ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose Bloom

    ลำดับตอนที่ #1 : {AUFic KNB} Time of Fate เวลาแห่งโชคชะตา - Akemi Chiyo

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 61





    I do not understand what you say….

    But I do not think it's very important.


    If you still stand beside me...

    If you still smile for me...

    If you are still happy along the way…


    I will be by your side.

    |‘FOREVER’|



    Application



    “ขอโทษนะคะ…แต่ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดเลย...ค่ะ...”


    “บางที...ถ้าคุณรู้ว่าตอนนี้ฉันเป็นอะไรอยู่ คุณอาจจะมองว่าฉันเป็นตัวประหลาดเลยก็ได้...นะคะ…”


    Set : ตัวประกอบ | อิซึกิ ชุน

    ชื่อ : จิโยะ | Chiyo

    นามสกุล : อาคีมิ | Akemi

    ชื่อเต็ม : อาคีมิ จิโยะ | Akemi Chiyo

    ชื่อเล่น : จิโยะ | Chiyo

    ความหมายของชื่อ : อาคีมิ แปลว่า ความงามที่เปล่งประกาย ส่วน จิโยะแปลว่าชั่วชีวิต หรือก็คือ ความงามที่เปล่งกระกายชั่วชีวิต

    เพศ : หญิง

    อายุ : 24

    สัญชาติ / เชื้อชาติ : ญี่ปุ่น | ญี่ปุ่น

    อาชีพ : นักศึกษามหาวิทยาลัยออล์ซิลคณะแพทย์

    ลักษณะภายนอก : อาคีมิ จิโยะ มีความหมายของชื่อว่า ความงามที่เปล่งกระกายชั่วชีวิต ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะสมกับเธออย่างไม่ต้องคิด จิโยะเป็นหญิงสาวที่มีความงามเปล่งประกายสมชื่อจริงๆราวกับได้รับการปั้นแต่งอย่างดีก่อนกำเนิด ตั้งแต่เส้นผมสีนํ้าตาลส้มดัดเป็นลอนคลื่นล้อมกรอบใบหน้างามรูปไข่สวยที่รองรับเครื่องหน้าหวานไว้อย่างหมดจด ทั้งดวงตากลมโตสีชมพูอมส้มสองชั้นธรรมชาติล้อมด้วยขนตาสีดำสวย จมูกเล็กๆเหมือนจมูกตุ๊กตากระเบื้องเข้ากับริมฝีปากสีพีชอ่อนเผยอเล็กๆ จิโยะมีผิวกายสีโทนนํ้าผึ้งละเอียด แขนขาเล็กบาง เอวบางคอด สะโผกผายกลมกลึง เธอมีหน้าอกหน้าใจที่ค่อนข้างพอดีไม่แบนราบหรือใหญ่จนเกินงาม ปกติแล้วจิโยะมักจะใส่เสื้อแขนยาวและกระโปรงคลุมเข่า ทับด้วยเสื้อกันหนาวสีขาวตัวหนาเหมือนจะไปผจญภัยที่ขั้วโลกเหนือ(?) และชอบใส่สีโทนอ่อน โดยฉะเพราะสีชมพูอ่อน จิโยะเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยชอบแต่งหน้าเสียเท่าไหร่ ปกติเธอมักจะออกจากบ้านด้วยหน้าสด และนานๆทีจะแต่งหน้า ซึ่งโทนสีที่ใช้ก็ไม่พ้นสีอ่อนแนวลูกพีชดั่งเดิม จิโยะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีส่วนสูงกลางๆก็คือส่วนสูง161และนํ้าหนัก49 และกลิ่นหอมเย็นอ่อนๆที่ไม่รู้ติดจากที่ไหน


    ลักษณะนิสัย : อาคีมิ จิโยะ เป็นดั่งกุลสตรีที่ชายหลายๆคนต่างใฝ่ฝันอยากได้สตรีเช่นนี้มาครอบครอง หากให้กล่าวถีงเธอสั้นๆคงตอบได้ว่า ‘ราวกับคุณหนูที่ได้รับการอบรมมารยาทมาอย่างดี’ ตั้งแต่นิสัยอ่อนโยนและอ่อนหวาน ดั่งที่เขาว่ากันว่า ‘ธรรมชาติออกแบบให้ผู้หญิงดูดีที่สุดเมื่อยามหล่อนแสดงความอ่อนโยน’ จิโยะเกิดมาเพื่อพิสูจน์เรื่องนั้นอย่างแท้จริง เธอเป็นคนใจดีที่สามารถให้อภัยคนอื่นได้ง่ายๆอย่างไม่ถือสา และถือคติ ‘ไม่หาเรื่องก่อน' จิโยะถือเป็นเขตปลอดสงคราม(?)อย่างแท้จริง เมื่อเกิดเหตุการ์ณทะเลาะกัน หญิงสาวเป็นคนแรกๆที่เมื่อเกิดเหตุร้ายแล้วคนอยากจะวิ่งไปหลบหลัง นอกจากนั้นเธอยังเป็นคนมีนํ้าใจมากๆคนหนึ่ง จิโยะสามารถหยิบยื่นของมีค่าให้ยืมหรือให้ความช่วยเหลือได้ เรียกได้ว่าจิตใจงามนางฟ้ามาโปรดสุดๆ และจิโยะยังเป็นคนใจอ่อนหากมาออดมาอ้อนอะไรหนักๆจะเริ่มมีเอนเอียงและหลุดปากพูดทำนองว่า “ก็ได้ค่ะ” ในที่สุด 

         สิ่งที่ตราตรึงเวลาคนพูดคุยกับจิโยะแบบสุดๆก็คือรอยยิ้มของเธอ จิโยะเป็นคนยิ้มสวยมากๆชนิดว่าคนเห็นถึงกับหยุดชะงักและอาจจะทำของหลุดมือ(?) ทั้งๆที่แค่ดันมุมปากขึ้นนิดๆแท้ๆ แต่แน่นอนว่าแม่คุณไม่รู้ตัวหรอก...นะ ที่ขาดไม่ได้เลยคือความสุภาพเรียบร้อยที่เป็นนิสัยหลักๆของจิโยะ เธอเป็นคนมีมารยาทและรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี อย่างลักษณะการพูดของเธอจะเป็นการพูดอย่างสุภาพและมีการเติมหางเสียง (ค่ะ, คะ) ตลอด อีกทั้งยังมีน้ำเสียงนุ่มละมุนละไม แต่จิโยะมีจุดอ่อนก็คือตามคารมคนไม่ค่อยทันหรือจะเรียกว่าเชื่อคนง่ายก็ไม่ผิดนัก หญิงสาวมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนสูงมาก ทั้งงานบ้านและทำอาหาร ทั้งของคาวของหวานจิโยะถนัดหมด นอกจากนั้นหญิงสาวยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้อายและไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่นักซึ่งก็เข้ากันได้กับความสุภาพของเธออยู่(?) ซึ่งความขี้อายของเธอจะแสดงออกได้อย่างชัดเจนเมื่อจิโยะต้องประสบพบเจอ(?)กับคนแปลกหน้า สังเกตได้ว่าเสียงของเธอจะเบาลงๆอย่างไร้ซึ่งความมั่นใจ นอกเหนือจากนั้นหากจิโยะต้องพูดอะไรต่อหน้าผู้คนมากๆเสียงเธอจะเบาลงไปอีกด้วยความเกรงกลัวจะหลุดปากพูดคำผิด แถมอย่างหลุดตะกุกตะกักบ้างจนเธอแอบร้องไห้ในใจ 

         นอกจากนั้นจิโยะยังเป็นบุคคลที่ขี้เกรงใจไม่ใช่น้อย หายากนักที่เธอจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่จิโยะจะแพ้ทางคำว่า ‘คนกันเอง' อย่างราบคาบ ถ้าอยากหยิบยื่นนํ้าใจให้พูดคำๆนี้และจะเห็นว่าหญิงสาวสตั้นไปชั่วขณะ(?)ก่อนจะบอกขอบคุณค่ะอ้อมแอ้มด้วยความเขินอายและอีกอย่างหนึ่งคือจิโยะเป็นบุคคลที่รักความสะอาดมากๆคนหนึ่ง ข้าวของต่างๆของเธอจะไม่เปรอะเปื้อนและไม่มีแม้แต่ผงฝุ่นให้เห็นจากการที่จิโยะคอยหมั่นทำความสะอาดเป็นอย่างดี เมื่อบวกกับนิสัยทะนุถนอมของทำให้ของแต่ล่ะอย่างที่จิโยะใช้นานๆทีจะหมดสภาพเหมาะเจาะกับนิสัยประหยัดของเธอสุดๆ เรียกได้ว่าซื้อของมาใช้เป็นปีเลยทีเดียว สมัยเรียนยางลบก่อนหนึ่งจิโยะก็ใช้จนหมด ไม่มีการทำหายก่อนใดๆทั้งสิ้นทำเอาเพื่อนอึ้งไปตามๆกัน (นี่ยังไม่รวมสีไม้ที่เจ้าหล่อนใช้ตั้งแต่มัธยมต้นยันมัธยมปลายโดยไม่มีเปลี่ยน ใช้จนสั้นนิ้วเดียวแล้วอุตส่าห์หาปลอกมาต่อคิดดู…) อีกทั้งเธอยังเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย จะเห็นว่าจิโยะไม่เคยพูดแทรกหรือพูดขัดคนอื่นเลยสักครั้งและแน่นอนว่าจิโยะเป็นคนมือเบาเวลาทำแผลเอามากๆจนพยาบาลอาจจะต้องอุทานด้วยความตื่นตะลึง ทำไมนะหรือ...ก็เพราะความมือเบาของเธอน่ะมาโครตเบาเหมือนไม่ได้ทำแผลเลยน่ะสิ! คนได้แผลอาจจะไม่รู้สึว่าทำแผลเสร็จแล้วดีไม่ดีอาจจะทำหน้าเหวอใส่ตอนจิโยะเงยหน้าขึ้นแล้วบอกว่า “เสร็จแล้วค่ะ" ด้วยซํ้า เข้ากับคณะแพทย์ที่เรียนไว้อย่างไม่ต้องพูดถึง 

         และอีกอย่างก็คือจิโยะอ่อนไหวค่อนข้างง่าย หากมีอะไรมากระทบมากๆมีความเป็นไปได้ว่าจิโยะจะรู้สึกแย่หนักกว่าคนอื่นๆด้วยความที่ติดจะขี้แยนิดๆด้วย เมื่อโดนอะไรกระทบหนักๆจึงนํ้าตาคลออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือจิโยะชอบคนง่ายนั่นเอง- จิโยะชอบคิดเล็กคิดน้อยอยู่เรื่อย บางครั้งเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เก็บเอามาคิดให้หนักหัวซะงั้น แถมยังชอบเก็บปัญหาไว้แก้คนเดียว มีอะไรก็ไม่ยอมปรึกษาใครจนปวดหัวเนื่องจากความเครียดบ่อยๆ จิโยะเก็บอารมณ์ไม่เก่งเมื่อมีอะไรมักจะเผลอแสดงออกด้วยท่าทางและแววตาไปเสียหมดจนไม่ต้องมองคนเก่งก็จับพิรุธได้ และจิโยะมีนิสัยที่ซ่อน(?)ไว้อย่างเงียบๆก็คือ...เธอขี้หึงจนน่าตกใจ เอาเป็นว่าถ้าไปทำให้เธอหึงเข้าก็ลบภาพนางฟ้าและกุลสตรีที่เวิ่นๆไปข้างบนออกได้เลย คำพูดคำจาของจิโยะจะดูตัดพ้อ ประชดประชัน และแสดงถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน แม้จะคงความสุภาพไว้แต่มันก็ไม่น่าดูชมอยู่ดีแต่เพราะเธอเป็นคนรักเดียวใจเดียวนั่นแหละเลยอยากให้คนที่รู้สึกดีด้วยแสดงออกแบบนี้เช่นกัน แต่ไม่ต้องห่วง เธอไม่หวงใครพร่ำเพรื่อหรอก...และอีกหนึ่งเรื่องก็คือจิโยะใสซื่อเรื่องความรักมากๆทั้งที่อายุก็ไม่ใช่เด็กๆ พอมีคนมาจีบก็เอ๋อกินอย่างน่าดูชม(?)แถมยังไม่รู้ว่าเขาจีบตัวเองอีกต่างหาก และจิโยะยังไม่มีแม้แต่การระแคะระคายว่าตัวเองชอบอีกฝ่ายหรือไม่ บ่อยครั้งที่เธอเข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกแบบเพื่อนที่ดี(?)ต้องให้ใครสักคนเคาะหัวแล้วร่ายยาวเรียกสติไม่ก็บอกไปเลยว่าการชอบใครสักคนมันรู้สึกยังไงถึงจะรู้

    ประวัติ :

    »จุดเริ่มต้นของอาคีมิ จิโยะ | 0-10«

         ครอบครัวของอาคีมิ จิโยะ มีหัวหน้าครอบครัวเป็นถึงหมอฟัน แม้ว่าแม่จะเป็นแม่บ้านธรรมดาแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้ความรู้ เธอแค่ต้องการดูแลลูกสุดความสามารถจึงลาออกจากงานเท่านั้น ส่วยจิโยะเป็นพี่สาวคนโต และมีน้องสาวที่น่ารักอยู่คนหนึ่งชื่อว่า อาคีมิ จิโกะ จิโยะอาจจะไม่ได้ใกล้ชิดกับพ่อนักเนื่องจากพ่อเป็นคนบ้างาน จึงมักออกไปทำงานหามรุ่งหามคํ่า แต่จิโยะก็คิดว่าครอบครัวของเธอมีความสุขดี…

         กระทั่งถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียน พ่อส่งให้เธอไปโรงเรียนเอกชนที่ไม่ได้โด่งดังอะไรมากแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร และในวันที่ก้าวเข้ามาในโรงเรียนครั้งแรก จิโยะก็ได้เจอกับ เมกามิ โมริโกะ หรือ โมริ โมริเป็นเด็กสุภาพและมีความรับผิดชอบ ทั้งสองเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวและมีความสุขหากไม่ใช่เพราะว่า...พ่อของจิโยะย้ายที่ทำงาน ทำให้เธอต้องย้ายตามไปด้วย จิโยะและโมริโกะจึงต้องแยกกันกระทันหันตอนเรียนประถมปีที่สี่ แต่จิโยะก็เชื่อว่าเราต้องมาพบกับอีกครั้งแน่ๆถึงได้มอบสมุดวาดภาพของตนและขอสัญญาว่าจะมารับคืนเมื่อพบกันอีกครั้ง


    »อนาคตไม่ได้สวยงาม | 10-13«

         โรงเรียนที่จิโยะย้ายเข้ามาเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ด้วยความที่เธอเรียนเก่งเป็นทุนเดิมทำให้ได้คะแนนอันดับต้นๆอย่างง่ายดาย เอาจริงๆคือตอนนั้นเธอรักเวลาที่ได้นั่งอ่านหนังสือทำความเข้าใจและวาดสรุปลงในกระดาษตามด้วยรูปการ์ตูนมาก เมื่อสนุกกับการเรียนจิโยะจึงแซงขึ้นมาเป็นที่หนึ่งของห้องอย่างไม่ต้องสงสัย คุณครูเริ่มเรียกเธอไปช่วยงานบ่อยขึ้นและเอ่ยชมทุกครั้งที่ได้คะแนนเต็ม “อาคีมิเป็นเด็กดีแถมเรียนเก่ง ทุกคนดูเป็นตัวอย่างด้วยล่ะ” นี่คือตัวอย่างคำพูดที่ครูชอบใช้เวลาชมเธอ และจิโยะก็ทำเพียงยิ้มแห้งๆแล้วปฏิเสธเสียงเบา หารู้ไม่ว่าการกระทำนี้ของเธอได้สร้างความอิจฉาริษยาให้ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเพื่อนร่วมห้องทุกคนเสียแล้ว ทุกคนเริ่มซุบซิบเรื่องท่าทางของจิโยะเหมือนการทำตัวสุภาพเป็นเรื่องผิด และเริ่มบอกว่าเธอทำตัวเป็นเด็กดีเพื่อเอาใจครู และเป็นผลมาจากการซุบซิบนินทาและการใส่สีตีไข่ในเรื่องราวของจิโยะ กระแสการแบนจึงเริ่มขึ้น 

         เมื่อเธอต้องทำงานกลุ่ม เธอก็มักโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว เป็นเศษเหลือของกลุ่มเพื่อนที่ไม่มีใครเอามาอยู่ด้วย และแค่นั้นยังไม่พอ เริ่มมีคนมาขีดเขียนบนโต๊ะของจิโยะว่าให้ลาออกไปซะ ทั้งโดนโยนแมลงสาบปลอมใส่ หนักสุดก็เคยโดนขังอยู่ในห้องเก็บของอันมืดมิดจนกลัวความมืดไปเลย และเวลาเธอเดินผ่านพวกเพื่อน พวกเขาทุกคนก็พร้อมใจกันหยุดซุบซิบนินทาเธอและทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จิโยะอยากจะบอกครู อยากจะบอกพ่อ อยากจะบอกแม่ แต่เธอทำไม่ได้...เธอแค่สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังนินทาเธออยู่ แต่กลับไม่ได้ยินเนื้อหาอย่างชัดเจน ดังนั้นเธอจึงไร้หลักฐานไปโดยปริยายนอกจากคำด่าซึ่งบนโต๊ะที่ใครสักคนเขียนก็เท่านั้นแถมเธอยังไม่อยากให้ใครเป็นห่วงเธออีกต่างหาก 

         จิโยะจึงได้แต่เก็บความเครียดไว้ในใจเรื่อยๆ...จนกระทั่งเธอรู้สึกว่ามันแปลกๆ เธอเศร้าตลอดเวลาและไม่อยากอาหารแม้แต่น้อย ความคิดเรื่องฆ่าตัวตายเริ่มปรากฏมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังดีที่เธอยังไม่ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง...จิโยะอดทนเก็บความเครียดและความอึดอัดไว้มาตลอดจนกระทั่งวันหนึ่งแม่ของเธอก็สังเกตได้ว่าเธอแปลกไป เธอดูเหม่อลอยและเริ่มมีรอยคลํ้าใต้ดวงตา อีกทั้งผลการเรียนยังตกตํ่าลงเรื่อยๆ พ่อและแม่ของเธอรวมถึงน้องตัดสินใจถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน เมื่อโดนจับสังเกตได้จิโยะจึงค่อยๆเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา แรกๆเธอก็เล่าด้วยน้ำเสียงปกติแต่เมื่อมาถึงตอนที่ตนโดนแกล้งความอึดอัดก็เริ่มถ่วงอกจนนํ้าตาคลอนัยน์ตากลมและหลังจากนั้นคำพูดทั้งหมดก็ถูกเปล่งออกมาพร้อมหยดนํ้าตา แม่ตัดสินใจพาเธอไปหาหมอจิตแพทย์หลังจากฟังที่จิโยะเล่าจบและเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าจากการแกล้งส่วนหนึ่งและเพราะว่าเธอเป็นคนจิตใจอ่อนแอด้วยจึงรู้สึกแย่มากกว่าคนทั่วๆไป หลังจากวันนั้นพ่อก็ตัดสินใจให้เธอย้ายโรงเรียนอีกครั้งและครั้งนี้เธอได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกับ เมกามิ โมริโกะ เพื่อนเก่า ข่าวนั้นทำให้จิโยะดีใจจนแทบบ้าและกล่าวขอบคุณผู้ปกครองทั้งสองซํ้าๆ และกล่าวขอโทษน้องด้วยที่ทำให้ต้องแยกจากเพื่อนๆ ซึ่งจิโกะก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มให้และบอกว่า “หนูเข้าใจค่ะ”

         ...บางทีน้องสาวเธอก็โตกว่าวัยจริงๆนั่นแหละ…


    »ภาพสะท้อนของโรคซึมเศร้า | 13«

         พอได้ย้ายโรงเรียนเมื่อขึ้นมัธยมหนึ่ง จิโยะก็ได้พบกับโมริอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆ เธอดูสวยขึ้น สูงขึ้น ผมยาวขึ้น และเริ่มมีส่วนเค้าโว้งมากขึ้นจากที่เจอกันเมื่อคราวก่อน โมริเองก็ดูดีใจเหมือนกันที่ได้เจอกับเพื่อนเก่าอีกครั้ง และโมริก็ได้มีเพื่อนใหม่คนสวย(?)ชื่อว่า ฮานาสุ ฮิคารัน หรือ คารัน นั่นเอง ทั้งสามสนิทกันมากและอาการของโรคซึมเศร้าก็เริ่มหายไป แต่...ชีวิตของจิโยะสงบสุขได้แค่ครึ่งปีเพราะหลังจากการสอบกลางภาคผ่านไปและคะแนนของเธอก็พุ่งขึ้นติดท็อป เสียงนินทาซุบซิบก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง แม้คารันจะเอ่ยไล่พวกปากเสาะและโมริพยายามชวนคุยกลบเสียงนินทาแต่จิโยะก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี พร้อมๆกันนั้นความรู้สึกเดิมๆก็เริ่มกลับมา...เศร้าตลอดเวลา ไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิเรียน...ใช่ โรคซึมเศร้าที่เหมือนจะทุเลาลงก็เริ่มกำเริบอีกครั้ง คราวนี้เธอได้รับบทเรียนว่าควรนำไปปรึกษากับพ่อแม่ให้แน่ชัด พ่อของเธอตัดสินใจพาเธอไปหาหมออีกครั้งแต่กลับไม่ยอมรับยามาเพราะกังวลว่าจะส่งผลเส่ยต่อสุขภาพของเธอเอง และเมื่อคนเป็นพ่อคิดไว้อย่างนั้น ลูกสาวอย่างจิโยะจึงขัดไม่ได้

         ทางด้านคารันและโมริ ทั้งสองเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนไปของจิโยะ ที่เห็นแน่ชัดคือผลการเรียนของเพื่อนตกตํ่า มีอาการเหนื่อยและเหม่อลอย แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ทำอะไรมากก็ได้แต่คอยอยู่เคียงข้าง จนกระทั่งวันหนึ่งคารันสังเกตว่าจิโยะเขียนอะไรบางอย่างลงสมุดวาดภาพ เธอแอบเหลือบมองและพบคำว่า ‘ตาย’ อยู่หน้าแรกสุด ด้วยความร้อนใจเด็กสาวจึงแอบขโมยมันในตอนที่เพื่อนไปเข้าห้องนํ้า ทั้งสมุดเขียนตัดพ้อเรื่องที่จะกลับมาโดนแบนและเขียนระบายเรื่องในอดีต อีกทั้งยังเขียนว่าหมดหวังจะหายจากโรคซึมเศร้า เมื่อเห็นดังนั้นคารันจึงเก็บสมุดลงกระเป๋าตัวเองและเรียกโมริมาคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อนสาวได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดและบอกว่า”ก่อนย้ายโรงเรียนจิโยะร่าเริงกว่านี้มากนะ…” โมริเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจและเล่าเรื่องในอดีตของจิโยะรวมถึงข่าวว่าจิโยะโดนแบนที่แม่ตนนำมาบอก (แม่ของโมริกับแม่จิโยะเป็นเพื่อนกัน) คารันตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปบอกแม่ของจิโยะ เธอดูตกใจเป็นอย่างมากและรับปากว่าจะหาวิธีจัดการให้ ตกเย็นวันนั้นแม่ของจิโยะเรียกลูกสาวไปคุยและพูดถึงเรื่องยาของโรคซึมเศร้า เธอบอกว่าจะปรึกษากับจิตแพทย์เรื่องยาอีกทีก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า “ลูกมีเพื่อนที่ดีมาก”

         จิโยะคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะพึมพำรับคำแม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินก็ตาม “...ก็ดีจริงๆนั่นแหละค่ะ"

         แม้คารันจะไร้มารยาทค้นของส่วนตัว แต่เพราะมันเป็นนิสัยของเธออยู่แล้วนี่? และที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าเป็นห่วงเธอจากใจจริงรึไง?

         แม้โมริจะเล่าเรื่องในอดีตให้คารันฟัง แต่ก็เพราะต้องการให้ช่วยกันหาทางแก้นั่นแหละ หากไม่เล่าให้หมดคารันจะเข้าใจเต็มร้อยได้อย่างไร?

         เพื่อนทั้งสองของเธออาจจะไม่ได้ทำอะไรดีบริสุทธิ์ แต่การกระทำของพวกเธอล้วนเกินจากการห่วงใยทั้งนั้น


         A best friend is someone who loves you when you forgot to love yourself.


         เพื่อนสนิทคือคนที่รักคุณ ในยามที่คุณลืมรักตัวเอง


    »เติบโตขึ้นจากจุดนั้น | 13-24«


         หลังจากวันนั้นเมื่อได้กินยาก็เหมือนว่าสติเธอจะเข้าที่เข้าทางขึ้นมานิดหน่อย...จิโยะกลับไปเรียนและกล่าวขอบคุณเพื่อนทั้งสอง และหลังจากวันนั้นจิโยะจึงตัดสินใจไม่ฟังพวกเสียงซุบซิบนั้นและเตือนตัวเองว่าที่นี่ต่างจากโรงเรียนเก่า ณ ที่แห่งนี้เธอมีคารันที่พร้อมจะจิกสายตาใส่พวกคนไร้มารยาทและโมริที่พร้อมพาเธอเดินออกจากสถานการณ์อันตรายเช่นกัน หลังจากเรียนจบจิโยะก็ตัดสินใจเข้าเรียนมหาลัยออล์ซิลในคณะแพทย์ตามความต้องการของผู้เป็นพ่อ แม้ว่าคารันกับโมริจะเข้าเรียนคนละที่แต่ทั้งสามก็นัดพบกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง ปกติพวกเธอมักจะนัดเจอกันที่ร้านคาเฟ่และเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าตอนนั้นใครจะอยากกินที่ไหน


    #เลขข้างหลังคืออายุนะคะ!


    ชอบ :

    - กระต่าย | ขนมันนุ่มๆปุยๆน่ารักมาก! ยิ่งกระต่ายขนขาวยิ่งน่ารัก! | ถ้าสะอาดก็เข้าไปกอด แต่ถ้าสกปรกก็อุ้มไปอาบนํ้า(?)แล้วกอดต่อ


    - สีชมพูอ่อน | มันดูสบายตาดี… | ข้าวของและเสื้อผ้าของเธอส่วนมากมักจะเป็นสีชมพูอ่อนทั้งสิ้น

    - ที่ที่ๆไม่มีฝุ่น | จิโยะเป็นคนรักความสะอาด จึงต้องชอบที่ๆสะอาดอยู่แล้ว | (1) [ย้ายมาที่อื่นแล้วเจอที่อยู่สะอาด] ทำตาวาววับอย่างชอบใจ (2) [ทำความสะอาดเสร็จ] มองอย่างภาคภูมิใจ(?)


    - กาแฟ | กินแล้วหายเครียด | (1)[อยู่ในสถานการณ์ที่กินได้] ยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว (2)[อยู่ในสถานการณ์ที่กินไม่ได้] ลอบมองและพยายามทำเหมือนไม่ได้อยากกินแม้มันจะสื่อออกมาทางแววตาหมดแล้ว


    ไม่ชอบ / เกลียด :

    - แมลงสาบ | คิดว่ามันน่าขยะแขยง + เคยโดนโยนแมลงสาบปลอมใส่ตอนอยู่โรงเรียนเก่า | เอามือปิดปากแล้วถอยออก...


    - คนที่นินทาตน | เพราะเคยโดนนินทาลับหลังมาเลยรู้ว่ามันเจ็บเจียนตายแค่ไหน | (1)[อยู่กับคนที่ไว้ใจ] จับแขนเสื้อไว้แล้วทำหน้าเหมือนจะบอกให้พาหนีที (2)[อยู่คนเดียว] พยายามทำหูทวนลมแล้วเดินออกห่าง


    - ที่สกปรก | มันมีทั้งแมลงสาบ...และด้วยนิสัยรักสะอาดจึงไม่ชอบโดยปริยาย | (1)[ห้องของตัวเอง] จับไม้กวาด ทำความสะอาดทันใด (2)[ห้องคนอื่นที่รู้จัก] ขออนุญาติทำความสะอาดให้ ถ้าไม่อนุญาติก็เก็บความขัดใจไว้ลึกๆ(แม้จะแสดงออกทางแววตาโดยไม่รู้ตัว) (3)[ที่ๆทำความสะอาดไม่ได้] เอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกและเดินออก ถ้าเดินออกไม่ได้ก็พยายามอยู่เฉยๆ

    กลัว : ที่มืด | เคยโดนขังไว้ในห้องเก็บของมืดๆตอนอยู่โรงเรียนเก่า | (1)[มีคนที่สนิทใจอยู่ด้วย] กอดแขนอีกฝ่ายแน่นแล้วหลับตาปี๋ (2)[มีคนอยู่ด้วย แต่ไม่สนิท] ขออนุญาติจับมือ หากไม่ได้ก็กอดแขนตัวเองแทน (3)[หากอยู่คนเดียว] นํ้าตาเริ่มคลอพร้อมกับปวดหัวจี๊ดจนต้องนวดขมับตัวเอง

    แพ้ : -

    ความสามารถพิเศษ : วาดรูปสวย | ความทรงจำค่อนข้างดี | เรียนเก่ง

    งานอดิเรก : วาดรูป

    ลักษณะการพูดจา : จิโยะเป็นผู้หญิงเสียงหวานใสและนุ่มละมุนละไม หากคนไม่สนิทเธอจะเรียกอีกฝ่ายด้วยนามสกุลแต่ถ้าสนิทแล้วจะขออนุญาติชื่อจริงๆ เธอลงท้ายอย่างสุภาพ (คะ,ค่ะ) และมักจะเรียกชื่อคนอื่นขึ้นต้นว่า ‘คุณ' ปัจจุบันมีแค่เพื่อนสองคนที่เลิกเรียกว่าคุณมานานแล้ว


    [อารมณ์ดี]

         “เอ๊ะ...อารมณ์ดี...อย่างนั้นเหรอคะ?” โดนทักว่าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “ก็...มีเรื่องดีๆนิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่ต้องใส่ใจก็ได้” [เสียงจะดูสดใสขึ้น เหมือนว่านัยน์ตาจะทอประกายระยิบระยับมากกว่าเก่า]


    [โกรธ]

    “คุณ…กล้าทำแบบนี้...ได้ยังไงคะ…”  [เสียงเย็นยะเยียบต่างจากปกติ มือเรียวกำชายกระโปรง และจิกตามองอีกฝ่าย]


    [งอน]

    “ไม่คุยด้วยแล้วค่ะ…!” [พองแก้มนิดๆและสะบัดหน้าไปทางอื่น]


    [หึง]

    “คุณไปอยู่กับเธอให้นานๆเลยค่ะ แล้วไม่ต้องกลับมาหาฉันอีกนะคะ ไปนานๆตลอดชีวิตฉันเลยยิ่งดี" [หลุดประชดประชันเสียงแข็งทั้งที่ปากเม้มแน่นและนัยน์ตาสั่นระริก]


    [กลัว]


    “กรี๊ด!!” กระโดดกอดหลังคนตรงหน้นแน่นและหลับตาปี๋ด้วยความกลัว


    “คะ คือ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร...ฉันขอจับมือ...ได้ไหมคะ?” พูดเสียงอ่อน [เสียงสั่นและเบาลง นัยน์ตาสั่นระริก]


    [เศร้า]


    “ฮึก...ฉัน...ไม่รู้…” [เสียงอื้นออกมาและเอามือปิดหน้า]


    [เขิน]

    “ยะ อย่าพูดแบบนั้นสิคะ…” [หน้าแดงจัดและเสียงเริ่มตะกุกตะกัก]


    [คุยกับครอบครัว]

    “จิโกะคะ ไม่ไปเล่นกับเพื่อนเหรอ?”

    “แม่คะ ยาหนูอยู่ไหนเหรอคะ?”

    “พ่อคะ...หนูปวดหัว…” [ใช้ถ้อยคำสุภาพ เสียงอ่อนโยนลง]


    [อื่นๆ]

    “สเป็กเหรอคะ? อื้ม...ของแบบนั้นไม่รู้หรอกค่ะ”


    “คารัน! อย่า!” กอดแขนรั้งเพื่อนเอาไว้


    “ปะ เปล่านะ! ฉันไม่ได้ชอบเขานะ...แค่...บะ แบบเพื่อน แค่หวงแบบเพื่อนน่ะ…”


    เพิ่มเติม :

    - จิโยะวาดรูปค่อนข้างเก่ง แต่ไม่ถนัดวาดวิวกับวาดภาพเรียล ส่วนมากชอบวาดแนวการ์ตูนมากกว่า

    - ผลการ์เรียนจิโยะดีมาก แต่ถ้าให้จัดอันดับในกลุ่มโมริฉลาดสุดนะ

    - จิโยะเคยเลี้ยงกระต่ายชื่อปุกปุย แต่มันหลุดจากกรงแล้วหายไปเลย…

    - จิโยะตั้งชื่อไม่เก่ง…

    - ชอบลาเต้มากที่สุด

    - ยังไม่หายจากโรคซึมเศร้าขาด แต่ใกล้จะหายแล้ว

    - จิโยะจะรู้สึกผิดมากหากทำของที่คนรู้จักให้มาหาย

    - เธอเป็นโรคจิต(?)ชนิดหนึ่ง คือหากเห็นที่สกปรกมากๆที่เป็นของคนรู้จัก (กระเป๋ารก ห้องรก ห้องสกปรก) จะขออนุญาติแล้วทำความสะอาดให้

    - เธอมีกระเป๋าสะพายที่บรรจุของเกือบทุกอย่าง อาธิเช่นหวี ดินสอ ยางลบ (ของพื้นฐานเพื่อกรณีฉุกเฉิน)

    - ตอนอยู่โรงเรียนเก่าจิโยะเรียนเก่งกว่านี้มาก แต่พอเจอเรื่องแย่ๆมากเลยซอฟเรื่องเรียนลงโดยปริยาย

    - ผ้าเช็ดหน้าที่จิโยะใช้ โมริเป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดและใช้มาจนถึงทุกวันนี้

    - เวลาเครียดมากๆจิโยะจะปวดหัวแต่ไม่มีไข้

    - เธอยังต้องกินยาอยู่ในช่วงที่เครียดจัด

    - เธอกำลังจะสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ

    - ถ้าตลค.เสริมเยอะไปก็ขอโทษด้วยค่ะ มันมาเอง-

    “ทำไมเหรอคะ?”

    อาคีมิ จิโกะ | Akemi Chiko

    [น้องสาวของจิโยะ]

    เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าจิโยะ3ปี (ปัจจุบัน15) เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่และโตกว่าวัย ค่อนข้างหวงและห่วงพี่สาวอย่างสูง ปัจจุบันโสดสนิท-


    “มีปัญหาอะไรกับเพื่อนฉันเหรอคะ?”

    เมกามิ โมริโกะ | Megami Moriko

    [เพื่อนสนิทจิโยะ]

    เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กจนปัจุบันของจิโยะ โมริเป็นคนสุภาพแต่ไม่ได้ถึงกับกล้าๆกลัวๆอย่างจิโยะ เธอออกแนวสุภาพทว่ากล้าแสดงออกมากกว่า เป็นคนใส่ใจเพื่อน ความจำดี เรียนเก่งและปัจุบันโสดสนิท


    “แรงมา ฉันแค่แรงกลับ"

    ฮานาสุ ฮิคารัน | Hanasu Hikaran

    [เพื่อนสนิทจิโยะ]

    เธอคนนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างกับเพื่อนสาวทั้งสอง คารันเป็นสาวมั่นที่แท้ทรู(?)แรงมาแรงกลับ ร้ายมาร้ายกลับ มั่นใจในตัวเองและหวงเพื่อนทุกคนอย่างเท่าเทียม ปัจจุบันโสดสนิทและไม่มีวี่แววจะหาแฟนเจอในเร็วๆนี้


    “คุณ...ทำยังไงดี"

    “ใจเย็นๆก่อนสิคุณ ใช้สติแก้ปัญหา”

    อาคีมิ จานาริ | Akemi Janari

    &

    อาคีมิ คิกะ | Akemi Kiga

    [พ่อและแม่ของจิโยะและจิโกะ]
    จานาริเป็นหญิงสาวอารมณ์อ่อนไหวเหมือนลูกสาวคนโตไม่มีผิด เธอมักจะลนลานและอ่อนไหวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆอีกทั้งยังสุภาพ

    ส่วนคิกะเป็นคนเคร่งครึมเหมือนลูกสาวคนเล็ก เขายึดตามเหตุผลและหลักการจนน่าตกใจ อีกทั้งความคิดอ่านเหนือคนธรรมดา(?)



    Talk with Time of Fate cafe Owner

    ‘กรุ๊งกริ๊ง’ เสียงกระดิ่งหน้าร้านในยามเปิดประตูเข้ามาดังขึ้นดึงความสนใจของคนที่กำลังวุ่นวายในการจัดของภายในร้านอยู่นั้นขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะยกยิ้มเบาบางและละมือจากการจัดการของแล้วเดินมาหาคนที่เข้ามาใหม่ทันที “สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาเครื่องดื่มมาให้ ชาหรือกาแฟดีคะ?” หล่อนขยับยิ้มบางพร้อมจูงมือลูกค้าเข้ามานั่งในร้านคาเฟ่ที่ไม่มีคนเลยพร้อมเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

    :: “กาแฟก็ได้ค่ะ…” จิโยะด้วยนํ้าเสียงสุภาพก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือพาตนเข้ามาอย่างว่าง่าย ‘หวา คนๆนี้สวยจังแหะ…’ หญิงสาวชมในใจแม้ริมฝีปากสีลูกพีชไม่ได้ขยับเอ่ยสิ่งที่คิดแม้แต่น้อย แต่ดูจากแววตาวาววับของเธอคงดูออกไม่ยาก

    “นี่ค่ะ” เจ้าหล่อนเดินเข้าไปหลังเข้าเคาท์เตอร์แล้วชงเครื่องดื่มเพียงไม่กี่นาทีก็ยกแก้วเครื่องดื่มมาให้คนที่นั่งรออยู่ก่อนนั่งลงฝั่งตรงข้ามอีกฝ่าย “เอาล่ะ… อาจจะเป็นการเสียมารยาทไปสักหน่อยแต่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ?”

    :: “ขอบคุณมากนะคะ" จิโยะยกถ้วยกาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบ รสชาติขมปร่าสอดแทรกกับความหวานนิดๆอย่างลงตัวทำเอาเธอดื่มอึกต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะลดถ้วยลงเมื่ออีกฝ่ายถามคำถามกับตน “พูดมาสิคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวจนเกินไปฉันจะตอบค่ะ”

    “งั้น… คุณคิดว่าโชคชะตาคืออะไรคะ?” หล่อนถามอย่างนุ่มนวลพร้อมอมยิ้มเล็กน้อยและมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสงสัยแต่ไม่ได้กดดันให้ตอบอะไร

    :: “อ่า…” เธอนิ่งไปครู่หนึ่งพลางรวบรวมความคิดอย่างหนัก “...การพบเจอกัน...มั้งคะ?” จิโยะตอบเสียงค่อยลงเนื่องจากไม่มั่นใจในคำตอบนัก

    “งั้นเหรอคะ… แล้วคิดว่าโชคชะตามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้รึเปล่าคะ?” หล่อนพยักหน้าเบาๆรับคำอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามต่อไป

    :: “...ถ้าเราอยากเปลี่ยน มันต้องเปลี่ยนได้แน่นอนค่ะ" จิโยะยิ้มนิดๆและกลับมาพูดเสียงโทนปกติเช่นเดิม

    “อืม… ค่ะ” หล่อนยิ้มรับคำก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมๆกับสติของลูกค้าที่เริ่มเลือนรางอย่างแปลกประหลาด หล่อนทาบมือขาวเนียนของหล่อนลงบนหลังมืออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

    :: “เอ๊ะ…” หญิงสาวอุทานเสียงเบาอย่างงุนเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองเลือนลางไป เธอมองมือขาวของอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนจะสื่อว่า ‘เกิดอะไรขึ้น' อย่างเห็นได้ชัด

    “ขอให้โชคดีนะคะ… อาคีมิ จิโยะ หวังว่าโชคชะตาของคุณจะเป็นไปได้ด้วยดี...” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่นุ่มนวลผสมความอ่อนไหวและอ่อนหวานอยู่ภายในก่อนจะหลับใหลไป

    :: “...คุ--" จิโยะขยับปากเหมือนจะถามอะไรออกมา แต่ตาของเธอกลับหนักอึ้งอย่างประหลาด จนสุดท้ายเธอก็จมสู่ห่วงนิทราอย่างสมบูรณ์


    Talk with Caroline


    เฮลโล~ เราแคร์เองค่ะ! ไม่ทราบว่าผปค.ชื่ออะไรคะ?

    : แคนดี้ โรส ค่ะ! เรียกแคนก็ได้ ที่เอาไว้เป่า-----

    ถ้าน้องติด แคร์จะขอแก้บางส่วนได้มั้ยคะ??

    : แก้เลยค่ะ~

    ถ้าไม่ผ่านจะรับลูกกลับมั้ยคะ? หรือจะทิ้งไว้ซึ่งแคร์อาจจะเอาไปทำเป็นซีเคร็ทคาร์ แค่อาจจะนะคะ แล้วจะโกรธแคร์อะป่าวอ่ะ?

    : ทิ้งไว้แล้วกันนะคะ ทางนี้เตรียมนํ้ามันไว้เผาบ้านแคร์แล้ว---- //สัญญาณขาดหาย/

    ถ้าแคร์คอมเม้นท์แรงต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รับได้ใช่มั้ยคะ?

    : เข้าใจว่าแคร์อยากให้ผลงานออกมาดีที่สุดค่ะ ดังนั้นรับไม่ได้ก็ต้องรับได้แล้วค่ะ-

    ขอคำนิยามที่บอกถึงตัวตนของลูกหน่อยค่ะ-

    : สุภาพและมารยาทงามค่ะ-

    อนุญาตให้แคร์ดองได้กี่เดือนคะ?-- แค่ก!!!

    : ไม่เกิน1วัน ขอบคุณค่ะ--- *สัญญาณขาดหาย*

    ขอบคุณที่มาส่งค่ะ! ขอให้โชคดีนะคะ~

    : ค่า ขอให้แคร์โชคดีเช่นกันค่า

       
       
         T
    B
       
      
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×