ตอนที่ 19 : ดูตัวเองก่อน(ปรับปรุง)
เดธที่วิ่งหาวิลเลี่ยมไปทั่วโรงเรียนแต่ยังไม่พบตัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่เงา....เขาจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้แล้วหายตัวไปที่ห้องนอนของอีกฝ่าย...
“โถ่ข้าตามหาเจ้าซะแทบแย่ที่แท้อยู่นี่เอง จะโดดเรียนก็ไม่บอกข้าจะได้โดดไปด้วย!”
เดธบ่นอุบอิบ วิลเลี่ยมปรายตามองอีกฝ่าย..
“เจ้าดูไม่ดีเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่าหืม? หรือว่าจะไข้ขึ้น?”
เดธนั่งลงกับพื้นข้างๆเตียงแล้วเอามือทาบหน้ผากของอีกฝ่าย
“ข้า...ฆ่างูไปน่ะ...”
“ฆ่างูงั้นหรือ..? อ๋อ! ที่มีข่าวลือเรื่องที่ว่าเจ้าชอบทารุณกรรมสัตว์ในโรงเรียนน่ะนะ?”
“ข่าว?”
วิลเลี่ยมขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม อะไรกัน ข่าวอะไร ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเลย เดธไหวไหล่แล้วเล่าว่ามีคนปล่อยข่าวลือที่เห็นเขาไปฆ่างูตัวใหญ่เข้า จากนั้นข่าวนั่นก็ไปเร็วมาก เร็วยิ่งกว่าสมองของเขาเสียอีก
“ช่างเขาเถอะ ข่าวลือนั่นก็มิได้ผิดสักทีเดียว...”
“ไม่เอาน่าอย่าซึมสิ โถๆ เด็กน้อย”
“ข้ามิใช่เด็กน้อยนะ”
“น้อยสิ เจ้าอายุน้อยกว่าข้าตั้งเยอะ”
วิลเลี่ยมทำแก้มป่องน้อยๆ เขามิชอบเลยเมื่อมีคนมาเรียกเขาว่าเด็กน้อย...ทั้งๆที่เขาโตแล้วแท้ๆ... เดธหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำแก้มป่อง ก็แหม ปกติแล้วนอกจากกรอกตา ถอนหายใจ กับทำหน้านิ่งนางก็มิเคยทำหน้าอื่นเลยนี่...ยกเว้นตอนวันที่นางมีกลิ่นคาวออกมาจากตัวล่ะนะ นางน่ากลัวมากในวันนั้น...
“อย่าเรียกข้าว่าเด็กอีกนะ...”
วิลเลี่ยมปรับหน้าตัวเองให้นิ่งเหมือนเดิม...ไม่รู้สิเขาแค่ไม่ชินกับการแสดงความรู้สึกกับคนรอบตัว...เพราะแบบนั้นตอนอยู่ในค่ายทหารเลยมีคนไม่ชอบหน้าเขา ทุกคนคิดว่าเขาหยิ่ง...
“จ้าๆ ไปเที่ยวบ้านข้าอีกไหม ข้าหิวแล้วล่ะ..”
"แล้วแต่เจ้าเลย..."
จากนั้นเดธจึงอุ้มวิลเลี่ยมแล้วหายตัวไปยังเกาะลอยฟ้าของตน ชิลด์ที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่มีแต่ขนมหวานกับถ้วยน้ำชาโบกมือหยอยๆมาทางทั้งคู่ เทพแห่งความตายยิ้มกว้างแล้วเดินไปวางวิลเลี่ยมลงบนเก้าอี้ แล้วจึงนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว
"ปาร์ตี้น้ำชานี่ต้องสนุกแน่ๆ!"
ชิลด์พูดขึ้นพร้อมกับยัดขนมเค้กเข้าปากไป...วิลเลี่ยมมองกองขนมตรงหน้า จมูกของเขาได้กลิ่นพวกครีม นม และอะไรต่างๆที่เขาไม่ชอบ เขาเกลียดขนมที่มีกลิ่นครีมแรงๆมากที่สุดเลยกลิ่นของมันทำให้เขาคลื่นไส้...
เมื่อบุรุษทั้งสองเห็นว่าวิลเลี่ยมนั้นไม่แตะอะไรเลยจึงเอียงคอน้อยๆอย่างสงสัย
"ไม่หิวหรอลิซ?"
"ข้ามิชอบขนมหวาน....โดยเฉพาะพวกขนมที่มีครีม"
"เห~? งั้นหรอ เจ้ากินขนมปังเปล่าๆได้ไหมล่ะ?"
วิลเลี่ยมพยักหน้า เดธจึงลุกไปตะกร้าที่ใส่ขนมปังธรรมดามาวางไว้ข้างหน้าวิลเลี่ยม เจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบขนมปังแล้วกัด
"นุ่มจัง..."
วิลเลี่ยมพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่ ทั้งเดธและชิลด์หัวเราะขึ้นมาเบาๆจากนั้นก็กินขนมกันต่อ..ผ่านไปสักพักวิลเลี่ยมรู้สึกคอแห้งมากๆเพราะกินแต่ขนมปังจึงชอบจิบชาดู พบว่ามันมีรสชาติที่ถูกใจเขามากเลยทีเดียว... วิลเลี่ยมหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข รสชาติของชาที่ไม่หวานมากพร้อมกับกลิ่นอ่อนจางๆของมัน ทำให้เขาลืมความเครียดก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท.....
"ชอบใช่ไหมล่ะ? ถ้าอยากได้เจ้าก็เอาไปได้เลยนะ"
"ได้หรือ?"
เดธพยักหน้าหงึกๆแล้วเดินไปหยิบตะกร้าที่มีใบชาอยู่เต็มไปหมดมาให้วิลเลี่ยม
"ขอบคุณนะ"
"ด้วยความยินดี!"
จากนั้นทุกคนก็นั่งกินขนมปังกับชาอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านมาสักพักหนึ่ง จู่ๆบรรยากาศก็เงียบลง มีแต่เสียงลมพัดอ่อนๆให้ได้ยินเท่านั้น
"จะว่าไปข้าอยากไปโรงเรียนกับพวกเจ้าจังเลยนะ!"
ชิลด์เป็นคนเปิดประเด็นการสนทนาก่อนคนแรก
"อย่าดีกว่า! ข้าล่ะกลัวว่าจะมีนักเรียนลาออกกันเพราะเจ้าไปกลั่นแกล้ง"
"เฮ้ๆ! คิดว่าข้าเป็นคนประเภทใดกันถึงได้พูดแบบนี้น่ะห๊ะ?!"
ทั้งคู่เริ่มเปิดศึกใส่กัน วิลเลี่ยมมองทั้งสองที่ทะเลาะกันราวกับเด็กๆพลางหัวเราะเบาๆ อ่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มิอาจเชื่อได้เลยความบุรุษทั้งสองนั้นเป็นเทพ....จริงๆนะ
ผ่านไปสักพักหนึ่งเดธก็พาวิลเลีย่มไปส่งที่ห้องแล้วหายตัวไป เขามองตะกร้าที่ใส่ใบชาอย่างอารมณ์ดี อยากจะกินชานี่อีกจังเลยแฮะ แต่นี่ก็เย็นมากแล้ว คงได้เวลานอนสักที...
เขาเดินไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็พบว่าประจำเดือนของตนนั้นหมดไปแล้ว...ช่างน่ายินดีเหลือเกินจากนี้เขาก็สามารถฝึกดาบได้อย่างจริงจังแล้วสินะ แล้วก็ไม่ต้องใส่ผ้าฝ้ายไว้ตรงหว่างขาแล้วด้วย น่ายินดี น่ายินดีจริงๆ วิลเลี่ยมเดินเข้าห้องนอนไปอย่างอารมณ์ดีสุดๆ เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วสวดอธิษฐานต่อพระบิดา จากนั้นจึงนอนได้อย่างสบายใจ ตั้งแต่มาที่นี่มีไม่กี่ครั้งที่เขาได้อธิษฐาน เห็นทีจะต้องลดเรื่องการฝึกหรืออ่านหนังสือไปบ้างเสียแล้วสิ นี่ก็น่าจะถึงวันอาทิตยืแล้ว ในวันอาทิตย์เข้าจะไปอธิษฐานต่อพระบิดาที่โบสถ์ร้างนั้น แล้วก็ทำความสะอาดตามจุดต่างๆให้ดี...ชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ สักพักหนึ่งเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป
วันรุ่งขึ้นเขาตื่นมาทอาบน้ำแล้วแต่งตัวไปโรงเรียน เมื่อไปถึงแล้วนักเรียนทุกคนที่เห็นเขาต่างหันไปซุบซิบกัน มาเรียวิ่งมาหยุดอยู่ข้างหน้าเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
"อลิซคะ! ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน งูน้อยตัวนั้นน่าสงสารจะตายไป! อลิซฆ่ามันลงได้ยังไงกัน?!"
นางพูดขึ้นพร้อมกับร้องไห้อย่างหนัก วิลเลี่ยมขมวดคิ้วแล้วนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาได้ปลิดชีพเจ้างูหลามไป ในครานั้น...ถึงแม้มันจะไม่ถูกไปซะหมดก็เถอะแต่มันถือว่าเป็นการป้องกันตัวมิใช่หรือ?.....เขาผิดหรือที่จะป้องกันตัวเอง ถึงแม้จะแลกมาด้วยชีวิตของมันก็ตาม...
"ข้ามิเห็นว่ามันจะผิดตรงไหน...ก็ข้าแค่ป้องกันตัวนี่นา..."
วิลเลี่ยมตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ ช่างน่าแปลก...การป้องกันตัวมันผิดขนาดนั้นเชียวรึ?
"แต่ทำไมอลิซต้องฆ่ามันด้วยล่ะคะ ฮึก...ม-มันน่าสงสารออกนะคะ!"
เดธที่เดินมาเห็นเหตุการณ์พอดีนั้นมองทั้งคู่นิ่งๆ เขาเดินไปหยิบผ้าที่จะใช้ในวิชางานฝีมือ เขานำมันมาม้อนๆกันจนมีลักษณะคล้ายงู เดธย่องไปข้างหลังของมาเรียแล้วโยนมันใส่ไหล่ของนางพร้อมกับตะโกนไปด้วย
"งูๆ!! งู!!"
"กรี๊ดดดดดด?!"
นางหลับตาแน่นและกรีดร้องออกมาพร้อมหยิบผ้านั่นมาโยนลงกับพื้นแล้วกระทื้บไม่หยุด เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นว่านั่นเป็นแค่ผ้าเท่านั้น...
"ผ-ผ้าหรอกหรอ...."
"เห็นไหมล่ะ? เจ้ามาบอกว่านางน่ะฆ่างูที่น่าสงสารได้อย่างไรกัน แต่เจ้าก็ทำร้ายเจ้าผ้านั่นที่ข้าบอกว่าเป็นงูได้อย่างไม่ลังเล....ไหนล่ะคำว่าน่าสงสารของเจ้า? เจ้าบอกว่ามันน่าสงสารแต่เจ้าก็ยังทำร้ายมัน ถ้าเจ้าสงสารมันจริงๆไม่ให้มันฆ่าเจ้าซะล่ะ หืม? คำว่าสงสารน่ะต้องมีขอบเขตนะ คนเราต้องรักตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด ฉะนั้นแล้ว...อลิซน่ะไม่ผิดหรอก"
เดธเดินมาจูงมือวิลเลี่ยมแล้วเดินจากไปทันที ทุกคนเริ่มคิดตามแล้วก็พบว่าเป็นอย่างที่เดธบอกจริงๆนั่นแหละ ถ้าเป็นพวกเขาก็คงทำแบบเดียวกันไม่ต่างไปจากอลิซหรอกนะ... มาเรียกำหมัดแน่นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป....
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เดี๋ยวววว! คนปกติเขาไม่บีบคองูตายด้วยมือหรอกนะคะะะะะะะ!
การบรรยายเริ่มเหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะค่ะ!!!
ถ้าไรท์ไม่โอเคพักก่อนค่อยมาแต่งต่อก็ได้น่ะ
ตัวต้นเรื่องก็ไม่รู้อะไรต่อไป น่าเห็นใจหรือน่าสงสารดี หนูฟราน