่ขนมปังเปล่าๆจืดๆไร้รสชาติส่วนอาหารจานเนื้อนั้น นางจะตัดกินแต่จานที่เป็นพวกเนื้อแห้งทั้งๆที่ปกตินางชอบขาหมูมาก แต่ตอนนี้นางกลับเลี่ยงที่จะกินมัน? ราวกับว่าเด็กสาวตรงหน้าของตนเองนั้นมิใช่ลูกสาวของเขาเลย ทั้งลักษณะนิสัยและความชอบที่แตกต่างไปจากเดิมนั่นอีก....แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่า นางสูญเสียความทรงจำของตนเองไปแล้ว บางทีรสนิยมความชอบของนางเองก็คงจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกันกระมั้ง?
"ลูกดูกินน้อยนะ...งั้นลูกอยากกินอะไรล่ะคราวหน้าพ่อจะได้จัดอาหารได้ถูก"
วิลเลี่ยมครุ่นคิดสักพัก เขาชอบซุปมะเขือเทศ และสตูว์ใส่มันฝรั่งเยอะๆ รวมถึงซุปเห็ดด้วย ทำให้นึกถึงตอนที่เขายังอยู่ที่โบสถ์ เขาจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่มีคนมาขโมยมันฝรั่งและมะเขือเทศของเขาไป เขาปลูกผักไว้ตั้งเยอะทำไมต้องมาขโมยของโปรดเขาด้วย?
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนนิ่งเงียบไปนานจนผิดปกติวินเซ้นจึงเรียกนาง
"อลิซ?"
"ซุปมะเขือเทศและสตูว์ใส่มันฝรั่งเยอะๆ ค-ค่ะท่านพ่อ"
วิลเลี่ยมที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนนั้นระลึกถึงเรื่องอดีตนานเกินไปรีบตอบทันที เขารู้สึกแปลกๆในการพูดคำว่าคะ ค่ะ แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็จะชินเอ ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วแน่น นางความจำเสื่อมก็จริงแต่เท่าที่จำได้ในวัยเด็กนางเกลียดผักเอามากๆ ยิ่งมะเขือเทศไม่ต้องพูดถึงเลย แต่พอเวลานี้นางกลับต้องการกินซุปมะเขือเทศ? อ่า แต่ก็ดีไปอีกแบบล่ะนะ บุตรสาวของเขาจะได้กินอะไรที่มากกว่าเนื้อและขนมเสียบ้าง
สักพักหนึ่งวิลเลี่ยมก็ขอตัวและลุกออกไปจากโต๊ะอาหารโดยไม่ลืมสวดบทหลังกินอาหารก่อนที่จะลุก ไม่ไหวๆแค่กลิ่นของไขมันก็ทำเขาอยากจะอาเจียน เขาล่ะเกลียดอาหารที่มีไขมันสัตว์จริงๆเลย...
เขาพอจะจำทางได้บ้างจึงเดินกลับไปที่ห้องสมุด ระหว่างนี้คงต้องศึกษาหาความรู้อีกเยอะล่ะนะ?
เขาอ่านหนังสือไปเรื่อยๆก็พบว่า คนที่นี่นั้นจะมีปานอยู่ที่มือข้างซ้าย ซึ่งปานจะเป็นสัญลักษณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่วัดธาตุตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ แต่พอวิลเลี่ยมมองไปที่มือข้างซ้ายก็ไม่พบอะไรเลย....เขาจึงอ่านไปเรื่อยๆเพื่อหาเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีปานหรือว่าสตรีผู้นี้มิได้ไปวัดธาตุกัน?
พออ่านไปเรื่อยๆจึงพบว่าผู้ที่ไม่มีปานคือผู้ไร้ธาตุนั่นเองหรือผู้ที่มิสามารถใช้เวทมนต์ได้เลย...เมื่อรู้ดังนั้นวิลเลี่ยมก็นึกสงสารอลิซ อควาเรียสอยู่ในใจที่นางเกิดมามิมีธาตุ...
แต่หาใช่ว่าไม่มีเวทมนต์จะเลวร้ายเสมอไปล่ะนะ ไม่มีก็ไม่ได้หมายความว่าตัวตนของอลิซ อควาเรียสจะด้อยค่าลงเลยสักนิด อีกอย่างการมิมีเวทมนต์มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนปกติธรรมดา ซึ่งน่นมันก็ดีแล้วด้วย...เขาชอบแบบนี้มากกว่าเยอะเลย....
จากนั้นเขาก็อ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
คิดว่าแบบนี้เป็นไง
"คุณหนู นายท่านรออยู่ที่ห้องรับประทานอาหารแล้ว เชิญคุณหนูทางนี้เจ้าค่ะ"
เหมือนว่าเป็นปกติอยู่แลวอ่ะ เพราะมีเพื่อนนับถือคริสต์เคยบอก ตอนอ่านเลยรุ้สึกขัดไปหน่อย
ปล.จะรออ่านนะ สู้ๆ
ถ้าเราเป็นเทพคนนั้นจิงๆเราก็จะทำพันธะสันยานะอยู่มาตั้งหลายปีนานๆทีเจอของแปลกก็ต้องสนใจมากๆสิ
555 เดธไม่คิดเลยนะ
อย่างเรื่องย้ายมาร่างเพศหญิง ก่อนหน้านี้อยู่ในร่างผช. ดังนั้นต้องมีความคิดที่ว่ารักเพศเดียวกันคือเรื่องต้องห้ามแน่นอน พอมาเป็นผญ.จะมองเพศชายก็คงตะหงิดใจ เพราะในใจเป็นชาย แต่จะมองเพศหญิง ร่างก็ดันเป็นหญิงอีก
และเขานับถือเทพแค่องค์เดียวคือพระเจ้า การที่อันเชิญมาแบบนี้ ก็เป็นที่รู้ๆกันว่าเป็นสาวกซาตาน น่าแปลกใจที่ตัวเองดูไม่สนใจเรื่องขัดแย้งนี้
เพราะเรื่องแนวนี้ ต้องลงแนว รักแฟนตาซี
น่าจะมีคนอ่านเยอะกว่านี้ เพราะผมที่มาหา
อ่านแนวแฟนตาซีบู้ๆ บังเอิญเจอเข้าก็คงหา
ไม่เจอเลย