ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อภินิหารแห่งเอลมอร์

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๓ สุสานสักการะชน ผู้รักแผ่นดิน (The Cemeterry Of Oblige People )

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 48


    ขออุทิศเรื่องนี้ ให้กับ Marry J. Donnahiew เพื่อนที่แสนดี ซึ่งตอนนี้ นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบ

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    The Miracle in Elmore

    อภินิหารแห่งเอลมอร์

    Chapter 3 : The Cemeterry Of Oblige People

    บทที่ ๓ : สุสานสักการะชน ผู้รักแผ่นดิน



    ก่อนรุ่งสางเพียงเล็กน้อย เกเบียลลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ แล้วมองไปรอบๆตัว

    กลับพบว่าบริเวณที่ตัวเองยืนไกลจากหัวโค้งจุดหมายนั้นมากขึ้น เกเบียลจึงสะกิดโรวินให้ตื่น

    โรวินลุกขึ้นอย่างช้าๆ มองเกเบียลด้วยสายตาเป็นนัยว่า ปลุกข้ามาทำไม



    \"เจ้ารู้สึกว่าหัวโค้งนั่น ไกลออกไปรึเปล่า? โรวิน\" เกเบียลทอดสายตา ให้ไกลออกไป



    ก่อนที่โรวินจะตอบอะไรเกเบียล ก็มีลมพัดรุนแรงพร้อมเสียงหวีดหวิว ต้นไม้ใบหญ้าเสียดสีไปมา

    จนมีเสียงคล้ายกองทัพใหญ่กำลงเดินเข้ามาก็มิปาน



    \"รีบไป\" เกเบียลไม่รอฟังเสียงตอบรับจากโรวิน นอกเสียจากนางจะจูงมือลากโรวินให้ไปจากบริเวณนั้นเร็วที่สุด



    เกเบียลกะระยะทางด้วยสายตาอยู่ครู่หนึ่ง \"เร่งหน่อยโรวิน อีกสิบก้าวเราก็ถึงโค้งแล้ว\"



    เกเบียลปล่อยมือจากโรวิน วิ่งนำหน้าไปถึงหัวโค้งก่อน และเมื่อถึงโค้งเกเบียลต้องตาค้าง

    ตัวแข็งทื่อ เนื่องจากกำลังไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น



    \"เกเบียล เกิดอะไรขึ้น\" โรวินตามมาถึงบริเวณที่เกเบียลยืนอยู่ โรวินต้องเบิกตาโพลงมากกว่าเกเบียลอีก

    เพราะสิ่งที่สองคนเห็นคือ แผ่นดินสีเทาที่แตกระแหง ต้นไม้ผลัดใบหลายต้น ลำต้นดูบิดเบี้ยวไม่สมประกอบ

    ละอองฝุ่นลมสีดำพัดปลิวไปมา เสียงหวีดหวิวของลม ที่ลอดผ่านโพลงต้นไม้



    \"นี่หรือ คือทุ่งประกายเพลิง?\" โรวินมองออกไปสุดลูกหูลูกตา

    ยังไม่เห็นบริเวณใดที่มีสีสดใส หรือสีที่มองแล้วสบายตาเลยสักแห่งเดียว



    \"ไม่ใช่\" เกเบียลส่ายหน้า \"แล้วมันคือที่ไหนล่ะ\" โรวินสวนถามเกเบียล



    \"ไม่รู้\" เกเบียลมองออกไปไกล และทำท่าจะก้าวลงไปยังพื้นที่ ที่แตกระแหงนั้น แต่โณวินดึงผ้าคลุมเกเบียลไว้ก่อน



    \"ดูนั่น!\" โรวินชี้ไปยังด้านหลัง บริเวณที่ที่สองคนพักผ่อนเมื่อคืน สภาพด้านหลังกลางเป็นพงหญ้าที่รกร้าง

    มีแอ่งน้ำสีเขียวเข้ม ลักษณะคล้ายเมือกไหลไปมา ที่เดือดกันอย่างหรรษา

    ดูไม่น่าจะเป็นที่ที่สามารถใช้หลับนอนได้ \"ข้าไม่อยากจะเชื่อ\" โรวินพูดออกมา \"ไม่เชื่อเจ้าก็ต้องเชื่อ\" เกเบียลก้าวลงไปยัง

    แผ่นดินที่แตกระแหง และทันทีที่เท้าสัมผัสกับดินนั้น ก็ส่งเสียงกรอบแกรบ เหมือนเหยียบอะไรบางอย่างจนแตกหัก



    \"เกเบียล...\" โรวินตะโกนเรียก พร้อมวิ่งเข้าไปหาเกเบียล



    ลมพัดเอื่อยๆ ผมาทองของเกเบียล สยายไปมาตามแรงลม \"สุสาน...\" ภาพที่ทั้งสองเห็นคือ ป้ายสุสาน

    แต่ไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่ง สอง หรือสาม แต่มีเป็นร้อยๆ ไกลออกไปจนสุดลูกหูลูกตา



    โรวินค้อมตัวลงมา ปัดฝุ่นทรายสีดำ บริเวณป้ายสุสานด้านหน้าตนเอง



    \"หน่วยทหารปฏิวัติสายัญ หมายเลข ศูนย์ สี่ สอง\" โรวินอ่านตามป้ายนั้นเบาๆ



    \"ที่นี่คือ สุสานทหารปฏิวัติ ที่จะมาล้มล้างกองกำลังลอห์ดรุ่งอรุณนี่\" เกเบียลมองกวาดสายตา



    \"ลอห์ดรุ่งอรุณผู้ชั่วร้าย..เจ้าประกาศศักดิ์ดาว่าตนเองเป็นมนุษย์ ที่มีเกียรติสูงศักดิ์\"



    \"แต่กลับเข่นข้าล้างเผ่าพันธุ์ อื่นๆ โดยไม่ปราณี\" เกเบียลกำมือ ที่บ่งบอกถึงเรื่องราวความแค้นอันรุนแรง

    ที่รุนแรงเกินที่มนุษย์ธรรมดา อย่างโรวิน จะเข้าใจ



    โรวินผงะออกเล็กน้อย พร้อมกับหันมองดูรอบๆตัว ว่าตอนนี้เกเบียลอยู่ที่ไหน แต่กลับเห็นว่าเกเบียล เดินไปด้านหน้า

    ไกลจากบริเวณที่ตนเองยืนอยู่พอสมควรแล้วเหมือนกัน



    \"โรวิน !\" เกเบียลตะโกนเรียกโรวินเสียงหลง โรวินรีบวิ่งไปหาเกเบียล



    \"เกิดอะไรขึ้น?\" โรวินหันไปถามเกเบียล



    เกเบียลทำสีหน้าหวาดกลัวอะไรบางอย่าง \"เมื่อครู่ ข้าสาบานได้ว่า ข้าเห็นมือข้างหนึ่ง ยื่นออกมาจากหลุมศพตรงนี้\"



    \"ตรงนี้?\" โรวินทำหน้าไม่เชื่อเกเบียล แต่โรวินรู้ว่า คนอย่างเกเบียลไม่น่าจะมาล้อเล่นเวลาแบบนี้

    \"ตรงนี้น่ะหรือ?\" โรวินเอามือขุดบริเวณที่เกเบียลชี้ \"ไม่เห็นมีอะไรเลย... เอ๊ะ! \"



    โรวินสัมผัสได้กับอะไรบางอย่าง ที่แข็งๆเป็นปุ่มๆ มีลักษณะกลมๆ



    \"อะไรน่ะ? โรวิน\" เกเบียลถาม พร้อมนั่งลงข้างๆโรวิน



    สิ่งที่โรวินดึงขึ้นมานั่นคือ กำไลสีอิฐ ที่ดูโบราณเก่าแก่ ประดับด้วยพลอยหลากสี แต่ว่าพลอยแต่ละชนิดนั้น

    ดูสีขนหมองยิ่งนัก \"กำไล?\" โรวินทำหน้าฉงน



    \"เจ้าคนโลภ !\" เสียงลึกลับดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งสองคน เสียงนั้นฟังไม่ได้ศัพท์ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงหรือผู้ชาย



    ทั้งสองคน หันหน้าไปตามเสียงนั้น ก็พบผ้าคลุมสีดำที่ลอยกลางอากาศ ภายใต้ผ้าคลุมนั้น ก็มีเพียงแต่ความมืดมิดมองอะไรไม่เห็น



    \"ข้าคือวิแมร์ ผู้เฝ้าสุสานแห่งความมืดมนคนสุดท้าย\" เสียงลึกลับนั้น ดังขึ้นมาจากภาพใต้ผ้าคลุมอีกครั้ง



    \"นาน...นานมากเหลือเกิน ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตผ่านมาบริเวณนี้\" ผ้าคลุมลอยต่ำลง จนชายผ้าลากไปกับพื้นทรายสีดำ



    โรวินอ้าปากเหวอ ตาค้าง เกเบียลกุมไม้เท้าแน่นมือสั่น \"เจ้าต้องการอะไรจากข้า\" เกเบียลตะโกนถามผ้าคลุมนั้น



    \"นั้นคือประโยคที่ข้าควรจะพูดมากกว่ามั้ง\" ผ้าคลุมสบัดไปมา ราวกับว่านั่นเป็นการยักไหล่



    \"พวกเราเพียงแค่ต้องการเดินทางผ่านเท่านั้น\" โรวินตอบผ้าคลุมนั้น



    \"โกหก ! วิแมร์เกลียดคนโกหก ! คนโกหกทำให้ข้าต้องกลายเป็นแบบนี้\" ผ้าคลุมสบัดอย่างรุนแรง

    พัดเอาฝุ่นจำนวนหนึ่ง กระจายเข้าตาโรวิน



    \"ข้าถูกสาป โดยผู้เฝ้าสุสานรุ่นก่อนว่า ข้าต้องเป็นผู้พิทักษ์สุสานนี้ จนกระทั่งความจริงกับความลวงหลอมรวมกัน\"

    ผ้าหลุมลอยต่ำลง



    \"ปริศนา?\" เกเบียลถาม



    ใช่..ปริศนา..เจ้าไม่ต้องถามข้าหรอกนะว่า ข้าแก้ได้หรือเปล่า เพราะถ้าแก้ได้ ข้าคงไม่ปรากฏตัวแบบนี้ให้พวกเจ้าเห็น\"



    เกเบียลเรียบเรียงกระบวนความคิดในใจ และพอจะดูออกว่า ที่วิแมร์ไม่เชื่อในคำพูดของโรวิน เพราะกำไลอันนั้น

    \"กำไลนี่ข้าไม่ได้คิดจะขโมยแต่อย่างใด\" เกเบียลชี้ไปที่กำไลในมือของโรวิน



    \"จงกลับไปคืนที่เดิม\" ผ้าคุมสั่ง แล้วโรวินก็เดินเอากำไลนั้นไปวางหน้าหลุมศพ บริเวณที่โรวินขุดกำไลขึ้นมา



    \"ที่เดิม !\" ผ้าคลุมกำชับอีกหน จนโรวินต้องสะดุ้งโหยง รีบซุกกำไลลงในหลุมที่โรวินขุดกำไลขึ้นมา



    โรวินวิ่งมาหลบข้างหลังเกเบียล \"ถ้าเช่นนั้นในเมื่อไม่มีอะไรติดค้าง...พวกเราคงต้องรีบไปเพราะข้าคิดว่า

    อีกไกลกว่าจะถึงทุ่งประกายเพลิง\" โรวินกวักมือเรียกเกเบียล



    ผ้าคลุมยักไหล่อีกครั้ง



    \"เดินอีกสามวันเจ้าจะถึง\" ผ้าหลุมนั้นหันหน้าไปยังทิศเหนือ เหมือนกับว่า เป็นการบอกทางที่ทั้งสองคนต้องไป



    \"ขอบคุณท่านมาก งั้นก็คงต้องถึงเวลาที่พวกเราต้องไป\" โรวินหวาดๆกับผ้าคลุม จึงเดินนำหน้าไป



    \"ไป?...ตัวข้าไม่มีอะไรติดค้างก็จริง แต่พวกเพื่อนๆข้า คงไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ\"



    สิ้นคำพูดของผ้าคลุม เกิดเสียงระเบิดมากมายหลายครั้ง ฝุ่นทรายกระเด็นขึ้นมา เกเบียลวิ่งเข้าไปคว้างข้อมือโรวิน

    และทันที่ที่ฝุ่นทรายสีดำสงบลง ทั้งสองคนก็พบว่า ตัวเองกำลังยืนอยู่กลางซากศพนับร้อย ศพแต่ละศพ ถืออาวุธต่างกัน

    บ้างก็หน้าไม้ บ้างก็ดาบยาว กำลังก้าวเข้ามาเป็นวงล้อม หาเกเบียลและโรวิน



    \"นี่มันเกิดอะไรขึ้น !\" ทั้งสองคนดูหวาดวิตก ในสิ่งที่เกิดจนทำอะไรไม่ถูก



    \"เกเบียล...ตั้งสติสิลูก\" เสียงแม่ของเกเบียลดังขึ้นมาจากสร้อยที่เกบียลห้อยคอไว้



    \"แม่... ! แล้วจะให้หนูทำยังไง\" เกเบียลตะโกนออกมา โรวินก็ทำสีหน้าฉงน เหมือนเสียงที่ดังออกมาจากสร้อยคอนั้น

    เกเบียลได้ยินอยู่เพียงคนเดียว



    \"หยุด...\" เสียงของวิแมร์นั่นเอง ทั้งทีที่นางพูด ซากศพนับร้อยก็หยุดเคลื่อนไหว



    \"ข้าจะถามคำถามเจ้าหนึ่งข้อ ข้อละหนึ่งคน ถ้าเจ้าตอบได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป...\" วิแมร์ลอยตัวขึ้น เหนือซอมบี้ทหารปฏิวัติ



    \"แต่ถ้าเจ้าตอบผิด...ข้าจะฆ่าเจ้าซะ\" ดูเหมือนสถาณการณ์ตอนนี้ บีบบังคับให้เกเบียลและโรวินต้องตกลง



    \"ตกลง\" เกเบียลพยักหน้าวิแมร์



    \"เจ้าก่อน...ข้าถามเพียงครั้งเดียว จงตอบมาหนึ่งคำตอบ\" วิแมร์ชี้ไปทางโรวิน



    \"ชายคนหนึ่งต้องการเข้าไปนหมู่บ้าน แต่ระหว่างทางพบทางแยกสองทาง ขณะนั้นเองมีผู้หญิงแก่เดินมา

    พร้อมบอกว่าทางที่ถูกคือทางขวา ชายคนนั้นครุ่นคิดสักครู่ แต่ไม่ได้สนใจในคำพูด

    ชายคนนั้นจึงเดินเข้าไป ได้ประมาณสักครู่ พบชายแก่คนหนึ่ง ชายแก่บอกว่า

    ทางที่เดินเข้ามานั้นเป็นทางที่ผิด ข้าอยากรู้ว่า ทางไหนเป็นทางที่ถูกกันแน่ และใครเป็นคนที่พูดโกหก และใครเป็นคนที่พูดความจริง\"




    \"โรวิน....คำตอ..\" เกเบียลกำลังเฉลยให้โรวิน แต่วิแมร์ตะโกนขัดเสียก่อน \"ข้าไม่ได้ถามเจ้า อย่าตอบ\"



    \"เอ่อ....\" โรวินอ้ำๆอึ้งๆ



    \"ทางที่ถูกคือทางขวา คนที่พูดความจริงคือหญิงแก่และชายแก่ ไม่มีคนพูดโกหก\"โรวินตะโกนออกมาเนื่องจากมั่นใจในคำตอบ



    หญิงชราบอกทางขวาคือทางที่ถูก แต่ในคำถาม หลังจากที่ชายหนุ่มฟังทางจากหญิงชราแล้ว กลับเดินไปทางซ้ายซึ่งเป็นทางที่ผิด

    เมื่อไปเจอชายแก่ ชายก็กก็ต้องย่อมบอกว่า นี่คือทางที่ผิด จึงไม่มีใครโกหก



    เกเบียลพยักหน้าในคำตอบ ซึ่งดูเหมือนจะตรงตามที่คิดไว้



    \"เจ้ารอด...คนต่อไป...นางเอลฟ์ !\"



    \"เรดควีนมีลูกมากมาย...\"



    \"ฟิน่า เมซี่ กิมสัน\"



    \"ฟิน่า มีลูกสิบสี่คน\"



    \"เมซี่ มีลูกสามสิบเอ็ดคน\"



    \"กิมสัน ตายเหลือแต่คู่ครองของเธอ\"



    \"อยากรู้ว่า ครอบครัวเรดควีนมีทั้งหมดกี่คน ?\"



    เกเบียลนับเลขในสมอง พร้อมพูดกับตัวเองเบาๆ

    \"เรดควีน ฟิน่า เมซี กิมสัน สี่คนแล้ว ฟิน่ามีลูกสิบสี่คน สิบสี่รวมกับสี่ก็เป็นสิบแปด\"



    \"เมซี่มีลูก สามสิบเอ็ดคน สิบแปดรวมกับสามสิบเอ็ด เป็นสี่สิบเก้า เอ๊ะกิมสันตาย ลบหนึ่ง\"



    \"เป็นสี่สิบแปด...ใช่สี่สิบแปด คู่ครองตาย..\"



    \"งั้นแปลว่าฟิน่ากับเมซี่คู่ครองยังไม่ตาย งั้นต้องเพิ่มอีกสองคน\"



    \"รวมเป็นห้าสิบ\"



    \"ห้าสิบ\" เกเบียลตอบวิแมร์



    ข้าคงต้องฆ้าเจ้า เพราะคำตอบนั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูก\" วิแมร์ลอยตัวเข้าประชิดเกเบียล



    คำตอบที่ถูกคือสี่สิบแปด\" วิแมร์หัวเราะคิกคัก ชอบใจ



    \"เจ้าไม่นับคู่ครองของ ฟีน่า เมซี่หรือ\" เกเบียลชี้หน้าวิแมร์



    \"ไม่นับ เพราะทุกคนใช้คู่ครองคนเดียวกัน\" ความต้องการของวิแมร์คือ ให้เกเบียลเป็นผู้เฝ้าสุสานคนต่อไปนั่นเอง

    จึงตั้งปัญหาโลกแตกที่ไม่มีวันตอบถูก หากเกเบียลตอบว่า สี่สิบแปด วิแมร์ก็ต้องนับคู่ครองฟีน่ากับเมซี่เป็นแน่แท้\"



    \"เจ้ามันขี้โกง\" เกเบียลตกอยู่ภาวะจำยอม เพราะต่อให้เก่งกาจแค่ไหน คงรับมือหนึ่งต่อร้อยไม่ไหว



    \"ข้าจะให้เจ้าเลือกวิธีตาย โดยให้เจ้าพูดอะไรออกมาก็ได้ หากสิ่งที่เจ้าพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้า\"



    \"หากสิ่งที่เจ้าพูดเป็นเท็จ ข้าจะให้คู่หูของเจ้าเป็นคนฆ่าเจ้า\"



    เกเบียลเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง เพราะไม่มีอะไรดีกว่ากันเลย สรุปแล้วเกเบียลก็ต้องตายทั้งนั้น



    แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีอะไรเหมือนมากระทบสมองเกเบียลให้ปลอดโปร่ง



    \"ข้าต้องตาย..ด้วยน้ำมือโรวิน\" เกเบียลโพล่งพูดออกมา



    \"ข้าต้องตาย..ด้วยน้ำมือโรวิน..ว่าไงล่ะวิแมร์\" เกเบียลทวนคำพูดซ้ำอีกหน แต่วิแมร์กลับนิ่งอึ้งในคำตอบ



    เกเบียลรู้ว่านี่คือคำตอบอันอัศจรรย์ ที่เขาก็เองก็ยังไม่รู้ว่าคิดได้อย่างไร



    เพราะถ้าหากประโยคที่เกเบียลพูดเป็นความจริง วิแมร์ก็ต้องฆ่าเกเบียล

    แต่ถ้าวิแมร์ฆ่าเกเบียล ก็จะทำให้ประโยคนั้น เป็นเท็จ

    คำตอบนี้เป็นคำตอบ ที่ไม่มีคำตอบที่แท้จริง เป็นคำตอบที่ จริงแฝงเท็จ



    \"ข้าต้องเป็นผู้พิทักษ์สุสานนี้ จนกระทั่งความจริงกับความลวงหลอมรวมกัน\"

              เสียงคำพูดของวิแมร์ที่เคยพูด ดังขึ้นอีกครั้งในหัวของเกเบียล



    ร่างของวิแมร์สั่นเทิ้ม เศษผ้าคลุมของตัววิแมร์ค่อยๆสลายกลายเป็นผุ่น

    วิแมร์กรีดร้องโหยหวน และมีลมกรรโชกแรงมาหนึ่งครั้ง ทำให้เกเบียลและโรวินที่ยืนอยู่ไกลๆ ต้องหลับตา

    พอทั้งสองลืมตามาอีกที ทุกอย่างก็หายไป เหลือเพียงพื้นดินที่แตกระแหง กับหลุมศพ

    ไม่มีซอมบี้ หรือ วิแมร์ ผู้เฝ้าสุสาน อีกต่อไป



    \"ขอบบบ...ขอบคุณ...\" โรวินและเกเบียล ต่างได้ยินเสียงกระซิบที่แผ่วเบา นั่นเป็นเสียงของวิแมร์ ที่อยากจะบอกว่า

    ขอบคุณ ที่ทำให้นาง หลุดพ้นจากคำสาป อันทรมาน



    \"ข้าต้องทำพิธี...ส่งพวกเขาไปสู่สุขติ\" โรวินคุกเขาลง



    \"ไม่ได้นะโรวิน\" เกเบียลยั้งมือห้ามโรวิน



    \"ที่นี่เป็นสุสาน ที่พี่น้องแห่งความมืด*กับชาวเอลฟ์เรา ร่วมรบเพื่อจัดการลอห์ดรุ่งอรุณ\" เกเบียลส่ายหน้า



    \"พวกเราพ่ายแพ้ยับเยิน ศพของชาวเอลฟ์ ถูกนำกลับเมือง เพื่อไปทำพิธีตามวิถีของอาธีน่า\" เกเบียลหยิบฝุ่นทรายสีดำขึ้นมา



    \"แต่...พี่น้องแห่งความมืดเราตัดสินใจ ที่จะฝังร่างลงบนผืนสนามรบนี้ เผื่อประกอบพิธีทางมนต์ดำบางอย่าง\"



    \"นี่น่ะหรือพิธีมนต์ดำของพวกดาร์คเอลฟ์\" โรวินตกใจ



    \"ข้าก็รู้พร้อมเจ้านี่แหละ เจ้าห้ามปลดปล่อยพวกเขาเป็นอันขาด\" เกเบียลยังยืนยันเสียงแข็ง



    \"ทำไมล่ะ\" โรวินถามเกเบียล



    \"เจ้าคิดว่ามนต์ดำแห่งความแค้น ของพี่น้องแห่งความมืดข้า จะทำอย่างไรกับเจ้า ถ้าเจ้าสอดมือเข้าไปยุ่งโดยไม่เข้าเรื่อง\"

    เกเบียลมองโรวินด้วยสายตาที่เครียดๆ



    โรวินกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ \"เอ่อ...ข้าคงถูกสับเป็นชิ้นๆ\"



    \"มันคือโชคชะตา...ข้ามั่นใจว่า พี่น้องแห่งความมืดของข้า กำลังใช้กองกำลังทหารซากศพแบบนี้ เพื่อก่อการใหญ่\"

    เกเบียลเดินนำไปข้างหน้า



    \"รีบไปเถอะ..โรวิน\" เกเบียลสาวเท้าให้ไวขึ้น



    \"วิน วอล์ก !\" โรวินท่องคาถา ก็เกิดลมอันแผ่วเบาสองแรง หมุนวนรอบตัว เกเบียลและโรวิน แล้วลมนั้นก็จางหายไป

    สังเกตได้ว่า ทั้งสองวิ่งได้ไวมาก ไวเกินคนธรรมดาที่จะทำได้



    เกเบียลยักคิ้ว เป็นคำถามว่า เจ้าทำอะไร?



    \"ข้าก็เพิ่งนึก คาถาโบราณได้น่ะ หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์\" โรวินรีบตอบเมื่อเห็นสีหน้าอันอยากรู้ของเกเบียล



    โรวินคิดผิดมหันต์ที่ใส่คาถาวิเศษให้เกเบียล เพราะเดิมเผ่าเอลฟ์ก็วิ่งได้รวกเร็วเกินมนุษย์อยู่แล้ว

    และเมื่อได้รับคาถานี้ไปอีก กลับทำให้ เหมือนเกเบียลฝีเท้าติดจรวด



    \"เดี๋ยว....! รอข้าด้วยซี่ เกเบียล...\" เกเบียลนึกขำ เลยแกล้งโรวินโดนการวิ่งให้ไวขึ้นอีก



    \"ไว้เจอกันโค้งหน้านะ...\" เกเบียลหันหลังมาตะโกนให้โรวิน



    \"โอ้โห...ข้าจะไหวมั้ยเนี่ย จำไว้เลย เกเบียล\" โรวินรีบวิ่งตามเกเบียลไป แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตามนางทันก็ตาม



    \"เฮ้อ...ข้าล่ะปวดหัวจริงๆ\" โรวินปาดเหงื่อพลางพูดกับตนเอง



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    *พี่น้องแห่งความมืด : เกเบียลจะเรียกดาร์คเอลฟ์ ว่าพี่น้องแห่งความมืดเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก ความคุ้นเคยในเผ่าพันธุ์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×