วิลเลี่ยมขมวดคิ้วกับคำตอบที่ตนเองได้รับ
“ฮิๆเดี๋ยวเจ้าก็รู้เองล่ะ วันนี้ข้าจะหนีเรียน ไปด้วยกันไหม?”
“ขอปฏิเสธค่ะ”
วิลเลี่ยมส่ายหน้าทันที มันมิใช่เรื่องที่เขาสมควรกระทำเลย….ค่อนข้างจะออกไปทางเลวร้ายด้วยซ้ำ เดธทำหน้ามุ่ยแล้วซบไหล่ของอีกฝ่าย อดีตบาทหลวงเลิกคิ้วขึ้นแต่ก็มิได้ว่าอะไร เขาสวดบทก่อนทานอาหารแล้วลงมือกินมันทันที
แต่มีเสียงนินทาดังขึ้นมา…ทำไมอลิซถึงได้สนิทกับเด็กใหม่ขนาดนั้น? หรือทั้งคู่จะเป็นคนรักกัน? งั้นแสดงว่านางไม่สนใจเจ้าชายฟิลลิปส์ผู้เป็นคู่หมั้นของตนอีกแล้วงั้นสิ? ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตัวต้นเรื่องนั้นยังนั่งกินอาหารต่อไป…..
“อือ….ขอโทษนะ ข้าทำให้เจ้าเมื่อยรึเปล่า?”
เดธผละออกจากไหล่ของอีกฝ่าย แล้วถามออกมา วิลเลี่ยมกลืนอาหารจนหมดแล้วสวดบทหลังรับประทานอาหารจากนั้นจึงตอบเขา
“ไม่เท่าไหร่ ขอตัวค่ะ”
วิลเลี่ยมลุกเอาจานไปเก็บแล้วเดินขึ้นห้องเรียนของตนเอง มาเรียเดินมาหาเด็กหนุ่มผมม่วงด้วยท่าทีเขินอาย
“อ-เอ่อข-ขอโทษเรื่องเมื่อครู่ด้วยนะคะเกือบไปแล้วเชียว ว่าแต่ถ้าเดฟง่วงแล้วล่ะก็จะมาหนุนตักมาเรียก็ได้นะคะ”
เดธเลิกคิ้วมองมาเรีย…คนที่นางสมควรจะขอโทษคืออลิซหาใช่เขาไม่ อีกอย่างหนึ่งเขามินิยมชมชอบแตะต้องร่างกายของมนุษย์ผู้อื่นพร่ำเพรื่อหรอก ด้วยเหตุผลฉะนั้นทำให้เดธเดินผ่านมาเรียไปราวกับธาตุอากาศไร้ค่า เด็กสาวผมบลอนด์ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นเพราะเหตุใดอีกฝ่ายจึงทำท่าทีกับนางแตกต่างจากอลิซราวฟ้ากับเหว…นางด้อยกว่าอลิซตรงไหนกัน? นางทั้งน่ารักน่าเอ็นดู เก่งกาจ สติปัญญาล้ำเลิศกว่าอลิซ อีกทั้งยัง….มีจิตใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องรวมถึงมีธาตุแสง แตกต่างจากอลิซผู้ไร้ค่าและร้ายกาจ! ทำไม….อีกฝ่ายจึงไม่สนใจนางกัน?
“กลับมาแล้วหรือคะท่านอลิซ?”
ฟรานซิสส์กล่าวขึ้นเมื่อเห็นวิลเลี่ยวก้าวเข้ามาในห้อง เขาพยักหน้า
“ท่านอลิซชอบทานอะไรหรือคะ?”
เด็กสาวมัดผมแกะสองข้างถลามากอดวิลเลี่ยมแล้วทำตาโตใส่เขา
“มะเขือเทศต้ม ซุปมะเขือเทศ ผัดผัก สตูว์มันฝรั่ง ซุปเห็ด ผัดเห็ด”
เขาเพิ่มเมนูของโปรดของตนเข้าไปด้วยหลังจากที่ได้กินอาหารเมนูผัดจากร้านมังสวิรัติแล้ว ฟรานซิสส์พยักหน้าหงึกๆพลางจดมันใส่สมุดไปด้วยวิลเลี่ยมเดินไปหน้าห้องแล้วรั่งสวดภาวนาต่อพระเผู้เป็นเจ้าเมื่อฟรานซิสส์เห็นดังนั้นจึงตะโกนเรียกเพื่อนๆในห้องให้มาทำตามท่านอลิซที่รักและเคารพของนาง…
“อือ?”
วิลเลี่ยมที่เพิ่งสวดเสร็จมองทุกคนอย่างงงๆ แต่ก็รู้สึกดีใจที่พวกเขามีความสนใจในศาสนามากขนาดนี้….ระยะเวลาผ่านไปอาจารย์วิชายิงธนูก็เข้ามาสอน
“ข้าดีแลนด์ มูฮัม อาจารย์สอนวิชายิงธนูของพวกเจ้า ไปที่ลานได้แล้ว!”
ทุกคนลงไปที่ลานกว้างแล้วเดินไปหยิบธนูและลูกธนูมาเตรียมไว้อย่างรู้งาน อาจารน์สั่งให้พวกผู้ชายไปหยิบเป้ามาห้าหกอันแล้วให้นักเรียนผลัดกันยิง หลายๆคนง้างคันธนูแทบจะไม่ได้ด้วยซ้ำ มีแค่พวกผู้ชายที่พอจะยิงเป้าได้แต่ไม่ค่อยจะแม่นยำสักเท่าไหร่นัก เมื่อถึงตาวิลเลี่ยมเขาหยิบลูกธนูมาแล้วง้างคันธนูอย่างช้าๆ เพราะอยู่ในร่างนี้มันแข็งแรงไม่เท่าผู้ชาย เขาเล็งสักพักแล้วจึงปล่ยลูกธนูให้พุ่งไปที่เป้า
ปรากฎว่าลูกธนูนั้นปักไปกลางเป้า แต่ก็ไม่ได้ตรงกลางเป๊ะ วิลเลี่ยมจึงรู้สึกแย่ เขาไม่ได้แตะคันธนูมานานแล้วฝีมือเลยตกไปเยอะสินะ….
ในขณะที่วิลเลี่ยมกำลังรู้สึกแย่กับฝีมือของตนฟรานซิสส์ก็ตะโกนขึ้นมาแล้วปรบมือเสียงดังลั่น คนอื่นๆเห็นดังนั้นจึงทำตามนาง
“สุดยอดไปเลยค่ะท่านอลิซ” “สุดยอดไปเลยครับท่านอลิซ!”
อาจารย์มองพวกนักเรียนคนอื่นๆที่ตะโกนออกมาราวกับถูกน้ำร้อนลวก อะไรจะดีใจกันขนาดนั้น? หรือเด็กคนนี้คือหัวโจกของห้อง? แต่ถึงกระนั้นเด็กคนนี้ก็มีฝีมือที่เยี่ยมกว่าเด็กคนอื่นเยอะเลยล่ะนะ ไม่แปลกที่จะได้รับความเคารพ
“อือ….เราว่ามันแย่”
วิลเลี่ยมเดินอย่างห่อเหี่ยวใจที่ฝีมือของตนตกลงไปมาก.. อาจารย์ดีแลนด์สั่งให้นักเรียนทุกคนฝึกยิงเป้าใหม่จนกว่าจะได้เวลาผ่านไปก็หมดคาบเรียน ตลอดทางเดินขึ้นห้องนักเรียนทั้งหลายบ่นอุบอิบเกี่ยวกับความเรื่องมากของอาจารย์วิชายิงธนู ในขณะที่อีกส่วนก็มองสตรีผมสีครีมอย่างชื่นชมปนความนับถือในความเก่งกาจของอีกฝ่ายไปด้วย…
เมื่อถึงห้องวิลเลี่ยมก็นั่งทบทวนเกี่ยวกับเมื่อครู่ เห็นทีเขาต้องไปฝึกยิงธนูใหม่เสียแล้ว…ฝีมือเขาตกไปเยอะเหลือเกิน….เกินกว่าที่เขาจะรับได้
ต่อมาอาจารย์วิชาปรุงยาก็เข้ามาในห้องอีกฝ่ายเป็นชายชราที่มีผม คิ้ม และเคราสีขาวล้วนอีกทั้งยังใส่ชุดคลุมรุ่มร่าม สายตาคมกริบดั่งพญาเหยี่ยวของชายชราจ้องไปรอบๆห้องทำไก้นักเรียนทั้งหลายนั้นนั่งหลังตรงอย่างเรียบร้อยพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ข้า ติมอส เมดิซิ่น อาจารย์ปรุงยาของพวกเจ้า!”
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา เจ้าตัวหยิบไม้ดายสิทธิ์สีน้ำตาลเข้มออกมาแล้วพูดพึมพำอะไรสักอย่างแล้วหม้อสีดำเงาใบเล็กที่มีน้ำอยู่ข้างในและหินสีแดงเพลิงที่มีรูปร่างคล้ายกับคริสตัลก็ลอยไปอยู่บนโต๊ะของทุกคน
“เอาล่ะก่อนที่จะเริ่มปรุงยา ข้าจะมาสอนทฤษฎีเกี่ยวกับการปรุงยาให้พวกเจ้ารวมถึงเทคนิคต่างๆ วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับโพชั่นรักษาบาดแผลระดับต่ำกัน หวังว่าสมองกลวงๆของพวกเจ้าจะเข้าใจมันได้!”
จากนั้นต่อมาชายชราก็สอนเกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้ปรุงโพชั่นรักษาระดับต่ำออกมา ประสิทธิภาพ ระยะเวลาที่ใช้ปรุง จังหวะที่ต้องใส่สมุนไพร วิธีใช้คริสตัลสีแดงเพลิงที่อัดพลังธาตุไฟไว้ และอีกมากมาย นั่นทำให้นักเรียนหลายคนหลับน้ำลายยืดกันไปแล้ว ส่วนวิลเลี่ยมนั่งฟังอีกฝ่ายตาใส ต้องขอยอมรับเลยว่าเขาสนใจวิชาปรุงยามากตั้งแต่ตอนที่เดธได้อธิบายว่าศาสตร์การปรุงยาไม่เกี่ยวกับมนต์ต้องสาปหรือปีศาจใดๆทั้งสิ้น มันก็เหมือนการทำยาธรรมดาๆ เขาจึงสนใจมันเป็นพิเศษและได้โยนตรรกะต่างๆที่เขาเคยมีไปเก็บไว้ที่อื่น
“หือ?”
ติมอสที่มองนักเรียนในห้องไปด้วยในขณะที่สอนเนื้อหาต่างๆนั้นได้ไปเจอกับสายตาอันน่าขนลุกจากเด็กสาวผมสีครีม นางมองเขาด้วยดวงตาทอประกายสุดๆจนเขาอดขนลุกขนชันมิได้
“เอาล่ะนักเรียนขอให้พวกเจ้าโชคดีกับการทำโพชั่นรักษา! ข้าให้เวลาพวกเจ้าก่อนจบคาบให้ทำโพชั่นมาส่งข้า! ใครทำมาส่งไม่ทันให้ทำมาให้ข้าสองขวดเข้าใจไหม?!”
ทุกคนโอดครวญอย่างโหยหวนเมื่อได้ยินคำสั่ง มีขวดแก้วสองขวดลอยมาหา พวกเขาเริ่มลงมือปรุงยาอย่างงงๆ วิลเลี่ยมที่ฟังอาจารย์เฒ่าสอนอย่างตั้งใจสามารถปรุงยาได้ตามที่อีกฝ่ายานมิมีผิดเพี้ยน ติมอสเดินดูหม้อปรุงยาของนักเรียนหลายๆคน บางคนก็ทำพอได้และอีกหลายคนที่ไม่ได้เรื่อง จนมาถึงหม้อของวิลเลี่ยม อาจารย์เฒ่าทั้งดมและดูสีของโพชั่นที่วิลเลี่ยมปรุง
“โพชั่นรักษาปกติจะมีสีแดง แต่สีเจ้าเข้มไปนิดหนึ่งนะ อาจจะเป็นเพราะเจ้าใส่รากเจ้าริฟเฟร่อร์มากไป แต่เจ้าก็ทำได้ยอดเยี่ยม!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชมนักเรียนในคาบแรกที่เรียน ถึงแม้สตรีตัวน้อยนี่จะทำไม่ได้ดีจนสมบูณ์แบบแต่ก็เข่าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากทีเดียว
วิลเลี่ยมพยักหน้าแล้วบรรจุน้ำยาใส่ขวดแก้ว เขานำไปส่งอาจารย์ติมอสซึ่งชายชราก็ยิ้มหน้าบานที่ตนได้พบเจอหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านการปรุงยา จนหมดคาบมีนักเรียนหลายคนที่ส่งก่อนและอีกส่วนที่ต้องทำไปส่งเขาสองขวด พออาจารย์ออกไปแล้วทุกคนก็กลับมาลั้นลาเหมือนเดิม
เวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนดลับบ้าน วิลเลี่ยมนั่งรถม้ากลับคฤหาสต์ พอถึงแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวทานอาหารค่ำแล้วก็ขึ้นห้องนอน เดธโผล่เข้ามาในห้งนอนของเขาทันทีที่วิลเลี่ยมเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง
“นี่ๆ ตามที่ข้าพูดไว้ ข้าจะทำให้เจ้ามีพลังเวทย์ไง? จำได้ไหม เอาล่ะนะ!”
เดธพุ่งมาจับมือวิลเลี่ยมโดยที่เขานั้นยังไม่ทันตั้งตัว จากนั้นทั้งคู่ก็หายตัวไปอยู่ที่อื่น มันคือเกาะลอยฟ้าที่งดงามมาก มีทั้งต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ รวมถึงโต๊ะน้ำชา วิลเลี่ยมมองไปรอบๆอย่างอึ้งๆ
“สวยใช่ไหมล่ะ? มาเถอะ!”
เทพแห่งความตายดึงมือขิงวิลเลี่ยมไปอยู่ตรงที่มีพื้นเป็นหิน และศิลานับสิบตั้งอยู่…เดธให้วิลเลี่ยมไปยืนอยู่ตรงกลาง วิลเลี่ยมพยายามเดินหนี แต่เดธก็เอาน้ำสีขาวทอประกายนั้นกรอกปากเขา
“อื้ออ?!!!!”
วิลเลี่ยมเบิกตากว้างอย่างตกใจ พลันความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วร่างของเขา มีรอยแผลเกิดขึ้น มันปริแตกออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากแผล
“อึก!”
เขาพยายามกลั้นเสียงร้องของตนเอง ให้ตายเขาก็จะไม่กรีดร้องออกมา! มันจะทำให้ผู่อื่นรู้ว่าเขานั้นอ่อนแอเพียงใด
“เจ็บแป๊ปเดียวล่ะน่า”
เดธกล่าวขึ้นพลางมองไปยังสตรีร่างบางที่มีเลือดไหลท่วมตัว เลือดพวกนั้นไปไหลไปที่ศิลา….แต่แทนที่มันจะไหลไปทั่วมันกับดิ่งไปทางศิลารูปพระจันทร์ พระอาทิตย์ และสายลม ศิลาทั้งสามเรืองแสงขึ้นมา มีแสงสีม่วง ขาว และเขียวจากสามศิลาพุ่งตรงไปทางสตรีร่างบางที่ทรุดอยู่ในกองเลือด สัญลักษณ์ทั้งสามเกิดขึ้นหลังมือของวิลเลี่ยมจากนั้นความเจ็บก็คลายหายไป วิลเลี่ยมหอบอย่างหนักเขาฝืนลุกขึ้นแล้วก้าวเดินช้าๆไปหาเดธ
“อะไรหร---”
เพี๊ย!!!!
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลฟาดไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง วิลเลี่ยวเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง
“ขอโทษ! ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้า แต่เจ้าตบแรงชะมัด”
เดธกุมแก้มข้างที่โดนตบแล้วควานมือหาขวดน้ำยาสีม่วงแดงออกมาเขาจับกรอกปากอีกฝ่ายเพราะรู้ดีว่าถ้าให้กินดีๆคงไม่ยอมแน่ เลือดที่ไหลออกมาท่วมนั้นเคลื่อนตัวมาหาวิลเลี่ยมมันไหลกลับเข้าไปในร่างของเขา แม้แต่เสื้อผ้าที่โชกเลือดนั้นเลือดก็ออกมาจากมันจนหมด เลยไม่ทิ้งรอยไว้เลยสักรอย และบาดแผลของเขาก็ค่อยๆเลือนหายไป ดวงตาคู่งามมองไปที่เทพแห่งความตายด้วยความโกรธที่ปิดไม่มิด
“ข้าขอโทษ แต่ข้าก็พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดให้เจ้าแล้วนะ จะเจ็บบ้างก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้เจ้ามีพลังเวทย์แล้วนี่ นับว่าคุ้มค่ามิใช่หรือ?”
“ข้าหาได้ต้องการมัน”
วิลเลี่ยมตอบกลับอย่างเย็นชา เขามองไปยังหลังมือของตนเองที่มีสัญลักษณ์ทั้งสามปรากฎขึ้น
“ทำไมถึงได้มีถึงสาม?...”
เขาพึมพำอย่างไม่เข้าใจ เทพแห่งความตายยิ้มกว้าง
“โพชั่นนั้นคือโพชั่นชั้นตำนานที่มีแต่เทพเท่านั้นที่ปรุงได้ ในขวดนั้นบรรจุสายเลือดของพวกเทพประจำธาตุไว้ แต่มันจะขึ้นอยู่กับจิตใจและลักษณะนิสัยของเจ้าว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร เจ้ามีสามธาตุคือ แสง มืด และลม ระบุได้ว่า เจ้าเป็นคนดีมีเมตตาชอบช่วยผู้อื่นและใจดี แต่ก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นถ้ามีคนมาทำให้เจ้าโกรธมากๆ อีกทั้งยังรักอิสระมากด้วย แต่ที่ข้าพูดนั้นหาได้ตรงทั้งหมด นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
“ทำไมเจ้าต้องทำให้ข้ามีพลังธาตุ?! ข้าอยู่เฉยๆของข้าก็มีความสุขแล้ว! อีกทั้งเจ้ายังทำให้ข้ามีถึงสามธาตุ! เจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่เทพแห่งความตาย!”
วิลเลี่ยมพูดออกมาอย่างเหลืออด อีกฝ่ายทำให้เขามีถึงสามธาตุ ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น และพิเศษกว่า เขาเกลียดมัน!
“ชู่ว อย่าโมโหไปสิ ข้าอยากให้เจ้าได้ดีในฐานะเพื่อนมนุษย์คนแรกของข้า เข้าใจไหม ? เจ้าควรจะดีใจนะ เพราะถ้าเจ้าไม่ได้พลังธาตุจากการกินโพชั่นนั้นมันก็หมายความว่าเจ้าน่ะเลวมากๆ”
“พอแล้ว ข้าไม่อยากได้ยิน พาข้ากลับเดี๋ยวนี้!”
วิลเลี่ยมกุมขมับของตนเอง เขาต้องการเวลา ใช่เวลา เวลาที่เขาจะต้องทำใจเรื่องนี้เดธก้มหน้าลงแล้วพาอีกฝ่ายกลับห้องนอน พอไปถึงวิลเลี่ยมก็ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงส่วนเดธนั้นกลับไปยังที่ของเขาอย่างเศร้าๆ เขาหวังดีแท้ๆ…แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะโกรธเขามากเลย…ทำไมกันนะ?
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
วิลก็บอกอยู่ไม่อยากได้ ไม่ฟังเองนิ
เรื่องการบรรยายและการเดินเนื้อเรื่องถ้าหากไรท์ปรับแก้เพิ่มก็น่าจะทำให้อ่านไหลลื่นขึ้นมากเลยค่ะ : )
เนื้อเรื่องก็น่าสนใจมากขึ้น
แหม!บอกตัวเองบริสุทธิ์ ถุย!ถ้าแกบริสุทธิ์ฉันก็เทพสวรรค์แล้วค่ะ!!!
ใครค่ะใครให้ธาตุแสงกับนางค่ะ?
คุณเอาอะไรวัดหรอค่ะ?
เอาแว่นไหมค่ะ?
#อินจัดค่ะ!!!
คนเราน่ะ จะปกปิดนิสัยจริงยังไง มันก็ปิดไม่มิดหรอก
จะบอกไว้ให้ คุณมา-เรีย ^^+++
(ผมว่า วิลเลียม ยังไม่ทันทำอะไร สาวกคงกระทืบ
มาเรียก่อนแน่นอนเลย)