ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Voices into The DarknesS : เสียงครวญแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #2 : Vo][cEs I : เงาแห่งรัตติกาลและหยาดโลหิต !!

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 49


    Vo][cEs I : เงาแห่งรัตติกาลและหยาดโลหิต !!



     

    เมื่อแสงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้า  ปล่อยให้ความมืดได้โรยตัวลงมาปกคลุมพื้นพิภพ  ร่างของชายคนหนึ่งซึ่งนั่งปลดปล่อยอารมณ์อยู่บนหลังคาโบสถ์ โดยมิได้ยี่หระต่อแสงจันทร์ที่ค่อยๆ ทอประกายอยู่บนท้องฟ้าเท่าใดนัก  เส้นผมสีเงินที่ปลิวสยายตัดกับชุดสีดำที่เขาใส่นั้น   กลับถูกแสงจันทร์ที่มีเพียงเสี้ยวสะท้อนออกมาอย่างเงางาม ...

     

    นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่กำลังเหม่อมองออกไปบนแผ่นฟ้ากว้างอย่างไร้จุดหมาย  เสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าที่ดังขึ้นนั้น  บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขากำลังวิตกอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  มันคงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผู้อื่นซึ่งทำงานในแวดวงเดียวกับเขา  แต่คงไม่ใช่สำหรับ เขา ที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน  เขา ผู้ที่สองมือเคยเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด  บัดนี้มันกลับต้องมาเปื้อนคราบนั้นซ้ำอีกครั้ง  โดยที่แม้แต่ตัวของเขาเองก็มิได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นเลย ...  

     

    สิ่งที่เขาสามารถรับรู้ได้ก็คือ  เขาได้วางมือกับมันไปนานแล้วแท้ๆ ทำไมเหตุการณ์เหล่านั้นถึงต้องดึงเขากลับมาสู่วังวนแห่งรัตติกาลและกลิ่นคาวเลือดอีกครั้งด้วยเล่า ?!

     

    แม้แต่ตัวของเขาเองนั้นไม่เข้าใจเลย ว่า  ไอ้คำว่ามโนธรรมนั้น  มันมีหน้าตาเป็นแบบไหนกันแน่  แต่ก็ด้วยคำว่ามโนธรรมนั้นอีกที่ทำให้เขาเลิกอาชีพเดิมได้  แต่ทว่าตอนนี้โลกได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว  เดเลียนเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่อยู่บนผืนแผนที่โลก  ประเทศที่เขาเห็นมันเจริญอย่างถึงขีดสุดและตอนนี้ก็กำลังตกต่ำอย่างถึงขีดสุดเช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นการปล้น  ฆ่า  ข่มขืน  ชิงทรัพย์ ที่มีอยู่แทบจะทั่วทุกหัวระแหง !  หากแต่มันจำเป็นด้วยหรือ?  ที่จะต้องเขากลับมารับงานเช่นนี้อีกครั้ง ! เขาคิดพลางยกสองมือขึ้นมามองฝ่ามืออันขาวซีด  นิ้วมือเรียวยาว  กับปลายนิ้วที่โค้งมนได้รูป  มันดูเกินกว่าที่จะเชื่อได้ว่าสองมือนี้เคยฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน  และสองมือนี้เองที่เคยรักษาชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วนเช่นกัน ...

     

     

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เพียงครึ่งที่บัดนี้ได้ลอยอยู่กลางศีรษะของเขา  มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาคงต้องลงมือทำในสิ่งนั้นก่อนที่เวลาจะพ้นเลยผ่าน  ชายหนุ่มค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นยืนมองท้องฟ้าที่มีเพียงดวงจันทร์เพียงเสี้ยวเดียวซึ่งเด่นตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้านั่น  แสงจันทร์ในยามนี้ได้ปะทะเข้ากับใบหน้าอันโค้งมนของเขา  ชายหนุ่มที่มีรูปร่างบางมองดูคล้ายอิสตรี  ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวคอเต่ากับกางเกงขายาวสีดำนั้น  ยิ่งพินิจใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาด้วยแล้ว  อายุอานามคงไม่เกินยี่สิบห้าปีเป็นแน่  แต่ทว่าสภาพแวดล้อมที่เขาได้ประสบพบเจอมานั้น  ไม่ต่างอะไรกับชายวัยกลางคนเลยแม้แต่น้อย !

     

     

    ติ๊ดด ~!!!!

     

    เสียงสัญญาณติดต่อดังขึ้นจากหูฟังที่ติดอยู่ที่ต่างหูข้างซ้ายนั้นดังขึ้นเบาๆ   ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นกดรับอย่างเสียไม่ได้ !!  

    ซิล ! จะเที่ยงคืนแล้วนะ ! นายอยู่ไหน ?! ” เสียงจากปลายทางกรอกผ่านคลื่นไฟฟ้าเข้ามากระทบโสตประสาทของเขา ...

    ชั่งชั้นเหอะ ว่าแต่นายล่ะ ทางนั้นไปกันครบแล้วหรอซิล กรอกเสียงผ่านลำโพงตัวจิ๋วกลับไป

    อื้อ ! รอแต่นายนั่นแหละ ! รีบๆ มาได้แล้ว ! ชักช้าเดี๋ยวเจ๊โรสโมโหก็จบเห่พอดี ! ” ชายหนุ่มผู้ติดต่อมาเตือนเพื่อนร่วมงานด้วยความหวังดี ...

    หึ ! หล่อนจะไปรู้อะไร วันๆ ก็อยู่แต่ใน C.S. ไม่ได้ออกมารับรู้กลิ่นคาวเลือดกับเสียงร้องขอชีวิตอย่างพวกเรานี่ ! ” ซิล  กล่าวประชดผู้เป็นหัวหน้าอย่างเสียไม่ได้ !

    เออ ! เอาน่าไอ้ซิล ! แกอย่าเรื่องมากนักเลย  รีบๆ มาได้แล้ว ! เสียงปลายทางตัดบทพลางรีบเร่งเพื่อนร่วมงาน !

     

    คร๊าบผม ! ไอ้มิล ! ไอ้คนตรงต่อเวลา ! ไอ้หัวหน้าหน่วย ! ซิลรับคำเป็นเชิงล้อเล่น พร้อมกับตัดสัญญาณการติดต่อออกไป ...

    เฮ้อ... ~!!! ซิลถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์อีกครั้ง  ก่อนที่จะหันหลังให้กับดวงจันทร์นั้น  แล้วเดินไปข้างหน้าช้าๆ จนร่างของเขานั้นได้จางหายไป  เหลือไว้แต่เพียงแต่ดวงจันทร์ซึ่งทอแสงเพื่อควบคุมความสมดุลของรัตติกาลต่อไป

     

    ภายใต้ผืนฟ้าแผ่นเดียวกัน หากแต่ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่ภายใต้รัตติกาลเดียวกันมิได้มีความรู้สึกเหมือนกันตามไปด้วย แสงไฟที่ลอดออกมาจากคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ซึ่งคราคร่ำไปด้วยผู้มีอันจะกินซึ่งกำลังหาความสุขอยู่กับงานเลี้ยงสังสรรค์ ที่ถูกจัดขึ้นอย่างโอ่อ่า  รวมถึงบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ ซึ่งเต็มไปด้วย เสียงเพลง และกลิ่นแอลกอฮอล์อย่างดี พร้อมทั้งเสียงหัวเราะที่ฟังแล้วมีความสุขยิ่ง แต่ทว่าเมื่อเทียบกับเงิน ที่ใช้ไปอย่างไร้ค่า เพื่อแลกมากับความสุขส่วนตัวโดยที่ไม่คำนึงถึงว่า ผู้อื่นนั้นจะอดอยาก แล้งแค้น หรือจะปากกัดตี นถีบเพียงใดแล้ว คนเหล่านี้ก็มิได้ต่างจากปิศาจเลยแม้แต่น้อย...

     

    บนหลังคาของคฤหาสน์นั้นเอง ปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดดำกลุ่มหนึ่ง ซึ่งดูท่าว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังรออะไรอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ...

    ว่าไง? หมอนั่นน่ะ ! มีปัญหาอะไรอีก ?! ชอบทำตัวเป็นปัญหาอยู่เรื่อย ~!!” เสียงของชายคนหนึ่งบ่นขึ้น  หลังจากที่มิลเลอร์ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มได้คุยกับผู้ร่วมงานผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กซ์ทรอนิกซ์จบ !

    เอาน่า ! อย่าไปคิดอะไรกับมันเลยรูน ! นายก็รู้ว่าหมอนี่เป็นคนแบบไหน ?! ” มิลเลอร์กล่าวตอบอย่างเอือมระอากับเพื่อนร่วมทีมที่ถูกกล่าวถึงเช่นกัน  พลางสายตาเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ในเงาสลัว !

    เอ้า ! ว่าแต่พ่อหนุ่มผมทองหล่ะว่าไง ?! ”  มิลเลอร์หันไปทักชายอีกคนซึ่งยืนโดดเดี่ยวอยู่ริมหลังคาของคฤหาสน์ ภายใต้เงาของก้อนเมฆที่บดบังดวงจันทร์ที่เหลือเพียงครึ่งดวง !

    เฮ้อ...  มันก็พูดยากนะ ! ว่าแต่ว่าคืนนี้จะเลือกใครเป็นเหยื่อหล่ะ?!  เล็งเป้าหมายไว้รึยังจะได้ไม่จ้องเล่นงานคนๆ เดียวกันให้เสียเวลา ! ”  ชายผมทองถามกลับมายังชายหนุ่มนามมิลเลอร์  แต่ทว่าเจ้าตัวยังไม่ทันตอบกลับก็มีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้น !!

    ชั้นว่าเลือกเป็นชั้นๆของคฤหาสน์เลยดีกว่า มี 4 ชั้นพอดี จะได้เล่นกันให้สนุกไปเลยดีมั๊ยล่ะมิลเสียงที่แทรกขึ้นมานั้น ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสียงของซิลเวอร์ ที่ใช้เทเลพอร์ตมาปรากฏตัวภายในเงามืดเบื้องหลัง  !

    นายนี่มาได้จังหวะทุกที่เลยนะ ซิล ! ” เสียงของมิลเลอร์ทักผู้ที่พึ่งจะมาถึง !

    เอาน่า ! ว่าแต่ใครเอาชั้นไหนล่ะ ! คืนนี้ชั้นอยากเล่นอะไรสนุกๆ หน่อยน่ะ ?! ชั้นขอชั้นสองแล้วกัน ฟลอร์เต้นรำ  คนเยอะดี  ท่าจะได้เล่นอะไรสนุกๆ ! ชายผมทองกล่าวขึ้นพร้อมกับสายตาที่เหม่อลอย  แต่ทว่าดวงตาสีฟ้าคู่นั้นกลับมีแววตาที่เป็นประกายซ่อนอยู่ ...

    นายนี่ชอบความอึกทึกไม่เปลี่ยนเลยนะเอ็กซ์ !! ” รูอินหันไปกระเซ้าเพื่อนร่วมงานก่อนที่จะเลือกสถานที่ปฏิบัติงาน...

     

    งั้นชั้นขอชั้นหนึ่ง ! ขอทำงานส่วนที่เป็นห้องอาหารดีกว่า  ท่าทางไวน์คืนนี้จะมีรสชาติดี ! ”

    อะไรกันรูน ! รสชาติไวน์หรือรสชาติสาวๆ กันแน่หล่ะ ?! ” เสียงแซวจากเอ็กซ์ดังขึ้นแทบจะในทันทีที่รูนอินพูดจบ !


    เออน่ามันเรื่องของชั้น  แล้วนายหล่ะซิลเลือกชั้นไหน ?! รูนอินรีบเฉไฉทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมนั้นรู้ความคิดของตนอย่างเท่าทัน !

    ชั้นขอเป็นชั้นสามนะ  บาร์เหล้าบรรยากาศดี~! ”  ซิลเวอร์เลือกสถานที่พร้อมกับหันมาทำหน้าตากวนประสาทให้กับมิลเลอร์  เพราะรู้ดีว่าในเมื่อทุกคนเลือกแล้วก็ยังเหลือเพียงชั้นเดียวที่มิลเลอร์ค่อนข้างจะเอือมระอากับชั้น ชั้นนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ~!!

    งั้นที่เหลือก็ ชั้นสี่ น่ะสิ โอ๊ยฉากรักแบบนี้ชั้นเห็นจนจะอ้วกแล้วนะ พวกนายนี่ไม่สงสารกันเลยจริงๆ ให้ตายเหอะมิลเลอร์พูดทีเล่นทีจริง และแล้วเสียงหัวเราะเบาๆของทั้งสี่ หนุ่มจึงดังขึ้นแทบจะพร้อมๆ กัน !!

    เฮ้อ... ~!! ก็ได้ๆ ในเมื่อเลือกได้แล้ว งั้นก็งานใครงานมันแล้วกันนะ แล้วพองานเสร็จก็กลับมาเจอกันตรงนี้เราจะได้กลับเซ็น เตอร์ก่อนเช้า รักษาเวลาด้วยล่ะ !!” มิลเลอร์ผู้เป็นหัวหน้าทีมกล่าวต่ออย่างเป็นการเป็นงาน ก่อนที่ทุกคนจะใช้เทเลพอร์ต หายตัวไปพร้อมๆ กัน~!!

    ชายหนุ่มทั้งหมดได้วางแผนกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจการวางเวรยามอันแน่นหนาของคฤหาสน์เลยหรืออย่างไร?...

     

     

    บนคฤหาสน์ชั้นแรก ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงนั้น เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข เสียงพูดคุย พบปะสังสรรค์ ดังขึ้นไม่ขาดสาย มีทั้งกลิ่นเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่กลิ่นไวน์ ที่ตลบอบอวลไปทั่วห้อง ซึ่งยังไม่รวมกับกลิ่นอาหารราคาแพงที่ถูกจัดทำมาอย่างดี

    ผู้มีอันจะกินมากหน้าหลายตาในวงสังคมชั้นสูง กำลังพูดคุยกันไปมา รวมไปถึงเศรษฐีนีน้อยใหญ่ ที่กำลังเลือกเครื่องดื่มจากบริกรนับสิบคน ที่กำลังเดินเสิร์ฟอยู่ไปมา อยู่ทั่วบริเวณห้องจัดเลี้ยงนั้น

    นี่หนุ่มน้อย คืนนี้หน่ะ ได้ค่าจ้างเท่าไหร่หรอจ๊ะเสียงเศรษฐีนีนางหนึ่งในชุดสีแดงเพลิง จีบปากจีบคอถามบริกรหนุ่ม

    เอ่อ......... ถามทำไมหรอครับบริกรหนุ่มถามกลับด้วยท่าทางซื่อๆ

    แหมมมมมมมมม พ่อหนุ่มก็ ถ้าเงินไม่ดีหน่ะ ชั้นก็อยากจะเลี้ยงดูปูเสื่อให้เงินดีๆไว้ใช้ไงจ๊ะสาวใหญ่คนนั้นยังจีบปากจีบคอกล่าวต่อไม่เลิก

    เอ่อ.... เห็น เห็นทีคงจะไม่ได้หรอกครับบริกรหนุ่มกล่าวปฏิเสธอย่างเจียมตัว

    โถๆๆๆๆ หน้าตาตี๋ๆ ขาวๆ ตาสีน้ำตาลแบบนี้น่ะพี่ชอบอยู่แล้ว ถึงจะใส่แว่นหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกนะแค่คำกล่าวนั้นคงยังไม่พอสำหรับเธอ เธอยังใช้สายตาโลมเลียไปทั่ว จนทำให้บริกรหนุ่มหน้าชา

    ผม..............ผม..................บริกรทำท่าจะกล่าวอะไรต่อ แต่ว่ากลับโดนมือของเจ้าหล่อนคว้าถาดออกไปวางข้างๆ แล้วหันกลับมาโอบไหล่บริกรหนุ่มอย่างยั่วยวน พร้อมทั้งพาบริกรหนุ่มเดินไปด้านที่เป็นมุมอับของห้องจัดเลี้ยง



    เอาน่า...............ไหนๆเธอก็เดินตามพี่เข้ามาแล้ว ลองสนุกดูก่อนไม่ดีกว่าหรอหล่อนยังรุกคืบต่อเรื่อยๆเมื่อเห็นท่าทีลังเลของบริกรหนุ่ม

    แต่ว่า เอ่อ.................จะดีหรอครับผมว่า.............บริกรหนุ่มนั้น ไม่มีท่าทีที่จะปฏิเสธเลยแม้แต่น้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทียินยอมเช่นกัน

    ไม่เสียหายหรอกน่า...........................เจ้าหล่อนไม่พูดเปล่า พลางยกขาด้านที่กระโปรงผ่าจนสูงขึ้นมา เผยให้เห็นเรียวขาอันขาวเนียนขึ้นไปยังต้นขา อันขาวผ่อง ชวนให้บริกรหนุ่มต้องโอนอ่อนผ่อนตามยิ่งนัก และแล้ว...ดูเหมือนว่าหล่อนจะทำสำเร็จ ! บริกรหนุ่มก้มหน้าลงมองเรียวขานั้นพลางขยับแว่นสายตาเล็กน้อย แล้วก้าวเข้าไปเกือบชิดร่างของ เจ้าหล่อน พร้อมทั้งโอบเอวและเชยคางของหล่อนขึ้น

    ก่อนอื่น ผมขอถามอะไรคุณก่อนได้ไหมครับเสียงกระซิบของบริกรหนุ่มฟังดูสุภาพแต่ก็ยิ่งเย้ายวนใจหญิงสาวเพิ่มมากขึ้น

    ถามอะไรล่ะ หืม......ไฮโซสาวกล่าวพลางเอื้อมมือขึ้นลูบใบหน้าของชายหนุ่มเบาๆ ไล้ลงมายังต้นคอ ไหล่ นิ้วมืออันยาวเรียวของหล่อนค่อยๆไล่ลงมาและหยุดลงที่ตรงหน้าอกของบริกรหนุ่ม หล่อนเริ่มถอดหูกระต่ายของบริกรหนุ่มออก แล้วโยนลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี เล็บสีแดงเพลิงที่เข้ากับชุดของหล่อนนั้น ค่อยๆ เริ่มปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มทีละเม็ดทีละเม็ด จนเสื้อที่สวมทับนั้น หลุดออกมาเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียว หล่อนถึงยอมหยุดมือ แล้วชำเลืองสายตาขึ้นมองหน้าชายหนุ่มอย่างเชื้อเชิญ

    คุณทำแบบนี้กับคนอื่นบ่อยรึเปล่าล่ะครับชายหนุ่มกระซิบถาม แต่ทว่าการกระทำของเขานั้นไม่ได้เรียบเฉยเหมือนเสียงที่กระซิบเลย  ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือขึ้นปลดสายคล้องคอเสื้อของหญิงสาวออก พลางดันร่างของเธอไปชิดติดกับผนังของห้อง

    ก็เท่าที่เห็นน่ะนะ ชั้นจะเลือกเฉพาะคนที่พอใจเท่านั้นหล่ะหญิงสาวกระซิบเสียงอ่อนระทวย เมื่อชายหนุ่มก้มลงซุกไซร้ซอกคอของหล่อนส่วนหล่อนนั้นก็ย่อมสนองตอบอารมณ์ของชายหนุ่มเต็มที่ กระดุมของเสื้อเชิ้ตสีขาว ค่อยๆถูกปลดออกทีละเม็ดทีละเม็ด อย่างช้าๆ

    ผมมีคำถามอยากถามคุณอีกซักข้อนึงจะได้ไหมครับชายหนุ่มยังกระซิบอีกเช่นเดิม แต่ทว่า การกระทำของเขาก็ร้อนแรงขึ้นอีกเช่นกัน  ชายกระโปรงของหญิงสาวที่ผ่าขึ้นมาถึงต้นขา บัดนี้กลับถูกมือแค่เพียงข้างเดียวของชายหนุ่มฉีกกระชากจนขาดขึ้นมาเกือบถึงสะโพก

    อะไรหล่ะหญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียเคลิบเคลิ้ม

    คุณรู้มั๊ย ว่าผมหน่ะ เกิดมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะเสียงของชายหนุ่มยังเพียงแต่กระซิบอยู่อย่างเดิม แต่ทว่า นิ้วมืออันยาวเรียวของชายหนุ่ม ได้ย้ายขึ้นมาอยู่ที่ต้นคอของหญิงสาวแทน

    จริงหรอหญิงสาวกระซิบที่ข้างหูบริกรหนุ่มเบาๆ

    ครับชายหนุ่มกระซิบเบาๆ พลางเลื่อนฝ่ามือขึ้นมาวางบนปากหญิงสาว เพียงแค่เสี้ยววินาทีดวงตาของชายหนุ่มได้เปลี่ยนเป็นสีอำพัน แทบจะในขณะเดียวกันกับที่ม่านตาของหญิงสาวได้ขยายออกอย่างฉับพลัน ร่างของหล่อนได้ทรุดลงกับอ้อมแขนของบริกรหนุ่ม พร้อมทั้งเลือดอุ่นๆได้ไหลทะลักออกมาจากแผ่นหลังของหล่อนตามรอยดาบที่ใสราวกับแก้วซึ่งเกิดจากพลังจิตของเขานั้นได้แทงเข้าไป และพุ่งออกเป็นมาเป็นสาย จากบาดแผลเมื่อ ดาบนั้นได้ถอนออกมาจากร่างของหญิงสาว

    ที่ผมจะบอกคือว่า ผมเกิดมาเพื่อฆ่าพวกคุณโดยเฉพาะต่างหากล่ะครับชายหนุ่มยังกระซิบต่อ พลางปล่อยร่างของหญิงสาวให้ล้มลงกับพื้น

    ผมเล่นกับคุณเยอะแล้ว ขอตัวไปสนุกกับคนอื่นต่อแล้วกันนะครับชายหนุ่มขยับแว่นตาอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้สายตาดูถูกมองร่างอันไร้วิญญาณของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นนั่น ก่อนที่จะติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน และแล้วเขาเริ่มเข้าไปแสดงท่าทีพูดคุยกันแขกในงานคนอื่นๆ ในงานทีละคน ทีละคน ทีละคน และแน่นอนว่าเมื่อเขาเข้าไปคุยกับแขกคนใด ย่อมมีกลิ่นคาวเลือดกลับติดออกมากับเขาเมื่อนั้น จนกระทั่งรายสุดท้าย ของเหลวขุ่นข้นสีแดงเข้ม ค่อยๆทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ จากชุดสูทหรูอย่างช้าๆ โดยที่เสื้อเชิ้ตสีขาวของชายหนุ่มนั้น แทบที่จะไม่มีสีของเลือดสดๆติดอยู่เลยแม้แต่น้อย ในที่สุดแขกที่อยู่ใน ชั้นหนึ่ง ทั้งหมด ก็ค่อยๆเงียบหายไปเหลือไว้แต่เพียงรอยยิ้มมุมปากอย่างดูถูกของชายหนุ่มที่มีนามว่า รูอิน!

     

     

     

    ส่วนทางด้านชั้นสอง ของคฤหาสน์นั้น

    ชายหนุ่มหน้าตาดี ดูมีระดับได้ค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาในส่วนของนักดนตรี บนพื้นที่ยกสูงนั้น ถูกเป็นที่ตั้งของเปียโนหลังงาม ชายหนุ่มผมทองนั้นได้หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ของเบื้องหลังเปียโนนั้น พร้อมกับบรรจงพรมนิ้วมืออันยาวเรียวลงไปบนลิ่มนิ้วของเปียโน ดวงตาสีดำขลับของเขา ได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าโดยทันที และแล้ว เสียงเพลงช้า ๆ เบาๆ ได้ค่อยๆเริ่มบรรเลงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    บนฟลอร์เต้นรำนั้น ได้มีคู่รักหนุ่มสาวพากันออกมาเต้นรำไปพร้อมกับอารมณ์ร่วมในบทเพลงที่ชายหนุ่มกำลังพร่างพรมนั้น จากบทเพลงช้าๆ ค่อยๆเร็วขึ้น เร็วขึ้น และเร็วขึ้น นิ้วมือที่พริ้วไหวราวกับสายลมนั้น กลับกลายเป็นความแข็งแกร่งและก้าวร้าว ! บทเพลงที่นุ่มนวลอ่อนโยน กลับกลายเป็นบทเพลงแห่งการเซ่นสรวง และบูชาปีศาจ แต่ทว่าผู้คนในห้องนั้นมิได้เอะใจเลยซักนิดว่ามัน คืออะไร พวกเขาเหล่านั้นกลับเพลิดเพลินกับมันโดยที่ไม่รู้เลยว่าภัย กำลังย่างกรายเข้ามาถึงตัว

    รอยยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยความสุขของเด็กหนุ่มนั้นค่อยๆเริ่มคลี่ออกมาปากริมฝีปากเรียวบาง ต่างหูเพียงข้างเดียวของชายหนุ่มสะท้อนกับแสงไฟไปมาเมื่ออารมณ์ของผู้บรรเลงเริ่มลงตัวกับจังหวะ เขายังใช้หางตาเหลือบมองผู้ที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนานภายในงานอย่างดูแคลน ก่อนที่จะกลับมามองลิ่มนิ้วที่กำลังลื่นไหลไปตามนิ้วมืออันยาวเรียวของเขา

    และแล้วบรรยากาศภายในห้องก็ค่อยๆเปลี่ยนไป  ความรื่นรมย์ที่เคยสดใส นั้นค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความกดดัน และเริ่มอึดอัดขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย ภายในห้องที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกระจกและกำแพงนั้น ดูเหมือนว่า จะมีบางอย่างแปลกไป อากาศที่เคยหมุนเวียนอยู่ในห้องอย่างสม่ำเสมอ กลับค่อยๆ หมดลงไปอย่างช้าๆ แต่ทว่าเสียงดนตรีก็ยังดำเนินต่อไปอย่างปกติ พร้อมกับรอยยิ้มของชายผู้บรรเลง ที่หันหลังให้กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในห้องเดียวกัน !

    เสียงร้องของหญิงสาวที่พยายามที่จะเอื้อนเอ่ยออกจากลำคอ สองมือของชายหนุ่มที่กำลังกุมลำคอเอาไว้ แขกในงานบางคนทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับบิดไปมา  ลำตัวที่ขดลงกับพื้น นิ้วมือและนิ้วเท้าหงิกงอ ดวงตาเหลือกถลน ปลายลิ้นจุกปาก เส้นประสาทที่ปูดโปนจนเห็นได้ชัด  เส้นเลือดที่เต้นตุบๆเหมือนกับว่าพร้อมจะระเบิดออกทุกเมื่อ ร่างกายที่กระสับกระส่าย เริ่มดิ้นพราดๆ เนื่องด้วยอากาศที่มีอยู่ใกล้จะหมดลง แขกบางคนถึงกับวิ่งเข้าบีบคอคนอื่น เพื่อที่จะแย่งเอาออกซิเจนมาเพื่อสำหรับตัวเอง

    หลอดไฟ ซึ่งให้สงสว่างภายในห้องนั้น กลับแตกออกทีละหลอดทีละหลอด ทั้งแจกันโบราณ  กระเบื้องลายคราม หรือแม้แต่ภาพวาดสีน้ำมันนั้น ดูเหมือนว่าจะพากันค่อยๆร้าว ทีละน้อยทีละน้อย และแล้วบทเพลงนั้นก็เริ่มดุดันขึ้นจนสัมผัสได้ นิ้วเรียวที่พรมลงไปอย่างหนักหน่วง โน้ตแต่ละตัวที่ดังออกมานั้น ดูราวกับว่ามีอำนาจมหาศาล ผู้คนในห้องยิ่งบ้าคลั่ง บางคนฆ่าผู้อื่นสำเร็จ บางคนจิกที่ศีรษะตัวเองจนเลือดซึม บางคนร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด บางคนมีเลือดไหลออกมาจากช่องหู บางคนถึงกับควักลูกตาของตนเองออกมา บางคนขาดใจตายไปแล้วก็มี บางคนรวบรวมกำลังค่อยๆยันกายขึ้น แต่ทว่า ก็กลับต้องล้มลงไป พร้อมกับเส้นเอ็นที่ถูกฉีกกระชากออก เนื่องด้วยแรงดัน

    เสียงเปียโนยิ่งเร็วจังหวะเร็วขึ้น จนบัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแจกัน กรอบรูป หรือแม้แต่กระจก ทุกอย่างแตกกระจายกลายเป็นอณู  แล้วร่างของมนุษย์เล่า ...........จะรับไหวหรือ

    ผิวหนังที่ค่อยๆปริแยกและหลุดลอกล่อนออกมาเผยให้เห็นเนื้อใน  ส่วนหลอดเลือดนั้นเล่าก็แตกกระจายพุ่งกระเซ็นไปทั่วบริเวณ  เส้นเอ็นฉีกขาด กระดูกที่แตกละเอียด น้ำเหลืองน้ำหนองที่ กระจายไปทั่ว มันสมองที่ไหลออกมาตามรอยปริของกะโหลก อวัยวะภายในที่แหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดี ยิ่งไหลย้อนออกมาทางปากซึ่งมีลิ้นที่จุกคาอยู่ เมื่อได้ผสมกับน้ำลายแล้วไหลเยิ้มเป็นทาง นองอยู่กับพื้นด้วยแล้วนั้น ยิ่งเพิ่มความน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก  และแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ถอนหายใจอย่างช้าๆเหมือนกันว่า เขาเหนื่อยแสนเหนื่อยกันการที่ต้องบรรเลงบทเพลงนี้ หลังจากที่มือของเขาหยุดลง ทุกอย่างสงบจึง ไม่มีเสียงดิ้นพราด ไม่มีเสียงของสิ่งใดแตก พัง หรือฉีกเพิ่มขึ้น มีเพียงกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่ว พร้อมกับสภาพศพอันไม่เป็นชิ้นดี ที่กองอยู่บนพื้นไม้ปาร์เก้ที่ปูอย่างดีนั้น

    ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอีก หันมามองสภาพห้อง พร้อมกับรอยยิ้มอันพึงพอใจในผลงานของตนเอง และแล้ว สัญญาณติดต่อดังขึ้นจากต่างหูของเขา ทันทีที่ชายหนุ่มกดรับสัญญาณ ก็มีเสียงดังมาจากปลายทางแทบจะทันที

    ไง เอ็กซ์ บทเพลงจากสรวงสวรรค์เป็นไงบ้างเสียงอันรื่นเริงของชายหนุ่มดังออกมา

    หึก็ดีนะ  ได้ภาพสีเลือดมาอีกภาพ แล้วนายหล่ะ งานเสร็จแล้วสิท่ารูนเอ็กซ์ตอนกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยี่หร่ะต่อภาพ และการกระทำของตนเองเลย

    อื้อ นี่วันนี้เจอแม่สาวชุดแดงหล่ะ เจ๋งเป็นบ้าน้ำเสียงของรูอินบ่งบอกความพอใจอยู่ในที

    อืมมนะ นายนี่เป็นเสือผู้หญิงดีจริงๆ เอาหล่ะ เดี๋ยวชั้นจะขึ้นไปแล้วหล่ะนะเอ็กซ์กล่าวล้อเพื่อนร่วมงานจบก็กดปุ่มปิดรับสัญญาณ พร้อมทั้งก้าวเดินออกไปข้างหน้า และแล้ว ร่างของชายหนุ่มก็ค่อยๆจางหายไป...

    มาถึงสมรภูมิเลือดชั้นที่ สี่ ชั้นซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกสนานแต่แฝงไว้ด้วยความอันตราย ที่เหล่าเด็กวัยรุ่นกำลังจะสร้างมันขึ้นมา ชั้นบนแห่งนี้ ถูกซอยเป็นห้องๆ ในแต่ละห้องนั้นกลับเต็มไปด้วยวัยรุ่นชายหญิงที่จับกลุ่มกัน มั่วสุมอยู่ภายในห้องนั้น และทุกห้องจะมีสิ่งหนึ่งเหมือนกันคือ จะมีกล่องสีเหลี่ยมสีเงินกล่องหนึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้องทุกห้อง

    และแล้วเด็กสาวคนหนึ่งก็หยิบเอากล่องสี่เหลี่ยมสีเงินขึ้นมาวางลงตรงกลางวงล้อม เธอค่อยๆเปิดมันออกอย่างระมัดระวัง ภายในนั้นถูกห่อด้วยวัสดุกันกระแทกอย่างดี เธอค่อยๆแกะของบางอย่างออกจากห่ออย่างระมัดระวังเป็นที่สุด และแล้ว เมื่อผนึกชั้นสุดท้ายถูกเปิดออก ของที่ถูกเก็บรักษาไว้ภายในเป็นอย่างดีนั้น มิใช่อื่นใดนอกจาก ของเหลวสีฟ้าใสซึ่งถูกบรรจุอยู่ในขวดแก้วคริสตัลอย่างดี นับสิบขวด ถูกวางเรียงรายอยู่ในกล่องนั้น เด็กสาวค่อยๆหยิบมันขึ้นมาทีละขวด ทีละขวด แล้วส่งต่อไปให้กับเพื่อนๆที่นั่งล้อมวงอยู่นั้น

    เด็กวัยรุ่นทั้งหลาย ที่ได้รับขวดใบนั้น ต่างก็ค่อยๆเปิดฝาขวดออกอย่างช้าๆ และเทของเหลวสีฟ้าใสนั้นลงบนมือ  แค่เพียงหยดเดียวเท่านั้น เมื่อของเหลวสีฟ้าใสนั่นสัมผัสกับผิวหนัง มันได้ซึมซาบลงสู่ผิวหนังของผู้ที่สัมผัสมันทันที และแล้ว แววตาของเหล่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็ได้กลายเป็นแววตาอันเลื่อนลอย ไร้จุดหมาย บาง คนก็หัวเราะ บางคนร้องไห้ บางคู่หันมามองหน้ากันแล้วก็เริ่มละเลงบทรักกันที่ตรงนั้นแทบจะทันที บางคนไล่บีบคอกัน บ้างไล่ฆ่ากันก็มี หากแต่ว่า เด็กเหล่านี้ มิได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาได้กระทำอะไรกันลงไปบ้าง

    ภาพทั้งหลายเหล่านี้กลับอยู่ในสายตาของชายคนหนึ่ง ซึ่งภาพเหล่านี้มันผิดไปจากความคาดเดาของเขาที่จะได้เห็นเพียงเล็กน้อยนั้น กลับกลายเป็นการได้แต่เฝ้ามองการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นที่น่าสังเวชแทน

    เด็กเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่มีเงิน มีโอกาส แต่ทว่าพวกเขากลับทิ้งโอกาสดีๆ กลับมาหาความสำราญกับ ยาเสพย์ติดแทน มันจะด้วยสาเหตุใดเล่า หรือหากแต่ว่า พวกเขามีเงิน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงอนาคตของตนหรือแม้แต่ของประเทศเลยงั้นรึ  หรือว่าพ่อแม่ของพวกเขาเหล่านี้มีอิทธิพล รวมทั้งทรัพย์สมบัติกันแน่จึงใช้เงินเหล่านั้นเลี้ยงดูลูก ชายหนุ่มขยับแว่นก่อนที่จะส่ายหน้าเบาๆเป็นการเอือมระอา ความจริงแล้วเค้าไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บกวาดเด็กพวกนี้เลยซักนิด หากแต่ว่า เด็กพวกนี้อยู่ไปก็เป็นภาระของสังคมเปล่าๆ เขาจึงตัดสินใจ ที่จะเริ่มลงมือ.......

    และแล้ว สีของดวงตาของชายหนุ่มนั้นก็กลับกลายเป็นสี เทา ! เขายกมือขวาขึ้นแล้วดีดนิ้ว เพียงครั้งเดียว ...แค่เสียงดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวนี้ กลับแปรเปลี่ยนบรรยากาศ ภายในชั้น 4 ทั้งชั้น ได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ห้องทุกห้องค่อยๆมืดมิดลงอย่างไร้เหตุผล ผนังของห้องทุกห้องค่อยๆเปลี่ยนสภาพเป็นไร้รูป โดยที่ผู้ที่อยู่ในห้องเหล่านั้น ยังเต็มไปด้วยความรื่นรมย์จากฤทธิ์ของยาเสพย์ติดอยู่

    ชายหนุ่มยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่า เขาจะจัดการกับเด็กพวกนี้ให้จบๆเสร็จๆไป หรือว่าจะทำเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับตัวเขาเองดี ในขณะนี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าความคิดของเขาจะหยุดลงเช่นไร ด้วยรอยยิ้มบางๆซึ่งค่อยๆถูกระบายขึ้นบนริมฝีปากของชายหนุ่มแทบจะทันที.........

    ชายหนุ่มเริ่มก้าวเข้าไปในห้องแรกอย่างใจเย็น เขามองเห็นเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาว 4-5 คนกำลังสนุกอยู่กับการเหม่อมองอะไรบางอย่าง พร้อมกับหัวเราะร่วน ชายหนุ่มก้มตัวลงระดับเดียวกับเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง เขาจับหัวของเด็กคนนั้นขึ้นตั้งตรง พร้อมทั้งมองเข้าไปในดวงตาอันเลื่อนลอยของเด็กคนนั้น รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะถอนสายตาของเขาออกมา พร้อมกับหลับตาลงอย่างช้าๆและลืมตาขึ้นอีกครั้งเกือบจะในทันที!

    และแล้ว ความรู้สึก สับสน ซึมเซา หดหูจนน่าอึดอัด นั้นก็ถูกพรั่งพรูออกมาจากสายตาของชายหนุ่ม  เขาค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังเดินจากไป พร้อมกับรอยยิ้มบางๆนั้น....

    หลังจากที่เขาได้หายตัวไปแล้วนั้น สภาพชั้น 4 ทั้งชั้นจึงกลับมาเหมือนดังปกติ แต่ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปกลับเป็น ปฏิกิริยาของเหล่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้น เด็กสาวคนที่ถูกชายหนุ่มจ้องตานั้น อยู่ๆก็กรีดร้องขึ้นอย่างหวาดกลัว พร้อมกับถอยร่างของหล่อนไปนั่งพิงกับกำแพง มือทั้ง 2 ข้างบีบอยู่บนขมับ สายตาสอดส่ายไปทั่วด้วยความหวาดกลัว เสียงหอบหายใจอันถี่รัวขอหล่อนนั้นเล่า ยิ่งทำให้เพื่อนร่วมกลุ่มต่างหันมาสังเกตพฤติกรรมของหล่อนกันแทบจะทุกคน!

    เฮ้........... อลิส เป็นอะไรไปชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มทักขึ้น

    ออกไปนะ ออกไป พวกแกออกไปให้หมด อย่านะ อย่าเข้ามา  อย่า อย๊า..........................เด็กสาวชี้หน้ากราดไปทั่วพร้อมกับส่งเสียร้องอีกครั้ง

    สงสัยจะเล่นหนักหวะชายหนุ่มอีกคนกล่าว และแล้วเมื่อสิ้นเสียงเหล่าหนุ่มสาวนั้น ก็แยกกันไปใช้สารสีฟ้านั่นอีกคนละครั้ง ตามแต่ความต้องการของตน ปล่อยให้เธอนั่งซุกหน้าอยู่ในมุมมืดของห้องด้วยความหวาดกลัว

    ภาพที่ปรากฎขึ้นในมโนสำนึกของหล่อนนั้น มืดมิดราวกับอเวจี เสียงร่ำร้องของสัตว์นรกที่ดังก้องไปทั่ว ร่างของหญิงชายทั้งหลายที่กำลังเน่าเปื่อย น้ำเหลืองน้ำหนองไหลเยิ้ม ค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นๆ  จนเด็กสาวส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ......... เธอมองเห็นเพื่อนในกลุ่มค่อยๆถูกปิศาจนั้นกัดกินไปทีละคนๆ จนหมดสิ้น เหลือเพียงแต่เธอที่ยังรอดตาย  พวกปิศาจค่อยๆคลืบคลายเข้ามาใกล้เธอ จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี เด็กสาวยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว พวกมันค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ จะทำยังไงดี เด็กสาวคิดพลางน้ำตาเอ่อด้วยความหวาดกลัว และแล้ว เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในความคิดของเธอ .....

    ว่าไงสาวน้อย จะยอมตายหรอเสียงของชายหนุ่มคนนั้นดังขึ้น

    ไม่ ไม่ ไม่มีทางเด็กน้อยปฏิเสธทั้งๆที่หวาดกลัว

    ถ้างั้น.... จัดการกับพวกมันก่อนที่จะจัดการกับเธอสิ!เสียงๆนั้นแนะนำ

    จะให้หนูทำยังไง หนูจะทำยังไงสาวน้อยคนนั้นตะโกนถามขึ้นด้วยประกายแห่งความหวัง ถึงแม้ว่ามันจะริบหรี่ก็ตามที

    เธอเห็นดาบที่ผนังนั่นมั๊ย นั่นหน่ะดาบจริงนะ ไปหยิบมันขึ้นมาสิ แล้วลองจัดการกับพวกมันดูสิ้นเสียง อยู่ๆภาพของผนัง กับดาบ ก็ปรากฏขึ้นมาในสายตาของหล่อนโดยทันที ดังนั้น เด็กสาวไม่รอช้า เธอรีบวิ่งไปที่นั่น พร้อมกับหยิบดาบออกมาจากแท่นวางที่ผนัง เพื่อความอยู่รอด เธอจำเป็นที่จะต้องสู้ !

    เด็กสาวยกดาบขึ้น พร้อมกับวิ่งฟันดะไปข้างหน้า โดยไม่สนใจว่ามันจะไปโดนส่วนใดของปิศาจพวกนั้นบ้าง ใจของเธอคิดแต่เพียงว่า ขอให้เธอรอดก็พอ ร่างของปิศาจตัวแล้วตัวเล่าที่หล่อนฟาดฟันนั้น บ้างหัวขาด แขนขาด เครื่องในทะลัก เลือดพุ่งออกมาจากร่างเจ้าพวกนั้นมากมายแค่ไหน เธอไม่สน ขอแค่เธอรอดก็พอ ...... หากแต่ว่า หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้สงบลง ห้องทั้งห้องกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ภาพเงาในความมืดบัดนี้กลับค่อยๆเด่นชัดขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อย ...

    ภายในห้องเบื้องหน้าของเด็กสาวนั้นกลับเต็มไปด้วย ข้าวของที่ระเนระนาดไม่มีชิ้นดี เศษเนื้อที่กองอยู่เกลื่อนกลาด และกองเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ของเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่เต็มไปหมด มันปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงหอบหายใจของเด็กสาว รอยเลือดที่เปรอะไปทั่วบริเวณห้อง ไม่สิ ถ้าจะเรียกให้ถูกมันคือ เปื้อนเปรอะไปทั้งชั้นต่างหาก และมันจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากฝีมือของเธอเอง !  

     

    เคล้ง ~!!!!

     

    ดาบที่อาบไปด้วยโลหิตสีแดงในมือของเธอร่วงลงมากระทบพื้นโดยที่ผู้ถือแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามันร่วงลงมา ..... สาวน้อยเริ่มสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างช้าๆ 2 มือที่เต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าที่แทบจะย้อมเป็นสีแดงทั้งหมดนั้น มันแทบไม่ต้องคิดเลยว่า เกิดอะไรขึ้น จิตใต้สำนึกของหล่อนเองก็ได้บอกไว้ทุกอย่างแล้ว ... อยู่ๆหัวเข่าของหล่อนก็หมดแรงพับลงเอาดื้อ จึงเป็นผลให้ร่างอันเรียวบางของหล่อนนั้น ทรุดลงกับพื้นด้วยเช่นกัน ดวงตาสีดำกลมโตดูแวววาวไปด้วยหยดน้ำตา ที่คลอหน่วยและเริ่มที่จะไหลริมลงมาอาบทั้ง สองแก้ม ส่วนสองมือนั่นเล่า กลับเอามาประสานไว้ที่ริมฝีปาก ด้วยความรู้สึกตกใจกลัว โดยที่เจ้าหล่อนก็มิอาจรู้ตัวได้... และแล้วก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในจิตใจของเธออีกครั้ง

    ไงจ๊ะสาวน้อย คิดว่าเธอทำอะไรลงไปหล่ะเสียงของชายหนุ่มคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่าน้ำเสียงคราวนี้กลับเป็นน้ำเสียงอันเย้ยหยัน มิใช่น้ำเสียงอันเป็นมิตรเหมือนครั้งก่อน

    ชั้น ชั้น ชั้นทำอะไรลงไป...เสียงอันสั่นเครือของเด็กสาวค่อยๆดังขึ้นมาเป็นคำพูด

    เธอจะให้ชั้นอธิบายอีกงั้นหรอ? สาวน้อยว่าเธอหน่ะ ฆ่าเพื่อน! เธอนี่มันเลวซะจริงๆเลยนะ คิดแต่จะเอาตัวรอด จนทำให้เพื่อนต้องตาย! ถ้าเป็นชั้น ชั้นคงเอาดาบนั่นปาดคอตัวเองไปแล้วหล่ะ!เสียงของชายหนุ่มนั้นราบเรียบ แต่ทว่ากลับบาดลึกเข้าไปในจิตใจของเด็กสาว... และแล้วด้วยสภาพจิตใจของเธอในตอนนี้ รวมทั้งคำพูดซึ่งตอกย้ำในการกระทำของเธอนั้น เธอจึงเลือกที่จะเอื้อมมือขึ้นไปหยิบดาบที่หล่นอยู่ข้างๆร่างของเธอ ใช่แล้วนี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเธอ...

    คมดาบอันเต็มไปด้วยคราบเลือดนั้น ถูกหันเข้าหาต้นคออันขาวผ่องของเธอ ส่วนสภาพจิตใจของผู้ที่ถือดาบอยู่นั้นเล่า กลับแหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดี... สายตาของเธอที่เหม่อมองออกไปนั้นอีกเล่า เหมือนดังกับว่ามันจะล่องลอยออกไปพร้อมกับคมดาบที่ฝังลึกอยู่บนต้นคอของเธอซึ่งเคลื่อนที่อย่างช้าๆ จากซ้ายไปขวานั้น มันกลับตามด้วยหยาดโลหิตที่พุ่งกระจายออกมาอย่างรวดเร็วตามรอยกรีดของดาบเล่มนั้น และแล้ว... เมื่อปลายดาบได้พ้นไปจากต้นคอของหล่อน ร่างอันอ่อนแรงและไร้วิญญาณก็ค่อยๆล้มลงสู่พื้น ของเหลวสีแดงเข้มค่อยๆไหลออกจากรอยนั้น เหมือนกับว่ามันไม่รู้จักหมดสิ้นจากต้นคออันเรียวระหงของเด็กสาว...

    และนั่น ภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง ได้ถูกสร้างและควบคุมโดยชายคนเดียว ! ชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะเสร็จงานก่อนใครเพื่อน และเขาก็คือผู้ที่มีความชำนาญเป็นพิเศษในด้านนี้โดยเฉพาะ !

    ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำ ซึ่งดูแล้วเข้ากับเส้นผมสีดำและดวงตาสีเทานั้น ยิ่งดูน่าเกรงขาม ยิ่งนัก และยังไม่รวมถึง แว่นตาทรงสี่เหลี่ยมอันยาวเรียวที่เขาใส่ อยู่ด้วยนั้น ยิ่งทำให้ดวงตาของเขาดูทรงพลังมากขึ้นไปอีก รอยยิ้มแห่งความสุขค่อยๆเผยออกมาจากปากของชายหนุ่มพร้อมๆกับที่เขาถอดแว่นตาออกอย่างช้าๆ ภาพของเด็กสาวที่ใช้ดาบปาดคอตนเองนั้น ยังคงอยู่ในมโนสำนึกของเขา และนั่นก็มิได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เขาทำมันคือหน้าที่ และหน้าที่ของเขาก็คือการส่งวิญญาณให้ไปสู่ที่ๆควรจะไปให้เร็วกว่ากำหนด... ใช่แล้วฝีมือการทำงานของเขาไม่มีผู้ใดเกิน มันไร้ร่องรอย ที่จะติดตาม ถือได้ว่ามันสมบูรณ์แบบจริงๆ การฆ่าโดยที่ไม่ต้องลงมือ...

    และแล้วก็กลับมายังคฤหาสน์บนชั้นที่ 3 ยาวหนุ่มเส้นผมสีเงิน ยืนอยู่เบื้อหลังของเคาท์เตอร์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เขาก็คือบาร์เทนเดอร์ดีๆนี่เอง ...

    บาร์เทนเดอร์หนุ่ม ค่อยๆผสมเครื่องดื่มตามหน้าที่ของตน แต่ทว่ากลับมีเรื่องที่ชวนให้สังเกตก็คือ ดวงตาของเขานั้น กลับกลายเป็นสีเขียวมรกต อย่างเห็นได้ชัด !

    ภายใต้แสงไฟอันมือสลัว หญิงชายคนแล้วคนเล่า ที่มาสั่งเครื่องดื่มจากเขา แลเขาก็ได้ผสมเครื่องดื่มให้ พร้อมกับรอยยิ้ม หากแต่ว่ามิใช่รอยยิ้มอันพึงพอใจในการได้บริการ แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความคิดอันแยบยล และยาวไกล ซึ่งเป็นไปพร้อมกับแววตาอันเย็นชา...

    ใช่แล้ว นี่เขามาทำก็เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ สำหรับเขาหรืออีกหลายๆคนแล้ว มันนับว่าเป็นเรื่องที่สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว และแล้ว เวลาที่เขารอคอยก็มาถึง เมื่อเครื่องดื่มเหล่านั้น ค่อยๆเข้าไปผสมกับเลือดในร่างกายของคนเหล่านั้น วินาทีระทึกใจก็ค่อยๆเริ่มขึ้น ชายหนุ่มปีนขึ้นไปนั่งไขว่ห้างอยู่บนเคาท์เตอร์ อย่างสบายอารมณ์ เสมือนว่าเขากำลังจะได้ดูการแสดงอย่างหนึ่งซึ่งมี ตัวเขาเองเป็นผู้กำกับพร้อมๆกับการที่มีตัวเขาเพียงผู้เดียวเป็นผู้ชม ...

    และแล้วดูเหมือนว่าม่านแห่งการแสดงจะค่อยๆเปิดขึ้นโดยชายคนหนึ่งร้องตะโกน พร้อมกับเอามือกุมที่คอของตัวเองและแล้วของเหลวสีดำ ก็ค่อยๆไหลรินออกมาจากปากของเขา โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชายคนนั้นล้มลงไปกับพื้นแล้วดิ้นอย่างทุรนทุราย ถัดจากชายคนนั้น จาก หนึ่ง กลายเป็น สอง จาก สอง กลายเป็น สี่ และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จนในที่สุด ก็กลายเป็นทุกคนในห้อง ซึ่งก็ยกเว้นไว้แต่เพียง ชายหนุ่มผมสีเงิน ซึ่งไม่มีท่าทีของความสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย แต่ปฏิกิริยาของเขาซึ่งดูเหมือนว่าเป็นผู้ชมนั้นเล่า กลับมีรอยยิ้มอันพึงพอใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

    ของเหลวสีดำ ที่ไหลทะลักออกมาไม่ว่าจะเป็นทางปาก จมูก หู หรือแม้แต่ 2 ตา เสียงโอดครวญด้วยความทรมาน เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดนั้นอีกเล่า มันยิ่งเพิ่มความพอใจให้กับชายหนุ่มเสียจริง แต่ทว่า เขากลับรู้สึกเบื่อการแสดงฉากนี้เสียแล้ว เขาจึงเอื้อนเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ไม่แพ้สายตาของเขานั้นเบาๆ

    ไม่อยากทรมาน ก็ฆ่ากันเองซะก็หมดเรื่อง...และเพียงสิ้นคำพูดอันเลื่อนลอยของเขานั้น เหล่าชายหญิงที่อยู่ภายในห้องก็ค่อยๆทรงกายลุกขึ้น ไม่ต่างอะไรกับผีดิบ ที่ฟังคำสั่งจากผู้บัญชาเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างเดินเข้าไป และเริ่ม ค่อยๆฆ่ากันเอง บางคนบีบคอ บางคนทุบแก้วให้แตก แล้วไล่แทง บางคนใช้อุปกรณ์แต่งห้อง ไม่วางจะเป็น ดาบโบราณ หรือแม้แต่เป็นแจกันดอกไม้ นำมาฆ่ากันเอง ซึ่งนั่น ก็ได้เพิ่มความสนุกสนานกับกับชายหนุ่มอีกครั้ง

    ภาพของผู้คนเลือดอาบ แขนขาเหวอะหวะ เต็มไปด้วยบาดแผล บางคนถึงกับถูกควักเครื่องในออกมากองข้างนอก นั้นมันเป็นเรื่องที่เขาค่อนข้างจะพอใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่แล้วก็มีเรื่องที่เขาไม่ค่อยชอบใจอยู่อีกเรื่อง ก็คือ การแสดงชุดนี้มันช่างน่าเบื่อสำหรับเขาซะแล้ว เขาจึงตัดสินใจจบการแสดงชุดนี้ด้วยตัวของเขาเอง ....

    ชายหนุ่มจึงกระโดดลงมายังเบื้องหน้าเคาท์เตอร์ ค่อยๆยกมือขวาขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับสายตา พร้อมกับค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ด้วยสมาธิ และแล้วก็ก็ลืมตาโพลงขึ้น เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาลืมตานั้น ร่างทุกร่างที่กำลังฟาดฟันกันอยู่นั้น ก็ได้แหลกกระจายลงสู่พื้น ไม่ว่าจะเป็นกองเลือด หรือแม้แต่เศษเนื้อ ...

    ชายหนุ่มค่อยๆ ลดมือขวาลงมา และเริ่มปรบมือเหมือนกับมารยาททั่วไปในการชมการแสดง หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆย่างก้าวออกจากห้องนี้ไป...

    ไง ชั้น 3 สนุกไหม เห็นออกมาคนสุดท้ายเลยนี่เสียงของรูอินร้องทัก เมื่อเห็นร่างของซิลเวอร์ค่อยๆปรากฏขึ้น

    อื้อ ก็ดีนะ ถึงจะน่าเบื่อไปบ้างซิลเวอร์ตอบด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบซึ่งเป็นปรกติสำหรับเขา

    เอาหล่ะ ในเมื่อมากันครบแล้ว ชั้นจะได้เอาบาร์เรียออก ไอ้พวกบ้านั่นจะได้รู้ซะทีว่าเกิดอะไรขึ้นมิลเลอร์กล่าวพร้อมกับขยับแว่นเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น จึงทำให้ เอ็กซ์กับรูอิน ลุกขึ้นยืนตามไปด้วย

     

    เป๊าะ ~!!!

     

    เสียงดีดนิ้วของมิลเลอร์ดังขึ้นแค่เพียงครั้งเดียว แต่ราวกับว่ามันได้เปลี่ยนแปลงบรรยากาศโดยรอบคฤหาสน์หลังนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือโดยทีเดียว คฤหาสน์ที่เหมือนกับว่าได้ตกอยู่ในความมืดมิด บัดนี้กลับกลายเป็นคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด ราวกับว่างานเลี้ยงได้เลิกราไปเรียบร้อยแล้ว....

    เฮ้อ บาเรียร์ฝีมือนายนี่ยังสมบูรณ์แบบไม่เปลี่ยนเลยนะมิลเอ็กซ์กล่าวชมขึ้น ใช่หากถ้าบาเรียร์มีข้อผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวนั่นก็หมายถึงหายนะของพวกเขาทีเดียว เพราะบาเรียคืออุปกรณ์ที่ทำให้พวกเขาสามารถ สนุก ได้โดยที่ไม่มีพวกตัวก่อกวน ......

    เอ้า รีบกลับกับเถอะ พอไอ้พวกนั้นมันรู้ตัวแล้วเกิดแจ้งไอ้พวก สวิปเปอร์ขึ้นมาหล่ะก็เสร็จกัน!มิลเลอร์รีบเร่งเพื่อนร่วมงานให้ออกจากบริเวณ

    อื้อ ป่านนี้คุณโรส คงรอแย่แล้ว.........รูอินกล่าวด้วยท่าทีทะเล้นตามแบบฉบับ และแล้ว ร่างของชายหนุ่มทั้ง 4 ก็ค่อยๆเลือนหายไปจากหลังคาของคฤหาสน์นั้น...

     

     

     

     T o   B e   C o n t i n u e s . . .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×