ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Voices into The DarknesS : เสียงครวญแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #5 : Vo][cEs IV : เสียงร่ำร้องแห่งรัตติกาล !!

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 49



    Vo][cEs IV : เสียงร่ำร้องแห่งรัตติกาล !!

    ท่ามกลางรัตติกาลซึ่งกำลังผันผ่านโดยที่ปล่อยให้ทิวาค่อยๆ โอบอุ้มผืนโลกนั้นไว้ ชายคนหนึ่งได้ลืมตาโพลงขึ้นด้วยมโนสำนึกที่อยู่ภายในจิตใจ  บางสิ่งที่ต้องทำให้เขาต้องมายืนอยู่บนโลกแห่งความจริงและการหลอกลวงแห่งนี้  มันไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอกหากแต่ว่ามันกลับหลอกหลอนเขาได้ทุกค่ำคืนทีเดียว  ร่างของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว ได้ค่อยๆ เคลื่อนย้ายจากเตียง  เดินไปสู่ริมขอบหน้าต่างไม้  อันเป็นสถานที่แห่งเดียวที่มันทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งบนพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆ แห่งนี้  และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีก็เป็นสิ่งที่อยู่ไกลจนเอื้อมไปไม่ถึง...


    บนฟากฟ้าแห่งนั้น ซึ่งเป็นที่สถิตย์ของดวงจันทร์ ผู้ให้แสงสว่างในยามราตรี... เหตุการณ์เมื่อคืน  ยังคงกระจ่างชัดอยู่ในหัวสมอง  ราวกับว่ามันเป็นภาพของวีดีโอที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหน่วยความทรงจำของเขา  กลิ่นคาวเลือด  เสียงวิงวอนขอชีวิตของเด็กสาวคนนั้น  เพียงขอชีวิตให้กับชายผู้เป็นที่รัก  โดยยอมแลกทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของเธอเอง  หากแต่ว่ามันอยู่ในมือของเขา  ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในพญามัจจุราชที่หยิบยื่นความตายมาสู่เธอนั้น  กลับไม่ได้มีทีท่าจะปราณีแต่อย่างใด...


    เหตุก็คงเพราะว่า  ความต้องการที่จะได้รับรู้กลิ่นคาวเลือดมันกลับมีเพิ่มขึ้นอย่างไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้  ทำไมกัน? ทำไมความทรงจำของเขากลับมีแต่กลิ่นคาวเลือด มีแต่การฆ่า ทำไมมันถึงขาดหายไป มันเป็นเพียงอุบัติเหตุในการรักษา หรือว่าเป็นการจงใจกันแน่ แล้วเสียงร้องนั่นอีก เสียงที่ดังขึ้นตอนที่เขาจะลงมือสังหาร มันคือเสียงของใคร  เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ได้เลยแม้แต่น้อย


    ตอนนี้ร่างกายของเขามันไร้เรี่ยวแรงแม้แต่ที่จะยันร่างให้ยืนคงที่อยู่ได้เลยหรือ  ท่อนขาอันเคยแข็งแรง บัดนี้กลับค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ศีรษะค่อยๆ พิงกับกำแพงอย่าเบาๆ ราวกับว่ามันเหนื่อยเหลือเกินที่จะตั้งอยู่บนคอของเขา  แล้วอยู่ๆ สัญลักษณ์แห่งความเศร้า ก็ค่อยๆเอ่อขึ้นมาจากดวงตาสีนิล  และร่วงหล่นลงมาจากเบ้าตานั้น เขาร้องไห้งั้นรึ? แต่ด้วยสาเหตุอะไรเล่า?! ที่ทำให้เขาร้องไห้... ความเศร้า ความท้อแท้ ความสิ้นหวัง ที่ยังคงกัดกินภายในหัวใจของเขาหน่ะหรือ ที่เป็นตัวเรียกสิ่งๆนี้ ให้หลั่งไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เรียวขาทั้ง 2 ค่อยๆถูกชันขึ้น พร้อมกับหน้าผากอันขาวผ่องที่ก้มลงจรดหัวเข่านั้น มันบ่งบอกได้ถึงความสิ้นหวังแล้วทุกสิ่ง ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้รับรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงนั้น แต่ทว่า มันก็ยังเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น ภายในส่วนลึกของจิตใจของเขา  จิตใจที่หลงลืมบางอย่างไป จิตใจที่ไม่สามารถลบออกได้ ดั่งความทรงจำ..


    แสงจันทร์ที่ทอดตัวลงมายังร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินนั้น มันค่อยๆเปลี่ยนเป็นแสงตะวันอย่างช้าๆ เนื่องจากกาลเวลาที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ และแล้วอยู่ๆ เสียงทีศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น และดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้จักเงียบหายไปเลยซักนิด เขาจึงจำใจลุกขึ้นแล้วเดินไปรับ


    "ศิวะฤกษ์ครับ" ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปอย่างไม่สนใจว่าใครคือต้นสาย น้ำเสียงของเขานั้น ยังคงราบเรียบดังเดิม

    "หมอคะ ตอนนี้เกิดเรื่องฉุกเฉินค่ะ หมอคะรีบไปที่ เวสท์สตรีท อย่างด่วนเลยนะคะ ที่นั่นมีอุบัติเหตุหน่ะค่ะ ทางโรงพยาบาลตอนนี้ไม่มีแพทย์ที่เป็นคนจาก CS. เลยหน่ะค่ะหมอ ถ้าไม่ใช้พลังจิต คงไปไม่ทันแน่ๆ ช่วยหน่อยนะคะหมอ" เสียงของธัญญนันท์สั่น  เร็วและรัว ดังลอดออกมาจากปลายสาย บอกถึงเหตุการณ์ฉุกเฉิน ที่เขาเท่านั้นที่อาจจะช่วยชีวิตของคนในที่นั้นให้รอดปลอดภัยได้ และก็อาจจะเป็นสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น ที่อาจจะช่วยชดใช้ความผิด ที่เขาได้กระทำลงไป


    เขาคิดได้ดังนั้น จึงยกแขนเสื้อขึ้นปาดคราบน้ำตา พลางมองหากล่องอุปกรณ์การแพทย์ ก่อนที่จะใช้เทเลพอร์ต ซึ่งเกิดจากพลังจิตอันแทบที่จะไม่เหลือหลอนั้น ส่งตัวเองไปยัง เวสท์สตรีท โดยที่ไม่สนว่า ตนเองนั้นจะเป็นจะตายเพียงใด ถ้าใช้พลังในขณะที่ร่างกายยังไม่พร้อม ?!


    และแล้วบนถนนอันคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ผู้คนซึ่งมามุงดูอุบัติเหตุรถชน บนถนน เวสท์สตรีทนั้น ร่างของชายหนุ่มได้ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ร่างของเขาเซน้อยๆจนไปพิงกับกำแพงตึก เนื่องด้วยการใช้พลังติดต่อกันนานจนเกินไป รวมถึงการที่เขาไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย จึงนำความอ่อนล้ามาสู่เขา หากแต่ว่า ตัวเขานั้น ยังคงที่จะมีหน้าที่ๆจะต้องช่วยชีวิตของผู้คนอยู่ เขาจึงใช้มือยันร่างให้ตรงก่อนที่จะ ลากขาของตนเองเข้าไปในที่เกิดเหตุ !!


    ผู้คนบาดเจ็บจำนวนมาก จากกรณีรถชนจนไฟลุกท่วมนั้น ได้ถูกปฐมพยาบาลอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เสียงร่ำไห้จากคนที่ตนสูญเสีย ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากบาดแผล มันไม่ได้กระตุ้นให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย หากแต่ว่า กลับมีภาพๆหนึ่งที่สามารถดึงเขาให้ออกจากภวังค์ได้ !!


    ภาพของเด็กหญิง วัยเพียง 5-6 ขวบที่เต็มไปด้วยคราบเลือดที่ดูเหมือนว่าจะอาบไปทั่วร่างของเด็กน้อย และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลออกมาจากรอยแผลฉกรรจ์นั้น มันแทบจะทำให้สติของเขากลับมาโดยสมบูรณ์ นายแพทย์หนุ่มรีบวิ่งไปรับร่างของหนูน้อยคนนั้น ก่อนที่จะรู้ด้วยซ้ำว่า รถพยาบาลจอดอยู่ตรงไหน แต่ทว่า หากส่งเด็กคนนี้ขึ้นรถพยาบาล สายใยชีวิตของเด็กน้อยก็คงจะต้องขาดสะบั้นลงเป็นแน่ เอาเถอะ ถึงตอนนี้ร่างกายของเขาจะไม่พร้อมเข้าห้องฉุกเฉิน แต่ถ้าหากเด็กน้อยคนนี้ไปถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลาหล่ะก็คงดีไม่น้อย...  ดังนั้น ความคิดไวเท่าการกระทำ ชายหนุ่มยอมใช้เทเลพอร์ตอีกครั้ง โดยที่ไม่สนใจว่า ตัวเขาจะเป็นเช่นไร  หากแต่ว่า ทำไมตัวเขาถึงได้ยอมอุทิศชีวิตของเขา เพื่อเด็กน้อยคนหนึ่งนั้น มันก็เป็นสิ่งที่น่าคิดไม่น้อยเลยเช่นกัน...


    ร่างของนายแพทย์หนุ่มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น ภายในตึกของโรงพยาบาล เรนนิ่งเวียร์... ในสังกัดของเซ็นเตอร์ซิคิวลัส ที่เขาประจำอยู่...


    ร่างของชายหนุ่มที่ดูท่าว่าจะไร้เรี่ยวแรงนั้น ได้เดินผ่านเคาท์เตอร์พยาบาลที่กำลังรอคนไข้จาก เวสท์สตรีท ....

    "หมอคะ!" เสียงนั้นจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากธัญญนันท์ ซึ่งคืนนี้เธอเป็นคนที่เข้าเวร จึงไม่น่าแปลกนักที่เธอจะอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงเช้า แต่น้ำเสียงของเธอกลับดูตกใจเกินกว่าปกติหากแต่สิ่งที่เธอตกใจนั้น ดูท่าว่าจะมิใช่ร่างของหนูน้อยในอ้อมแขนของเขา แต่กลับเป็นร่างของเขา ที่ทำท่าว่าจะยืนไม่อยู่ เนื่องด้วยใช้พลังจิตเกินขีดจำกัด!


    ร่างของชายหนุ่มแทบจะทรุดฮวบอยู่ ณ ที่นั้น ดวงตาสีเขียวมรกตซึ่งดูเหมือนว่า มันจะปิดลงก่อนที่ร่างของหนูน้อยคนนี้จะถึงห้องฉุกเฉิน... เขาจะปล่อยให้เด็กคนนี้ตายไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงรวบรวมกำลังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะพาร่างของหนูน้อยไปส่งให้ถึงมือหมอในห้องฉุกเฉิน และสิ่งสุดท้ายที่ประสาทขอเขารับรู้ก็คือเสียงของธัญญนันท์ที่ร้องเรียกชื่อของเขา  ก่อนที่สติของเขาจะลอยห่างออกไป...



    ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีเงิน ค่อยๆ มองไปรอบๆ ตัวอย่างช้าๆ พร้อมทั้งพินิจพิจารณาถึงสถานที่ที่เขายืนอยู่แห่งนี้... ความเงียบสงัด ความมืดสลัว และความหนาวเหน็บที่อึงอื้ออยู่รอบๆ ตัวของเขา ความรู้สึกเหงา และเดียวดายที่แล่นผ่านหัวใจนั้น มันทำให้ขาทั้งสองของเขาแทบที่จะยืนหยัดอยู่ไม่ไหว !!


    อยู่ๆ เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ ดังขึ้น ดังขึ้นจากทุกสารทิศ มันเกิดจากอะไรกันแน่  แม้แต่เขาก็ไม่ทราบได้ ภาพที่เห็นลางๆ นั้น เป็นเพียงหญิงสาวที่กรีดร้องโดยที่มีชายหนุ่มกำลังถูกเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ใช้อาวุธบางอย่างที่ทั้งบางและใสราวกับแก้ว แทงเข้าไปที่ร่างอย่างนับครั้งไม่ถ้วน การกระทำอันโหดเหี้ยมและทารุณของเด็กวัยรุ่นคนนั้น  มันไม่ได้บ่งบอกเลยว่าผู้กระทำกำลังเศร้าโศกหรือทำเพียงเพราะความจำเป็น  หากแต่ละครั้งที่อาวุธนั้นได้แทงทะลุผ่านร่างของชายหนุ่มลงไปนั้น  กลับเรียกความรู้สึกอันพึงพอใจและสนุกสนานให้กับเด็กวัยรุ่นคนนั้นได้อย่างดีทีเดียว  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นหน้าของเด็กคนนั้นเลยก็ตาม...  และแล้วเหตุการณ์ก็ค่อยๆ สงบลง


    เมื่อร่างของชายหนุ่มล้มลงไปแน่นิ่งกับพื้น โดยที่มีหญิงสาวพร่ำกอดพร้อมทั้งพรรณาอะไรบางอย่างที่จับความไม่ได้  หากแต่ว่ามันกลับสื่อได้ถึงความเศร้าและความสูญเสียของหญิงสาวผู้นั้นอย่างมากมายนัก...

    พลันกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง  พร้อมทั้งภาพแห่งความโศกเศร้านั้น ก็ค่อยๆ หางหายไปพร้อมกับความมืดมิดที่อยู่รอบๆ กาย

    หากแต่เพียงความมืดมิดนั้นมิได้หายไปอย่างที่เขาคิด  แต่มันกลับกลายเป็นเสียงแห่งท้องทะเลที่นำมาซึ่งความอบอุ่น  พร้อมทั้งเสียงหัวเราะอันมีความสุขของหญิงสาว  ชายหนุ่มเริ่มลุกขึ้นและหาที่มาของเสียงนั้น โดยที่ตอนนี้ ความหนาวเหน็บ สิ้นหวังและท้อแท้นั้น ราวกับว่าจะมลายหายไปจนหมดและดูเหมือนว่า มันจะดังมาจากเบื้องหลังของเขา  ดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อยๆ หันไปดูและได้พบกับ ภาพของหญิงสาวเส้นผมสีดำสนิท และดูอ่อนนุ่มราวกับแพรไหม  ซึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กชายคนหนึ่ง  บนหาดทรายสีขาวซึ่งตัดกับแสงสีส้มของอาทิตย์อัสดงที่ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นในเบื้องหน้าของเขา  จนแม้แต่ผู้ที่ยืนดูอย่างเขาก็ยังรู้สึกสนุกไปด้วย หากแต่ความสุขนั้นได้มีเพียงชั่วขณะหนึ่ง  ก่อนที่ความมืดจะโรยตัวลงมา...


    และตามด้วยเสียงร้องอันเจ็บปวดทรมานอีกครั้ง  ชายหนุ่มเริ่มหมุนคว้างเพื่อที่จะหาต้นตอของเสียงๆนั้น และแล้วเขาก็ได้เห็นแค่เพียงร่างของเด็กวัยรุ่นคนที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขากำลังจะตาย? ! หากแต่ว่าเขาคิดผิด ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นกำลังจะลุกขึ้นจากสายธารแห่งโลหิต พร้อมทั้งเศษเนื้อ ที่กระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ... แต่ทว่าทำไมเขาถึงมองเห็นเด็กคนนั้นได้อย่างไม่ชัดเจนนัก หากแต่ว่าเขากลับรู้สึกว่าเด็กคนนั้น กลับมองเห็นเขาพร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาหา บนนิ้วมือนั้น ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ ใช่แล้ว อาวุธที่เรียวบาง แต่กลับแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ อยู่บนปลายนิ้วทั้ง 5 ของเด็กคนนั้น...


    นี่มันอะไรกัน! ทำไมตัวของเขาถึงขยับไปไหนไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามสักเพียงใด ร่างกายก็ไม่แม้แต่จะยอมฟังคำสั่งเลยแม้แต่น้อย ความกลัวค่อยๆคืบคลานเข้าสู่จิตใจ พร้อมๆ กับเด็กหนุ่มคนนั้นที่ยังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในตอนนี้ปลายอาวุธนั้น มันมาจ่ออยู่ที่คอของเขาเสียแล้ว.. ชายหนุ่มหลับตาลง พร้อมทั้งความคิดที่ว่าถ้าตายไปตอนนี้ก็คงจะดีไม่น้อย หากแต่ว่าทำไมความเจ็บปวดและความตายถึงมาเยือนเขาช้าเกินไปนักเล่า ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง...


    ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า หาใช่ยมทูตแห่งอเวจีไม่มันกลับกลายเป็นภาพของหญิงสาว  ใช่หญิงสาว และก็ยังเป็นหญิงสาวคนเดิมที่เขาเห็นเมื่อสักครู่   หากแต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอกลับอาบไปด้วยน้ำตา... พร้อมกับหยาดโลหิตที่แผ่พุ่งออกมาจากร่างอันบอบบาง  และแล้วร่างของเธอก็ล้มลง ชายหนุ่มพยายามที่จะวิ่งไปช้อนร่างของเธอไว้  แต่เปล่าประโยชน์  ร่างของหล่อนได้ทะลุผ่านแขนทั้งสองข้างของเขาสู่พื้นไม้ที่เขาพึ่งจะรู้สึกตัวว่าเป็นสิ่งที่รองรับร่างกายของเขาอยู่...

    เขาจึงก้มตัวลงไปดูอาการของหญิงสาวคนนั้นตามวิสัยของแพทย์  หากแต่ว่ายังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง  วิ่งเข้ามากอดร่างของเธอพร้อมกับร้องไห้...

    และแล้ว... อยู่ๆ ก็มีวัตถุโปร่งใส อย่างหนึ่งวิ่งผ่านทะลุจากด้านหลังของเด็กหนุ่ม ออกสู่ชายโครงด้านขวา ซึ่งมันกลับเกิดพร้อมกับกับอาการเจ็บที่ชายโครงขวาของเขาเช่นกัน ลิ่มเลือดที่ทะลักออกจากบาดแผลของเด็กหนุ่ม ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่มันไหลออกจากบาดแผลของเขานัก และแล้วร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ซึ่งในขณะเดียวกันกับความรู้สึกว่า พื้นที่เขาได้ยืนอยู่ได้ อยู่ๆก็ได้หายไป ดังนั้น ร่างของเขาจึงร่วงลงสู่ความมืดซึ่งไร้จุดสิ้นสุด...



    อ๊ากซ์~~!!!!!!!!

    เสียงร้องของชายหนุ่มดังขึ้นก่อนที่จะผุดลุกขึ้นพร้อมทั้งสองมือที่กุมอยู่บนขมับทั้งสองข้าง...


    "วะ! วะ!  เย็นไว้นะวะ เย็นไว้ เย็นไว้ !" เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งใน 2คน ที่รีบวิ่งเข้ามากดไหล่ของชายผมสีเงินให้นอนลงกับเตียงพลางปลอบให้ควบคุมสติ  ก่อนที่ข้าวของภายในห้องจะแหลกละเอียดไปมากกว่านี้?

    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อค่อยๆ สงบสติลงช้าๆ จนกระทั่งดวงตากลับกลายเป็นสีดำอย่างปกติ...

    "แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! ครับ... พี่วัติ" ชายหนุ่มหอบหายใจ พร้อมๆกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาจากใบหน้า

    "เฮ้อ... ~!!" วัติ หรือ ดร.อนุวัติ รัตนโชติ นั้นได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลางชำเลืองสายตาไปยังบริเวณพื้น ซึ่งเต็มไปด้วย เศษกระจกที่แหลกละเอียด แจกันดอกไม้ที่แหลกเป็นฝุ่นผงจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ดอกไม้ที่ขาดกระจุยกระจาย ยังไม่รวมถึงเตียงเฝ้าไข้ที่ดูเหมือนว่าจะขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย....

    "ไง ฝันร้ายหล่ะสิ" เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของเตียง

    "อื้อ" ชายหนุ่มรับคำเบาๆ ก่อนที่จะหันไปทางอนุวัติพร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ

    "พี่วัติครับ ผมมีเรื่องอยากจะถาม !!"

    "มีอะไรหล่ะ ? นายแพทย์เจ้าปัญหา ?!" อนุวัติตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดูตามแบบฉบับ

    "ทำไม... ? ผมถึงต้องโดนลบความทรงจำครับ แล้วมันโดนลบ หรือว่าเป็นอุบัติเหตุกันแน่ครับ ?!" คำถามของศิวะฤกษ์คำนี้ทำให้อนุวัติชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับชายที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของเตียง


    "ไวท์ ! ดูแลวะให้ดี ชั้นมีธุระต้องทำ !! " อนุวัติไม่เพียงไม่ตอบคำถามของศิวะฤกษ์ เขายังหันหลังแล้วเดินจากชายหนุ่ม ออกไปจากห้องโดยไม่แม้แต่ฟังเสียงของศิวะฤกษ์ที่ลุกขึ้นจากเตียงมาตะโกนถามอีกด้วย

    "เฮ้ย !! ไอ้วะ !! นายนอนก่อนเหอะ ตัวเย็นขนาดนี้เดี๋ยวก็วูบอีกหรอก ชั้นขี้เกียจสร้างบาเรียบ่อยๆ ?!" ไวท์ กล่าวพลางดันร่างของ ศิวะฤกษ์ลงนอน

    "แล้วงานคืนนี้หล่ะ ?!" ศิวะฤกษ์หันไปถาม ไวท์เบาๆ

    "ช่างแม่_ง เหอะ ! ขาดนายไปไม่ใช่ว่างานไม่เดินนี่ !" ชายหนุ่มตอบพลางมองหาอะไรซักอย่างที่เพื่อที่จะนั่ง

    "แล้วนี่นายไม่ไปทำงานรึไง ?! มาวนๆเวียนๆอยู่แถวนี้ กะเหล่พยาบาลหรอวะ สงสัยที่เซ็นเตอร์คงจะขาดแคลน?" ศิวะฤกษ์แซวขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในท่าที ที่ดูกังวลใจบางอย่าง ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นภายในจิตใจอย่างช้าๆ

    "เฮ้ย !! อย่าพึ่งพูดเรื่องงานสิเว้ย !! ยิ่งโดดมาอยู่ ลางไม่ค่อยดี ?!" ไวท์ยังคงมองหาอะไรซักอย่างที่จะทำให้เขาเอามาใช้แทนเก้าอี้ ที่ศิวะฤกษ์ทำพัง


    ติ๊ด !

    เสียงร้องเตือนเบาๆ ของอุปรณ์สื่อสารขนาดจิ๋วที่ติดอยู่กับต่างหูข้างซ้ายของไวท์ดังขึ้น !



    "นายนี่น๊า~!! ไม่น่าทักเลยให้ตาย !" ไวท์ เอ่ยเป็นเชิงล้อ พลางกดรับอย่างเซ็งๆ

    "ศุภชัยครับ ! มีไรว่ามา ?!" ไวท์ หรือศุภชัยกล่าวโดยที่รู้อนาคตตัวเอง ว่าคงต้องโดนจิกให้กลับเซ็นเตอร์

    "ครับ!! ครับ!! ครับ!! ครับ!! จะรีบเข้าไปแก้ครับ!! ครับ!! ครับ!! ครับ!! ครับ!! ครับ!! สวัสดีครับ..~!!" ศุภชัยกล่าวก่อนที่จะตัดสายพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

    "ไงหล่ะ ? พูดไม่ทันขาดคำ น้องหนู DLX 7468 ของเจ๊ พัช ก็มีอันโคม่า และชั้นก็ต้องถ่อไปตรวจดูให้เจ๊แกหน่อย เฮ้ย... !!  ทำไมวะเด็กในโครงการหล่อนก็มีตั้งเยอะไม่ใช้  มาใช้ชั้น เซ็งโว้ยยยย !!" ศุภชัยบ่นๆอย่างรำคาญ และจนแล้วจนรอดเขาก็ยังหาอะไรมานั่งไม่ได้ซะที ~!!

    "เฮ้ย ! นี่ ! DLX 7468 นี่มันเด็กที่ใช้ฐานอักษรเดียวกับชั้นนี่หว่า?!" ศิวะกฤษ์ถามพลางลุกขึ้นจากเตียง

    "เออดิ !  เฮ้ยเดี๋ยวถ้างั้น คนที่ติดต่อมาต้องเป็นเฮียวัติดิ แล้วนี่ทำไมเจ๊แก...  อ้าวเฮ้ย! แล้วนายทำอะไรหน่ะ กลับไปนอนเลย ไอ้วะ!!" ศุภชัยกล่าวก่อนที่จะหันไปเห็นเพื่อนร่วมงาน กำลังพยายามลุกขึ้นจากเตียงคนไข้ หากแต่ว่า ช้าไปเกินที่จะห้ามเสียแล้ว เพราะว่าคนอย่างศิวะฤกษ์ ถึงจะห้ามอย่างไร ก็คงไม่ฟังเป็นแน่ ก็คงจะต้องปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน...

    ศุภชัยเดินไปเปิดประตูก่อนที่จะกล่าวขึ้นอย่างลอยๆ ว่า..

    "ชั้นมีงานด่วนต้องทำ นายก็พักผ่อนไปนะ ส่วนจะพักไม่พัก มันก็เรื่องของนาย ชั้นไม่รู้ ไม่เห็นด้วย !!" ศุภชัยกล่าวจบจึงเปิดประตูห้องแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ศิวะฤกษ์ ยืนอมยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหัวอย่างช้าๆ ให้กับการกระทำของเพื่อนร่วมงาน  ก่อนที่จะเดินออกจากห้องนั้นตามหลังไป..


    นายแพทย์หนุ่มพึ่งสังเกตเห็นว่า ตัวเขานั้นได้หลับไปนานเพียงใด หลังจากที่เขาเดินผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล เนื่องจาก ก่อนที่เขาจะสลบไปนั้น  ดวงอาทิตย์เพียงแค่เริ่มให้แสงสว่างกับพื้นโลกเท่านั้น หากแต่บัดนี้ ท้องฟ้ากลับมืดสนิทลง เนื่องจากรัตติกาล ที่ไร้แสงจันทร์... นายแพทย์หนุ่มหยุดถอนหายใจ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินหน้าต่อไป!

    บนระเบียงทางเดินของ โรงพยาบาลที่ทอดยาวออกไปนั้น มีเพียงแสงสลัวของหลอดไฟ ที่ให้แสงสว่างได้เป็นบางจุด เท่านั้น ทุกย่างก้าวที่นายแพทย์หนุ่มก้าวออกไปราวกบว่า ม่านหมอกแห่งความมืดมิดของยามราตรี กำลังแผ่ขยายขอบเขตออกจากร่างของเขา...

    ฝีเท้าชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน เขายืนชั่งใจชั่วครู่ก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในนั้น ...

    ชายหนุ่มค่อยๆก้าวเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะเดินไปถึงร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งทอดร่างอันขาวซีดอยู่บนเตียงซึ่งทำจากโลหะผสม ด้านบนถูกครอบด้วย โดมใส ซึ่งมี ออกซิเจนบริสุทธิ์อยู่ นอกจากนี้แล้ว ยังมี ถุงบรรจุเลือด น้ำเกลือ และสารอาหารอีกหลายชนิด ยังไม่รวมกับอุปกรณ์วัดระดับการเต้นของหัวใจ เครื่องเอ็กซ์เรย์และอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างที่ยังจะพอช่วยยื้อชีวิตกับมัจจุราชได้ ซึ่งถูกติดตั้งขึ้นเพื่อช่วยชีวิตของเด็กน้อยผู้นี้...

    "อ้าว ! ดึกแล้วยังไม่กลับอีกหรอคะหมอ ?" เสียงใสๆของพยาบาลคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของ นายแพทย์หนุ่ม

    "เอ่อ...  ครับ ! บังเอิญผมเป็นห่วงแกน่ะครับ ! เลยอยากมาดู !" ศิวะฤกษ์กล่าวทั้งๆที่ยังมองร่างของหนูน้อยที่กำลังหลับอยู่บนเตียง พลางเอื้อมมือไปลูบโดมใสนั้นด้วนความเป็นห่วง

    "หมอนี่ใจดีจังเลยนะคะ?!" พยาบาลสาวยิ้มให้เขาแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ศิวะฤกษ์ยืนมองร่างของหนูน้อย


    ถึงแม้ว่า เขาอยากจะอยู่เฝ้าหนูน้อยคนนี้มากขนาดไหนหากแต่ว่า กลับมีบางสิ่งที่ผิดปกติ กำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นในร่างของเขา ความรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นทั้งเร็วและแรง อาการหนาว ที่ค่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้น... ทุกอย่างเริ่มเงียบสงัด... เขาคงจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้เป็นแน่... คิดดังนั้น นายแพทย์หนุ่มจึงรีบเดินออกจากห้องฉุกเฉิน พร้อมทั้งวิ่งที่บันไดหนีไฟซึ่งเป็นที่เดียวที่เขาจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน !!


    ต้องแข่งกับเวลา !!!

    ถ้ามีใครเข้ามาเจอตอนนี้ล่ะก็แย่แน่ !!!

    เร็วสิ !!!

    เร็วขึ้นสิ !!!

    เร็ว !!!


    เสียงฝีเท้าของเขาดังถี่ขึ้น ๆ ๆ ถึงแม้ว่าจะเร่งฝีเท้ามาขนาดไหน แต่กลับดูเหมือนว่า ประตูของบันไดหนีไฟจะอยู่ไกลขึ้นทุกที ๆ

    แสงไฟเพียงรำไร และความเงียบสงัดของโรงพยาบาลนั้น ราวกับว่ามันจะเป็นใจให้ บางอย่างในตัวเขานั้น ตื่น เร็วกว่ากำหนด !!


    หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องคร่ำครวญเริ่มดังขึ้นในหัว อาการหนาวสะท้าน ที่วิ่งปราดเข้าสู่หัวใจ...

    จากอาการวิ่ง เริ่มกลายเป็นเดิน จากการเดิน เริ่มเปลี่ยนเป็นอาการโซเซและเหนื่อยหอบ...

    ฝีเท้าของเขาช้าลงๆ จนกลายเป็นหยุดยืนพึงกับกำแพงพร้อมกับอาการหอบ มือข้างหนึ่งยังเกาะอยู่กับกำแพงเพื่อพยุงร่างให้ยังคงยืนอยู่ ส่วนมืออีกข้างนั้น เกาะกุมอยู่ที่เสื้อเชิ้ตสีขาวบริเวณหน้าอก  อาการเหนื่อยหอบยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง หากแต่กลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  ..กลิ่นคาวเลือดค่อยๆพุ่งขึ้นมาจากจิตใต้สำนึก เรียกให้น้ำย่อยภายในกระเพาะที่ว่างเปล่าซึ่งแสดงท่าทีอยากจะออกมาสู่ภายนอก มือข้างที่เกาะกับผนังตึกนั้นกลับกลายเป็นค่อยๆกำลงจนแน่น ขาทั้งสองข้างเริ่มหมดแรงและทรุดลงนั่ง ดวงตาสีดำขลับ กลับกลายเป็นสีเขียวมรกตสลับไปมาอย่างชัดเจน! ในตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับไปไหนได้อีกแล้ว เสียงร่ำร้องจาก มัน นั้นดูเหมือนว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถที่จะหยุดได้เสียแล้ว...

    ตอนนี้เขาคงทำได้แค่เพียงภาวนาขออย่าให้มีใครเดินผ่านมาทางนี้เลย หากแต่ดูเหมือนว่า คำภาวนาไร้ผล เสียงฝีเท้าค่อยๆดังขึ้น ๆ ๆ และเดินมาทางเขา โดยที่ในตอนนี้ ความกระหายเลือดในร่างกายของเขา ดูเหมือนจะฉุดเอาไว้ใม่อยู่เสียแล้ว...




    ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ อย่าเข้ามา ๆ ออกไป ๆ ๆ ออกปายยย!!!

    จากคำพูดพึมพำกลายเป็นการตะโกน หากแต่สิ่งที่เขาทำนั้น มันดูเหมือนว่าจะไร้ผล ร่างของเด็กชายในชุดคนไข้ กำลังเดินตรงมาทางนี้...


    ม่ายยยย~~~~!!!!!!! 

    นัยน์ตาสีดำดุจรัตติกาล กลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวโดยฉับพลัน เช่นเดียวกับแววตาแห่งความโศกเศร้าและทรมานนั้น กลับกลายเป็นแววตาแห่งความกระหาย...

    เด็กน้อยค่อยๆเดินเข้ามาโดยที่หารู้ไม่ว่า พญามัจจุราชนั้นกำลังรอที่จะรับเอาดวงวิญาณของตน


    เสียงฝีเท้าค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกระทั่ง มาหยุดฝีเท้าที่ด้านหน้าของชายหนุ่ม พลางย่อตัวลง ราวกับสงสัยว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มคนนี้ถึงได้มานั่งที่นี่ หากแต่ว่า มือน้อยๆนั้นได้มาประทับลงบนบ่าของชายหนุ่ม ด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น หากแต่ว่าสิ่งที่เขากำลังกลัวมันตื่นขึ้นมาเสียแล้ว... เขาไม่สามารถหยุดมันได้อีกแล้ว !!!





    T o   B e   C o n t i n u e s . . .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×