คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Vo][cEs II : กลับสู่เบื้องหน้าโลกแห่งความเป็นจริงและแสงสว่าง !!
Vo][cEs II : กลับสู่เบื้องหน้าโลกแห่งความเป็นจริงและแสงสว่าง !!
เมื่อรัตติกาลผันผ่านเข้าสู่อรุณรุ่งโดยมีดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ออกมาทำหน้าที่ให้ความสว่างและความอบอุ่นสู่พื้นโลก แสงแดดยามเช้าค่อยๆ สาดแสงเข้าสู่ห้องพักที่ทำมาจากไม้เก่าๆห้องหนึ่ง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ายุคสมัยของความเจริญนี้ ยังจะมีห้องที่ทำจากไม้ผุๆ เก่าๆ และค่อนข้างโทรมแบบนี้อยู่ ยิ่งมองตามแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านบานหน้าต่างไม้ซึ่งเต็มไปด้วยรอยผุเนื่องจากปลวกและใยแมงมุมที่มาอาศัยทำรังแล้วนั้น ก็คงจะได้พบกับกองเสื้อผ้าและหนังสือที่เกลื่อนกลายอยู่ภายในห้อง...
"หมอคะ !! หมอๆ ๆ ๆ ตื่นได้แล้วค่ะ หมอ !!" เสียงของพยาบาลสาวดังขึ้นภายหลังบานประตูซึ่งกำลังพยายามปลุกนายแพทย์หนุ่มด้วยอารมณ์ค่อนข้างที่จะไม่ค่อยดีนัก ! หากแต่ว่านายแพทย์หนุ่มนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะแทบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการที่พยาบาลสาวยืนตะโกนพร้อมกับทุบประตูไม้อยู่ด้านนอกเลยสักนิด เขากลับเอามือคว้าเสื้อตัวที่อยู่ใกล้ๆมือ แล้วลากมันมาปิดศีรษะของเขาแทน เพื่อหวังว่ามันอาจจะลดเสียงที่รบกวนเขาได้บ้าง แต่ก็หาเป็นอย่างที่หวังไม่ ! เสียงพยาบาลสาวก็ยังเรียกเขาอยู่เช่นเดิมโดยที่เสียงไม่ได้ลดความดังแม้แต่น้อยเลย หมอหนุ่มจึงจำเป็นที่จะต้องเอามือยันร่างให้ลุกขึ้นทั้งๆมีเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งคลุมอยู่บนหัว ดวงตาสีดำสนิทค่อยๆปรากฏขึ้นพร้อมๆกับที่เขาอ้าปากหาว
"จ้าๆๆ ธัญ รอแป๊บนึง?!" เสียงอันงัวเงียของหมอนุ่มดังขึ้นพร้อมๆกับเดินไปเปิดประตูห้อง !!
"หมอค่ะ หมอไปทำอะไรมาคะ?! ทำไมถึงได้สภาพถึงได้เละเทะขนาดนี้?!" ธัญญนันท์ ร้องขึ้นเมื่อพบว่าสภาพหมอของเธอนั้นค่อนข้างที่จะเป็นไปตามที่เธอร้องอุทานเสียจริงๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยับยู่ยี่กับกางเกงที่ข้างหนึ่งถูกพับขึ้นไปจนเกือบถึงหัวเข่า !!
ยังไม่รวมกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าที่อยู่บนหัวของเขาอีกล่ะ?! เธอเห็นแล้วยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่า คนแบบนี้เรียนจบเป็นหมอได้ภายในอายุ 23 ปี หล่อนคิดพลางเอื้อมมือไปคว้าเสื้อเชิ้ตตัวนั้นลงมารวมกับผ้าที่จะซัก จึงเผยให้เห็นเส้นผมสีเงินซึ่งทอประกายแดดยาวเช้าของหมอหนุ่ม
"เอาน่า ! ธัญอย่าบ่นนักเลย ! บ่นมากๆเดี๋ยวแก่เร็วแล้วจะไม่มีใครมาขอนะ?!" หมอหนุ่มเริ่มแซวพลางเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อสำรวจสภาพตัวเอง โดยที่ปล่อยให้พยาบาลสาวจัดเก็บกองเสื้อฟ้าที่จะซักให้เป็นที่เป็นทาง ?!
"แล้วนี่หมอ!! ยังไม่ตอบคำถามชั้นเลยนะคะ ว่าหมอไปทำอะไรมาคะ ถึงได้เละตุ้มเป๊ะแบบนี้?!!" พยาบาลสาวยังไม่เลิกตอแย
"ก็งานเลี้ยงวันเกิดไอ้เจ้าษิตหน่ะสิ ดันกรอกเหล้าเล่นเอาซะผมแทบแย่ !!" หมอหนุ่มบ่นพลางถอดเสื้อแล้วโยนออกมาจากประตู โดยที่พยาบาลสาวมองตามพร้อมกับถอนใจอย่างเอือมระอาว่าทำไมเธอถึงได้เผลอตกปากรับคำมาช่วยงานบ้านให้อีตาหมอเพี้ยนๆ แบบนี้ด้วย !!
"ธัญจ๋า~~!! เช้านี้มีอารายกินบ้างจ๊ะ~?!" เสียงหมอหนุ่มออดอ้อนมาจากห้องน้ำ
"ไม่มีหรอกค่ะหมอ แล้วนี่ก็ไม่เช้าแล้วด้วย!!" พยาบาลสาวกระแทรกเสียงตอบพลางเก็บเสื้อผ้าต่อ
"แล้วนี่ไม่สงสารผมเลยหรอ ธัญ~~?!" หมอหนุ่มเริ่มโอดครวญอีกครั้ง
"ไม่ต้องเลยค่ะหมอ ดิชั้นเป็นพยาบาลนะคะ ไม่ใช่แม่บ้าน!!" พยาบาลสาวตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนที่หล่อนจะยกกองเสื้อผ้าของหมอหนุ่มแล้วเดินลงส้นเท้าด้วยอาการกระฟัดกระเฟียดจากไป แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีเสียงทะเล้นหมอหนุ่มดังลอดออกไล่หลังเจ้าหล่อนตามออกมา !!
"เดินแบบนี้ระวังพื้นจะทะลุนะจ๊ะธัญ ?!"
ปั้ง!!!!
เสียงปิดประตูดังขึ้นหลังจากที่เสียงของหมอนุ่มเงียบลงไปเพียงไม่เท่าไหร่ เขาคงไม่ต้องคาดคะเนอะไรมากว่าแม่พยาบาลสาวนั้นมีน้ำโหมากขนาดนั้น กับน้ำเสียงและท่าทีอันทะลึ่งทะเล้นของเขานั้น !
หลังจากที่พยาบาลสาวจากไป สีหน้าและท่าทางของเขาก็ดูเหมือนว่าจะกลับกลายเป็นคนละคนโดยแทบจะทันที ชายหนุ่มค่อยๆพิจารณาตัวเองในกระจก ตั้งแต่เส้นผมที่เป็นสีเงินจนเกือบขาวไปทั้งหัว ทั้งๆที่ตัวของเขาเองนั้นก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากสาเหตุใด ไล่ลงมาถึงดวงตา ดวงตาสีดำขลับที่ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความเย็นชา ที่อยู่บนใบหน้าอันเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ค่อยๆไล่ลงมายังคอ ซึ่งมีสร้อยสีเงินเส้นหนึ่ง ที่ปลายสร้อยนั้น มันยังมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งอยู่ ขวดแก้วเล็กๆซึ่งบรรจุสารเรืองแสงสีเงินซึ่งดูเหมือนกับว่ามันมีเหลือแค่เพียงก้นขวด มันเป็นสิ่งที่เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับขวดๆนี้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะถอดมันออกได้ ถึงแม้ว่ามันจะแค่เอื้อมมือไปกระตุกสร้อยเส้นนี้ออกเท่านั้น!
ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือขึ้นไปจับขวดแก้ว นั้นพร้อมกับค่อยๆหลับตาลง ทันใดนั้น แสงสีเงินเรืองๆ ก็ค่อยๆสว่างลอดออกมาจากช่องว่างของนิ้วมือของเขา ชายหนุ่มค่อยๆถอนหายใจอย่างช้าๆพร้อมๆกับ ค่อยๆลืมตาขึ้น และแล้วเขาก็ได้เห็นสิ่งนั้นอีกครั้ง ดวงตาสีดำสนิทราวกับราตรีอันมืดมิดนั้น ค่อยๆสว่างเรืองจนกลายเป็นสีเขียวมรกตอย่างชัดเจน! กลิ่นไอสังหาร และกลิ่นคาวเลือดจากเหตุการณ์ในช่วงข้ามคืนนั้น มันยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ !!!
ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ แล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น บัดนี้ดวงตาของเขาได้กลายเป็นสีดำอย่างปกติแล้ว แต่ในใจของเขาเล่า เขากลับรู้สึกเหมือนว่า เขาต้องกลับไปทำหน้าที่อันเต็มเปี่ยมได้ด้วยคุณธรรมและมโนธรรมอีกครั้ง บนโลกแห่งแสงสว่างใบนี้~!!
แอ๊ด~~!!!
เสียงบานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างอันชุ่มโชคไปด้วยน้ำของนายแพทย์หนุ่ม เขาค่อยเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อนนัก น้ำหอมค่อยๆถูกพรมลงทั่วร่าง ก่อนที่เขาจะคว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวมาสวมใส่อย่างเนือยๆ และปล่อยให้ชายเสื้อนั้นรุ่มร่ามอยู่นอกกางเกงสีดำโดยที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะจับมันยัดเข้าไปเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเขาก็กวาดของที่อยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าของเขานั้นให้มาอยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะก้าวออกไปจากห้องอันโกโรโกโสไปสู่โลกอันโสมมแห่งนี้...
ทุกๆ ย่างก้าวที่เขาเดินออกมาจากตรอกนั้น มันทำให้เค้ารู้สึกราวกับว่า ที่นี่มันคือคนละโลกกับภายนอกเสียจริงๆ โลกแห่งนี้ คือส่วนที่รัฐบาลสร้างขึ้นเพื่อหลอกสายตาชาวโลกหรือว่าอย่างไรกัน ทำไมผู้คนถึงได้อดอยาก แล้งแค้นถึงขนาดนี้ ภาพของคนเร่ร่อน ได้ที่อยู่อาศัย นอนกันตามข้างถนนกันให้เกลื่อนกลาด บางคนถึงชั้นที่จะต้องคุ้ยเขี่ยอาหารตามถังขยะ ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เร่ร่อนแม้เพียงนิดเดียว เด็กน้อยตาดำๆ อีกหลายชีวิตที่ต้องมานั่งอดอยาก ทั้งๆที่อยู่ในวัยที่สมควรที่จะไปมีความสุข หัวเราะ และวิ่งเล่นอยู่ในโรงเรียน มิใช่สถานทีคับแคบเช่นนี้ หมอนุ่มคิดพลางถอนหายไปแล้วรีบสาวเท้าเดินออกจากตรอกไปให้เร็วที่สุด ในใจของเขามักมีแต่คำถาม ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่มีที่สิ้นสุด และทำไมตัวเขาถึงไม่ยื่นมือมาช่วยคนเหล่านี้เล่า ทั้งๆที่ตำแหน่ง และหน้าที่ของเขานั้น มันอาจช่วยคนพวกนี้ได้ แต่ทว่า อาชีพอีกด้านหนึ่งของเขานั้น มันอาจจะทำให้คนเหล่านี้ ต้องมาเดือดร้อนหนักกว่าที่เป็นอยู่อีกก็ได้ และตำแหน่งหน้าที่อีกด้านหนึ่งของเขา มันก็ไม่ต่างอะไรกับพันธนาการชีวิตของเขามากมายนัก ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เขามีหน้ามีตาในสังคม ในฐานะของ นายแพทย์ ก็ตาม !
ชายหนุ่มยังสาวเท้าต่อไปจนกระทั่ง ออกมาจากซอยแคบๆนั้น มาสู่โลกแห่งการพัฒนา
.
เสาไฟฟ้าที่ถูกตั้งเรียงรายอยู่บนท้องถนน ซึ่งเต็มไปด้วยการจราจรอันหนาแน่น นั้นคงจะยังไม่ได้รวมกับผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาจนเต็มฟุตบาท ด้วยความเร่งรีบ ส่วนตัวของเขาเอง ก็ไม่มีเวลาที่จะมาเดินคิดอะไรมากมาย เพราะอีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาทำงานของเขาแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นอีก !!
และแล้วร่างของชายหนุ่มก็ไปหยุดอยู่ที่ชานชราของรถไฟใต้ดินสถานีหนึ่ง เขาก็คงต้องยอมรับว่า การเดินทางโดยรถไฟนี้ ช่วยย่นระยะเวลาให้เขาได้ทางหนึ่งทีเดียว และความคิดของเขาก็เป็นเช่นเดียวกับผู้คนอีกมากมายที่ยอมเบียดเสียดอยู่ภายในสถานีแห่งนี้ ชายหนุ่มใช้เวลายืนรอเพียงเสี้ยววินาที รถไฟก็พุ่งทะยานเข้ามาจอดเทียบ ภาพที่ผู้คนในนี้ได้เห็นกันจนชินตาก็คือ เมื่อประตูรถได้เปิดออก ผู้คนมากมายก็พากันหลั่งไหลออกมาจากไอ้อุปกรณ์ขนส่งรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูเหมือนว่าจะยืดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนที่กระแสผู้คนอีกกลุ่มจะไหลทะลักเข้าไปในเจ้าสิ่งนั้น ก่อนที่ประตูของมันจะปิดลง และก็เริ่มพุ่งทะยานออกไปจากชานชราอีกครั้งผู้คนที่ต้องอาศัยภายในบริเวณต่างที่จะต้องใช้บริการไอ้เจ้าสิ่งนี้กับแทบจะทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวของเขาเอง !
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างของนายแพทย์หนุ่มก็ขึ้นมายืนเด่นตระหง่านอยู่บนท้องถนนอีกครั้ง หากแต่ว่าคราวนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขาก็คือ ตึกสูงระฟ้าขนาด 21 ชั้น ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมคลาสสิก กับเทคโนโลยีอันทันสมัยได้อย่างลงตัว
ชายหนุ่มก้มหน้ามองประตูทางเข้าพร้อมถอนหายใจก่อนที่จะเดินเข้าไปในนั้น
เสาทรงกลมสไตล์ยุโรปซึ่งตั้งเป็นแถวเป็นแนวมองดูแล้วแทบจะไม่เชื่อสายตาเลยว่าสถานที่นี้ มันคือโรงพยาบาล และเป็นโรงพยาบาลระดับแนวหน้าของรัฐบาล
ตอนนี้เขาได้ถึงที่หมายแล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนนัก เขาถึงได้กลับมาเดินอย่างปกติ เพื่อที่จะไปขึ้นลิฟท์แก้วของโรงพยาบาล และแล้วความรู้สึกถึงไอสังหารค่อยๆ แผ่เข้ามาถึงตัวเขาแทบจะในทันทีพร้อมๆ กับความรู้ถึงที่ว่าวันนี้มีผู้คนในโรงพยาบาลกว่าปกติจนเป็นที่สังเกตได้ชัด เขาจึงเดินไปถามพยาบาลสาวที่อยู่ที่เคาท์เตอร์ !!
"ขอโทษนะครับ!! วันนี้ไม่ทราบว่ามีอะไรกันหรือครับ?!" นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพ
"เอ่อ... คือว่าวันนี้เป็นวันเข้าทำงานของนักศึกษาแพทย์หน่ะค่ะ?!" พยาบาลสาวเอ่ยพลางหลบตาเขาอย่างเขินอาย แต่ทว่าเขากลับไม่สนใจในทาทีของเจ้าหล่อนเลยแม้แต่น้อย
"ขอบคุณครับ!!" เสียงตอบกลับอย่างเย็นชาของเขานั้นมันเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกเบื่อหน่ายในปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้าม
โดยที่ไม่สนว่า พยาบาลสาวทั้งหลายจะซุบซิบอะไรเกี่ยวกับตัว หรือแม้แต่สีผมของเขา
ชายหนุ่มค่อยๆเดินไปที่ลิฟท์เพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องตรวจ ป่านนี้ธัญคงไปรออยู่ที่ห้องแล้วหล่ะมั๊ง เขาคิดพลางเดินก้าวเข้าไปในลิฟท์แก้ว ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นไปสู่ชั้นที่ 19 ชั้นของนายแพทย์ที่จบการศึกษามาจาก เซ็นเตอร์ ซิลลิเวย์ชั่น หรือสถาบัน ซีเอส (CS.) ซึ่งมีเครือข่ายอยู่แทบจะทั่วประเทศ โดยที่เป็นทั้งโรงเรียนที่สอนตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับด็อกเตอร์เลยก็มี แถมยังมีสถาบันวิจัยเป็นของตัวเองอีกด้วย
แต่ยิ่งชายหนุ่มคิดถึงชื่อนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตของเขาอีกเป็นร้อยเท่าพันทวี
หรือไม่จริงที่ชีวิตของเขาต้องมาติดอยู่กับปลอกคอแบบนี้ก็เพราะไอ้สถาบันบ้าๆนี่ !!
และแล้วลิฟท์แก้ว ก็มาหยุดอยู่ ณ ชั้นที่ 19 นายแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางค่อยๆก้าวเท้าเดินออกจากตัวลิฟท์ โดยที่ความรู้สึกของเขากับชั้นที่ 19 นี้มันไม่เคยต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย จิตสังหารที่แผ่พุ่งออกมาจากแต่ละห้องนั้น มันบ่งบอกได้ดีทีเดียวว่า คนที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ปุถุชนเหมือนกับผู้คนที่เดินกันไปมาข้างนอกนั่นอย่างแน่นอน... แต่อย่างไรก็ดี เขาไม่เคยสนใจคนพวกนี้อยู่แล้ว งานทุกอย่าง มันต้องขึ้นอยู่กับฝีมือเท่านั้น ชายหนุ่มคิด พลางเดินไปที่ห้องของเขา เขาหยิบคลิกสติ๊กขึ้นมา พลางพิจารณามันอย่างขำๆที่รัฐบาล มีความคิดประหลาดในการเปลี่ยนรูปแบบ จากบัตรสี่เหลี่ยมติดแถบแสงมาเป็นไอ้แท่งทรง 18 เหลี่ยม อันเล็กๆนี่ แต่ก็ช่างเหอะ มันไม่ได้มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในชีวิตของเขามากมายเท่าใดนัก !
เขายักไหล่พลางเอาคลิกสติ๊กเสียบลงไปในช่อง และแล้ว ประตูห้องก็ปลดล็อคพร้อมกับเปิดออก ชายหนุ่มจึงดึงคลิกสติ๊ก ออก พร้อมกับก้าวเข้าไปในห้อง เขาหันไปคว้าเสื้อกาวน์ที่ผนัง พร้อมกับสวมใส่มันอย่างเคยชิน และแล้วความสงบของเขาที่คาดว่าจะได้รับก็กลับมีเสียงทักของ พยาบาลสาวที่เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างดีทักขึ้น !
"ไงคะหมอ มาซะตรงเวลาเชียว?!" เสียงของธัญญนันท์นั้นเอง ที่ประชดประชันเขา
"อะไรกันจ๊ะธัญ นี่มาเร็วที่สุดแล้วนะ?!" หมอหนุ่มกล่าวทะเล้น ใช่ เขาไม่ค่อยล้อเล่นกับใครบ่อยนัก แต่กับพยาบาลสาวคนนี้ เธอเป็นค่อยที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบเอาการ ดังนั้น การล้อเล่นกับเธอ ย่อมเป็นสิ่งที่สนุกอย่างหนึ่งสำหรับเขา
"เอ่อหมอค่ะ เมื่อ 5 นาทีก่อน ทางข้างบนเขาเรียกให้หมอขึ้นไปพบหน่ะค่ะ ไม่ทราบด้วยว่าเรื่องอะไร?!" พยาบาลสาวตอบก่อนที่จะเอาแฟ้มประวัติของคนไข้ทั้งหมดลงมากองต่อหน้าของเขา
"แล้วไอ้กองกระดาษพวกนี้หล่ะจ๊ะ?! ธัญ!!" หมอหนุ่มกล่าวพลางทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นกองงานที่มีเป็นตั้งขนาดนี้...
"ก็คนไข้ที่หมอยังไม่ยอมทำสรุปไงคะ?!" ธัญญนันท์กระแทรกเสียงใส่อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักก่อนที่จะกล่าวต่อไปว่า...
"ถ้าหมอไม่สรุป! ดิชั้นก็คงจะเอาคีย์ลงแฟ้มประวัติในเครือข่ายไม่ได้หรอกนะคะ?"
"จ้าๆๆ งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะ ถ้ากลับมาในสภาพยังไม่โดยไล่ออกแล้วผมจะเคลียร์ให้นะ?!" เขาตอบพลางรีบลุกจากเก้าอี้ แล้วรีบเผ่นออกจากห้องโดยทันที เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงบ่นของหล่อนอีก
. ความจริงแล้วธัญญนันท์ นั้นถึงจะอายุมากกว่าเขาสักหน่อย แต่หล่อนก็ไม่ได้ดูแก่เกินไปนัก แต่ทำไมหล่อนถึงได้เจ้าระเบียบนักก็ไม่รู้
หมอหนุ่มรีบขึ้นลิฟท์พิเศษ โดยที่ต้องใช้คลิกสติ๊กเท่านั้น ถึงจะเรียกลิฟท์ได้ เพราะว่ามันคือที่สำหับเจ้าหน้าที่ชั้นสูง ของCS.
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในลิฟท์อย่างรีบร้อน ก่อนที่จะออกมาจากลิฟท์ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเครียด เสียงรองเท้าหนังของเขา กระทบพื้นของโถงทางเดินที่เงียบสงัดนั้นอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งแสดงว่าตอนนี้ภายในใจของเขาได้เริ่มสงบลงบ้างแล้ว
และแล้วเขาก็ได้มาหยุดอยู่หน้าห้องที่อยู่ลึกที่สุดของชั้นที่ 21 เบื้องหน้าของเขาคือประตูไม้สังเคราะห์บานใหญ่ที่สลักเสลาไว้อย่างสวยงามตามแบบของศิลปะในยุคโรมัน เขาเคาะประตู 2-3 ทีตามมารยาท ก่อนที่ประตูไม้นั้นจะค่อยๆจะเปิดออกด้วยระบบไอโดรลิค ชายหนุ่มค่อยๆย่างเท้าเข้าไปโดยมิได้พรั่นพรึงถึงความกดดัน และความเงียบงัน ที่เหมือนกันว่าจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆนั้นเลยแม้แต่น้อย!
"มาแล้วหรอ?!" เสียงอันเย็นชาแต่ดุดันของหญิงสาวดังขึ้นโดยที่เธอไม่แม้แต่จะละสายตาจากวิวด้านนอกมามองเขา
"ครับ!! มิสโรส อ้อ!! ไม่ใช่สินะครับ จะเรียกให้ถูกก็ต้อง ก็คงจะเป็น ดร.พัชรินทร์ อินทรเกียรติกรณ์?!" ชายหนุ่มจงใจเรียกผิดเพื่อให้เจ้าของชื่อหันมามองหน้าเขา ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ใดก็ตาม และแล้วความต้องการของชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะบรรลุผลเพราะว่า เจ้าของชื่อนั้น ได้หันมาและแสดงอาการเกรี้ยวกราดใส่เขาได้อย่างชัดเจน
"คุณก็รู้ ว่าชื่อที่ใช้ในองค์กรห้ามเอามาพูดในที่สาธารณะ นายแพทย์ศิวะฤกษ์!!" เสียงของหล่อนเกรี้ยวกราด หากแต่กลับบีบเสียงให้เย็นชาลงที่ชื่อของชายหนุ่มเป็นเชิงกดดันประหนึ่งว่า หล่อนยังอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าเขาได้อย่างชัดเจน
"ครับ!! และผมก็ทราบดีว่า การหันหลังให้กับคู่สนทนามันก็ไม่ใช่มารยาทอันดีเลย?!!" นายแพทย์หนุ่มสวนกลับเธอเข้าให้ โดยไม่คำนึงถึงฐานะเลยแม้แต่น้อย
"คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คะคุณหมอ! คุณคิดว่าคุณเป็นใครที่สามารถมาต่อปากต่อคำกับชั้น!" เสียงของ พัชรินทร์ เกรี้ยวกราดขึ้นโดยฉับพลัน
"ผมหน่ะหรอ ผมมันก็แค่หมอ ต๊อกต๋อย ในโรงพยาบาลอันเป็นที่คุ้มกะลาหัวของ เซ็นเตอร์ ซิลลิเวย์ชั่น นี่ไงหล่ะครับ?!" น้ำเสียงตอบกลับของชายหนุ่มไม่ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย หากแต่กลับเย็นเชียบประดุจภูเขาน้ำแข็ง
โดยที่สายตาของเขาและเธอนั้นต่างก็จ้องกันราวกับว่า จะบีบอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ให้ป่นเป็นเถ้าธุลีเสียด้วยซ้ำไป
"แล้วที่คุณเรียกผมมาที่นี่ มีธุระอะไรหรอครับ?!" น้ำเสียงอันเหยียบเย็นค่อยๆเอ่ยขึ้นอีกครั้งจากปากของชายหนุ่ม
"หึ เรื่องอะไร คุณน่าจะรู้ดีนี่คะ คุณหมอ?!" หญิงสาวยังวางมาดอยู่เช่นเดิม โดยที่คนทั้งคู่ยังพยายามสร้างแรงกดดันขึ้นภายในกรอบสี่เหลี่ยมอันถูกล้อมรอบไปด้วยกระจกใส ซึ่งมีเพียงโต๊ะวางเอกสารตัวใหญ่เป็นเครื่องกั้นระหว่างผู้ใหญ่และผู้น้อยซึ่งกะลังปะทะคารมอย่างไม่มีใครยอมใคร...
"เรื่องที่ ผมถูกเรียกเข้ามาประจำที่นี่งั้นสินะครับ ผมก็ข้องใจอยู่เหมือนกันนะครับว่า เอกสารขอย้ายตัวที่ผมมีนั้น มันได้บอกว่าผมยื่นเรื่องไปประจำอยู่ที่ เมจิน ตั้งแต่ผมเพิ่งจะเรียนจบใหม่ๆ แต่ทำไมอยู่ๆผมก็ต้องมาปรากฏตัวอย่างกระทันหัน แถมยังมีอุบัติเหตุในเรื่องของการรักษา ที่ทำให้ความทรงจำของผมหายไปอีกเสียด้วย" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่เขาคำพูดของเขานั้นได้แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดแจ้งเลยทีเดียว
"ก็เพราะมือดีอย่างคุณ ไม่น่าที่จะต้องไปขลุกอยู่ที่เขตอันไร้ซึ่งความเจริญแบบนั้นนี่คะ" หล่อนตอบเสมือนว่าเห็นความสามารถของผู้สนทนา แต่ทว่าน้ำเสียงของหล่อนนั้นช่างค่อนขอดคู่สนทนาเป็นอย่างยิ่ง!!
"มือดี? ผมว่าคำคำนี้ไม่เหมาะที่คุณจะใช้กับผมหรอกนะ เพราะยังไง คนที่พัฒนาผม ก็ไม่ใช่ฝีมือคุณ ไม่ใช่หรอกครับ?" ชายหนุ่มยังคงกัดหล่อนด้วยท่าทีอันราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง!!
"หึ คนอย่างคุณนี่มันหัวแข็งซะจริงๆ เอาหล่ะชั้นจะเข้าเรื่องซะที" หล่อนพยายามระงับความโกรธของหล่อนไว้ ก่อนที่จะเอ่ยต่อว่า...
"ตอนนี้ ชั้นได้เด็กใหม่ ฝีมือร้ายกาจมาคนนึง อยากจะให้คุณช่วยดูแลหน่อยได้มั๊ยคะหมอ?!" หล่อนกล่าวเป็นเชิงขอร้องอยู่ในที ทั้งๆที่ท่าทีของหล่อนนั้น มิได้บ่งบอกเลยว่ามันเป็นการขอร้อง หากแต่เป็นการบังคับเสียมากกว่า
"เอ.... คุณน่าจะทราบระเบียบดีนี่ครับ ว่า เด็กสายของคุณ กับสายของ ดร.อนุวัติหน่ะ มันคนละแบบกัน จะให้ผม เป็นพี่เลี้ยงของเด็กของคุณหน่ะ คงไม่ได้หรอกนะครับ?!" ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ทว่าดูเหมือนเขาคงจะต้องจำยอมให้กับ ดร.สาวคนนี้ในเมื่อเธออ้างเอาความเป็นผู้ช่วยฝ่ายการสร้าง และติดตามผลทางสมรรถภาพ ของเธอมาใช้ในการบีบบังคับ!!
"ถ้าอย่างนั้น ก็เห็นทีว่าผมคงปฏิเสธไม่ได้ใช่มั๊ยครับ?!" ศิวะฤกษ์หยั่งคำถามพลางคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ใช่!!" พัชรินทร์ กล่าวตอบอย่างเหนือกว่า พลางกด อินเตอร์คอมที่อยู่บนผนัง เรียกให้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง
แค่เพียงไม่ถึงนาที ร่างของเด็กหนุ่มอายุประมาณ 14-15 ปีก็มาปรากฏโฉมต่อหน้าของ ชายหนุ่ม เขาจึงเริ่มพิจารณาเด็กหนุ่มคนนี้แทบจะทันที...
อืมม ขายาว เรียว เส้นผมสีแดง ดวงตาสีดำขลับ หึพลังจิตท่าจะสูง อ้อ ท่อนแขนเรียวเล็ก ท่าทางเป็นคุณชาย .... ศิวะฤกษ์เดินวนไปรอบๆเด็กหนุ่มคนนั้น พลาง แตะไปที่ไหล่ของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่า เด็กคนนี้หน่วยก้านไม่เลยทีเดียว ... แต่ทว่าหากมีคนสังเกตท่าทีของเขาให้ดีนั้น ก็น่าจะมีคนรู้ว่า นัยน์ตาของเขากลับกลายเป็นสีมรกต แค่เพียงเสี้ยววินาที!
เขาถอนหายใจก่อนที่จะกล่าว ตกลงพร้อมกับพาหนุ่มน้อยคนนั้นเดินออกไป แต่ทว่าก่อนที่จะออกไปนั่น เขาได้หันมากล่าวอย่างหนึ่งกับ พัชรินทร์ ว่า...
"อ้อ ดร.ครับ กฎย่อมเป็นกฎใช่มั๊ยครับ ถ้าหากว่าเด็กที่ดูแลอยู่ตายไป ก็ไม่ต้องดูแลคนอื่นอีก เป็นเวลา 5 ปี" ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินจากไป พร้อมกับเด็กหนุ่มคนนั้น...
ฟู่~~!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงไฮโดรลิคถูกเปิดออกพร้อมๆกับร่างของชายหนุ่มทั้ง 2 คนเดินก้าวออกมาจากห้อง แต่ทว่าดูเหมือนมีสิ่งผิดปกติกำลังเกิดขึ้นกับชายที่เด็กกว่า อยู่ๆเขาก็หมดแรงและเริ่มล้มลงไปกับพื้นซะเฉยๆ เสียงหอบหายใจค่อยๆดังขึ้นทีละน้อยๆ จนอาเจียนออกมาเป็นของเหลวสีเขียวเข้ม!!!
"คะ....คุณ....ทะ....ทำ....อะ....ไร.....กับ...ผม...!!!!!!!!!!!!!!!!" คำพูดแต่ละคำของเขานั่น กล่าวออกมาได้อย่างยากเย็นเสียงจริง !!
"ชั้นจะสอนอะไรให้แกจำไว้นะ! ไอ้หนู! ว่ากฎของนักฆ่าหน่ะ?! ข้อ 1 อย่าไว้ใจใคร ข้อ 2 อย่าให้ใครเข้าใกล้หรือประเมินตัวเองได้ จำไว้ใช้ในนรกเถอะนะ ไอ้หนู?!" ศิวะฤกษ์กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นเหยียบ ก่อนที่จะจากไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนร้องครวญครางอยู่กับพื้นนั้น จากเสียงที่เคยพูดได้เมื่อครู่ กลับค่อยๆหายไป จนไม่มีแม้แต่เสียงร้อง ของเหลวสีเขียวยังไหลทะลักออกมาจากปากของเด็กหนุ่มอย่างไม่ยอมหยุดหย่อน และแล้ว ร่างกายของเขาก็เริ่มบิดไปมาและทุรนทุราย มือหนึ่งกุมที่ลำคอส่วนอีกมือหนึ่งนั้น กลับตะเกียกตะกายไปบนพื้น และแล้วลมหายใจของเขาก็หยุดลง ...มือที่งอเกร็งค่อยๆคลายตกลงราบกับพื้น ศีรษะและต้นคอที่ตั้งตรงเพราะความทรมาน ได้ตกลงกระแทรกกับพื้นเบาๆ นี่คือหนึ่งในความปราณีของเขา ที่มอบให้กับผู้ที่ไม่ใช่เหยื่อ ?!!!
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้ากล้องวงจรปิดซึ่งเขาเชื่อมั่นว่า มันจะต้องต่อเข้ากับห้องที่ ดร.พัชรรินทร์อยู่เป็นแน่ ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียอันราบเรียบแต่แฝงได้ด้วยความสะใจเป็นที่สุดว่า...
"ขอโทษนะครับ! ดร. ผมไม่ค่อยชอบให้ใครคอยติดตามและรายงานพฤติกรรมน่ะครับ! อ้อ! แล้วก็ช่วยหาคนมาจัดการศพของ มือดีของคุณด้วยนะครับ!" หลังจากนั้น เขาก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงแต่รอยยิ้มอันสะใจหวังที่จะให้ พัชรินทร์ ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์นั้น ได้เต้นเป็นจ้าวเข้า !!
ติ๊ง งง~~!!!
เสียงลิฟท์แก้วหยุดลงที่ชั้น 19 ประตูของลิฟท์ใสค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับการย่างเท้าออกมาอย่างสะใจของชายหนุ่ม เขาเริ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ในพฤติกรรมของตนเอง ไม่รู้ว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ประกาศตนเป็นศัตรูกับ ดร.พัชรินทร์ แต่ทว่าในตอนนี้เขาก็คงไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าหากตัวของเขายังอยู่ในสังกัดของ ดร.อนุวัติ หัวหน้าการพัฒนางานวิจัยการควบคุม และการใช้พลังจิต !
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเสียบคลิกสติ๊กอีกครั้ง แล้วก้าวเข้าไปในห้อง พร้อมกับมองกองเอกสารที่ท่วมอยู่บนโต๊ะ โดยฝีมือของพยาบาลสาวอย่าง ธัญญนันท์ ดังนั้น วันนี้เขาซึ่งไม่มีเวรลงตรวจ ก็คงต้องมาทรมานกับการจัดการไอ้กองเอกสารพวกนี้?!!
และแล้ว การจรดปากกา ลงบนกระดาษก็ค่อยๆเริ่มขึ้น และเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยที่เขาคิดว่า ถ้าไม่เสร็จ ก็คงจะไม่หยุดพักเป็นแน่.. แต่จนแล้วจนรอด เวลาผ่านไปจนกระทั่ง 4 โมงเย็น การสรุปแฟ้มประวัติคนไข้ ก็ยังไม่ยอมเสร็จสิ้น จนเขาต้องวางมือ แล้วเริ่มเอนหลังลงพลางถอนหายใจ การอยู่ทำงานต่อไปคงไม่มีประโยชน์อะไรนักกับเขา เพราะตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายแพทย์ดีเด่นเสียด้วย ดังนั้นการออกไปผ่อนคลายข้างนอกก็คงจะเป็นสิ่งดีไม่น้อยเลยทีเดียว ว่าแล้วความคิดก็ไวเท่าการกระทำ เขารีบผลุดลุกจากเก้าอี้ ถอดเสื้อกาวน์ออกกองไว้ที่โต๊ะ แล้วก้าวเดินออกจากห้องโดยทันที!
กลับออกมาบนท้องถนนอันวุ่นวาย ชายหนุ่มค่อยๆก้าวเท้าเดินอย่างผ่อนคลายอารมณ์ และแล้วสัญญาณติดต่อก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของเขา ชายหนุ่มยกหน้าจอขึ้นมองก่อนที่จะกดรับอย่างเสียมิได้!!
"ไงไอ้วะ!! เดี๋ยวนี้เค้าเลิกใช้มือถือแล้ว แกยังไม่เลิกอีกรึไงวะ?!" เสียงอารมณ์ดีของชายคนหนึ่งดังลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ!
"เออสิวะ!! ชั้นไม่ได้รวยแบบแกนี่ ที่ใช้ ไอ้แผ่นสี่เหลี่ยมๆ ใช้ปากกาเล็กๆจิ้มๆๆๆๆ แล้วก็ใส่หูฟังนี่?!" ชายหนุ่มประชด
"ก็มันสะดวกกว่านี่หว่า?! ไม่ต้องมานั่งค้นเบอร์ด้วยนะ ไม่ลองใช้ดูหรออิเร็คทริคสปีคเกอร์หน่ะ!!" ชายหนุ่มปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงสดใส ตามประสาคนอารมณ์ดี
"ไม่ต้องเลยไอ้ษิต!! แกจะขายของบริษัทแกให้ชั้นอ่ะนะ อย่าหวัง?!" ศิวะฤกษ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกัน
"โถ่!! ไอ้หมองก!! มีเงินก็ไม่ใช้?! แล้วนี่อยู่ไหน? อยู่ในลังไม้เก่าๆรึเปล่า? ระวังถล่มลงมานะเว้ยห้องแกหน่ะ!!" น้ำเสียงแซวจากนักธุรกิจหนุ่มดังขึ้น
"เออ ถึงชั้นจะงก แต่ก็ไม่เท่ากับนักธุรกิจ แบบแกนี่หว่า จะได้หมกตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ นี่ชั้นเพิ่งเลิกงานเฟ้ย กำลังหาที่ระบายความเซ็ง?!" ชายหนุ่มตอบกลับอย่างไม่อ้อมค้อม !
"งั้นเจอกันที่ร้านเดิม ชั้นจะได้ไปรอรับงานคืนนี้ด้วย?!" นักธุรกิจหนุ่มตอบ พลางกดวางสาย ปล่อยให้ ศิวะฤกษ์ยืนถอนหายใจเบาๆ
ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่?! การที่ถูกเรียกตัวกลับเข้ามา การที่ได้กลับมาทำงานกับเพื่อนรักอีกครั้ง แต่ทว่า?! ทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่ต้องโดนลบความทรงจำนั้น ตัวเขาเองก็ไม่อาจที่จะเข้าใจอะไรได้เลย ?!
...ชายหนุ่มลดใบหน้าต่ำลง พลันชั่ววินาทีดวงตาสะท้อนสีเขียวมรกตอีกครั้ง!! ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาเดินไปยังจุดนัดพบ...
T o B e C o n t i n u e s . . .
ความคิดเห็น