คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บ ท ที่ ๒ | คุณลุงช่างตัดเสื้อ
๑
" แปลว่าพิเศษจ้ะ "
แม่ตอบพลางหันมายิ้มให้
" แล้วพิเศษคืออะไรฮะ ? "
คราวนี้แม่ไม่ตอบแต่ใช้มือยีหัวผมจนยุ่งไปหมด แม่กระชับฮูดคลุมหัวของผมเอาไว้เหมือนเดิมแล้วแม่ก็จูงมือของผมเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องเขียน ผมนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวเล็กๆได้กลิ่นกระดาษเก่าตลบอบอวนไปทั่วร้าน ภายในร้านคนขายเครื่องเขียน มีคุณลุงหน้าตาใจดีเดินมาทางผมและแม่ คุณลุงมองหน้าผมและส่งยิ้มมาให้
" กี่ขวบแล้วเนี่ย ? "
คุณลุงถามแม่
" หกขวบแล้วค่ะ "
" โอ้~ จริงเหรอเนี่ย ตัวเล็กจังเลยนะเจ้าหนู "
คุณลุงว่าพลางยื่นมือมายีหัวของผมจนฮูดหลุดออก เวลาเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น สายตาของคุณลุงที่มองมาก็เปลี่ยนไป... แม่รีบดึงฮูดขึ้นคลุมหัวของผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นทุกอย่างกลับเงียบสนิท
" ฮ่าๆ จริงเหรอเนี่ย ~ ถ้าอย่างนั้นลุงจะตัดกางเกงแบบพิเศษให้เธอเองนะ "
คุณลุงพูดแกมหัวเราะ มิหนำซ้ำยังดึงแก้มผมหยอกไปมาเสียอีก ผมเงยหน้ามองแม่ แม่ยังคงเงียบไม่พูดอะไร แต่ผมแอบเห็นรอยยิ้มแปร่งๆของแม่ในเงามืดที่ถูกเส้นผมดำยาวปกคลุมเอาไว้
" ตามลุงมานี่สิ่ เดี๋ยวลุงจะวัดตัวแล้วตัดกางเกงพิเศษให้นะ "
คุณลุงยื่นมือมาให้ผมราวกับจะรอให้ผมไปจับมือนั้นไว้ ผมหันหน้ากลับไปหาแม่อีกครั้งและแม่ก็พยักหน้าเป็นการอนุญาต คุณลุงใจดีพาผมเข้าไปในห้องสำหรับตัดเสื้อ ลุงบอกว่าในหมู่บ้านนี้ลุงเป็นช่างตัดเสื้อที่เก่งมาก และโด่งดังไปใกลถึงต่างเมืองเลยที่เดียว ลุงจะตัดเสื้อแบบพิเศษให้กับคนที่พิเศษเท่านั้น บางคนตัวใหญ่เป็นพิเศษก็จะมาตัดเสื้อที่ร้านของลุง บางคนตัวเล็กเป็นพิเศษก็จะมาตัดเสื้อที่ร้านของลุง ลุงเล่าว่าเคยตัดเสื้อให้กับคนที่มีสามขาสี่แขนด้วย ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่คุณลุงเล่าเรื่องลูกค้าคนพิเศษ
เมื่อวัดตัวผมจนเสร็จลุงก็หยิบลูกอมรสสตอว์เบอร์รี่ให้ผมหนึ่งเม็ด และบอกกับผมว่าวันพรุ่งนี้ให้ผมมารับชุดนักเรียนของผมได้
หลังจากที่แม่คุยกับคุณลุงใจดีจนเรียบร้อยแล้ว แม่ก็จูงมือพาผมเดินออกจากร้าน ผมโบกมือลาคุณลุงและคุณลุงก็โบกมือกลับมา
ผมเดินกลับบ้านพร้อมแม่ และอยากเห็นชุดนักเรียนไวๆจัง
๒
" แม่ฮะ !~ "
ผมกระโดดขึ้นไปนั่งทับตัวของแม่ที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง บางที่ก็เขย่าตัวแม่ให้ตื่น แม่งัวเงียและเมื่อเหลือบดูนาฬิกาเก่าๆข้างเตียงแม่ก็รีบรุดลุกขึ้นจากเตียงในทันที
" ตายแล้ว ยังไม่ได้ทำอาหารเช้าเลย ลูกอาบน้ำรึยัง !? "
แม่ถามเสียงดังด้วยหน้าตาตื่น ผมพยักหน้ารับเพื่อบอกกับแม่ว่าอาบแล้ว และแม่ก็รีบเร่งลงไปที่ชั้นล่าง ผมเห็นชุดนักเรียนแขวนอยู่ที่ประตูตู้เสื้อผ้าผุๆ ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปโรงเรียนในวันแรก ผมจัดแจงใส่ชุดนักเรียนของผมด้วยตัวเอง
เมื่อผมแต่ตัวเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งลงบันไดไปที่ชั้นล่าง เห็นคุณแม่กำลังวางจานขนมปังปิ้งลงบนโต๊ะ ผมยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายพลางสะบัดหางตัวเองอย่างอิสระ คุณลุงใจดีตัดกางเกงแบบที่มีรูสำหรับให้โผล่หางได้ด้วย ผมชอบมันมากเพราะผมจะไม่ต้องนั่งทับหางตัวเองแล้ว เสียงแกร๊กดังขึ้นในตอนที่แม่วางจนาขนมปังปิ้งลงบนโต๊ะไม้
ผมเห็นรอยยิ้มแปร่งๆของแม่ และแม่เหมือนกำลังจะร้องไห้...
๓
พรู้ดด !
" เห้ยไอ้หน้าแมว ! ตื่นได้แล้ว "
ผมสะบัดหัวอย่างแรงและสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีลมลูกใหญ่มหึมาพัดเข้ามากระแทกเยื่อบุแก้วหูของผมอย่างจัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปรอบด้วยความตระหนกเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นไอ้ป๊อกเพื่อนซี้ของผมยืนทำหน้ากวนบาทาอยู่ข้างๆ
" ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวเข้า อ.วิ สายมึงได้ไปดรอปแน่ๆ "
มันว่า
" เชี่ยนี่ มึงปลุกดีๆไม่ได้เหรอวะ ! "
ผมยกเท้าถีบมันไปทีหนึ่งพลางกุมหูตัวเองไปด้วย ใครกันนะที่บอกว่าการเป่าหูจะทำให้คนเชื่อและคล้อยตามคำพูด กับมนุษย์มันอาจจะใช้ได้ผลก็ได้ก็ได้ แต่กับผมที่เป็นครึ่งแมวมันเหมือนการกระทำแบบนี้จงใจจะให้เจ็บ และรู้สึกรำคาญปนโมโหได้มากเลยทีเดียว
มีครั้งหนึ่งตอนผมอยู่ ป.3 เพื่อนนักเรียนตัวแสบเข้ามาเป่าลมอัดหูผมแรงๆ ผมเจ็บและรำคาญมันมากเลยตะปบหน้ามันไปทีหนึ่ง ผลจากการกระทำนั้นทำให้ผมถูกตัดเล็บจนเหี้ยนในวันต่อมา และในคืนนั้นเองขณะที่ผมกระโดดจากพื้นหน้าบ้านเพื่อเข้าหน้าต่างห้องนอนเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ ผมตกลงมาจากหน้าต่างห้องนอนตัวเองเพราะลืมไปสนิทว่าไม่มีเล็บให้เกาะขอบหน้าต่างได้อีกต่อไปแล้ว และมันทำให้ผมต้องเข้าโรงพยาบาลใส่เฝือกที่ขาไปเป็นเดือนๆ
" ฮ่าๆ เออน่ารีบไปเหอะ "
ไอ้ป๊อกใช้เท้าสะกิดขาผมเป็นเชิงเร่ง ผมเก็บหนังสือและปากกาลงในกระเป๋าหนังเทียมก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ป็อกเดินผิวปากนำหน้าออกไปจากห้องสมุด เมื่อผมสะพายกระเป๋าและกระชับสายให้แน่นพอดีก็เดินตามหลังมันไปติดๆ ในเวลาที่ผมต้อนเดินเพื่อย้ายตึกเรียน ผมมักจะถูกจ้องมองด้วยสายตาหลากหลายรูปแบบ บางครั้งก็ยิ้มขำ บางครั้งดูเหมือนจะอึ้งทึ่งในความประหลาดของผม แต่ผมมักจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ไอ้ป๊อกเข้ามาสนิทกับผม
อย่างไรก็ตาม ผมโตขึ้นมาเป็นมนุษย์แมวที่ฮ็อตมากในหมู่สาวๆ ความแปลกประหลาดของผมกลายเป็นสิ่งเคยชิน หรือเรียกง่ายๆว่าแปลกเสียจนไม่รู้สึกถึงความแปลกอีกต่อไป มันเหมือนกับว่าคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองมีขี้แมลงวันอยู่ที่ใบหน้า คุณเห็นมันและรำคาญตาทุกวันจนเริ่มชินกับมันนั่นแหละ
บางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้ากับใครเลยสักคนเดียว ราวกับว่าผมเป็นหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ระบุสายพันธุ์ไม่ได้ อยู่เหมือนปรสิตที่เข้ามาเกาะและอาศัยอยู่บนพื้นที่ของโลกมนุษย์ เป็นแบคทีเรียที่หลงมาจากจักวาลอื่น หรืออะไรทำนองนั้น
" น้องแมว~ มานี่มะ !~ "
รุ่นพี่ ปี4 ตะโกนเรียกในขณะที่ผมกับไอ้ป็อกกำลังจะเดินเข้าไปใต้ตึกของอาคารเรียน เมื่อผมหันไปหาต้นเสียงก็เห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนกับกลุ่มเพื่อนสาวของเธอ สาวๆพวกนั้นมองผมด้วยตาเป็นประกายราวกับว่าอยากจะฟัดผมให้ขนกระจายอย่างไรอย่างนั้น
" แหนะ... ฮอตอีกแล้วนะมึง "
ไอ้ป๊อกพูดพลางยกศอกแทงแขนผม เสียงของสาวๆที่โต๊ะยังคงร้องเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา ผมยืนมองเธอจากตรงนี้พลางสะบัดหางเบาๆด้วยความไม่เข้าใจ...
" เราซื้อปลอกคอมาให้เธอด้วยนะเจ้าแมวน้อย ~ "
สาวคนหนึ่งพูด และผมเห็นเธอหยิบปลอกคอหนังสีน้ำตาลเข้ม ประดับด้วยกระดิ่งสีเงินวาววับ มันดูราคาแพงมากเลยทีเดียว ปลอกคอหนังสวยหรูถูกนิ้วเรียวๆของเธอควงลอยอยู่ในอากาส ผมจ้องมองปลอกคนนั้นในมือของเธออย่างพิจารณา
ปลอกคอ อย่างนั้นเหรอ... ผมสงสัยมาตลอดเลยว่าทำไม...
ทำไมมนุษย์ถึงได้ชอบแสดงความเป็นเจ้าของนัก ?
ความคิดเห็น