เฟิ่งฮวาเสวี่ยเยวี่ย
มื่อมีรัก ย่อมเกิดทุกข์ เขามิเคยทราบหรือรับรู้ แต่หากเมื่อเชื่อคำเฒ่าจันทราก็ยินยอมลิ้มลองรสนั้นเเต่โดยดี เมื่อเข้าใจในรสรักกลับอยากเกินจะครอบครอง เเต่หากต้องรอนับหมื่นปี ก็ยินดีจะรอคอย
ผู้เข้าชมรวม
676
ผู้เข้าชมเดือนนี้
30
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ยามก้าวเข้ามายังเมืองหลวง ก็หวังตลอดมาว่าจะได้กลับไปยังทุ่งหญ้ากว้าง ได้อิสรเสรีอย่างที่เคยได้รับมาตลอดสิบห้าปีตั้งเเต่ยังเยาว์ แต่บัดนี้กลับถูกลิดรอนไปอย่างที่เขาจำยอมต้องเต็มใจ และหวังว่า วันใดข้างหน้าจะได้มันคืนมา
แต่กระนั้นช่างเนิ่นนาน ราวไม่มีวันสิ้นสุด จากรุ่งโรจย์แปรเปลี่ยนเป็นเงียบงัน จวนสกุลไป๋ที่เคยรื่นเริงรุ่งโรจย์ผู้คนมากมายต่างเข้าออกหน้าประตูจวนไม่เว้นเเม้เเต่ละวัน เสียงจอเเจภายในบ้านที่ดังอยู่เเทบจะตลอดเวลาบัดนี้กลับเงียบงันราวสุสาน
จวนงามหรูหรา งดงาม ราวกับอยู่เมืองเซียน แต่อย่างไรก็เงียบเหงา หดหู่ วังเวง อ้างว้าง ไร้ผู้คนควักไคว่เช่นอย่างที่เคยเป็นมา ที่สุดแล้ว เรื่องราวนี้จะจบลงเช่นไรหนอ การรอคอยนี้จะสิ้นสุดไปเมื่อไหร่ หรือควรทำเช่นไรกับตนต่อไปดี
หลอกลวง อย่างไม่อาจให้อภัย คำมั่นสัญญาที่มีให้หนักแน่นราวขุนเขา แต่บัดนี้กลับบางเบาราวฝุ่นผง ไร้ซึ่งสัจจะอย่างที่ควรมี
แสงเทียนภายในโคมไม้สลักไหววูบอยู่ลิบๆ เป็นจุดนำสายตาเดียวที่เขาสนใจอยู่ในขณะนี้ ดวงตาบวมปูดจากการร้องไห้มาเป็นเวลานาน ใบหน้าขาวที่เคยแจ่มแจ้งแต่งแต้มด้วยสีสันของเลือดฝาด บัดนี้กลับแห้งเหือด ซีดขาวราวคนไร้ชีวา ใบหน้าที่เคยอิ่มเอิบ กลายเป็นซูบผอมจนน่าอดสู ร่องรอยบนร่างกายจากการถูกทรมาณยังคงเห็นเด่นชัดอยู่ ข้อเท้าเล็กที่เคยถูกตรึงยังคงเห็นเป็นรอยเเผลชัดจากการโดยขูดของเหล็กตรวน
มือผอมจับคลำไปตามผนังค้ำยันตน กลิ่นสุราตามกายผอมดูจะเป็นกลิ่นเดียวที่หากมีผู้มาเยือนจะได้รับ ดวงตาวูบไหวไปกับแสงเทียนที่อยู่เบื้องหน้า จับจ้องราวตรึกตรองถึงบางสิ่ง
ผลันมือผอมคว้าโคมฉลุลายทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง โดนเข้ากับไหสุราจำนวนหนึ่งที่วางอยู่ละแวกนั้น พลันเพลิงไฟจากเทียนเล่มน้อยเผาวูบโหมจนเป็นกองไฟ กินเข้ากับเครื่องเรือนภายในห้องที่ทำด้วยไม้
ร่างผอมหัวเราะออกมาราวชอบใจนักหนา แสงวาวโรจย์ของกองไฟเหมือนสิ่งนำทางไปยังโลกอีกใบ ที่จะนำพาอิสระมาให้แก่เขาอีกครา ความทุกข์ระทมในใจราวถูกเเสงจากไฟฉายให้ได้พบเห็นทางส่องสว่างจ้า
ไม่นาน ไฟพลันโหมไปทั่วทั้งห้องท่วมไปถึงหลังคาเรือนนอน ลุกลามไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นทรุดลงนั่งกับพื้น จับจ้องสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่วางตา พลันมือข้างหนึ่งคว้ามีดพกออกจากฟัก ปาดเข้าลำคอของตนอย่างไม่นึกลังเล สิ้นใจล้มลงกองบนพื้นแน่นิ่ง
จวนสกุลไป๋ที่เคยงดงาม บัดนี้กลายเป็นราวทะเลเพลิง ภายนอกเรือนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน บ้างมามุงดูเหตุการณ์ราวเรื่องรื่นเริง บ้างมาช่วยเหล่าทหารเฝ้าประตูดับเพลิงที่กำลังลุกโหม
เมื่อคนที่สมควรรู้เรื่องนี้เป็นคนแรกมาถึง ทุกสิ่งภายในจวนราวเหลือเพียงโครงไม้ ดูไม่งามดั่งเก่าก่อน ร่างหนึ่งถูกนำออกมาภายนอก เนื้อกายของร่างไร้วิญญาณเเน่นิ่งเเต่ยังคงเค้างามราวหลับไหล เเต่ในใจของผู้พบเห็นกู่ร้องก้องอยู่ในใจ เขาสิ้นลมเเล้ว..
บุรุษหนุ่มจับจ้องร่างตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย สติสัมปชัญญะราวสาบสูญไปเสียสิ้น
น้ำใสสายหนึ่งไหลเอ่อออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ต้องจำกล้ำกลื้นทุกสิ่งลงลำคอไป เสียงหนึ่งดังมาใกล้ จับใจความสิ่งใดไม่ได้มากนัก รู้อีกคราก็นั่งเกี้ยวกลับมายังตำหนักหนิงอันพร้อมบางสิ่งในมือ
ดวงตาผล่าเบลอจากม่านน้ำตาที่กลั้นเอาไว้เริ่มไหลอาบ ดวงตาคมจับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ในมือ เขาจำได้ว่าสิ่งนี้เป็นตัวเขาเองที่มอบให้แก ‘เขา’ แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ดับลมหายใจคนผู้นั้นจนลาลับ
ทุกข์ระทมราวถูกมีดกรีดจนเป็นริ้วเนื้อ บีบคั้นจุกอกเจียนโดนบีบ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในปากจนต้องบ้วนก้อนเลือดออกมาทางริมฝีปาก เป็นเช่นนี้เจ็บได้สักเสี้ยวของผู้ที่อยู่ในกองไฟนั้นหรือไม่ ไม่อาจทราบ
ด้านนอกของตำหนักร้างผู้คนจากคำสั่งของขันทีคนสนิท มีเพียงเสียงร้องไห้ราวคนคลั่งดังลอดออกมาถึงภายนอกตำหนักเท่านั้น ค่ำคืนผ่านไปอย่างทรมาน ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่หรือจาก ต่างล้วนเจ็บปวดด้วยกันทั้งสิ้น อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้….
ผลงานอื่นๆ ของ กลิ่นสีเเละฝุ่นผง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กลิ่นสีเเละฝุ่นผง
ความคิดเห็น