เช้าวันต่อมาคือวันจันทร์ วิลเลี่ยมทำธุระในตอนเช้าเสร็จก็ไปโรงเรียนทันที วันนี้เองก็มิมีอะไรแตกต่างไปจากเดิมเสียเท่าไหร่ เขาได้ข่าวมาว่าการสอบนั้นจะสอบในอาทิตย์หน้า โดยให้สอบด้านวิชาการก่อนที่จะไปสอบเอาชีวิตรอดในป่า....วิลเลี่ยมนั่งถอนหายใจ ให้ตายสิเขาเรียนวิชายังไม่ครบเลยด้วยซ้ำ เพื่อนที่พึ่งได้ก็มิได้สนใจเรียน...แล้วทีนี้เขาจะทำอย่างไรดีล่ะเนี่ย?....
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนพักกลางวัน วิลเลี่ยมเดินไปโรงอาหารแล้วซื้อขนมปังมากินหนึ่งก้อน เดธวิ่งมาหาเขาพลางเอียงคอน้อยๆ
“เป็นอะไรไปงั้นหรือ? เจ้าดูซึมๆนะ”
“มิได้เป็นอะไร ข้าเพียงแค่กังวลเกี่ยวกับการสอบที่จะมาถึงเท่านั้น..”
“งั้นหรือ?....ไม่เป็นไรนะ ถ้าตกข้าก็จะตกเป็นเพื่อนเจ้า ฮิๆ”
เดธหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่วิลเลี่ยมมิได้เป็นเช่นนั้น
“ขอเวลาส่วนตัวได้ไหม?”
“ได้ๆ เจอกันตอนเย็นนะ”
เดธเดินจากไปทันที ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าต้องการเวลาส่วนตัวเขาก็จะไป ไม่งั้นล่ะก็อาจจะมีการตายกันเกิดขึ้น
วิลเลี่ยมนวดขมับของตัวเองแล้วเดินไปสวนน้ำชา เขาทิ้งตัวนั่งพิงข้างๆต้นไม้ เขามิอยากจะสอบตกหรอกนะ...
ในระหว่างที่วิลเลี่ยมนั่งพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยใจ เด็กหนุ่มที่เขาเจอในร้านหนังสือเมื่อวานก็เดินมานั่งข้างหน้าเขา
“หืม?..เจ้า...เป็นนักเรียนโรงเรียนนี้หรือ”
วิลเลี่ยมมองเด็กหนุ่มผมดำก่อนจะหยุดคิดสักพัก....แล้วเขาก็จำได้ว่านี่คือเด็กหนุ่มที่เขาเจอเมื่อวานนี่เอง อีกฝ่ายใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนนี้แต่ที่แตกต่างคือมันเป็นชุดสีขาวมุกและมีขอบสีทอง โดยมีเข็มกลัดรูปตัวSติดอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อ อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆ วิลเลี่ยมขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิดอย่างสงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงใส่ชุดแตกต่างจากคนอื่นๆแต่ก็มิใคร่ใส่ใจนัก
“มีอะไรงั้นหรือ?”
“อื้อ อ่า อื้อ อื้มม”
เด็กหนุ่มทำภาษามือในขณะที่ส่งเสียงร้องประกอบไปด้วย แปลได้ว่า
‘ข้าแค่สงสัยว่าเจ้าเป็นอะไรเท่านั้นเอง’
“ข้ากังวลน่ะ การสอบที่จะมาถึงนี้...ข้าไม่ได้เรียนตั้งหลายวิชา ข้ากลัวว่าตัวเองจะตกเหลือเกิน…ข้าอยู่ห้องFจึงเรียนน้อยกว่าคนอื่นน่ะ”
วิลเลี่ยมตอบกลับแทบจะในทันที เขารู้สึกว่าบุรุษตรงหน้ากับเขานั้นเข้าใจกันและกันได้ เด็กหนุ่มทำภาษามือว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าช่วย แล้วเขาก็เดินลับไป...ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกองหนังสือมากมายมันคือสมุดการบ้านและหนังสือเกี่ยวกับวิชานั้นๆ เด็กหนุ่มทำภาษามือ
‘หวังว่านี่จะช่วยเจ้าได้ ข้าก็มิแน่ใจว่าห้องFไม่ได้เรียนวิชาใดบ้าง...’
“ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าด้วย...เรายังรู้จักกันมิถึงอาทิตย์เลยนะ...มิสเตอร์โรยัลลิตี้”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วหยิบนามบัตรของตนออกมา เขาชี้ไปยังคำว่าสตีเฟ่น
“ให้ข้าเรียกเจ้าว่าสตีเฟ่นงั้นหรือ?”
สตีเฟ่นพยักหน้าเบาๆก่อนจะทำภาษามือ
‘ข้าแค่อยากช่วยเจ้าแบบมิมีเหตุผล เจ้าให้กลิ่นอายเหมือนเพื่อนเก่าของข้า’
วิลเลี่ยมพยักหน้าอย่างเข้าใจแม้เหตุผลนั้นจะฟังดูมิขึ้นเท่าไหร่เลยก็ตามก่อนที่จะหยิบหนังสือมาอ่าน...ดวงตาของเขาเบิกโพล่งขึ้นมา เพราะหนังสือพวกนี้นั้นมีลายมือเขียนขึ้นมาล้วนๆเลยแถมยังเขียนสรุปอย่างละเอียดถีถ้วนอีกต่างหาก ลายนั้นประณีตงดงามง่ายต่อการอ่านบ่งบอกถึงความเอาใจใส่สุดๆ....
‘ทั้งหมดนั้นข้าเขียนขึ้นมาเอง...ข้าเป็นคนเข้าใจยากจึงเขียนสรุปไว้อ่านแบบง่ายๆน่ะ...หรือเจ้ามิเข้าใจ?’
วิลเลี่ยมส่ายหน้ารัวๆ เขียนสรุปละเอียดยิบเสียขนาดนี้ ใครเล่าจะมิเข้าใจแต่ว่า...อีกฝ่ายแน่ใจแล้วหรือที่จะให้เขายืมมัน...
"เจ้าแน่ใจหรือที่จะให้ข้ายืมมัน"
สตีเฟ่นพยักหน้า. วิลเลี่ยมมองอีกฝ่ายอย่างซึ้งใจเล็กน้อย ไม่รู้สิเขารู้สึกซึ้งที่อีกฝ่ายใส่ใจกับบุคคลที่ตนรู้จักเพียงแค่หนึ่งวันถึงเพียงนี้เลยหรือ? คนแบบนี้หายากนะ..
"ขอบคุณมาก. เจ้าได้ช่วยข้าไว้แล้วนะ...เรียกข้า วิ- อลิซ"
วิลเลี่ยมเกือบหลุดชื่อของตนเองไปแต่เขาไหวตัวทันจึงรีบเปลี่ยนคำพูด สตีเฟ่นพยักหน้าก่อนจะทำท่าทางภาษามือ
'ได้เวลาไปแล้วขอตัว'
แล้วเด็กหนุ่มก็เดินหายลับไป วิลเลี่ยมมองกองหนังสือมากมายที่กองอยู่...เขาจะหอบไปอย่างไรกัน? ในขณะนั้นเองผู้คนที่เฝ้ามองวิลเลี่ยมมาตั้งแต่แรกได้ซุบซิบกัน ให้ตายเถอะข่าวเรื่องงูยังมิทันหายไปเสียเท่าไหร่ เรื่องที่ 'อลิซสนิทสนมกับนักเรียนผู้มากพรสวรรค์จากห้องS สตีเฟ่น โรยัลลิตี้' ก็โผล่มาเสียแล้ว! เอ๊ะจะว่าไปแล้ว มิใช่ว่าอลิซคบกับเด็กใหม่อยู่งั้นหรือ. แต่ความสนิทสนมขนาดให้หนังสือกันและกันของนางกับเด็กห้องพิเศษคืออะไรกัน?อย่างนี้มันต้องสืบ!
ข่าวเรื่องนี้แผ่จะกระจายไปรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก. ตอนนี้ทุกคนกำลังลือกันไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟรานซิสส์ที่ได้ข่าวก็วิ่งแจ้นไปบอกกับวิลเลี่ยมโดยทันที วิลเลี่ยมเกาหัวแกรกๆอย่างมิเข้าใจ สังคมที่นี่แค่ให้หนังสือกันก็เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เชียว? ไหนจะเรื่องที่เขาคบกับเดธอีก เขาไปคบกับอีกฝ่ายตอนไหนกัน...ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้แพร่กระจายไปทั่วเลยล่ะ..
วิลเลี่ยมเรียนต่อไปโดยมิได้ใส่ใจกับข่าวพวกนั้นนัก. ก็มันมิใช่เรื่องจริงนี่อีกอย่างตอนนี้เขาควรจะตั้งใจอ่านหนังสือแล้วไปสอนให้กับคนอื่นๆในชั้น จะว่าไปแล้วนักเรียนที่กระจายข่าวนั้นว่างมากหรือไร? อาทิตย์หน้าก็จะสอบอยู่แล้ว เหตุใดจึงมีเวลามาทำอะไรไร้สาระเช่นนี้อีก?
เมื่อถึงตอนเย็นนักเรียนก็ทยอยกันกลับบ้านวิลเลี่ยมเองก็เช่นกันเขาหอบกองหนังสือมากมายไปยังรถม้าโดยมีฟรานซิสส์และคนอื่นๆอาสาช่วย พอถึงบ้านเขาก็ไปเปลี่ยนเสื้อแล้วฝึกดาบกับธนู เดธโผล่มาข้างหลังของวิลเลี่ยม
"จ๊ะเอ๋!"
"ข้ามิตกใจหรอกนะ มีอะไรงั้นหรือ?"
"เจ้ารู้เรื่องข่าวพวกนั้นยัง ข้าได้ยินมา และตอนนี้ข้าเองก็สงสัยมากเลยว่าข้ากับเจ้าไปคบกันตอนไหน?"
"ข้าก็มิรู้ พวกเราเป็นแค่สหายกัน จริงไหม? มีอะไรที่ทำให้พวกเราดูเหมือนคู่รักกันล่ะ?"
ทั้งคู่ลูบคางของตนเอง อะไรที่ทำให้พวกเขาดูเหมือนคู่รักกัน? พวกเขาทั้งสองต่างเป็นสหายกันเท่านั้นมิได้มีอะไรเกินเลยไปขนาดนั้นเสียหน่อย..
"สงสัยพวกเขาคงจะว่างมากแถมยังมีความคิดในเรื่องนั้นเต็มหัวไปหมดเลยกระมั้ง จึงเห็นมิตรภาพของพวกเราเป็นคู่รัก"
เดธเสนอแง่คิดนี้ขึ้นมา
"เรื่องนั้น? เรื่องความรักงั้นหรือ? น่าจะเป็นเช่นนั้น"
วิลเลี่ยมเริ่มคิดตามและเห็นด้วยกับความคิดนี้
"อ๊ะ จริงด้วย ข้ามาที่นี่เพราะอยากจะให้เจ้าไปฝึกเวทมนตร์น่ะ รู้ใช่ไหมว่าการสอบเอาตัวรอดในป่านั้นอันตรายขนาดไหน? ถึงเจ้าจะมีความสามารถด้านดาบและธนูดีเลิศเพียงใดก็มิได้แปลว่าจะละเลยในเรื่องเวทมนตร์ไปได้หรอกนะ"
"จะให้ข้าไปฝึกอันใดล่ะ?"
วิลเลี่ยมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธมัน มันจำเป็นต้องฝึกไว้ อีกประการหนึ่งคือ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีและเขาไม่ได้ทำสัญญากับปีศาจเพื่อให้ได้มันมา. ฉะนั้นแล้วเขามิได้กระทำผิดอะไร เขามักจะย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอ
"ข้าคิดว่าเจ้าดูจะศรัทธาและเคร่งครัดในเรื่องศาสนาเป็นอย่างมากทั้งยังดูเลื่อมใสสุดๆ เจ้าน่าจะมี 'ทักษะนั้น' อยู่ในตัวแน่ๆ!"
"ทักษะนั้น...?"
"เดี๋ยวตามข้ามาแล้วเจ้าจะรู้เอง! ไปกัน!"
เดธอุ้มร่างของวิลเลี่ยมเข้าไปในพุ่มไม้แล้วหายตัวไปทันที ทั้งสองมาโผล่บนเกาะลอยฟ้า
"ต่อไปนี้ เจ้าจะต้องฝึกธาตุแสงอย่างหนักเลยล่ะลิซ"
วิลเลี่ยมขมวดคิ้ว เดธวางร่างของเขาลงแล้วจูงมือไปที่โต๊ะน้ำชาที่มักจะมีพวกขนมวางไว้เสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน คราวนี้ทั้งแซนด์ฮัลด์ ชิลด์เองก็มาด้วย มีชายหนุ่มอีกคนที่วิลเลี่ยมไม่รู้ว่าเขาคือใคร ชายหนุ่มคนนั้นมีผมบลอนด์ทองที่เสยขึ้น ใบหน้าเรียวคม ผิวสีขาวซีดแต่มันกลับดูเข้ากันได้ดีกับเขายิ่ง ดวงตาสีชมพูอ่อนที่แหลมคมดั่งพญาเหยี่ยว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเงียบขรึมและสงบเสงี่ยม...บอกได้เลยว่าเขาดูเป็นผู้ที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดในโต๊ะน้ำชา
"ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือพี่ชาย 'ฝาแฝด' ของข้าเอง ไลฟท์ เทพแห่งชีวิต และความมีวินัย!"
เดธผายมือไปยังไลฟท์ ขายหนุ่มผมบลอนด์ถอนหายใจ
"ยินดีที่ได้รู้จัก เดธ! ต้องให้ข้าเตือนเรื่องนี้เสียกี่ครา ว่าเลิกทำตัวเป็นเด็ก ไหนจะแต่งตัวแบบนี้อีก ต้องให้ข้าบอกหรือไม่ว่าเจ้ามีอายุอานามเท่าไหร่แล้ว ต้องด้านเสียขนาดไหนจึงปลอมเป็นนักเรียนที่มีอายุไม่ถึงขี้เล็บเจ้า!"
"พี่บ้า! ลิซอยู่ตรงนี้นะให้เกียรติกันบ้าง!"
"หึ! เห็นแก่ที่เพื่อนของเจ้าแต่งตัวเรียบร้อยตรงต่อระเบียบหรอกนะข้าจึงไว้หน้าเจ้าคราวนี้ ยังดีที่ได้รู้ว่าเจ้าก็คบเพื่อนฝูงที่เป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมเป็นเหมือนกัน"
ไลฟท์มองน้องชายของตนพร้อมกับพูดจิกกัดไปด้วย
"ไม่เอาน่า ไลไล เดเด้ อย่าทะเลาะกันเลย สงบศึกแล้วมากินขนมเค้กให้หนำใจกันดีกว่าเน๊อะ~"
ชิลด์ขัดขึ้นมาในปากของเขาเคี้ยวเค้กจนแก้มตุ่ย ทั้งคู่พ่นลมออกมาทางจมูกแล้วกอดอกหันหน้าหนีกัน วิลเลี่ยมถอนความคิดที่ว่าไลฟท์ดูเป็นผู้ใหญ่ทิ้งแทบไม่ทัน เทพทุกคนนี่มีนิสัยที่มิต่างจากเด็กกันแทบทุกคนเลยงั้นสิ...แม้แต่คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดยังมิต่างกัน จะว่าไป...สรุปแล้วเขามาที่นี่เพื่ออันใดกันแน่?
"แล้ว...ข้าต้องฝึกอะไรบ้าง?"
"ลืมไปเลย ข้าอยากให้เจ้าสอนทักษะนั้นกับลิซซี่!"
"เออ ข้ารู้น่าไม่ต้องย้ำ!"
ไลฟท์ตวาดใส่เดธแล้วเดินไปยืนข้างหน้าของวิลเลี่ยม
"ข้าขอทดสอบเจ้าดูหน่อย ไหนลองท่องบทตามนี้ดูซิ มันต้องเต็มไปด้วยความศรัทธาอย่างยิ่งยวดในการท่องบทนี้ จงคิดถึงบุคคลที่เจ้าศรัทธายิ่งแล้วท่องมันซะ"
เขาหยิบหนังสือออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วเปิดหน้ากระดาษยื่นให้วิลเลี่ยมดู
"ข้าแด่พระเจ้าที่ตัวข้านั้นศรัทธา โปรดประทานพรแก่ข้า ผู้ติดตามอันซื่อสัตย์ของท่าน โปรดประทานความแข็งแกร่งให้ข้า"
วิลเลี่ยมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความศรัทธาในขณะที่คิดถึงพระบิดา มีแสงเรืองรองออกมาจากร่างของเขา สัญลักษณ์พระอาทิตย์ที่หลังมือเรืองแสงขึ้นมา มีแสงสีฟ้ามุกวนเวียนอยู่รอบๆร่างของเขาหลังจากที่ท่องจบ...
"เยี่ยม! ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีทักษะนั้นจริงๆเสียด้วย!"
"ทักษะนั้นที่พูดถึงคืออันใด?.."
"คือ ทุกคนนั้นมีสายทักษะที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยหรือความเหมาะสมน่ะ ไม่ก็เกิดตามพ่อแม่ ทักษะนี้จะเกิดกับทุกคนถึงแม้จะมีธาตุเดียวกันแต่ทักษะต่างออกไปก็มีอยู่มาก เช่น ถ้ามีธาตุลมแต่เป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้เป็นหลัก ก็จะใช้มันโจมตีได้แต่ในด้านอื่นๆจะด้อยกว่า แต่ทักษะนั้นที่พูดถึงคือทักษะที่หายสาบสูญไปนานแล้ว คือธาตุแสงทักษะนักบวช ทักษะนี้นั้นจะคอยสนับสนุนเป็นหลัก โดยจะอ้อนวอนต่อพระเจ้าที่คนนั้นๆศรัทธาอย่างแรงกล้าแล้วจะได้รับพลังมา พลังที่ได้รับส่วนใหญ่จะเป็นการฮีลหรือการรักษา เพิ่มความแข็งแกร่ง ความเร็ว หรืออะไรแบบนั้น แตกต่างจากทักษะอื่นของธาตุแสงโดยสิ้นเชิง เพราะทักษะนี้นั้นมันครอบจักรวาลสุดๆ"
เดธเป็นผู้อธิบายตั้งแต่ต้นให้วิลเลี่ยมฟังเพราะตนรู้ดีว่าอีกฝ่ายแทบจะไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านเวทมนตร์เลย
"งั้นหรือ...ข้ามิเคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะมาก่อน ถือว่านี่เป็นความรู้ใหม่ได้ด้วย..."
วิลเลี่ยมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขามีทักษะที่ต้องอาศัยความศรัทธา...และการที่เขาใช้ได้นั้นทำให้เขาดีใจเหลือเกิน
"ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าจะมาเจอทักษะที่หายากขนาดนี้อีกครั้ง เอาล่ะข้าจะสอนทุกอย่างเกี่ยวกับทักษะนี้แก่เจ้า"
ไลฟท์พูดอย่างมิน่าเชื่อก่อนจะพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น คนอื่นๆปรบมืออย่างดีใจราวกับเป็นเด็กเล็กๆ ชายหนุ่มผมบลอนด์พาวิลเลี่ยมไปยังลานกว้างแล้วสอนทักษะต่างๆให้เขา. โดยอย่างแรกคือการเสริมพลังโดยการท่องบทต่างๆด้วยความศรัทธาอันเปี่ยมล้น มันจะเพิ่มความสามารถต่างๆให้โดยมีระยะเวลาจำกัด อีกทั้งยังสามารถเพิ่มพลังให้สหายของตนได้ด้วย ไลฟท์เริ่มสอนการประยุกต์ใช้มันทั้งการต่อสู้และการหนี เพราะถ้ามองดูแค่ผิวเผินทักษะนี้เหมือนจะด้อย แต่ถ้าประยุกต์ดีๆล่ะก็มันจะเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุด ความพิเศษที่เอาไว้แก้จุดด้อยในข้อนั้นคือ ร่างกายของผู้ที่มีทักษะนี้จะแข็งแกร่ง ถึก และทนเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเกือบจะฟันแทงไม่ตายได้เลย หรือตายยากมากยิ่งถ้าเสริมพลังความแข็งแกร่ง ป้องกัน สุดท้ายด้วยความเร็วอาจจะถึงกับยืนต่อยกับนักดาบได้สบายๆ วิลเลี่ยมเองก็ดูตกใจกับคำอธิบายอันเวอร์วังนั่น ยืนต่อยกับนักดาบ..โอ้พระบิดาทรงโปรด
วิลเลี่ยมฝึกการท่องบทจนจำได้เกือบหมด รวมถึงการประยุกต์ใช้ต่างๆโดยมีผู้สอนคือไลฟ์ และกองเชียร์คือ ชิลด์ เดธ แซนด์ฮัลด์
"พอเถอะ ข้าว่านางคงจะเหนื่อยแล้ว "
เดธเข้ามาเช็ดเหงื่อให้กับวิลเลี่ยมหลังจากที่เวลาผ่านมาเนิ่นนาน ไลฟท์พยักหน้าแล้วอนุญาตให้เขากลับบ้านได้ วิลเลี่ยมถูกเดธพามาส่งยังห้องนอน เขาทิ้งตัวลงนอนแล้วเข้าสู่นิทราทันที การท่องบทซ้ำๆเป็นเวลานานนั้นเปลืองแรงมิใช่น้อยเลยจริง...
วันต่อๆมาเขาก็นั่งอ่านหนังสือแล้วสรุปบทเรียนที่ได้มาจากสตีเฟ่นก่อนจะนำไปสอนสมาชิกห้องFทุกคน ในตอนแรกๆจะดูเงอะงะไปบ้าง แต่พอผ่านไปก็เริ่มจำเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆแม้จะเพิ่งได้เรียนเป็นครั้งแรกแต่ก็ทำได้ไม่เลว หลังจากที่เรียนเสร็จตอนเย็นเขาก็ไปฝึกเวทมนตร์ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนสุดท้ายแล้ว...ก็มาถึงวันสอบ สมาชิกห้องFได้จองที่นั่งในโรงอาหารเพื่อติวหนังสือให้กันและกันอย่างขยันขันแข็งทำเอาห้องอื่นๆต่างรู้สึกอายกันเพราะพวกเขาคิดจะมานั่งอ่านหนังสือหน้าห้องสอบนั่นเอง...
ข้าจะต้องทำให้ได้..
วิลเลี่ยมคิดอย่างมุ่งมั่นในขณะที่อ่านสรุปวิชาดาราศาสตร์
----
ขออภัยที่หายไปนานพอดีไรท์ไปเที่ยวมาฮะแฮ่ กลับมาแล้วยะครับรีดที่น่ารักทุกท่าน!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
#โนดราม่า นะ
ขอสารภาพว่าพึ่งอ่านเรื่องนี้..... ติดมากกกกกกกจนพึ่งอ่านเสร็จเมื่อกี้
ป. ล. สู้ๆน๊าาาา~~~