ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องบ้าๆ ของผม

    ลำดับตอนที่ #3 : ตัวร้ายที่ดีต้องมีมาด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.99K
      6
      24 ต.ค. 53

    - 3 -

    ตัวร้ายที่ดีต้องมีมาด

              ความเดิมจากตอนที่แล้ว...

              หลังจากอกหักรักคุดพลาดหวังจากสาวที่รัก ชายหนุ่มก็ตัดสินใจผันตัวคนเป็นคนเลวประชดโลกและชีวิต ดำเนินเข้าสู่วิถีทางแห่งความชั่ว หวังครอบครองและทำลายโลกนี้ให้สิ้นไป...

                เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว นี่ผมพร่ำอะไรอยู่นี่

                อ้อ... รู้แล้ว สงสัยเมื่อคืนอ่านนิยายและดูการ์ตูนเพื่อการค้นคว้ามากไป เลยอารมณ์ค้างและติดสำนวนมานี่เอง

                มาต่อกันที่ความบ้าของผม ว่าด้วยการเป็นตัวร้ายที่ดีกันเถอะ

                จากการศึกษาค้นคว้าอย่างหนักหน่วงร่วมหนึ่งคืน ผมพบว่าที่จริงผู้หญิงไม่ได้ชอบคนเลวโดยที่เลวโดยแท้หรอก พวกเธอชอบมาดของเหล่าตัวร้ายมากกว่า ดังนั้นเริ่มแรกผมควรฝึกทำท่าทางมาดร้ายเอาไว้... ต้องมีแววตาคมกริบแสนเย็นชา สบตาใครก็พากันกลัวหนีไม่กล้าสู้ ทุกอิริยาบถสูงส่งงามสง่า ทุกการเคลื่อนไหวแฝงไอเย็นเยือกอำมหิต... ฟังดูแล้วการเป็นตัวร้ายประเภทสุขุมที่เป็นที่นิยมกันที่สุดนี้ยากพอตัวทีเดียว บางทีผมน่าจะไปซื้อชุดที่ปล่อยไอเย็นหรือรังสีอำมหิตได้มาใส่ดู อาจจะช่วยได้บ้าง

                หลังจากสลัดมาดคนธรรมดาเดิมๆ ทิ้งแล้ว และฝึกทำท่าอย่างตัวร้ายในกระจกสักพักแล้ว ผมก็ตัดสินใจจะไปทดสอบความคืบหน้าของการฝึกดูด้วยการออกไปเดินตามท้องถนน แต่ตัวร้ายจะออกไปเดินในชุดที่ดูธรรมดาอย่างนี้มันก็กระไรอยู่ ผมควรกำหนดพื้นเพหลักของตัวร้ายที่ผมอยากเป็นเพื่อเลือกเครื่องแต่งกายประจำตัวเสียก่อน

                ผมเลือกแล้วว่าจะเป็นตัวร้ายแบบสุขุมลุ่มลึกอันเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ มากที่สุด ประเภทที่แท้จริงแล้วเป็นคนดี แต่มีอดีตแสนรันทดเลยกลายมาเป็นคนเลว และก็คอยแอบช่วยเหลือพวกพระเอกนางเอกอยู่ลับๆ น่ะแหละ ตัวร้ายแบบนี้พบเห็นได้ทั่วไปในหลายพื้นที่ และมีความคลาสสิกจึงเอารอดฝ่าฟันมาได้ในทุกยุคทุกสมัย อยู่ยืนยงมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนฉากหลังสำหรับตัวร้ายของผมนั้นเอาเป็น...

                จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะฯ...

                ผมปิดตาไล่นิ้วเลือก...

                แล้วก็ได้ผลรับเป็นยุทธภพจีน!

                อ่าฮ่า! ดีทีเดียว ผมอ่านหนังสือกำลังภายในมาบ้าง และก็ชื่นชอบตัวร้ายในนิยายประเภทนี้อยู่หลายตัว แถมฐานคนที่นิยมวัฒนธรรมจีนโบราณก็มีอยู่มากทีเดียว ถ้าคิดจะหาพรรคพวกร่วมอุดมการณ์ เริ่มต้นจากการตั้งสำนักฝ่ายอธรรมในยุทธภพก็ไม่ผิดละ

                เมื่อเป็นตัวร้ายในยุทธจักร ก็ต้องมีเครื่องแต่งกายแบบชาวยุทธ... ภาพคุณชายชุดขาวแวบเข้ามาในหัวผมพอดี แม้ชุดขาวจะดูเหมือนฝ่ายธรรมะมากกว่าอธรรม แต่ถ้าเขียนคิ้วเฉียงขึ้นเข้มๆ มีรอยยิ้มและนัยน์ตาชั่วร้ายประดับสักหน่อยก็คงใช้ได้แล้ว

                คิดได้เสร็จสรรพผมก็จัดแจงสั่งของที่ต้องการมาทันที โลกนี้เหมือนสวรรค์แสนสุขที่อยากได้อะไรก็แทบจะเสกขึ้นมาได้ทุกอย่าง เรื่องระบบเงินก็เป็นเพียงเรื่องที่คนบางกลุ่มยังคงใช้เป็นหน่วยในการเปรียบเทียบอำนาจที่ตนมีก็เท่านั้น ถ้าไม่ใช่คนที่ยึดติดกับเงิน เงินก็เสมือนไร้ค่าในโลกนี้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยหรือเป็นห่วงไปหรอกว่า ผมเอาเงินมาใช้ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้จะดีหรือ

                หลังจากสวมใช้ชุดและแต่งตัวเรียบร้อย จอมยุทธก็พร้อมโลดแล่นออกไปตะลุยแล้ว...

     

                อนึ่ง ขอกล่าวชี้แจ้งสักเล็กน้อยก่อนว่า ต่อไปนี้ ข้าจะเปลี่ยนสำนวนที่ใช้ในการสื่อสารกับพวกเจ้า เพื่อให้เข้าถึงความเป็นชาวยุทธมากยิ่งขึ้น

                หากด้วยเพราะข้ายังคงใหม่กับสำนวนแบบนี้อยู่บ้าง ดังนั้นหากพบอะไรที่ประเจิดประเจ้อประดักประเดื่องหรือไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยละกัน หรือไม่เช่นนั้น ก็คงเป็นความผิดของเจ้าที่ไม่เคยเปิดหูเปิดตา ออกมาลิ้มโวหารยุทธภพ สดับฟังสำเนียงอาวุธเสียบ้าง

                ถ้าที่ผ่านมาข้ายังบรรยายโลกของข้าให้พวกเจ้าเห็นภาพได้ไม่มากพอ การที่ข้าพาพวกเจ้าออกมาเดินดูเมืองกับข้าน่าจะช่วยได้บ้าง เนื่องจากแต่เดิมพ่อแม่ เอ๊ย บิดามารดาของข้าอยากให้ข้าเป็นคนสามัญ ข้าจึงเติบโตขึ้นมาในนครที่ผสมผสานทุกวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน มิได้เน้นไปในทางใดทางหนึ่งอย่างสุดโต่งเหมือนดังเช่นเมืองอื่นๆ บางเมือง

                ใจกลางนครแห่งนี้ พวกเจ้าสามารถเห็นตึกสูงแบบตะวันตกติดกับอาคารแบบตะวันออก หรือบ้านไฮเทคสุดล้ำยุคทันสมัยตั้งอยู่ตรงข้ามตัวอย่างบ้านโบราณแนวอนุรักษ์ได้เสมือนเป็นเรื่องปรกติอันสมเหตุสมผล การจินตนาการภาพสิ่งก่อสร้างเหล่านี้คงไม่เกินกำลังพวกเจ้าเท่าใดนัก แค่นึกถึงเมืองหลวงในยุคของพวกเจ้าที่พัฒนาไปอีกขั้น ดูยิ่งใหญ่กว่า อลังการกว่า มั่วซั่วมากกว่า ผสมยำรวมกันจนดูเป็นเนื้อเดียวกันมากกว่า แต่ก็ยังคงขัดตาอยู่บ้างก็พอ

                มาดูทางด้านผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนนกันบ้าง

                พวกเจ้าอาจจะสงสัยว่าในอนาคตที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปถึงขั้นที่มนุษย์อยู่ได้โดยไม่ต้องทำอะไร คนจะยังเดินกันอยู่อีกหรือ

                ข้าจะบอกให้ว่า แม้โลกจะก้าวหน้าไปแค่ไหน คนก็ยังชอบอะไรที่เรียบง่าย และยังไม่ลืมพื้นเพของตนเองไปโดยสมบูรณ์หรอก นี่เป็นสัจธรรมจริงแท้ที่ยังคงดำรงอยู่

                เนื่องจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาไปไกล จนสร้างความลำบากสำหรับคนทั่วไปที่จะไล่ตามให้ทัน อย่างที่เรียกว่าเกิดความเหลื่อมล้ำของวัฒนธรรมทางวัตถุและวัฒนธรรมทางจิตใจนั่นแหละ คนส่วนใหญ่ก็เลยยังอยู่กับพื้นฐานการใช้ชีวิตเดิมๆ ที่ตนชื่นชอบ ตอบสนองความบ้าในสิ่งนั้นๆ ของตนไป ส่วนพวกอัจฉริยะหัวกะทิหรือพวกคลั่งไคล้ความไฮเทคทั้งหลายก็พากันศึกษาด้านนี้ต่อไป โลกนี้จึงแปลกแยกอย่างลงตัวด้วยประการฉะนี้ ต่างคนก็ต่างทิ้งตัวห่างออกไปตามความสนใจของตน

                คนที่เดินตามถนนทั้งหลายเหมือนหลุดออกมาจากงานคอสเพลย์กันแทบทุกคน มีคนใส่รองเท้าติดปีกหรือรองเท้าแม่เหล็กลอยเหนือพื้นอยู่บ้าง ตามกำแพงก็มีคนกำลังฝึกวิชาจิ้งจกปีนป่ายอยู่ พวกที่ใช้ชุดเสริมแรงดึงดูดช่วยก็มี แต่อย่าไปมองพวกนั้นให้มากนัก มองแล้วจะเวียนศีรษะเสียเปล่าๆ ข้าเคยมองนานๆ แล้วเข้าใจไปว่าตนเองกำลังจะร่วงลงไปที่ผนังข้างๆ เสียด้วยซ้ำ ดีนะที่ถนนสายนี้เป็นสถานที่เปิดโล่งไม่ใช่อุโมงค์ หรือที่ที่มีเพดานปิดล้อม ไม่อย่างนั้นการเดินบนถนนคงไม่ต่างจากการเดินเล่นในเขาวงกตมิติที่สี่ เพราะต้องมีคนเดินกลับหัวด้วยแน่ๆ เมื่อเป็นถนนเปิดแล้ว หากแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าก็จะเห็นคนใช้ยวดยานพาหนะที่เหาะเหินได้ต่างๆ บินกันให้ว่อน คนที่นิยมความเร็วบนพื้นราบก็ยังมีให้เห็นอยู่บนเลนข้างๆ แต่ลานสำหรับคนเดินก็มีพื้นที่มากที่สุดอยู่ดี

                แต่เดิมข้ามีตนเองเป็นมาตรฐานของความธรรมดาสามัญ เมื่ออยู่ท่ามกลางคนประหลาดมากมายเหล่านี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่เมื่อข้ามาอยู่ในชุดตัวยาวรุ่มร่ามสีขาวสะอาดที่มีระบบพัดพลิ้วด้วยตัวเองด้วยการสร้างกระแสลมอัตโนมัติทำให้ผู้สวมใส่เหมือนมีลมปราณภายในเช่นนี้แล้ว ข้าก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน ข้าน่าจะเปลี่ยนมาทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว ไม่น่าเสียเวลาพยายามเป็นคนธรรมดาเลย

                ข้าเดินถนนต่อไป เพียรฉีกยิ้มอย่างชั่วร้าย กวาดตาสบคนที่เดินสวนผ่านอย่างที่ฝึกปรือมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดมองข้าตอบสักคน บางทีข้าอาจแผ่รังสีอำมหิตสำหรับจนคนไม่กล้ามอง เอาแต่หลบเลี่ยงแล้วก็ได้นะ (ข้าเริ่มก้าวสู่การเป็นตัวร้ายที่หลงตัวเองเสียแล้วสิ)

                ขณะที่ข้ากำลังวาดฝันถึงความสำเร็จของการเป็นตัวร้ายอยู่นั่นเอง ชายคนหนึ่งก็หันมาสบตากับข้าพอดี

                และนั่นคือการพบกันครั้งแรกของข้ากับสหายร่วมอุดมการณ์ ...กระมัง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×