ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #33 : บทที่ 13 ตะกอนแห่งความสงสัย - "ข้างในว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย" [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 906
      2
      11 มี.ค. 54

    บทที่ 13 ตะกอนแห่งความสงสัย

    “ข้างในว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย”

     

                วิลเลียมยืนอยู่ในห้องรับรองเล็กของพระราชวังต่อหน้าพระพักตร์ของพระราชา

                “เจ้าพบมาร์คัสกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งอยู่ที่ห้องหนึ่งในปราสาทแม่มดหลังจากนั้นใช่ไหม” ลูเธอร์ถามสืบต่อ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังโดยละเอียดแล้ว

                “พะย่ะค่ะ ท่านมาร์คัสเล่าให้ฟังเมื่อได้สติแล้วว่า ตนพลัดหลงไปตกกับดัก และก็เหมือนจะถูกลอบทำร้ายในตอนนั้น แต่ความทรงจำช่วงนี้ของท่านมาร์คัสไม่ชัดเจนนัก”

                เขาและไลนัสเป็นคนพบมาร์คัสที่มีน้ำแข็งหุ้มด้วยตนเอง และพบกลไกกับดักบริเวณใกล้ๆ นั้น เรื่องนี้จึงยืนยันได้ แคสซานดราเป็นคนช่วยใช้เวทสลายมนตร์แช่แข็งนั้นให้ เมื่อฟื้นขึ้นมามาร์คัสก็พยายามถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง ทว่ากลับจำไม่ได้ว่าศีรษะถูกกระแทกและโดนทำร้ายตั้งแต่เมื่อใด

                “ตามรายงานเขียนว่า ศีรษะของมาร์คัสมีแผลอยู่ อาจกระทบกระเทือน แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้ว สติปัญญาและภูมิความรู้อื่นๆ ก็ยังสมบูรณ์เป็นปรกติดีสินะ” พระราชาอ่านเอาจากรายงานที่อยู่ในพระหัตถ์แล้วสรุป

                “พะย่ะค่ะ...”

                “แล้วพวกเจ้าก็เดินทางกลับมาโดยใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายตามที่แคสซานดราเสนอ โดยมีมาร์คัสและเรนนีช่วยรวมพลังเวทด้วยอีกแรง”

                “เป็นเช่นนั้นจริงพะย่ะค่ะ”

                แต่กว่าจะเตรียมตัวกันพร้อม ก็ต้องใช้เวลาพักผ่อนฟื้นฟูพลังอยู่บ้างเช่นกัน หาใช่รวมตัวกันครบแล้วก็กลับทันทีเลย

                เวทมนตร์เคลื่อนย้ายประเภทนี้อาศัยความทรงจำร่วมเป็นสำคัญ และเป็นเวทที่สิ้นเปลืองพลังไม่น้อย โดยปรกติหากไม่ใช่พวกนักเวทหรือนักบวชที่มีงานสำเร็จเร่งด่วนจริงๆ แล้วก็จะไม่ใช้วิธีนี้เดินทางกัน ทว่าพอแคสซานดราเสนอมาอย่างมากน้ำใจว่าจะใช้เวทนี้ช่วยพาทุกคนกลับบ้านก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธนาง แต่ละคนก็อยากจะกลับบ้านโดยเร็วกันทั้งนั้น

                “แม่มดดำแคสซานดราเป็นคนช่วยเจ้าสืบเรื่องจนรู้ว่าเอริกาเป็นคนขโมยพันธะแห่งดาเรนไลน์ไปในทีแรกใช่ไหม”

                “...พะย่ะค่ะ” วิลเลียมไม่คิดจะปฏิเสธหรือปิดบังอีกต่อไปจึงตอบรับถ่ายเดียว

                “ทำไมครั้งนี้เจ้าถึงยอมเปิดเผยโดยง่ายเสียล่ะ”

                “เพราะถึงข้าจะพยายามปิดบังต่อไป ฝ่าบาทก็ทรงล่วงรู้ความจริงอยู่แล้วไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ” วิลเลียมย้อนถาม

                “ก็จริง” ยากนักที่จะมีเรื่องราวใดเล็ดลอดพระเนตรพระกรรณของกษัตริย์แห่งดาเรเนียไปได้ “แต่เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า ข้าอาจนึกอยากกำจัดแม่มดดำแห่งลูซแวร์ขึ้นมาบ้างก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเก่งกาจกว่าเอริกาเสียอีก ไม่เป็นห่วงเพื่อนเจ้าบ้างเลยหรือ”

                ชายหนุ่มหรี่นัยน์ตาสีน้ำเงินลงเล็กน้อย กล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวว่า

                “นางไม่ได้เป็นที่หมายหัวของสมาคมนักเวท และก็ไม่ได้ก่อความเดือดร้อนให้ผู้ใด ต่อให้เป็นกษัตริย์ การตัดสินใจสั่งการต่างๆ ก็ต้องมีเหตุผลอันควรรองรับไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ และหากฝ่าบาทตรัสถามมาเช่นนี้ แสดงว่าทรงมิได้มีดำริจะกระทำเช่นนั้นจริง”

                ถึงจะพูดท้าทายไปเช่นนั้น ใจหนึ่งเขาก็ยังนึกเป็นห่วงอยู่ บางครั้งคนเป็นกษัตริย์ก็อาจสามารถทำอะไรตามอารมณ์โดยไร้เหตุผลได้เหมือนกัน ทว่าพอคิดว่าเพื่อนคนดังกล่าวเป็นแคสซานดราแล้ว ความเป็นห่วงก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่เกินจำเป็น

                พระราชาแย้มพระโอษฐ์รับ หลานชายคนนี้พูดเหมือนจะเข้าใจว่าตนคิดจะทำอะไร แต่แท้จริงแล้วกลับยังไม่รู้อะไรเลย ทว่าเรื่องนี้เอาไว้ค่อยๆ สอนทีหลังก็ได้

                “เรื่องนั้นเจ้าก็พูดถูก แต่ถึงอย่างไร ข้าก็ว่าเรื่องนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอีกมาก” ลูเธอร์เปรย

                “ฝ่าบาททรงสงสัยเรื่องใดก็สอบถามมาได้ หากกระหม่อมพอจะทราบก็จะแถลงไขให้” ชายหนุ่มกล่าวเสียงราบเรียบเป็นงานเป็นการ

                คนฟังไม่ค่อยพอใจปฏิกิริยาของผู้กล่าวนัก วิลเลียมในวันนี้ดูนิ่งเสียเหลือเกิน เรื่องตื่นเต้นที่ไปประสบมาก็ยังนำมาเล่าเป็นอารมณ์เดียว กระตุ้นแหย่ถามอะไรก็เออออตอบรับไปเสียทั้งหมด อีกทั้งยังสนทนาโต้ตอบโดยใช้คำราชาศัพท์ได้คล่องแคล่ว ไม่มีเผลอหลุดคำสามัญออกมาเหมือนแต่ก่อนเลย

                “ทำไมเจ้าต้องเขียนรายงานมา ปรกติแล้วเจ้าไม่ชอบงานลักษณะนี้ไม่ใช่หรือ” คำถามแรกของลูเธอร์ดูไม่ค่อยเข้าประเด็นนัก แต่พอย้อนนึกไปถึงวิลเลียมที่เคยบุ่มบ่ามเข้ามารายการปากเปล่าให้เขาฟัง เรื่องนี้ก็แลขัดกับอุปนิสัยทำอะไรเอาเร็วและสะดวกเข้าว่าของชายหนุ่มจริงๆ

                “กระหม่อมเห็นว่า เรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก หากไม่บันทึกเป็นรายลักษณ์อักษรเอาไว้อาจถ่ายทอดได้ไม่ครบถ้วนทั้งหมด อีกอย่าง...ฝ่าบาทจะได้เอารายงานของข้าไปเทียบกับรายงานที่ผู้อื่นจะส่งตามมาได้สะดวกด้วย”

                ที่จริงแล้ว วิลเลียมจงใจเขียนรายงานมาเพราะไม่อยากเล่าเรื่องให้ฟังโดยตรงต่างหาก เพราะเมื่อนั้นแล้ว เขาอาจจะเผยพิรุธออกไป ลูเธอร์พูดถูกที่ว่า การเดินทางครั้งนี้มีหลายอย่างที่น่าสงสัย ซึ่งเขาเองก็นึกติดใจอยู่เหมือนกัน เพียงแต่พอคิดว่าได้พันธะแห่งดาเรนไลน์กลับมา งานก็เสร็จแล้ว เรื่องอื่นจึงไม่จำเป็นต้องขุดคุ้ยให้มากความ

                ความจริงบางอย่างปล่อยให้ฝังลึกเป็นความลับต่อไปดีกว่าพยายามจะรื้นฟื้นหาคำตอบ... ชายหนุ่มกล่อมตัวเองให้คิดเช่นนั้น

                ครั้นได้สดับคำตอบของชายหนุ่มแล้ว พระราชาก็จับได้ว่า อีกฝ่ายมีเรื่องมากมายที่ยังไม่อยากเปิดเผย ถึงพยายามถามคาดคั้นต่อไปก็คงได้คำตอบกลบเกลื่อนกลับมา เขาไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าไปกับเกมถามตอบนี้ เอาไว้ไปเรียบเรียงจุดที่น่าสงสัยมาได้ทั้งหมดแล้ว ค่อยมาซักถามรวดเดียวดีกว่า

                “อย่างน้อยเจ้าก็นำพันธะแห่งดาเรนไลน์กลับมาให้ข้าได้แล้ว เรื่องวิธีที่เจ้าใช้ข้าจะทำเป็นไม่สนใจก็แล้วกัน” พระองค์ตรัสบอก

                “ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ” วิลเลียมค้อมศีรษะลง แล้วว่าจะขอตัวลาจากไป

                ทว่าเจ้าของสถานที่กลับรั้งตัวเขาไว้ก่อน

                “ข้าเรียกพระราชินีกับเจ้าหญิงแล้ว อีกสักครู่พวกนางคงมาถึง พวกเราจะมาชมดูพันธะแห่งดาเรนไลน์ด้วยกัน เจ้าก็อยู่รอดูด้วยเลยดีกว่า”

                “ไม่ใช่จะให้ช่างผู้ชำนาญการมาพิสูจน์หรือพะย่ะค่ะ” เขานึกว่าควรจะเป็นเช่นนั้นเสียอีก

                “ไม่จำเป็น พันธะแห่งดาเรนไลน์เป็นสมบัติประจำราชวงศ์ที่มีเวทมนตร์พิเศษสถิตอยู่ วิธีพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ก็ไม่ได้ยุ่งยากนักหรอก เวทนั้นยากที่จะปลอมแปลง”

                เมื่อลูเธอร์เอ่ยปากชวนเช่นนี้แล้ว วิลเลียมก็จำต้องยืนยั้งอยู่ที่เดิม พระราชินีเสด็จมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน แล้วก็ตามมาด้วยเจ้าหญิงลูเครเซียที่พอเปิดประตูเข้ามาก็พบเขาเป็นคนแรก จึงเอ่ยทักเขาก่อน

                “พี่วิลเลียม พี่วิลเลียมกลับมาแล้วหรือ”

                วิลเลียมเพียงยิ้มให้เจ้าหญิงคนงามโดยไม่พูดอะไร ปรายสายตาไปทางพระราชากับพระราชินีเป็นการบอกใบ้ให้อีกฝ่ายรู้ว่ามีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ควรให้ความเคารพทางด้านนั้นก่อน

                ลูเครเซียเห็นเช่นนั้นจึงค่อยรู้สึกตัว หันไปถอนสายบัวให้ทั้งสอง ก่อนย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างตามรับสั่งของพระราชินี

                “ดูสิลูกลูเครเซีย พี่วิลเลียมของเจ้านำสมบัติสำคัญกลับมาให้พวกเรา...” เฟลิเซียกล่าวพลางประคองล็อตเก็ตส่งให้ธิดา “เจ้าลองดูสิว่าของนี้งดงามแค่ไหน”

                “สวยมากเลยเพคะ เสด็จแม่” เจ้าหญิงบอก

                “อย่างนั้นลองเปิดล็อกเก็ตไปดูข้างในสิว่า เจ้าเห็นอะไร”

                ...ก็คงจะเห็นภาพคนที่รักหรือคิดถึงมากที่สุดในขณะนี้

                วิลเลียมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นคาดเดา เขาพอจะคะเนได้แล้วว่า ภาพที่ล็อกเก็ตสื่อให้เห็นนั้นหมายถึงอะไร เวทที่ยากจะปลอมแปลงนั้นคงสร้างสรรค์สิ่งนี้ขึ้นมา

                ทว่าคำตอบที่ลูเครเซียกล่าวมานั้นกลับทำให้ทุกคนตื่นตระหนกยิ่งนัก

                “ข้างในว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยเพคะ”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×