ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไร่แห้วไม่จำกัดรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : 03 ต้องสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 55


    ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 3 ต้องสงสัย

    คนสี่คนถอนหายใจเรื่อยๆ ก่อนอภิรมย์พูดก่อนเพื่อน “ขอโทษนะพี่พิงค์ ไม่คิดว่าเจอกันอีกที จะอึดอัดแบบนี้”

    “พี่ช็อคตั้งแต่รู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้หรอกนะครับ” ธรารีบแก้ตัวขึ้นมาทันที

    “จริงๆ ดอยมันก็คงช็อคเหมือนกันที่รู้เรื่องน่ะพี่ เรื่องนี้ยายกับพ่อพี่คิดกันเองเสร็จแล้วค่อยบอกอ่ะ” อรรณบอกญาติผู้พี่ ที่ท่าทางจะตกที่นั่งลำบาก

    “อืม พี่แค่หนักใจ เพราะพ่อดูจะเป็นห่วง กลัวพี่จะไม่ได้แต่งงานมากอย่างนั้นล่ะนะ จริงๆ พี่ก็ไม่อยากอยู่ตามลำพัง โดยไม่มีใครเหมือนกัน ที่หนักใจ ไม่ใช่เพราะคนนั้นจะเป็นดอยหรอกนะ พี่ก็มีเรื่องอื่นให้คิด เพราะหลังจากล้มการแต่งงานหนึ่งปี มีผู้ชายแย่ๆ เข้ามาในชีวิต พ่อคงกลัวแทนพี่น่ะ” นงลักษณ์ถอนหายใจยาว

    “เข้าใจเลยครับ ยายกลัวผมจะไม่ได้แต่งงาน ฮะๆ” ธราหัวเราะอย่างไม่เต็มเสียงนัก

    อรรณมองปัญหาตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะพิงต้นไม้ใหญ่ ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับคนบ้านนี้มานาน จากนั้นก็นึกได้ แล้วพูดออกมาตามตรง “อย่ากังวลเรื่องพวกนั้นเลย พี่ ดอย ชีวิตยังมีอะไรให้กังวลอยู่อีกเยอะ”

    นงลักษณ์ถอนหายใจ ก่อนถามสิ่งที่สงสัย “ทำไมน้ำถึงอยากให้พี่มาอยู่ที่นี่ล่ะ คือ อยากให้พี่ได้มีโอกาสรู้จักดอยจริงๆ เท่านั้นหรือเปล่า”

    “ด้วย แล้วก็อยากให้พี่ได้ออกมาจากความกดดันมากกว่า อยู่ที่นี่ก็ดีนะ ดอยมันไม่ค่อยไปไหนหรอก มันก็อยู่ในห้องทำงานของมันตลอดแหละ ถ้าพี่อยากให้มีใครช่วยมองเรื่องผู้ชาย ก็มาหาพวกเราก็ได้ ตามฐานะ เราก็พี่น้องกัน ถ้าไม่คิดเรื่องสายเลือดอ่ะนะ” อรรณพูดเป็นเชิงปลอบ แต่เธอไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานการณ์ จึงทำได้แค่นี้

    “ดีเหมือนกัน งั้นพี่ก็จะเก็บของมาอยู่ที่นี่” นงลัษณ์บอกกับน้องๆ อย่างเห็นด้วย

    “งั้นผมก็จะเก็บของ ลงไปอยู่ที่ห้องทำงาน พี่จะได้มีห้องนอนเน้อ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเข้าห้องได้ เพราะห้องทำงานอยู่ข้างล่างที่ชั้นสองยุ้งข้าวเก่า ยายกลัวผมทำบ้านระเบิด แล้วพอตกดึก ทุกคนก็จะล็อกบ้านไว้ รับรองปลอดภัย จบเรื่องขอหนังสือให้ผมด้วย” ธราสรุป ก่อนขอหนังสือจากพี่สาว

    อรรณหยิบส่งให้ ก่อนมองน้องชายอ่านหนังสืออย่างสงบ โดยไม่สนใจใคร

    “เขาเป็นอย่างนี้บ่อยไหม” นงลักษณ์ถาม เพราะไม่คุ้นเคยกับการที่เห็นใครนั่งอ่านนิตยสารฟิสิกส์ของต่างประเทศ

    “เป็นปกตินั่นแหละพี่ เขาชอบอ่านหนังสือ สมัยอยู่อเมริกาต้องซื้อส่งมาให้ เขาชอบอัพเดตงานฟิสิกส์ล่ะนะ แต่ไม่ค่อยอยากไปอยู่ที่อื่นเท่าไร เขาก็เลยหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานนั่นแหละ เห็นว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพื่อสิ่งแวดล้อม ทำคนเดียวก็ใช้เวลานานแบบนี้นั่นแหละ” อภิรมย์อธิบบายแทน

    “เอาเป็นว่าพี่พร้อมวันไหน เดี๋ยวให้ไอ้ลมไปรับก็แล้วกัน” อรรณบอกแล้วพยักหน้ากับน้องสาว

    “นี่เบอร์ลมนะ พี่พิงค์ โทรมาเมื่อพร้อม แต่เรื่องห้องไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่ ลมจัดไว้ล่วงหน้าเลย อ้ายดอยคงลงไปนอนข้างล่างแต่แรก แล้วเรียกสถาปนิกเพื่อนลม มาดูที่ทางทำบ้านให้อ้ายดอยเลย”  อภิรมย์เป็นคนอธิบายเอง แล้วก็ยิ้มแย้มให้อย่างเป็นมิตร

    ต่างฝ่ายต่างก็สบายใจมากขึ้น อรรณเหม่อมองท้องฟ้าสดใส พร้อมความหวังที่จะได้เห็นอนาคตที่สดใสของทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ แม้จะมีสมาชิกคนใหม่เข้ามา แต่พวกเขาก็จะคอยช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามาที่นี่

    **********************************************


    เสียงพูดคุยดังเป็นระยะ ทักทายกันแม้ไม่สนิทกันเท่าไรนัก แต่ในเวลานี้ พวกเขามาประชุมเรื่ององค์กรค้ายาเสพติดที่ใหญ่มากองค์กรหนึ่งในโลก

    เมื่อถึงเวลาเข้าประชุม ทุกคนก็ต้องฟังตำรวจสากลอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องมาประชุมในครั้งนี้

    “นายซานโตส กอนซาเลส ขึ้นมายึดครององค์กรด้วยการกำจัดคู่แข่งให้กับหัวหน้าองค์กรคนก่อน ก็เลยได้สืบทอดตำแหน่งดูแลดาร์คดราก้อน ที่เป็นองค์การค้ายาที่ใหญ่มากในอเมริกากลาง ตอนนี้เขากับพรรคพวกได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับพ่อค้ายาชาวพม่า ที่อยู่ติดกับพรมแดนประเทศ” ชายหนุ่มผมสีเข้มกำลังอธิบายรูปแบบโครงสร้าง และวิธีการติดต่อ จนกระทั่งมาถึงภาพถ่ายล่าสุด

    ศิขามองหญิงสาวที่ยื่นบางอย่างให้นายซานโตสอย่างงุนงง เพราะเขารู้จักเธอแน่นอน

    “นี่คือแอนนา แก่นจัน เป็นชาวไทย สายของเรารายงานว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่ทำเป็นไม่รู้จัก จริงๆ ผมได้ทำการสืบประวัติของผู้หญิงคนนี้แล้ว ไม่พบอะไรน่าสงสัย นอกเสียจากว่า จะอยู่ในพื้นที่เดียวกับที่นายซานโตสพักอยู่ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่มีลักลอบขนยาเสพติดผ่านประเทศไทยมากที่สุด” ชายหนุ่มที่ได้แนะนำตัวว่าชื่อลูคัส เฮมมิงส์ อธิบาย ในฐานะที่เป็นตำรวจสากล

    “ผมว่าเธอชื่อ น้ำนะ” ศิขายกมือขึ้นแล้วบอก

    “น้าม?” ลูคัสทวนคำ ก่อนบอกตามรายงาน “แต่ชื่อในพาสปอร์ตของเธอ สะกดว่าแอนนา แก่นจัน

    “ผมถึงแปลกใจ ผมรู้จักเธอ แต่ไม่สนิทนัก เธออยู่ในหมู่บ้านที่ผมพักอยู่ ใครๆ ก็เรียกเธอว่าน้ำ เธอเพิ่งกลับมาจากอเมริกาได้เพียงหกเดือนเศษเท่านั้น” ศิขาบอกสิ่งที่เขารู้

    “ภาพนี้เป็นภาพที่เธอเพิ่งกลับมาพร้อมกับนายซานโตส จากแหล่งข่าวของเรา นายซานโตสจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ไม่เกินสองสามเดือนนี้แน่นอน” ลูคัสเข้าเรื่องอีกครั้ง

    “คุณแน่ใจเหรอว่า เธอเป็นพวกค้ายาด้วย” ศิขาถามให้แน่ใจอีกครั้ง

    “เรายังไม่แน่ใจเท่าไรนัก เพราะรายได้ที่แสดงมีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่มีเรื่องการทำผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่เราอยากรู้ก็คือ เธอส่งอะไรให้เขาที่สนามบิน อะไรอยู่ในผ้านั้น” ลูคัสชี้ผ้าสีขาวที่อรรณยื่นให้ซานโตส ต่างก็คาดหวังว่ามีอะไรในนั้น

    ศิขาพยักหน้าช้าๆ แล้วฟังต่อ

    “มีการคาดเดาว่า อาจเป็นสถานที่นัดพบ หรือมีของซ่อนอยู่ในนั้น เพราะทันทีที่ได้รับ ซานโตสเก็บไว้ในอกเสื้อด้านในทันที เป็นข้อสันนิษฐานที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เราก็เลยต้องสืบจากเธอ เพราะเห็นเธอเดินอยู่ที่สนามบินในสหรัฐกับเขาอยู่ห่างๆ ตลอดเวลา” ลูคัสนำภาพถ่ายมาให้ และยังไม่มีใครกล้าสรุปเรื่องนี้ นอกจากจะต้องหาหลักฐานให้มากกว่านี้

    จากนั้นก็มีการสรุปงานและหน้าที่ เพื่อดูให้ครอบคลุม และเริ่มสืบจากหลายอย่าง เพราะแหล่งข่าวกระจัดกระจายและพลิกผันตลอดเวลา

    “คุณอรัญศรีคีรี” เสียงเรียกศิขาจากด้านหลัง เมือเขาหันมาก็มองชาวต่างชาติผมสีเข้มอย่างปรหลาดใจ

    “มีอะไรเหรอครับ คุณบอนด์วิน” ศิขาทักทายเป็นภาษาสากล

    “คุณบอกว่ารู้จักเธอ คุณพอมีเวลาเลียบเคียงกับเธอก่อนผมกลับมาได้ไหมครับ คือผมต้องกลับไปจัดการอีกคดี ก่อนแล้วค่อยกลับมาดูเรื่องนี้อีกที คุณอยู่ในพื้นที่น่าจะสืบข่าวได้ไม่ยากหรอกนะครับ” ลูคัสยื่นมือออกไป เพื่อจับมือสำหรับความร่วมมือที่จะมีในอนาคต

    ศิขาก็จับมือด้วย เขามีหน้าที่ที่ต้องจัดการ และเห็นด้วย เมื่อเป็นความร่วมมือกับตำรวจสากล แต่เขาไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะเขาเคยสืบละเอียด แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ

    **********************************************


    เมื่อกลับมา เขารายงานข่าวกับผู้กำกับ เรื่องที่หลานสาวท่านเป็นผู้ที่ถูกสงสัย ว่าเป็นผู้ติดต่อกับเจ้าพ่อค้ายาชาวเม็กซิโก สีหน้าสุชาติดูจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องนั้น แต่เขาก็เป็นงานที่จะไม่ทำให้เกิดความเสียหาย

    “บอกตามตรง อั๊วไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่ลื้อก็สืบไปตามหน้าที่ อั๊วไม่คิดทำลายรูปคดี ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม” สุชาติบอกลูกน้องที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมที่กรุงเทพฯ

    “ครับ ท่าน” เขารู้จักผู้กำกับดีพอที่จะรู้ว่าท่านจะไม่ทำให้เสียรูปคดี

    “ลื้อให้เด็กเอาของนี่ไปให้ลูกสาวอั๊วหน่อยสิ อยู่ที่บ้านหนูน้ำนั่นแหละ หรือลื้ออยากจะเอาไปให้เอง เพราะจะได้สืบตามคดีด้วยก็ได้ แต่ท่าทางหนูน้ำนี่ไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้อง่ายๆ นะ เพราะคราวก่อนโดนลื้อจับไปทีแล้วนี่ ระวังหน่อย” สุชาติเตือนลูกน้องให้ระวัง ก่อนโบกมือไล่ออกไป

    ศิขามองถุงกระดาษสวยหรูที่ถือก็ขมวดคิ้ว ก่อนกลับไปสั่งงานลูกน้องที่สถานี แล้วควบรถจักรยานยนต์คันใหญ่ ตรงไปยังบ้านกลางพื้นที่นา แม้ยามเย็นดูสวยงาม แต่มีอย่างอื่นให้เขาประหลาดใจมากกว่า เขามองที่นาด้วยความประหลาดใจ เพราะเป็นนาแปลกๆ ที่ไม่มีต้นข้าว และมีคนงานกำลังตัดหญ้าที่คันนา

    “ป้าครับ นี่เป็นทางไปบ้านคุณอรรณ (อัน) ใช่ไหม” เขาถามคนงานที่คลุมหน้าตาหมด สวมผ้าถุงคลุมกางเกงขายาวเอาไว้ข้างนอก สวมถุงมือแปลกๆ และพยักหน้าให้เขา เขามองหนทางห่างบ้านก็ถามอีกครั้ง “อีกไกลไหมครับ”

    ป้าคนนั้นส่ายหน้า ก่อนชี้ไปทางเดิม ที่มองไม่เห็นบ้านคน เพราะมีแต่ต้นไม้ไปจนสุดสายตา

    ศิขาถอนหายใจ ก่อนจะคิดได้ว่าเขาอาจหลงทาง แต่มองป้าเก็บของก็เลยถามขึ้น “ผมตามป้าไปได้ไหมครับ”

    ป้าคนนั้นพยักหน้าช้าๆ แล้วเก็บข้าวของเดินไปเรื่อยๆ ก่อนตัดผ่านสวนแทนที่จะเดินไปตามถนนแทน

    “แล้วผมจะเอารถไปได้ไหม” ศิขาถาม เพราะเห็นแต่ต้นกล้วยอยู่เต็มไปหมด

    ป้าก็พยักหน้า เพราะหน้าดินไม่นิ่มมาก และสามารถนำรถที่มีน้ำหนักมาก จูงเดินตามไปได้ และเมื่อเขาทะลุสวนกล้วยมาได้สักสิบนาที ก็ถึงบ้านไม้หลังใหญ่ทรงไทยล้านนา แต่ถูกปรับแต่งให้ทันสมัยอยู่บ้าง

    ป้าคนเดิมเดินไปที่ศาลาที่มีคนนอนเล่นอยู่ ศิขาจำได้ว่าเป็นยายแจ่มจันทร์คนชราที่มีชื่อเสียงของย่านนี้ ก็ตรงเข้าไปไหว้ ก่อนมองป้าคนนั้นถอดหมวก ถอดเสื้อคลุมออก รวมทั้งกางเกงขายาวข้างในผ้าถุง และถุงเท้าที่เปื้อนโคลน ก็จำได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เขาไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไรหนัก

    “ไปยังไงมายังไงล่ะผู้กอง” แจ่มจันทร์ทักทายขึ้น เพราะดูเหมือนผู้กองกำลังจ้องหลานสาวคนโปรดอย่างไม่วางตา ยิ่งตอนที่หลานสาวล้างโคลนที่น่องขาวๆ ใต้ผ้าถุง

    “เอานี่มาให้คุณพิงค์ครับ” ศิขาได้สติก็ตอบ ก่อนยื่นถุงให้ “ท่านสุชาติให้เอามาให้ครับผม”

    “อ๋อ เดี๋ยวเงินไปเรียกน้องพิงค์มารับของจากผู้กองหน่อยสิ” แจ่มจันทร์บอก และมองผู้กองที่กำลังหันไปมองหลานสาวอีกอีกแล้ว อรรณกำลังคลายมวยผมที่รัดแน่นออก สะบัดผมไปมา แล้วก็สะบัดเสื้อผ้ากับกางเกง จึงเรียกสติผู้กองอีกรอบ “ผู้กองทานอะไรมาหรือยัง”

    “ทานแล้วครับ เอ้อ” ศิขามองสายตาของคนสูงวัยอย่างรู้สึกละอายนิดๆ ที่ละสายตาจากหลานสาวท่านไม่ได้ “คุณยายล่ะครับ ทานอะไรหรือยัง”

    “คนแก่ๆ ทานอะไรก็ไม่ค่อยอร่อยหรอก ผู้กอง ทานขนมสิ น้องพิงค์มาแล้ว พ่อฝากของมาให้เน้อ” แจ่มจันทร์บอกหลานสาว และมองหลานสาวมักมายผู้กอง

    “ขอบคุณค่ะ ผู้กอง ว่าแต่ทำไมวันนี้ไปพบคุณพ่อได้ล่ะคะ” นงลักษณ์ถามขณะเปิดดูของในถุง

    “พอดีผมไปธุระในเมือง ท่านเห็นเข้าก็เลยเรียกฝากมาครับ คุณพิงค์” ศิขาไม่บอกความจริงเรื่องที่เข้าไปรายงานจากที่ประชุม เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดเผยได้ เขามองหญิงสาวอีกคนเดินขึ้นเรือนไป นึกอย่างลังเลใจ เพราะดูสืบยาก

    “ถ้ามาเร็วกว่านี้ คงไม่เจอกันนะคะ คุณพ่อสบายดีไหมคะ ไม่มาเยี่ยมหลายวันแล้ว” นงลักษณ์ถามไปตามมารยาท

    “ท่านสบายดีครับ อืม แล้วนี่น้องๆ ไม่อยู่กันเหรอครับ” ศิขาถามไล่ไป เพราะถ้าถามถึงอรรณโดยตรงคงน่าสงสัย

    “ลมไปรับดอยที่มหาวิทยาลัย ส่วนน้ำมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องค่ะ เขาชอบทำงานช่วงนี้ หลังจากไปไร่ไปนากลับมา เห็นว่าตลาดหุ้นที่ไหนเปิดสักแห่งนี่แหละค่ะ รายนั้นเขาอยากจะตัดขาดจากการลงทุนแต่ทำไม่ได้” นงลักษณ์สนิทกับน้องๆ มากขึ้นหลังจากมาอยู่ได้สักสองอาทิตย์

    “การลงทุน?” ศิขาฟังแล้วทวนคำ

    “เห็นว่าเรียกง่ายๆ ก็คือเล่นหุ้นนั่นแหละค่ะ เขาเล่นหุ้นเป็นอาชีพ แต่เขามีฐานข้อมูลดี ลงทุนที่ไม่เสี่ยงมาก ช่วงไหนหุ้นตก เขาก็หยุด เขาจะรู้ของเขา ก็เลยไม่ค่อยขาดทุนเท่าไร” นงลักษณ์เล่าความตามที่รู้ เพราะตอนที่รู้เรื่องนี้ตอนแรกก็ตกใจอยู่ไม่น้อย

    “อ๋อครับ ท่าทางจะรายได้ดีนะครับ” ศิขาถามไปตามเรื่อง แต่ก็ตั้งใจเก็บข้อมูลอยู่พอสมควร

    “ก็คงดีค่ะ เพราะน้ำเขาออกค่าสร้างเรือนหอทั้งหมด เขาให้น้องเขาเปล่าๆ เห็นว่าจะเริ่มทำกันแล้ว รอสรุปแบบก่อนค่ะ” นงลักษณ์พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เพราะเธอพยายามคิดแบบนี้

    “งบคงไม่มากหรอกใช่ไหมครับ” ศิขาก็ถามไปตามเรื่อง

    แจ่มจันทร์ฟังอย่างจับสังเกตอยู่พักหนึ่ง ก่อนถามขึ้น “แหม ผู้กองวางแผนจะสร้างเรือนหอเหรอ ไม่รู้ว่าผู้หญิงบ้านไหนเป็นผู้โชคดีนะ”

    ศิขาแทบพ่นน้ำทิ้ง ก่อนส่ายหน้าละลำละลัก “เปล่าครับ คือผมก็ถามไปตามเรื่องครับ เพราะสมัยนี้ค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านสูงมาก ผมก็อยากฟังไว้เป็นประสบการณ์เท่านั้นล่ะครับ”

    “อ๋อ ก็คงเป็นล้าน แต่น้องน้ำบอกว่าเงินไม่ใช่ปัญหา เพราะก่อนกลับมานี่ เขาหาเงินไว้พอสมควร เรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหาหรอกจ๊ะ ผู้กอง” แจ่มจันทร์บอกแทนหลานสาว

    “งั้นผมขอตัวลาก่อนนะครับ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่” ศิขาเห็นท่าไม่ดีขอตัวลากลับ

    “ทำไมไม่อยู่ทานอาหารค่ำก่อนล่ะ นี่ก็เย็นมากแล้วนะ ผู้กอง” แจ่มจันทร์เป็นฝ่ายชวน

    “ผมเกรงใจครับ ไว้วันหลังก็แล้วกัน เพราะผมมีธุระต้องไปจัดการอีกครับ” ศิขาพยายามถอยออกมา ก่อนที่จะทำพิรุธอีก

    “วันหลังก็มาเยี่ยมยายบ้างนะ มาพูดมาคุยกับยายบ้าง คนแก่ก็อย่างนี้ ไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมเท่าไรหรอกจ๊ะ” แจ่มจันทร์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เพราะเข้าใจผิดคิดว่าผู้กองหนุ่มถามเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับหลานสาวคนโต คงเพราะพอใจ แล้วผู้กองหนุ่มก็เป็นคนดี เหมาะสมกับหลานสาวอยู่ไม่น้อย

    “ครับๆ” ศิขารีบรับคำ แล้วขอตัวอีกรอบ ก่อนลาทั้งลูกสาวเจ้านายแล้วก็เจ้าของบ้าน

    แจ่มจันทร์มองผู้กองหนุ่มแล้วยิ้มๆ ก่อนมองไปที่บ้าน แล้วกระหยิ่มนิดๆ แล้วพอสบตานงลักษณ์ก็ถามขึ้น “ผู้กองนี่เขามีคู่รักหรือยัง น้องพิงค์”

    “อุ๊ย หนูไม่รู้หรอกจ๊ะ อุ๊ย ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร แทบจะไม่เจอหน้ากันเลยจ๊ะ อุ๊ยแจ่ม” นงลักษณ์มองยายแจ่มจันทร์อย่างแปลกใจ แต่ก็พอเดาๆ ว่าท่าทางจะจับคู่ที่สองเสียแล้ว

    แจ่มจันทร์พยักหน้าช้าๆ ไม่ต้องออกจากบ้านก็ถามเอา หรือให้ขันเงินไปสืบก็ได้ ยังไงก็คงได้เรื่องบ้าง ถ้าผู้กองเป็นคนดีจริงอย่างชีพว่า เธอก็อยากฝากหลานสาวคนโปรดไว้ในมือคนดีๆ

    **********************************************


    วันนี้เด็กๆ ในบ้านแก่นจันมาทานอาหารนอกบ้านอย่างผ่อนคลาย ขณะที่ดอยก็ยังพกหนังสือออกมาอ่านเล่นเป็นปกติ แต่หน้าปกคงไม่มีใครคิดว่าเขาอ่านเล่นแน่นอน

    “ไม่เข้าใจว่าหนังสืออ่านเล่นของดอยนี่มันยังไง” นงลักษณ์มองหน้าปกหนังสือ

    “ก็อย่างนี้แหละ พี่พิงค์ ถ้าอ้ายดอยไม่อ่านหนังสือพวกนี้จะให้ไปทำอะไรล่ะ ออกกำลังกายก็ไม่ชอบ ออกแดดก็เหมือนพวกแวมไพร์ อย่างกับจะละลายไปซะเดี๋ยวนั้น อ๋อ มีออกไปดูดาวตอนดึกๆ บ้าง ก็เป็นอีกเรื่องที่อ้ายดอยชอบล่ะนะ” อภิรมย์อธิบายแล้วก็ตักกับกินแล้วก็ดื่มเรื่อยๆ ก่อนถาม “พี่น้ำไม่ดื่มเหรอ”

    “มากันสี่คน ถ้าดื่มหมดแล้วใครจะขับรถกลับบ้านล่ะ” อรรณปฏิเสธ ยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มและทานกับข้าวในจาน

    “อรรณนี่รูปร่างดีนะ พี่เห็นยังชอบเลย พวกผู้ชายก็คงชอบ แต่ไม่เห็นมีใครมาจีบเลยนะเนี่ย” นงลักษณ์ชมน้องสาว

    “พี่น้ำไม่ค่อยได้ออกไปล่ะ พี่พิงค์ ถ้าออกก็สวมชุดเต็มยศ ผู้ชายที่ไหนจะคิดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยแบบนี้ นึกว่าป้าที่ไหนเดินมามากกว่า เพราะไม่เห็นหน้าเห็นตา เห็นว่าคราวก่อนผู้กองเรียกป้าเลยนะ แต่พี่น้ำไม่ถือ กลับนึกว่าตลก” อภิรมย์เล่าความแล้วก็หัวเราะ

    “ตายแล้ว สวยๆ อย่างนี้เรียกป้า แล้วพี่จะเรียกว่าอะไรล่ะเนี่ย” นงลักษณ์ชมอย่างจริงใจ สังเกตอยู่เหมือนกันว่าน้องสาวคนนี้สวยผิดพี่ผิดน้อง แล้วท่าทางเฉยๆ ไม่สนใจใครนี่ก็ทำให้คนที่ไม่รู้จักคิดว่าหยิ่งได้อีก ทั้งที่ติดดินแล้วก็คอยช่วยเหลืองานการในไร่ ที่คนสมัยใหม่ไม่ค่อยอยากจะทำ

    “พี่พิงค์ก็สวยนะ ต้องบอกว่าอย่างลมต่างหาก ฮ่าๆๆ ผู้ชายเห็นเป็นเข็ดขยาด แต่สาวๆ เห็นก็เกรงใจ ใครกล้าว่าอะไรลม” อภิรมย์พูดอย่างอารมณ์ดี

    “แหม ลมก็หน้าตาโอเคนะพี่ว่า ถ้าไม่เลือกมากก็มีหนุ่มๆ มารอต่อคิว” นงลักษณ์ผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนกระทุ้งถาม “แล้วดอยล่ะ หน้าตาแท้ๆ นี่เป็นยังไง”

    อภิรมย์หันไปมองหน้าพี่ชายที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตาและผมยาวที่ปิดข้างแก้ม ก่อนส่ายหน้า “ลมก็ไม่เคยเห็นตอนที่อ้ายดอยมัดผมเรียบร้อยมาหลายปีแล้วล่ะ พี่พิงค์ คงต้องเดากันไปล่ะนะ”

    “เวลาไปมหาวิทยาลัยมัดผมยังไงล่ะ” นงลักษณ์ถามขึ้น แต่เธอลืมหนวดเครารกที่ปิดหน้าไว้

    “โห พี่ จะเห็นเหรอ หนวดเครานี่เคยตัดเคยโกนหรือเปล่าก็ไม่รู้อ่ะนะ อ้ายดอยๆ เมื่อไรจะโกนหนวดเครา มัดผมให้มันเรียบร้อยหน่อย”  อภิรมย์ถามขึ้น และกระทั้งพี่ชายแรงๆ

    ธราเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้วส่ายหน้า ก่อนจะตักกับแล้วอ่านหนังสือต่อไป ทำให้นงลักษณ์คิดหนัก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ไปมหาวิทยาลัย เธอก็แทบไม่เจอเขาเลย แล้วจะเอาอะไรไปศึกษาดูใจกัน

    “พี่พิงค์ต้องทำใจหน่อยนะ เนี่ยลมกับพี่น้ำยังไม่แน่ใจว่าอ้ายดอยจะทำลูกเป็นรึเปล่าเลย ไม่เคยเห็นพาผู้หญิงมา ตอนเรียนก็ไม่เคยกลับบ้านดึก ยิ่งตอนนี้นะ ลมไปส่งไปรับตลอด ไม่เคยจะเห็นสนใจผู้หญิงหรือผู้ชายสักคน ขึ้นครูไปแล้วยังก็ไม่รู้” อภิรมย์พูดอย่างสนุกปาก เพราะรู้ว่าพี่ชายก็ไม่สนใจ เลยถูกพี่สาวตีเข้าให้

    “ฟังพูดเข้า พี่พิงค์ก็หมดกำลังใจพอดี ทีนี้พี่พิงค์คงคิดว่าขึ้นคานดีกว่าจะแต่งงานกับดอยล่ะนะ” อรรณดุน้องสาวอย่างไม่จริงจังนัก แล้วก็หัวเราะกันตามธรรมดา แต่พอมองหน้านงลักษณ์ก็เห็นก้มหน้าลง จึงถาม “พี่พิงค์เป็นอะไร”

    “พี่ไม่อยากขึ้นคานล่ะ น้ำ ฮือๆ” นงลักษณ์ก็เผลอร้องไห้ออกมา และระบายความอึดอัด “แต่งงานกับดอยยังดีกว่าขึ้นคานนะ น้ำ แค่คิดว่าต้องอยู่คนเดียวไปจนตาย พี่ก็อยากจะโดดลงจากคานเดี๋ยวนั้นเลย พี่อายุสามสิบแล้วนะ ลองคิดดูสิ ครูที่อายุรุ่นเดียวกันหรือว่าแก่กว่าก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว พอมาจีบก็เหลือตำแหน่งเมียน้อยเท่านั้น เขาก็ไม่กล้ามาจีบ กลัวจะโดนพ่อพี่ยิงตาย ที่บังอาจมาเสนอตำแหน่งเมียน้อยให้ พี่ก็กลุ้มใจ เพราะพี่ไม่อยากขึ้นคานแล้วก็ไม่อยากเป็นเมียน้อย” นงลักษณ์พูดจบก็กระดกดื่ม

    อภิรมย์กับอรรณมองหน้ากัน แล้วช่วยกันลูบหลังปลอบ ก่อนมองหน้าธราที่เงยหน้าขึ้นมองพี่สาวร้องไห้ แล้วถามขึ้น “พี่พิงค์ร้องไห้ทำไม”

    “อ้ายดอยนี่ไม่เข้าใจผู้หญิง ฟังที่คนเขาคุยกันบ้างไหม” อภิรมย์ทำหน้าขัดใจ ที่พี่ชายไม่ได้เข้าใจอะไรเลย

    ธราขมวดคิ้วไม่เข้าใจอยู่นั่นแหละ จนอรรณส่ายหน้า เพราะเธอนั่งฝั่งเดียวกับนงลักษณ์ ก่อนอธิบายให้น้องชายฟัง “พี่พิงค์เขาว่าแต่งงานกับดอยยังดีกว่าขึ้นคานหรือว่าเป็นเมียน้อยใครเขา”

    “อ๋อ ได้สิพี่ ยังไงอุ๊ยกับพ่อพี่ก็อยากให้เราแต่งงานกัน ผมยังไงก็ได้” ธราพุดอย่างไม่คิดมากแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ ทำเอาคนสามคนถอนหายใจยาว ที่เขาไม่สนใจอะไรนัก

    “อีกเรื่องสิ อ้ายดอย ตกลง อ้ายดอยทำลูกได้ใช่ไหม” อภิรมย์ทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ย

    “ไอ้บ้าลม! ของแบบนี้มันเรื่องธรรมชาติ ก็ต้องทำได้เองล่ะ” ธราพูดแต่ไม่กล้าบอกมากกว่านี้ เพราะเกรงใจพี่ๆ

    “ก็แบบว่ามีแต่คนสงสัยนี่นา อ้ายต้องรู้นะ ชีวิตคู่เนี่ย เรื่องแบบนี้มันต้องมีบ้าง จะมาห่างๆ กันหรือไม่มีไม่ได้นะ เดี๋ยวเขาจะเรียกเสพบ่มีสม เหมือนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไง ฮ่าๆๆ” อภิรมย์หัวเราะอารมณ์ดี โดยไม่ได้สังเกตว่านงลักษณ์ดูจะเงียบไป

     อรรณเห็นนงลักษณ์เงียบไปก็ถาม “พี่พิงค์มีอะไรหนักใจหรือเปล่า”

    เสียงถอนหายใจแทนคำตอบ ก่อนตอบคำถามอย่างใจเย็น “พี่น่ะ ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้วนะ เข้าใจใช่ไหม”

    อภิรมย์กับอรรณมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนอภิรมย์เป็นคนพูดขึ้น “พี่พิงค์ยุคนี้แล้ว ไม่มีใครคาดหวังจะได้สาวบริสุทธิ์มาครองหรอกพี่ อายุเกินสิบแปดก็เป็นกินแล้ว เรื่องปกติธรรมดามาก พี่ อย่าไปคิดมากเลย ดีเสียอีก อ้ายดอยได้คนมีประสบการณ์จะได้ไม่ติดขัดตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม”

    “ไอ้ลมทะลึ่ง!” ธราเงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหน้าใส่น้องสาว

    “ก็มันจริงนี่” อภิรมย์มีเหรอจะกลัวพี่ชาย ก็ล้อเลียนกันไป

    “เฮ้อ พี่พิงค์อย่าคิดมากเลย ผมยังไม่คิดมากเรื่องเป็นหนุ่มบริสุทธิ์ ผมคิดแต่ว่าอยากจะมีอะไรกับคนที่ใช่มากกว่า ใครจะคิดยังไงก็อย่าไปคิดมาก พี่น้ำบอกว่าสิ่งสำคัญต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใคร กำลังทำอะไรอยู่มากกว่า แต่ที่ผมหนักใจที่สุดคือ ผมกลัวว่าพี่จะเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับผม ผมไม่อยากแต่งๆ แล้วก็เลิกๆ ผมก็ไม่เอา ปัญหามาก ผมกับลมก็เป็นตัวปัญหา ถึงถูกพ่อแม่ทิ้งไว้กลางตลาดไงพี่” ธราพูดยาวๆ ขึ้นมา เพราะเห็นนงลักษณ์เอาแต่กังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

    “อย่าไปคิดอย่างนั้น ยังไงสังขารร่างกายที่เราใช้อยู่ทุกวัน พ่อแม่ก็ให้มา เขาจะทิ้งจะขว้างก็บาปของเขา ตัวเราอย่าได้ทำผิดอย่างเขา อย่าได้คิดผิดอย่างเขาก็พอ” อรรณปลอบแล้วก็เตือนน้องชายไปด้วยกัน

    สามพี่น้องที่กำพร้าพ่อแม่ ต่างก็ช่วยเหลือดูแลกันมานาน แล้วคิดถึงฐานะตัวเองอยู่เสมอ เพราะผู้ใหญ่ก็ไม่มีการหลอกลวง และเล่าความจริงให้ฟังเรื่องการพบกันครั้งแรกของแต่ละคน

    “พี่ขอโทษที่คิดว่าปัญหาของพี่มีมาก บางครั้งพี่ก็ลืมคิดไปว่าปัญหาของคนอื่นมีมากกว่าตัวเองหลายเท่า” นงลักษณ์ถอนหายใจ

    “พี่จะคิดมากเรื่องชีวิตพี่ก็ไม่แปลกหรอกนะ เพราะการจะฝากชีวิตไว้กับอ้ายดอย มันต้องคิดมากเป็นธรรมดา ตกลงนี่พี่ตัดสินใจแล้วเหรอ” อภิรมย์ถามอย่างเมาๆ

    “อย่าไปกดดันพี่พิงค์ ทิ้งระยะ แล้วคิดให้นานๆ ก็ได้พี่ ยังไงดอยก็คงยังไม่มีสาวไหนมาวุ่นวายหรอกพี่ ของตายแน่ๆ” อรรณก็พูดหยอกน้องชาย แล้วก็หัวเราะ เมื่อน้องชายพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ

    นงลักษณ์สบายใจได้มากขึ้น เพราะรู้ว่าอยู่กับกลุ่มคนที่ไว้ใจได้ เธอจึงดื่มกินพูดคุยได้เรื่อยๆ และสบายใจกว่าอยู่ที่บ้าน เพราะไม่อยากต้องอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อแม่ ขณะที่พี่ชายหนีไปทำงานอยู่เมืองหลวง

    ชีวิตทุกคนมีทางเลือก...แม้ถึงทางตัน แต่สำหรับคนที่มองไม่เห็นทางออกอย่างนงลักษณ์...มีแต่จะกดดันตนเอง

    **********************************************


    ชีวิตในสวนแห่งนี้มีแต่ความสงบ ไร้ความสับสนวุ่นวาย ทำให้คนที่เคยอยู่กับความสับสนต้องปรับตัวครั้งใหญ่ แต่เธอก็ค้นหาความสงบลงได้ ในมือถือเถาปิ่นโต สวมเสื้อผ้าที่ไม่แสดงความสวยงามของหญิงสาว แต่ใจสงบอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเดินอยู่ในหนทางแสนสงบ

    เธอเห็นกล้วยน้ำว้าใหญ่สุกได้ที่อยู่ที่รั้วตั้งแต่เมื่อวาน จึงตั้งใจจะตัดเอากลับบ้าน เพราะมีรอยที่นกจิกกินบ้างแล้ว แสดงว่าสุกงอมเต็มที่ เธอมองหาไม้ค้ำ ก่อนฟันต้นกล้วยทีละนิด จนต้นโค่น ค่อยตัดกล้วย แล้วนำไปวางบนรถเข็น มองดูเหลืออยู่สามหวีเต็มๆ กับเศษหวีอีกเล็กน้อย

    เธอเดินมองไปทั่วขณะเดียวกันก็มองหาอย่างอื่นไปด้วย ก่อนจะเดินไปถึงริมน้ำ มองยายแก้วกำลังตกปลาไปให้หลานๆ เพราะเมื่อมาที่นี่ หากต้องการอะไรต้องจับเองหรือเก็บเอง และจะต้องไม่เก็บหรือจับอะไรเกินตัว เพราะจะกลายเป็นหาประโยชน์ส่วนตน มากกว่าจะพยายามเอาชีวิตรอด

    ยายแจ่มจันทร์เป็นคนใจบุญก็จริง แต่ไม่นิยมทำให้คนขี้เกียจไม่ยอมทำมาหากิน มาเกาะหาของกินอย่างเห็นแก่ตัว และมักยึดคติ เมื่อเห็นคนกำลังจะหิว แทนที่จะยื่นให้กิน ก็สอนให้รู้จักหาของกินแทน เพราะใครจะช่วยได้ตลอดชีวิตคนคนนั้นได้บ้าง

    “ยายแก้ว มาให้น้องช่วยเน้อเจ้า” อรรณปักมีดที่พื้นดิน ก่อนหยิบสวิงไปช่วยจับปลา

    “ขอบใจมากๆ เน้อ น้องน้ำ” ยายแก้วรีบขอบใจ ด้วยวัยเจ็ดสิบกว่า ต้องมาขอปลาไปให้หลานกิน ลูกก็ไม่มาดูแล ส่งมาแต่หลานให้พร้อมเงินอีกเล็กน้อย หากก็ไม่พอจะเลี้ยงหลานที่เข้าวัยเรียนทั้งสองคน

    อรรณตกปลาได้ก็เอาไปใส่ถุงแล้วก็น้ำให้แกไปทำกิน และลงบัญชีให้เรียบร้อย ทั้งยังไม่ลืมแบ่งกล้วยสุกให้หลานแกด้วย ยายแก้วพูดขอบใจยกใหญ่ ก่อนกลับ

    เมื่อเสร็จธุระแล้ว เธอก็เดินย้อนกลับไปเอามีดที่ปักดินไว้ แต่เพราะความไม่ระวังจึงหกล้ม ขาไปโดนคมมีดเข้า บาดเฉี่ยวไปเป็นแผลเลือดออก

    “ตายแล้ว! น้องน้ำ เลือดออกเยอะเลยเน้อ ใครอยู่แถวนี้บ้าง มาช่วยกันพาน้องน้ำไปโรงพยาบาลที” ขันเงินที่แวะมาตรวจบัญชีเห็นหลานสาวนั่งกุมเลือดที่ออกอยู่ก็รีบตะโกน

    เสียงรถจักรยานยนต์ดังลั่น เพราะมีรถสายตรวจเข้าออกที่อยู่ตลอดเวลา เป็นพื้นที่ที่สามารถตัดผ่านเข้าหมู่บ้านได้ เพียงแต่คนทั่วไปไม่ค่อยกล้าใช้ แต่ตำรวจได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ

    “เกิดอะไรขึ้นครับ” ศิขาลงจากรถถามถึงเหตุการณ์

    “พาน้องน้ำไปหาหมอหน่อยเถอะเจ้า ผู้กอง เดี๋ยวเลือดออกตายกันพอดี” ขันเงินลืมตัวพูดไปตามที่คิด

    “คุณซ้อนท้ายไหวไหม” ศิขาถามขึ้น แล้วมองเธอพยักหน้า ก่อนช่วยพยุงไปซ้อนท้าย แล้วบอกผู้ใหญ่อีกที “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

    “ขอบคุณมากเจ้า ผู้กอง” ขันเงินมองตามหลานสาว แล้วถอนหายใจยาว

    อรรณพยายามเกาะรถจักรยานยนต์คันโตสุดชีวิต  เพราะคนขี่ก็ขี่เร็วด้วยความรีบร้อนกลัวจะเสียเลือดมาก และคงเพราะเธอหลั่งสารอะดีนารีนเยอะ จึงไม่สลบไปเสียก่อน เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว เธอก็ถูกพาไปห้ามเลือด แล้วรอเย็บแผลอยู่นานพอสมควร

    ที่นี่เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ บุคลากรน้อยต้องใช้เวลารอนานมาก แล้วคนไข้ก็มาก

    “ขอโทษนะที่ไม่พาคุณเข้าเมือง เพราะเลือดคุณไหลเยอะมาก โดนเย็บไปกี่เข็มล่ะ” ศิขาถามขึ้น เพราะเธอไม่พูดอะไรกับเขาเลยตลอดที่เขายืนอยู่ตรงนั้น

    “แปดเข็ม จริงๆ คุณกลับไปก่อนก็ได้นะ เพราะว่าฉันคงอยู่อีกพัก ยังไงเดี๋ยวฉันให้พยาบาลโทรหาที่บ้านก็ได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ ขอบคุณที่มีน้ำใจมาส่งนะคะ” อรรณบอกเขาแล้วเริ่มง่วง เพราะฤทธิ์ยา

    “ไม่ต้องหรอก ผมพาคุณมาก็ต้องพาคุณกลับ นี่ก็แค่รอยาแล้วก็จ่ายค่ารักษา อีกอย่างคุณไม่มีกระเป๋าเงินติดตัวมาเลยไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้เรื่องเล็กน่า” ศิขาบอกปัด เพราะเขาก็โทรไปสั่งงานลูกน้องแล้ว

    อรรณกำลังจะปฏิเสธ แต่มีคนอื่นเข้ามาทักแทน

    “น้ำ ไงสาวน้อย ไม่ใช่สิ โตขึ้นมากเลยนะ อ้าวไง ผู้กอง สวัสดีครับ มาตรวจเหรอครับ” หมอวัยกลางคนเข้ามาทักทาย

    “เปล่าครับ พี่หมอ ผมพาคุณน้ำมาทำแผล พอดีเธอสะดุดมีด ก็เลยได้แผลที่ขานะครับ” ศิขายิ้มทักทายอย่างยินดี

    “อืม ผู้กองศิ ว่าจะไปหาอยู่พอดีเลย พี่เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯล่ะนะ พี่กับแฟนจะแต่งงานกันน่ะ แหม มาพูดเรื่องแต่งงานตอนแก่นี่ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้นะเนี่ย” อดุลย์ยิ้มเขินๆ

    “อ๋อ จะแจกการ์ดเหรอครับ แหม ถ้าไม่เชิญล่ะก็ผมโกรธตาย ว่าแต่แฟนคนที่คบกันได้ปีกว่าน่ะเหรอครับ” ศิขาถามไปตามเรื่อง รู้แต่ว่าแฟนเพื่อนรุ่นพี่คนนี้อยู่กรุงเทพฯ เลยไม่เคยพบหน้า

    “ใช่แล้ว เอ้อ น้ำ พี่จะเอาการ์ดไปให้ยายที่บ้านนะ อืม แผลคงไม่มีปัญหานะ” อดุลย์ถามตามปกติ

    “ค่ะ คิดว่าคงเหลือแผลเป็นนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” อรรณตอบแล้วยิ้มให้

    “พี่ตุลย์คะ เมื่อเช้าออกมา พี่ลืมกุญแจน่ะค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมยาวเดินเข้ามาแล้วส่งกุญแจให้ แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่กับคู่หมั้นก็ตกใจทำกุญแจลงพื้น

    ศิขาก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่าคู่หมั้นของพี่หมอจะเป็นแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกไปเมื่อหกเดือนก่อนนั่นเอง แต่ดูเหมือนหมออดุลย์จะไม่รู้เรื่องเบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย

    “ซุ่มซ่ามจริงๆ เลยนะ อ้วน” อดุลย์พูดล้อคู่หมั้น ก่อนแนะนำให้รู้จักกัน “นี่ผู้กองศิ นี่โบว์ คู่หมั้นพี่ ที่พี่ว่าจะพามาแนะนำ แต่ก็ไม่ได้พามาสักทีไง ผู้กองศินี่นะ ก็เพื่อนรุ่นน้องที่นี่แหละ พากันไปทานข้าวประจำ ก็เลยสนิทกัน”

    ศิขากับโบว์ต่างก็มองหน้ากันนิ่งนาน จนอรรณรู้สึกอึดอัด จึงพูดขึ้น “ยินดีด้วยนะคะ พี่ตุลย์ ขอตัวก่อนดีกว่า ยังไงก็จะไปร่วมงานแน่นอน พี่ศิคะ ช่วยพาไปจ่ายเงินหน่อยสิ เดินลำบากจริงๆ”

    ศิขาหันไปมองคนที่กระตุกชายเสื้อ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนช่วยพยุง

    “ไว้พี่จะไปเยี่ยมน้ำกับยายแจ่มที่บ้านนะ จะพาโบว์เขาไปแจกการ์ดไง” อดุลย์เห็นสาวน้อยที่ตอนนี้เติบโตและสวยสมวัย ก็ดีใจ เพราะเมื่อก่อนสนิทกันมาก แต่ไม่เจอหน้ากันนาน ทำให้รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก ถึงจะอยู่ในชุดชาวไร่ชาวนา แต่ก็ไม่อาจแอบซ่อนความสวยได้เลย

    “ค่ะ” อรรณเพียงรับคำและบอกลา ก่อนมองศิขาที่มำท่าทางครุ่นคิดหนัก “ผู้กอง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า รู้จักกับคุณโบว์เหรอคะ”

    ศิขาขมวดคิ้วมองคนถาม แล้วส่ายหน้า “ช่างมันเถอะ คุณที่ดูตัวบางๆ แต่แค่พยุงก็หนักแล้วนะ”

    “เรื่องของฉัน” อรรณชักไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าเป็นเรื่องวุ่นวาย

    เขาจัดการจ่ายค่ารักษาให้เธอเสร็จ มองเธอกลับไปฉีดยากันบาดทะยัก จากนั้นก็พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาขอแวะไปเช็คงาน แล้วจะได้เอารถยนต์ไปส่งเธอที่บ้าน เพราะท่าทางเธอเพลียๆ ไม่อยากให้นั่งซ้อนท้ายนานกว่านี้ และสถานีตำรวจก็อยู่ไม่ไกลนัก เธอจึงยอมตามนั้น

    **********************************************

    สวัสดีค่ะ
    ศุกร์นี้เปื่อยมากค่ะ ไม่สบายอย่างแรงโทษฐานเป็นผู้หญิงค่ะ 555+
    วันนี้ก็ได้ออกไปเที่ยวกับพี่ๆ อีก 3 ท่าน กินแล้วก็คุยๆ กันค่ะ
    ตั้งแต่ประมาณ 12.00-17.00 น.ค่ะ หุหุ กว่าจะกลับมาโพสต์นิยายได้ อิอิ
    พานายโจรป่ากับนางสาวแห้วมาให้แล้วนะคะ
    ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
    --------------------------------------------------------
    ***เปิดสั่งจองหนังสือ 4 เรื่องค่ะ*** (สั่งที่ koseybz@live.com)
    1. ด้วยหัวใจพันรัก เล่ม 1 - 2 (KSNB0001, KSNB0002)เล่มละ 300 บาท ลดเหลือ 250 บาท/เล่ม รวม 500 บาท
    2. เราสามคน...หนทางเดียว (KSNB0003) เล่มละ 400 บาท ลดเหลือ 350 บาท
    3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (KSNB0004) เล่มละ 400 บาท ลดเหลือ 350 บาท
    ชุดนี้สั่งจองและโอนเงิน ภายในวันที่ 30 กันยายน 2555
    ****ไม่ต้องสั่งทั้งชุดก็ได้ค่ะ เลือกเอานะคะ
    --------------------------------------------------------
    4.แผนร้ายในทางรัก (KSNB0005) เล่มละ 375 บาท ประมาณ 360 หน้าค่ะ
    จองและโอนเงินตอนนี้ถึง 31 ตุลาคม 2555 นะคะ
    --------------------------------------------------------
    ทำไมต้องแยกกัน เพราะต้นฉบับเรื่องที่ 1 - 3 ใกล้เสร็จแล้วค่ะ
    เมื่อรวบรวมยอดแล้วจะไปสั่งทำวันที่ 1 ตุลา 55 และน่าจะได้รับภายใน 7 วันค่ะ
    ส่วนเรื่องที่ 4 จะจัดการต้นฉบับให้เสร็จพร้อมพิมพ์วันที่ 1 พ.ย. 55 ค่ะ
    และรวบรวมยอดพร้อมส่งภายใน 7 วันค่ะ
    --------------------------------------------------------
    การจัดส่ง
    ***มีแบบพัสดุธรรมดากับ EMS นะคะ ขอให้เลือกมาเลยค่ะ
    ***ใครต้องการให้ส่งทั้ง 4 เรื่องพร้อมกันกรุณาแจ้งด้วยนะคะ
    แต่ยังไงขอโอนเงินพร้อมกันนะคะ เนื่องจาก 1-3 เรื่องแรกจะสั่งทำต้นเดือน ก.ย. เลยค่ะ
    --------------------------------------------------------
    >,< เนื่องจากเคยถามในเฟสบุ๊คไปแล้วค่ะ
    ไม่ทราบมีใครอยากจะนัดเมาท์ระบายอารมณ์กับแม่นักเขียนคนนี้ไหมคะ
    จะนัดกันวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลานะคะ 11.00 - 17.00 น.
    ไม่มีเลี้ยง ควักกระเป๋ากันเองค่ะ 555+ แล้วมารับของที่ระลึกได้เมื่อเราเจอกันนะคะ
    ตอนแรกคุยกับพี่คนนึงไว้ว่า น่าจะดี ถ้าเราต่างก็ห่อข้าวกับของกินมากันเอง
    ปูเสื่อกินกันเมาท์กัน เพลิงวารีจะจัดน้ำแข็งกับเครื่องดื่มมาให้ค่า
    ตอนนั้น มอง "สวนจตุจักร" เอาไว้ค่ะ เพราะการเดินทางสะดวกดีค่ะ
    พี่เขาบอกว่าถ้าฝนไม่ตกก็สนุกอยู่ค่ะ แต่ถ้าฝนตกคนน้อยค่อยย้ายเข้าห้างกันไปค่ะ
    แต่ถ้าใครที่อยากไปและมีไอเดียมากกว่านี้เสนอได้นะคะ อิอิ
    ***ใครที่สั่งหนังสือเรื่องที่ 1 - 3 โปรดแจ้งด้วยนะคะ
    มารับหนังสือจากมือได้เลยค่ะ (คิดว่าร้านคงทำเสร็จทันค่ะ)
    แต่เรื่องที่ 4 ยังไงก็ต้องแจ้งวิธีการส่งอยู่ดีนะคะ***
    --------------------------------------------------------
    www.facebook.com/plerngwaree
    www.facebook.com/koseybz
    --------------------------------------------------------

    Sirinda
    คุณ konhin --- ตรงเป็นไม้บรรทัดค่ะ นิสัยบ้านๆ ซื่อตรงค่ะ
    คุณ oolong --- >,< มาช้าแต่ก็มาค่ะ
    คุณ Pat --- 555+ แต่ไม่รู้จะคอมมาดี้ไปถึงเมื่อไรนะคะ อิอิ
    คุณ ตุ๊งแช่ --- 555+เซ็นแน่นอนค่ะ คนหนึ่งกลัวโสด อีกคนอะไรก็ได้ค่ะ
    คุณ saralun --- ขอบคุณค่า ^^
    คุณ ใบบัวน่ารัก --- ไม่ได้ลองคบกันก่อนหรอกค่ะ เรียกว่าทดลองดึงความสนใจมากกว่าค่า อิอิ
    คุณ หนอนฮับ --- 555+ตรงเสียจนของขึ้นความดันกระฉูดเลยค่า
    คุณ sai --- ขอบคุณค่า อิอิ
    คุณ anOO --- 555+ หึงกันตั้งแต่ยังไม่ทันได้แต่งงานกันด้วยค่ะ
    คุณ nateetip --- ขอบคุณค่า ^^

    jj-book
    คุณ นอนดูดาว --- หมดตัวแน่ค่ะงานนี้ อิอิ
    คุณ chakansi --- กินข้าวฟรีเหมือนเดิมค่า

    dek-d
    คุณ เพียว=บริสุทธ์ --- เล่นหุ้นด้วยลงทุนด้วยค่ะ อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×