ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 06 อลวนคนคู่
ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 6 อลวนคนคู่
ศิขาลงจากรถ ก่อนเดินเข้ามาทักทายทุกคน “สวัสดีครับ”
“ลมไปก่อนนะ พี่น้ำ” อภิรมย์ยังเสียเส้นไม่หาย ก็เดินหนี
“พี่ขึ้นไปดูการบ้านเด็กก่อนนะ” นงลักษณ์ขอตัว แม้จะเข้าใจในสถานการณ์ ที่ผู้กองเคยเผชิญมาเหมือนตัวเองก็ตาม ขณะที่ดอยก็เดินอ่านหนังสือแล้วกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง
“ผมทำวงแตกหรือเปล่าเนี่ย” ศิขาถามแต่ไม่งงนัก เพราะเขาดูจะเป็นศัตรูของคนแถวนี้ เพราะเคยจับคนสำคัญของบ้านไป
“ไม่หรอกค่ะ พอดีเราคุยเรื่องภายในกันเสร็จแล้ว” อรรณบอก ก่อนหันไปตักน้ำดื่มให้เขา เพื่อพักเหนื่อย “พักเหนื่อยก่อนสิ ได้ข่าวว่าที่โรงพักวุ่นวายน่าดูเลยนี่”
“อ๋อ ที่น้องสาวคุณเกือบจะเตะปากตำรวจใหม่น่ะเหรอ เรื่องธรรมดา ไม่แปลกใจถ้าจะมีคนเข้าใจอะไรผิดๆ อยู่เรื่อยล่ะนะ” ศิขารับน้ำมาดื่ม ก่อนชมแกมประชดน้ำอุ่นๆ ที่เธอส่งให้ “หอมชื่นใจจริงๆ ดีกว่าน้ำร้อนนะเนี่ย”
“นี่คุณเก็บปากเก็บคำไว้ก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะ ว่าแต่มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าอยากมาพบคุณยายของฉัน” อรรณถามแล้วพยายามไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
“ผมมาหาคุณ เพื่อชวนคุณไปเป็นคู่หูในงานแต่งงานของพี่หมอตุลย์ล่ะนะ ถ้าคุณจะกรุณาไปช่วยกู้หน้าผม อืม ขอให้แต่งตัวสวยๆ มากกว่าแต่งตัวพื้นๆ แบบนี้นะ” ศิขาก็ลืมตัวหาเรื่องเธออีกจนได้
“คุณจะจ่ายค่าชุดให้ฉันไหมล่ะ บางทีฉันอาจจะพิจารณาไปกับคุณก็ได้นะ แต่ถ้าไม่ คุณก็ต้องทำใจ ไม่ว่าฉันจะใส่ชุดอะไรไป แม้ชุดนั้นจะเป็นเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงพื้นๆ ผืนละร้อย” อรรณแกล้งล้อเขานิดๆ
“นี่คุณ ผมจะเอาเงินที่ไหน มาซื้อเสื้อผ้าสวยหรูราคาแพงได้ล่ะ อืม มันคงไม่เกินพันใช่ไหม” ศิขาลองเลียบเคียงก่อน
“งานแต่งที่โรงแรมหรูในจังหวัดเชียงราย คุณจะให้ใส่เสื้อผ้าราคาไม่ถึงพันเนี่ยนะ ชุดราตรีที่ฉันเอามาจากบอสตันยังหลายพันเลยนะ” อรรณแกล้งแย้งเขา
“งั้นดีเลย คุณก็ใส่ชุดที่เอามานั่นแหละ คุณสวยอยู่กล้ว อีกอย่างใส่ชุดเก่าก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้หรอก แล้วยังประหยัดช่วยชาติได้อีกนะ” ศิขาหาทางออกได้ผลชะงัก
“บางทีฉันก็คิดว่าไม่แปลกใจที่คุณโดนทิ้งล่ะนะ” อรรณเผลอพูดกับเขาแบบนั้น ก่อนมองเขามีท่าทีหงุดหงิดขึ้นมา “โอ้! ฉันขอโทษ ฉันนึกว่าคุณทำใจได้แล้ว”
“ผมทำใจได้แล้ว จนกระทั่งคุณพูดขึ้นมานั่นแหละ ผมนี่คงแย่มาก ผู้หญิงถึงอยากจะทิ้งนัก” ศิขาเข้าโหมดช้ำรักอีกครั้ง
“คุณอยากจะดื่มไหม” อรรณถามในสิ่งที่ดูเขาจะต้องการ
“ได้เหรอ คงไม่ได้หรอกมั้ง ยายคุณไม่ว่าเอาเหรอ” ศิขาถามเพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน
“ไม่หรอก ตราบที่ดื่มกินในบ้าน อีกอย่างฉันคิดว่าคงมีคนอยากดื่มกินร่วมกับคุณอยู่นะ คุณคงไม่ลืมหรอกนะ ว่าพี่พิงค์ก็ต้องช้ำรักเหมือนคุณเลย” อรรณชี้ประเด็นให้เขาเข้าใจ
“อืม นั่นสิ ผมมัวแต่คิดถึงแต่ตัวเองล่ะนะ” ศิขานึกอย่างเศร้าใจ ก่อนมองเธอลุกไป “นั่นคุณจะไปไหนน่ะ”
“เตรียมสังสรรค์ให้คุณยังไงล่ะ รอสักครู่” อรรณพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วปล่อยให้เขาทิ้งตัว เอนนอนคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังมาอีกทาง
“สวัสดีค่ะ ผู้กอง” นงลักษณ์มาร่วมวง แม้จะตรวจการบ้านยังไม่เสร็จ แต่ก็ดีที่ไม่รีบเท่าไรนัก “เป็นยังไงบ้างคะ ผู้กอง”
“ผมก็ดีครับ” ศิขาพูดตามมารยาท แม้จะคิดถึงเรื่องที่ตัวเองเอาแต่หาเรื่องสาวสวยอย่างอรรณ “แล้วนี่คุณน้ำไปไหนแล้วครับ”
“เห็นว่าจะไปที่ครัว หาของมาทานเล่นเป็นกับแกล้ม ว่าแต่ผู้กองอยากดื่มจริงๆ เหรอคะ” นงลักษณ์ถามด้วยความประหลาดใจ ก่อนมองอภิรมย์เดินกลับมาแต่ไกล
“ดื่มๆ ลมเอาเหล้ามาด้วย แล้วก็ไวน์สำหรับผู้หญิง” เธอเอาของออกจากกล่อง เพราะเพิ่งไปเอามาจากตู้แช่เหล้าไวน์ที่ห้องครัว
“พร้อมกันจริง” ศิขาพูดอย่างทึ่งๆ
“แน่ล่ะ คิดว่าทำไมถึงไม่ค่อยออกจากไร่ล่ะคะ ก็เพราะว่าที่นี่มีพร้อมทุกอย่างมากกว่าไง แล้วก็ปลอดภัยด้วย” อภิรมย์วางขวดเหล้าลง ก่อนมองพี่ชายเดินอ่านหนังสือมาแต่ไกล “จะกินเหล้าเอาหนังสือมาอ่านด้วยเหรอ อ้ายดอย พอเถอะ”
“อ้ายไม่ได้ดื่มด้วยสักหน่อย แค่มานั่งเป็นเพื่อน พี่น้ำบอกให้ออกมาสังสรรค์กัน บอกลาคนเก่าด้วยกัน” ธราแย้งน้องสาว
“ไหนๆ ก็จะบอกลาคนเก่า ก็หยุดอ่านหนังสือเถอะ อ้ายดอย” อภิรมย์คว้าหนังสือของพี่ชายโยนไปอีกทาง แล้วหยิบแก้วเหล้ามาใส่มือ “อย่าดื่มจนกว่าจะได้กินอะไร อย่างนี้ตลอดเลย ถ้าไม่ให้อ่านหนังสือต้องหาอะไรใส่มือ”
นงลักษณ์เอ็นดูสองพี่น้องนี้ที่ดูแลกันตลอดแล้วรู้ใจกันดี ซึ่งอภิรมย์ก็ไม่รังเกียจที่จะดูแลพี่ชาย ก่อนเธอต้องสำลักเมื่ออภิรมย์พูดจาแหย่เล่น
“ลมช่วยทำทุกอย่างได้หมด แต่ลมไม่ไปช่วยทำลูกหรอกนะ” อภิรมย์พูดแล้วก็หัวเราะ
ศิขาก็หัวเราะไปด้วย ก่อนอรรณเอาจานเนื้อหมูย่างมาวางตั้งพร้อมน้ำจิ้ม แล้วเขาก็รับไว้ ทั้งยังพูดขอบคุณลากเสียงยาว “ขอบคุณนะครับ”
อรรณส่ายหน้า ก่อนบอกน้องสาวไปช่วยยกข้าวกับข้าวเย็นมาแทน เพราะเธอบอกยายเอาแล้ว และคงสังสรรค์กันอยู่เพียงแค่ตรงนี้เท่านั้น ดีกว่าให้ออกไปนอกบ้าน
“ดื่มให้คนช้ำรักทั้งสองคน” อภิรมย์ยกเหล้าขึ้นดื่ม
“ตลกแล้ว ไอ้ลม” ธราตบไหล่น้องสาวแรงๆ ทั้งที่ปกติไม่เคยทำให้คนอื่นได้เห็น “ต้องบอกว่าดื่มเพื่อโอกาสในชีวิตต่างหากล่ะ”
“ยังไงเหรอ ดอย” อรรณแกล้งแหย่น้องชาย ก่อนกระซิบนงลักษณ์ “เวลาดอยเมานะพี่ รับรองหายเงียบ”
“คนเรานะ อย่าไปฝังตัวกับคนที่ไม่คิดถึงใจเรา ถ้าเขาคิดถึงใจเรา เขาก็ไม่ทิ้งเราไป ถ้าเขารักเรา เขาก็คงอยู่กับเรา อย่าไปเสียดายไอ้คนที่ไม่รักเราสิ” ธราอธิบายชัดเจน
“เพิ่งดื่มไปแค่สามแก้ว เริ่มเมาแล้วเหรอเนี่ย” นงลักษณ์มองอย่างทึ่งๆ
“โอ๊ย! พี่ ถ้าเกินขวดรับรอง อ๊วกแตก” อภิรมย์บอกแล้วก็หัวเราะขำ
ศิขามองธราที่เคยเงียบไม่สนใจอะไร ยกดื่มแล้วก็กินกับแกล้มไปเรื่อยๆ เขาก็ชนแก้วด้วยตลอด พูดคุยกันบ้าง ได้ระบายบ้าง นงลักษณ์ก็เริ่มได้ระบายความในใจออกมา
“ดอยพูดถูก พี่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ได้” นงลักษณ์ตั้งมั่น เพราะเธอก็ดื่มไปเยอะเหมือนกัน
“จำได้ว่า พี่พิงค์เคยบอกว่า พี่อยากแต่งงาน เพราะไม่อยากอยู่คนเดียวใช่ไหม” อภิรมย์ถามขึ้น
“ใช่ พี่ทนอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกนะ มันเหงาจะตายไป” นงลักษณ์ยอมรับ แต่วัยสามสิบยิ่งทำให้รู้สึกว่าแก่เกินไป เพราะผู้ชายก็คงชอบผู้หญิงที่อายุน้อยๆ ทั้งนั้น
“ไม่เหงาหรอกครับ หาอะไรทำไปก็ดีแล้ว พูดก็พูด จริงๆ ก็สงสารพี่หมอนะเนี่ย เขาเรียกกรรมตามทัน ทิ้งคนดีๆ อย่างคุณพิงค์ มาเอาแฟนเก่าผม ผมก็นั่งคิดมากอยู่ตั้งนาน แค่เป็นตำรวจ ผู้หญิงก็ไม่ค่อยปลื้มแล้ว เรื่องอื่นก็แค่รายละเอียด” ศิขาพูดแล้วมองแม่สาวที่ดูจะไม่สนใจผู้ชายอย่างเขา
อรรณฟังผิดหูไปบ้างแต่ก็ไม่ใส่ใจนัก ขี้ปากคนเมา อยากพูดก็ปล่อยให้พูดไป
“โอ๊ย! ผู้กอง ที่โดนเลิกน่ะไม่ใช่เพราะตำรวจหรอก เชื่อเถอะ ผู้หญิงคนไหนก็อยากสบาย มีสามีเป็นหมอ แต่แฟนเก่าผู้กองคงคิดผิดหน่อยล่ะนะ เพราะว่าพี่หมอเขาไม่ได้หวังรวยอย่างที่คิดหรอก มาทำงานกลับบ้านแล้วก็อ่านหนังสือ เขามีแต่สิ่งจำเป็น เขาไม่ละโมบโลภมากหรอก แต่ไม่รู้เพราะอะไรนะ มีผู้หญิงดีๆ อย่างพี่พิงค์ ยังคิดสละเรือไปเกาะเรือที่มีแต่โครงเหมือนกัน น่าปวดหัวแทน” อภิรมย์วิจารณ์เสียจนคนฟังต้องพยักหน้าไปด้วย
“เรื่องนี้ ผมก็พอเดาได้ว่า โบว์ต้องเข้าหาพี่หมอก่อน ผู้ชายอย่างพี่หมอถ้าจะจีบผู้หญิงก็คงใช้เวลาใช่ไหมครับ คุณพิงค์” ศิขาถามคนที่น่าจะรู้ดีที่สุด
นงลักษณ์พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเลาความหลัง “พี่หมอจดๆ จ้องๆ นานมากเลยล่ะ รอจนกระทั่งคุณแม่หายป่วย ถึงค่อยโทรมาจีบ แต่ก็คงคิดไม่นานเท่าไรที่จะเลิกกันล่ะนะ”
“อย่าไปคิดมากพี่ ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า เขากำลังจะไปเจอนรก เอ้า ดื่ม” ธราที่เมาแล้วก็ยกขึ้นชวนดื่ม
ศิขามองอรรณนั่งทานกับกับน้ำอัดลมก็ถาม “ทำไมคุณไม่ดื่มล่ะ ชวนคนอื่นดื่มแต่ตัวเองไม่ดื่ม”
“เรื่องนี้นะ พี่ผู้กอง พี่น้ำเขาไม่ดื่มหรอก เขาสาบานกับยายเอาไว้ก่อนไปเรียนต่อเมืองนอก ว่าเขาจะไม่แตะต้องแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต เพราะงั้นตำรวจที่ดีต้องไม่ทำให้คนอื่นผิดคำสาบาน” ธราเริ่มเมาก็เริ่มให้ความสนิทสนม
“ใช่ๆ ฮ่าๆ” อภิรมย์ก็ชักเริ่มเมาแล้ว จึงอารมณ์ดีให้ความสนิทสนม
ศิขาก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะชงเหล้าแจกอีกรอบ
อรรณนั่งฟังทั้งหมดพูดคุยกันและสนิทสนม แล้วคอยดูน้องชายให้ชงจำนวนน้อย เพราะขืนดื่มมากกว่าที่กำหนด เกรงว่าคงหลับแน่นอน
เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลังเสียงหัวเราะ ธราเมามากแล้วค่อยๆ หนุนตักญาติผู้พี่ มองหน้าสวยแดงกร่ำ เพราะฤทธิ์เหล้า ก่อนพูดขึ้น “พี่พิงค์เป็นผู้หญิงที่สวยมากนะ ถ้าพี่แต่งงานกับผม ผมจะทำให้พี่มีความสุขที่สุดเลย”
นงลักษณ์ดื่มน้อยกว่า แค่เมานิดหน่อย จึงได้ยินชัด ก่อนมองเขาหลับตาแล้วหลับไปเสียอย่างนั้น ดีที่เธอหน้าแดงอยู่แล้ว จึงไม่มีสีแดงเขินอายบนดวงหน้าสวย
อภิรมย์หัวเราะเสียงดังลั่น แล้วถอนหายใจยาว “ได้เวลานอนแล้วเน้อ อ้ายดอย เมาแล้วชักเอาใหญ่เน้อ” เธอเอาแขนพี่ชายพาดบ่า ลากพาไปห้องทำงาน ห่มผ้าให้แล้วกลับมาที่เดิม
“พี่พิงค์ไปนอนกัน” อภิรมย์เข้าไปพยุงนงลักษณ์อีกคน
ศิขาก็นับว่าเมา แต่ไม่มากเท่าสองคนนั้น มองดวงหน้าสวยคมของเธอ แล้วถอนหายใจยาว ก่อนมองหมูย่างในจาน “ขอหมูย่างหน่อยสิคุณ วางเสียไกล”
“ก็ได้ๆ” อรรณตักยื่นให้เขา แต่เขาไม่รับด้วยช้อน กลับใช้ปากมารับแทน ให้เธอป้อนเขา จากนั้นเขาก็แหวกจานออก แล้วล้มลงนอนหนุนตักเธอแทน
“ขอบคุณที่ยอมไปออกงานกับผม ไม่งั้นผมคงไม่กล้าไป แล้วก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง เฮ้อ ดูไปดูมา คุณนี่ก็ดีใช้ได้นะ” ศิขาพูดแล้วก็หลับตาลง
“คุณลุกแล้วไปนอนที่เดียวกับดอยได้แล้วล่ะ จัดที่ไว้ให้นอนตั้งแต่เย็นแล้ว ยายบอกว่า เมาไม่ขับ แม้แต่ตำรวจก็อาจดับได้นะ ไปๆ ลุกขึ้น” อรรณชี้ทางให้เขา แล้วพยายามงัดเขาให้ลุกขึ้น
“ก็ได้ ขอบคุณครับ สำหรับน้ำใจสาวสวย” ศิขาพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่มกริ่มนิดๆ
“แล้วอย่าเผลอไปนอนบนเตียงกับดอยล่ะ อย่าทำลายความบริสุทธิ์ของดอยนะ” อรรณพูดขำขัน นั่นทำให้เขาหันมามอง เพราะคิดว่าหูฝาด
“ไม่มีอะไร ไปเถอะค่ะ” อรรณบอก ก่อนมองเขาเดินไปขึ้นบันได ตรงไปยังห้องทำงานของน้องชาย ก่อนจะมองน้องสาวที่นั่งอยู่ที่หัวบันได “พี่จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ”
อภิรมย์พยักหน้าช้าๆ แล้วปล่อยให้ที่ตรงนั้น เป็นหน้าที่ของคนงานที่จะมาจัดการในตอนเช้า เธอรอจนพี่สาวเดินมาที่บันได ค่อยกลับเข้าห้อง ปล่อยให้หน้าที่ล็อคบ้านเป็นเรื่องของคนที่มีสติมากกว่า
อรรณจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ นึกถึงผู้กองหนุ่มจอมกวน แล้วถอนหายใจอย่างใจเย็น
*************************************
ชายหนุ่มสวมชุดสูทและกระสับกระส่าย เพราะต้องมาแต่งหรูและรออยู่ที่ห้องเสื้อที่รับจัดงานแต่งงาน แต่เพราะสาวๆ หลายคนต้องมาแต่งตัวที่นี่ เขาก็เลยต้องมาด้วย หามองไปยังธรา ศิขาก็รู้สึกแปลกตาไปเลยทีเดียว เพราะหนุ่มหล่อหน้าตาดีมากกว่าที่เคยเห็น
“ไปทำอะไรมา ถึงได้เปลี่ยนตัวเองแบบนี้” ศิขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ให้ความสินทสนม
“พี่น้ำพาไปตัดผมน่ะครับ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น” ธราตอบแล้วยิ้มแห้งๆ พอเขาไม่เมา ก็กลายเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยเหมือนเดิม เขาเขิน จึงจับเนกไทด์เป็นระยะ
“ดูดีมากแบบนี้ นักศึกษาไม่ทักเหรอ” ศิขาก็พูดล้อหยอกเล่นกันไป
“มีบ้างครับ แต่ไม่มาก ผมไม่ค่อยสนิทกับนักศึกษาเท่าไร แต่คนอื่นๆ ก็ชมว่าดูดีขึ้น” ธราตอบแล้วก็อ่านหนังสือที่ตัวเองสนใจต่อ ขณะที่ผู้กองหนุ่มท่าทางกระสับกระส่าย เพราะไม่รู้จะอยู่เงียบๆ ยังไงดี
จวบจนสาวๆ ออกมา หนุ่มๆ ก็มองกันตาค้าง แม้แต่ธราที่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นญาติๆ สาวก็ยังยิ้มออก
อรรณสวมชุดผ้าซาตินเหนือดีสีชมพูสดเข้ากับผิวขาว ผมจัดทรงสวยเข้ารูป ราวกับออกมาจากนิตยสารชุดราตรีสวยหรู นงลักษณ์ก็สวยเช่นเดียวกัน สวมชุดสีเปลือกมังคุด เปิดหลังดูเซ็กซี่ มีเครื่องประดับเพชรโชว์ที่ด้านหลัง ขณะที่อภิรมย์สวมชุดสีเขียวเข้มปิดหมดตัว แต่สั้นขึ้นมาทำให้เดินสะดวก เล่นลวดลายให้ดูมิติ แต่งหน้าจัดผมสวยงามกว่าปกติ
“พอไปวัดไปวาได้ไหมล่ะ” อภิรมย์ถึงจะอ้วนแต่ก็ดูดีได้เมื่อแต่งตัว
“ตายล่ะ ไอ้ลม ถ้าหนุ่มๆ เห็นล่ะก็ แกได้แต่งงานแน่” ขันเงินพูดชมหลานสาว ขณะประคองป้าเดิน โดยมีหนุ่มๆ เข้ามาช่วยทีหลัง
“รีบไปเถอะ แม่ กลัวจะไม่ได้ผัวซะแล้ว” อภิรมย์พูดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะไม่ค่อยชอบผู้ชายเท่าผู้หญิงเท่าไร
“มันจะสงบปากสงบคำสักวันได้ไหมเนี่ย” ขันเงินบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนชวนทุกคนแต่ก็แอบแซวหนุ่มๆ ที่มองสาวๆ อ้าปากค้าง “หุบปากหน่อย หนุ่มๆ เดี๋ยวก็ไปกันสายหรอก ลมแกไปขับรถให้แม่กับอุ๊ย ส่วนพิงค์ก็ขับรถให้ดอยแล้วกัน ผู้กองก็ฝากน้ำด้วยนะ ไปกันเร็วๆ”
ทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกันขึ้นรถ อรรณมองเขาเปิดประตูรถให้อย่างงงๆ ก่อนถาม “วันนี้คุณกินยาแล้วไม่เขย่าขวดหรือเปล่า”
“เปล่า แค่เกรงใจชุดกับน้ำใจของคุณน่ะ พูดมากจริง ขึ้นรถ” ศิขาพยายามไม่แสดงความสนใจออกมามากนัก แม้จะแอบมองอยู่ตลอดที่เดินมาด้วยกัน
อรรณแอบยิ้มนิดๆ ที่ผู้กองขี้เก๊กปากดี มีท่าทีตะลึงงันอยู่บ้าง ทั้งสองนั่งรถไปด้วยกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงงาน และพยายามต่อล้อต่อเถียงกันให้น้อยที่สุด
ขณะที่นงลักษณ์ก็รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องขับรถให้ผู้ชาย เพราะปกติเธอจะเป็นคนที่นั่งด้านข้างมากกว่า
“ผมขอโทษนะครับ พี่พิงค์ ผมขับรถไม่เป็น เคยหัดแต่ก็เกือบลงบ่อปลาเสียได้น่ะครับ” ธราบอกตามตรง รู้สึกอายอยู่ที่ต้องเป็นฝ่ายนั่งให้เธอขับ
“ไม่เป็นไรหรอก ผู้ชายบางคนก็ไม่สามารถขับรถได้ล่ะนะ พี่ขับก็ได้” นงลักษณ์ฟังญาติผู้น้องอย่างเข้าใจ เพราะคราวที่แล้วก็ถูกจับโรงพัก เพราะเรื่องไปถอนเงิน นี่ก็น่าจะทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ดีทีเดียว
“วันนี้พี่สวยมากนะครับ” ธราชมแล้วยิ้มให้ แม้จะรู้ว่าเธอจะไม่เห็นรอยยิ้มของเขา
“ขอบใจจ๊ะ อืม เวลาเข้าไปในงาน พี่ขอดอยสักอย่างได้ไหม” นงลักษณ์พูดขึ้นแล้วพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ละเอียด
“อะไรเหรอครับ” ธราถามแล้วพยายามตั้งใจฟัง
“พี่อยากให้ดอยเดินเงยหน้า แล้วก็ห้ามอ่านหนังสือ แล้วก็ไม่ต้องคุยอะไรกับใครมาก ตอบสั้นๆ ก็พอ เวลาเดินโอบเอวพี่เอาไว้ตลอด เวลานั่ง ถ้าพี่วางมือบนโต๊ะ ดอยต้องกุมมือพี่ ถ้าพี่ไม่ได้วางมือที่โต๊ะ ดอยต้องวางมือที่พนักพิงของพี่ ถ้าถึงเวลาทานอาหารก็ไม่ต้องนะ ทำได้ไหม ดอย” นงลักษณ์เตรียมตัวกับญาติผู้น้องไว้ก่อน
“ผมจะพยายามตั้งสมาธินะครับ” ธราที่ค่อนข้างกลัวคนไม่รู้จัก ก็ต้องพยายามให้มากขึ้น เพราะเห็นใจนงลักษณ์ไม่น้อย ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับคนรักเก่า
*************************************
เมื่อลงจากรถ คนหนุ่มก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ดูแลคนที่มาด้วย แจ่มจันทร์แจ้งไปแล้วว่าโต๊ะเธอควรมีใครบ้าง และเธอจะต้องแน่ใจว่า สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนของครอบครัวได้นั่งโต๊ะเดียวกันหมด จะได้ไม่อึดอัด
ศิขาโอบเอวอรรณ ทั้งยังสบตาเธอก่อนยักคิ้วให้อย่างทะเล้นๆ ขณะที่เธอแอบส่ายหน้า เพราะเขาจงใจล้อเลียนเธอ ถ้าไม่ติดว่าเห็นใจคนอกหัก ก็จะขัดเข้าให้ แต่เพราะคิดถึงใจคนโดนหักอก ก็ต้องยอมทนกันไป หากเขายังมีมารยาท เมื่อถึงจุดที่ต้องถ่ายภาพกับบ่าวสาว เขาก็เกาะเอวเธอแน่นแล้วทักทายอย่างหน้าชื่นตาบาน
“ยินดีด้วยนะครับ พี่หมอ คุณโบว์ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่นะครับ” ศิขาพูดอย่างสุภาพ แม้จะรู้สึกสงสารรุ่นพี่หนุ่ม แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงให้เกิดเรื่อง
“อ้าว ผู้กองหิน ไม่รู้ว่ามางานนี้ด้วย คุณเป็นลูกผู้ชายมาก” พี่ชายเจ้าสาวเข้ามาทักทายเพราะรู้จักกันมานาน
“ผมเป็นลูกผู้ชายเสมอ และผมเดินหน้ากับผู้หญิงที่คู่ควร นี่น้ำครับ คนรักผม” ศิขาแนะนำต่อหน้าผู้ใหญ่ของอรรณ เพราะต่างก็รู้ว่านี่เป็นละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ยงยุทธมองหน้าหญิงสาวคนใหม่ของแฟนเก่าน้องสาวแล้วตะลึงงัน เพราะตอนแรกเธอหันหลังให้เขา หากตอนนี้ได้เห็นชัดเจน เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนสวยแบบนี้
เจ้าสาวกลับรู้สึกถูกแย่งซีนไปเลย เพราะคนรักใหม่ของแฟนเก่าสวยกว่าเธอ แม้วันนี้เธอจะแต่งตัวเต็มที่ จ้างช่างแต่งหน้าและทำผมที่เก่งมาก จากฐานะทางการเงินของครอบครัวเจ้าบ่าวและเธอเอง แต่ยังไม่สามารถข่มผู้หญิงคนนี้ได้เลย
“ยินดีด้วยนะคะ พี่หมอ น้ำกับผู้กองไปเลือกซื้อของขวัญมาให้ ดีใจจริงๆ ค่ะ ที่พี่หมอได้มีคู่ชีวิต” อรรณยิ้มหวานกว่าเคย
ท่าทางเย็นชาเฉยๆ หายไป เป็นสาวสวยหวาน ทำให้ผู้ชายที่เห็นต่างก็ลืมตัวมอง จนบริกรคนหนึ่งทำถาดใส่แก้วน้ำที่จะเอาไปเสริฟ มัวมองจนเดินชน แล้วถาดก็หล่นลงพื้น
“ระวังหน่อยสิ งานแต่งลูกสาวฉันนะยะ” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น ก่อนหันมายิ้มให้ทุกคน แล้วมองศิขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “มากับเขาด้วยเหรอ กล้าจริงๆ ที่มานะ”
“คุณสมรศรี อย่าคิดมากเลยครับ ผมไม่ได้มาหาเรื่อง พี่หมอชวนผมมา และพี่หมอก็เพิ่งจะรู้เรื่องจากลูกชายคุณว่าผมรู้จักครอบครัวของเจ้าสาวเขานี่เอง เฮ้อ ถึงผมจะไม่ค่อยอยากให้คนรักผมรู้เท่าไร แต่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะ ที่รัก” ศิขาลื่นไหลแบบเนียนๆ
อรรณฉีกยิ้มให้ ก่อนมองสายตาประหลาดใจของสมรศรีออก “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ทำไมเราไม่ถ่ายภาพแล้วไปนั่งโต๊ะของเราเสียทีคะ คุณยายยืนนานแล้วท่านก็ชรามาก ฉันไม่อยากให้เจ้าบ่าวต้องทำหน้าที่หมอในวันสำคัญแบบนี้ค่ะ”
“ใช่ๆ ถ่ายรูปกันเถอะ” อภิรมย์สะใจพิลึกที่ ผู้กองหนุ่มได้หน้าจากความสวยของพี่สาวเธอ แน่นอนว่าถ้าส่งไปประกวดต้องชนะแน่นอน ก่อนจะหันไปเจอกับนงลักษณ์และพี่ชายเธอที่ตอนนี้หล่อเหลาเอาการ “พี่พิงค์มาถ่ายรูปกันจะได้ไปนั่ง พี่ดอยด้วยเร็วๆ”
คู่หนุ่มหล่อสาวสวยก็โผล่มาอีกคู่ ดูเหมือนอดีตคนเคยรักของคู่บ่าวสาวจะได้ดีกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะเมื่อธราที่พูดน้อยอยู่แล้ว คอยทำหน้าที่ตามที่ญาติผู้พี่ขอร้อง เขาเพียงเดินและยืนโดยไม่ก้มหน้า และคอยเอามือเกาะเอวเธอเอาไว้ตลอดเวลา
อดุลย์ก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าคู่หมั้นเก่าจะมางานแต่งงานของเขา แต่โดนเรียกไปถ่ายภาพ เขาก็ต้องถ่ายเมื่อเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินไปกับชายหนุ่มอีกคนทันที โดยรวมกลุ่มกันที่โต๊ะเดียว เขารู้เพียงว่าธราจะพาคู่ควงมาด้วย เพียงไม่รู้ว่าจะเป็นอดีตคู่หมั้นเขา
งานแต่งงานก็เหมือนงานแต่งงานทั่วไป มีคนนั้นคนนี้ขึ้นพูด มีการนำเสนอภาพย้อนหลังเล่าความ โดยมากเป็นพยาบาลกับหมอที่สนิทๆ กันและอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ
“ผมว่านะ เขาน่าจะเชิญผมขึ้นไปพูดด้วยนะ เพราะผมก็อยู่ในเหตุการณ์น่ะ” ศิขากระซิบคุยกับอรรณอย่างเซ็งๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าแผลใจดีขึ้นมาก
“เห็นด้วยเลยค่ะ ผู้กอง น่าจะเชิญฉันด้วยอีกคน ก็แค่คนนอกใจสองคนมาแต่งงานกันใช่ไหมคะ” นงลักษณ์ผสมโรงไปด้วยอย่างหมั่นไส้ ก่อนหันไปคุยกับธรา “ถ้าเราแต่งงานกัน ต้องเชิญไปให้ได้ทั้งคู่เลยนะ”
อภิรมย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น “พี่พิงค์ใจเย็นๆ อย่าไปยุ่งกับชีวิตเขาเลย เพราะถ้าเรายังคงมีพวกเขาอยู่ในความคิดล่ะก็ รับรอง พี่ได้ระทมทุกข์ไปตลอดชีวิตแน่ๆ”
“นั่นสิ พี่ควรกำจัดคนคู่นี้ออกไปจากชีวิตจริงไหม” นงลักษณ์ได้คิด แล้วก็ตั้งใจจะลดความสำคัญของคนคู่นี้ในความคิดเธอ “โชคดีที่ได้มางานนี้ เพราะทำให้รู้สึกว่าความทุกข์ที่ผ่านมาบรรเทาลงได้มากจริงๆ”
“เวลาที่คนเราได้เผชิญหน้ากับความจริง มีอยู่ไม่กี่อย่างที่เกิด หนึ่งในนั้นก็คือ เราทำใจได้แล้วก้าวเดินต่อไป” อรรณพูดขึ้นปลอบญาติผู้พี่ที่ยิ้มให้อย่างเห็นด้วย
“มาสนุกกับงานเลี้ยงดีกว่านะ” อภิรมย์ชวนทุกคน
ศิขาจึงสนุกด้วยการโอบไหล่เธอเอาไว้ตลอดเวลา โดยไม่สนใจมองอดีตคนเคยรัก เขาพร้อมจะเดินหน้าต่อไป แม้ว่าจะใช่คนที่เขากำลังโอบไหล่อยู่หรือไม่ก็ตาม
“วันนี้เป็นเด็กดีจริงๆ ไม่พูดขัดแล้วก็ยอมให้โอบไหล่ด้วย” ศิขากระซิบคุยกับเธอ
อรรณแสร้งทำเป็นหัวเราะ ก่อนจะกระซิบกับเขา เพียงแต่ไม่พูดข้างหูอย่างที่เขาทำ “ยังมีเวลาทำแบบนั้นอีกมาก แต่อย่าให้ความเห็นใจโดนคุณใช้เอาเปรียบก็แล้วกัน ไม่งั้นก็เตรียมตัวหน้าแหกได้เลย”
“โอ๊ะโอ!” ศิขาต้องยอมแพ้ เขาก็ไม่อยากทำอย่างที่เธอพูด เพราะนอกจากเขาเป็นผู้ชายแล้ว เขายังเป็นตำรวจ และรักที่จะเป็นตำรวจที่ดีในสายตาประชาชนอยู่ เขาจึงขยับถอยเล็กน้อย ให้พื้นที่เธอหายใจ
ขณะที่ธราเพียงโอบไหล่ญาติผู้พี่ไปอย่างนั้น เขาไม่พูดมาก เพราะเกรงว่ายิ่งพูดยิ่งประหม่ามากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่มีหญิงสาวคนสวยในอ้อมแขนแบบนี้ ถึงจะเคยรู้จักวิ่งเล่นกัน แต่ก็เลยเวลานั้นมามากแล้ว เพราะแม่ของนงลักษณ์ไม่ค่อยชอบหน้าเด็กกำพร้าที่มาแย่งสมบัติไปหมดแบบพวกเขา หากดูแล้วนงลักษณ์แตกต่างจากแม่เธอนัก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยสร้างปัญหาใดๆ
“ขอบใจนะ ที่ช่วยรักษาหน้าพี่ไว้ ไม่อย่างนั้นพี่คงต้องเครียดไปอีกนานแน่ๆ” นงลักษณ์หันไปชวนญาติผู้น้องคุยบ้าง เพราะเธอบังคับไม่ให้เขาอ่านหนังสือ
“ต้องพี่น้ำกับลมมากกว่าครับ ทั้งสองคนช่วยกัน ผมนั่งเฉยๆ ให้เขาเปลี่ยนทุกอย่าง” ธราบอกอย่างสบายๆ และทานอาหารไปรื่อยๆ
แจ่มจันทร์พูดกับหลานสาวอย่างโล่งใจ “ดีจริงๆ ที่วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี”
ขันเงินยิ้มให้อย่างเห็นด้วย เพียงไม่คิดว่าอีกไม่กี่นาทีจะเกิดเรื่องขึ้น
“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ” นงลักษณ์หันไปบอกธรา ก่อนหยิบกระเป๋าถือไปด้วย
“ให้ผมไปด้วยไหม” ธราถามขึ้น แล้วทำท่าจะลุกตาม
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ พี่ไปคนเดียวได้ ไม่มีใครอยากจะวุ่นวายกับพี่หรอกนะ ไม่ต้องกังวลไป” นงลักษณ์ยิ้มให้หวานฉ่ำ เพราะดื่มไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้โลกก็สวยงามมากสำหรับเธอ
ธราจึงหันกลับไปนั่งต่อ แล้วถอนหายใจ เพราะเขาเริ่มรู้สึกเมื่อยที่ไม่ค่อยได้เป็นตัวของตัวเอง
“อึดอัดหรือเปล่า อ้ายดอย” อภิรมย์ถามพี่ชาย
“ก็นิดหน่อย แต่พอไหวอยู่นะ ง่วงด้วย เมื่อคืนดูดาวทั้งคืนเลย ดีที่วันนี้ไม่ต้องตื่นเช้านะ” ธราพูดขึ้น แล้วก็ถอนหายใจ เพราะทุกสิ่งที่นี่ไม่ใช่ตัวเขาแม้แต่น้อย
*************************************
เสียงถอนหายใจดังขึ้น เมื่อเธอประสบความสำเร็จในการเผชิญหน้ากับตัวเอง แม้นี่จะเป็นงานในฝันของเธอ แต่เขากลับใช้มันเพื่อผู้หญิงคนอื่น ทำไมเธอจะจำรายละเอียดของงานไม่ได้ เมื่อเธอลงมือช่วยกันเตรียมกับแม่เขา และแม่เขาก็ดูจะไม่ค่อยปลื้มเธอเท่าไร เพราะเธอเป็นเพียงครูมัธยมธรรมดาคนหนึ่ง
นงลักษณ์มองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มพอใจ ถึงอย่างไรเธอก็คงไม่ไร้เสน่ห์เท่าไรนัก เธอยังเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ก่อนนึกถึงญาติผู้น้องต่างสายเลือดแล้วก็ยิ้ม ที่ค่ำนี้เขาทำเพื่อเธอได้ตลอดงานจริงๆ
เมื่อกลับมาสู่งานเลี้ยงอีกครั้งเหมือนฟ้าถล่ม เมื่อแม่เจ้าบ่าวมายืนเผชิญหน้ากับเธอ จ้องอย่างไม่พอใจนัก “กล้ามากนะ ที่เข้ามาในงานนี้ ตั้งใจจะมาทำลายชีวิตลูกชายฉันหรือยังไง ดีจริงๆ ที่เขาเลิกกับผู้หญิงอย่างเธอได้”
“ฉันมางานนี้ไม่ได้จะมาหาเรื่อง ฉันมาเพราะแฟนฉันชวนมาด้วยต่างหาก อย่าให้ความสำคัญลูกชายคุณผิดไปเลย” นงลักษณ์ตอบกลับอย่างเข้มแข็ง แบบที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะต้องคอยรอมชอมอยู่เรื่อย จากความเกรงใจต่อว่าที่แม่สามี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
“ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาสักที นึกอยู่ว่าเมื่อไรมาดครูอ่อนแอจะหลุดไปสักที” รุจีพูดจาถากถาง ก่อนใช้นิ้วชี้กดแตะไปที่ขมับของนงลักษณ์ และเธอทำไปเพราะขาดสติ หลังจากดื่มไปเยอะ ก่อนพูดจากระแทกใส่ฝ่ายตรงข้าม “จำใส่หัวเธอไว้ ลูกชายฉันไม่เคยรักเธอ เพียงแต่เขาเป็นคนดีที่ไม่เคยคิดจะทิ้งเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยั่วยวนเขา เขาไม่มีทางคบเธอเป็นแฟนได้นานอย่างนี้หรอก”
นงลักษณ์ที่เพิ่งตั้งหลักได้ ก็ขวัญเสียไป เมื่อถูกคุกคามมากขึ้น จากที่เข้มแข็งเธอก็แทบเข่าอ่อน ก่อนมีใครบางคนจับมือแม่เจ้าบ่าวไว้ แล้วปัดไปให้ห่าง ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“นี่แกบังอาจทำกับฉันแบบนี้เรอะ พ่อแม่แกเป็นใคร” รุจีจ้องหน้าหาเรื่องชายหนุ่มที่เข้ามาวุ่นวาย
ธราเพียงโอบไหล่เอาไว้ แล้วคิดแต่จะพาเธอกลับไปที่โต๊ะเท่านั้น เขาเองก็มีปัญหาเรื่องการพูด โดยเฉพาะเขาไม่รู้ว่าเวลานี้ควรพูดอะไรเพื่อปลอบใจเธอ เขาทำได้เพียงกอดปลอบเธอเท่านั้น
“นี่คุณ ฉันรู้ว่าคุณเป็นแม่ของพี่หมอ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีแบบนี้กับคู่หมั้นพี่ชายฉันก็ได้ อ้ายดอยพาพี่พิงค์ไปนั่งเถอะ” อภิรมย์ตามมาจัดการปัญหาให้พี่ชายกับญาติผู้พี่
“ออกไปจากงานนี้เลยนะ พวกแกไม่สมควรมางานนี้ด้วยซ้ำ” รุจีเมาหนักจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“นี่...” อภิรมย์เลือดขึ้นหน้า แต่ดีที่พี่สาวมาหยุดเหตุการณ์เอาไว้
“เรากลับกันเถอะ” อรรณจับข้อมือน้องสาวเอาไว้ แล้วลากกลับไปโต๊ะ ก่อนเก็บของเพื่อกลับ
อดุลย์ได้ข่าวว่าแม่เขาเมาหนักอาละวาด จึงมาจัดการ เห็นผู้ใหญ่กำลังจะกลับก็เดินไปหาที่โต๊ะ “ขอโทษแทนแม่ผมด้วยนะครับ คุณยาย”
“อย่าเลย พี่หมอ ถ้าไม่ติดว่าเป็นแม่พี่หมอ แล้วพี่น้ำขอไว้ล่ะก็น่าดู แม่ประสาอะไร! สร้างปัญหาให้ลูกชายในวันสำคัญแบบนี้ คงดีอยู่หรอก ชีวิตคู่ที่ต้องเริ่มต้นด้วยหายนะ” อภิรมย์ก็เลือดขึ้นหน้าฉะแหลกพอควร ดีที่พี่สาวคอยรั้งไว้
“ลม!” อรรณทำเสียงเข้มงวด ก่อนหันไปคุยกับอดุลย์ “ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ พี่หมอ พวกเราไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ พี่ควรจะไปดูแลเจ้าสาวของพี่นะคะ เธออาจขวัญเสียเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ได้ ขอตัวก่อนนะคะ”
อดุลย์ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป เพราะดูเหมือนเรื่องจะบานปลาย
“ที่รัก เรากลับกันได้แล้วนะจ๊ะ” ศิขาเข้ามาโอบเอวเธอไว้ แล้วพากันออกไป “ขอโทษนะครับ พวกเราไม่ได้ตั้งใจสร้างปัญหาให้กับพี่เลยจริงๆ”
อดุลย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะบอกลา เพื่อไปจัดการกับแม่เขา แล้วปลอบเจ้าสาวของเขา
อรรณเดินมาถึงหน้าโรงแรม ก่อนจะพูดกับศิขา “คุณกลับบ้านคุณเถอะ เดี๋ยวให้ลมขับรถอีกคันกลับ เพราะว่าดอยขับรถไม่เป็นแล้ว พี่พิงค์ก็ทั้งเมาทั้งขวัญเสีย ฉันจะขับรถพาป้ากับยายกลับบ้านแทน”
“ใส่ส้นสูงเนี่ยนะ” ศิขาพูดทำตลก
“ถอดออกก่อนก็ได้ค่ะ ไว้ค่อยเจอกันใหม่” อรรณบอกลา
“ก็ได้ ขับรถดีๆ ก็แล้วกัน ที่นี่ไม่ใช่อเมริกา เพราะงั้นอย่าลืม ขับให้ถูกทางด้วยล่ะ ขี้เกียจไปประกันออกมา” ศิขาพูดห่วงใยในแบบฉบับของเขา ทั้งที่อยากพูดดีกว่านี้
“ยังไงก็ได้” อรรณบอกลาแบบฉบับของเธอ ขี้เกียจมองท่าทางประหลาดๆ ของเขาอีก เธอเข้าไปช่วยพยุงยายขึ้นรถ แล้วทำตามที่ตั้งใจเอาไว้
กลับบ้าน...
*************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น