ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อภินิหารแห่งเอลมอร์

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๒ ลวงตา (lllusions)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 48


    ขออุทิศเรื่องนี้ ให้กับ Marry J. Donnahiew เพื่อนที่แสนดี ซึ่งตอนนี้ นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบ

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    The Miracle in Elmore

    อภินิหารแห่งเอลมอร์

    Chapter 2 : lllusions

    บทที่ ๒ : ลวงตา



    “ตื่นได้แล้ว โรวิน เราต้องไปก่อนฟ้าสว่างนะ” เกเบียลรีบปลุกโรวิน โดยการเอากระเป๋าสัมภาระตีบริเวณหลังของโรวิน



    “ฮ้าว ...ข้าว่าข้าเพิ่งนอนไปได้ไม่นานเอง” โรวินลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาหลายรอบ แต่ต้องเบิกตาโพลงออกมา

    เมื่อเห็นสภาพแวดล้อม รอบตัวเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นทิวป่าย่อมๆที่ร้อนชื้น กลับกลายเป็นละอองหิมะเกาะตามต้นไม้ใบหญ้า



    “รีบไปกันเถอะ ถ้าเราไม่อยากรบกับใคร” ระหว่างที่สองคนคุยกัน ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

    และเหมือนว่าฝีเท้านั้นกำลังใกล้เข้ามาทุกทีๆ ทั้งสองเริ่มมองหน้ากันอย่างระแวง

    เกเบียล ปัดฝุ่นตามตัว แล้วลุกขึ้น ช้าๆ เงียบๆ หาที่มาของเสียงนั้น



    “ให้ตายเถอะ ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย ข้ายังไม่รู้เลยว่า เป็นคน หรือยูนิคอน แถวนี้”

    เกเบียลพยายามเอามือป้องตา หวังว่าจะได้มองเห็นชัดขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล

    บรรยากาศรอบข้างมืดไปหมด มืดจนมองไม่เห็น



    “ข้าจะทำให้พื้นที่นี้สว่างขึ้น” เกเบียลชูฝ่ามือขึ้นตรง เตรียมท่องคาถา



    “อย่าโง่ไปหน่อยน่า เกเบียล เกิดมันเห็นเราล่ะ” โรวินปัดมือเกเบียล พร้อมเอามือไว้ที่ปาก เป็นสัญญาณให้เงียบ



    “ชาโดว์ เซนส์ !” โรวินท่องคาถาพร้อมกับโบกมือเบาๆ เงียบๆ



    “เฮ้ ...ข้ามองเห็นเหมือนตอนกลางวันเลย เจ้านี่มีฝีมือเหมือนนี่” เกเบียลกระซิบชมเบาๆ

    พร้อมกับโผล่หน้าออกจากพุ่มไม้ด้านหน้าที่บังอยู่



    แย่แล้ว !!!ดาร์คเอลฟ์นี่นา มากันหลายคนด้วย โรวิน รีบเถอะ มันมาทางนี้แล้ว”

    ทั้งสองคนรีบเดินทางออกจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด



    “ข้าหวังว่า มันคงไม่รู้ตัวหรอกนะ” โรวินขมวดคิ้ว พร้อมหันไปมองข้างหลัง “เป็นไปได้มั้ย เกเบียล ว่ามันตามเรามาจากป่าเอลฟ์”



    “อาจจะเป็นไปได้” เกเบียลรีบวิ่งด้วยเสียงที่เงียบที่สุด



    “หรือว่าสะกดรอยตามเรามาตั้งแต่ปากทางหมู่บ้าน” โรวินเริ่มออกความคิดอีกครั้ง



    “เป็นไปไม่ได้หรอกโรวิน บรรพบุรุษของข้า ร่ายมนต์สุดท้าย มนต์ที่แข็งแรงที่สุด เสกป่าเอลฟ์ด้วยคาถาพรางตา

    พวกดาร์คเอลฟ์ถึงจะเข้ามาในป่านี้ได้ ก็ไม่พบทางเข้าไปยังหมู่บ้านเอลฟ์หรอก” เกเบียลกางแผนที่ในกระเป๋าสัมพาระออกมา

    พร้อมกับอ่านสำรวจอย่างละเอียด “จากที่ข้าดู ในแผนที่นี้ ถ้าข้ามสะพานหินข้างหน้านั่น เราจะเจอทุ่งประกายเพลิง

    แล้วเดินทางอีกสักสองวัน เราน่าจะถึงทะเลสาปกระจก”



    โรวินทำเป็นไม่สนใจฟังคำพูดของเกเบียล กลับตรงไปที่สะพาน “เกเบียล ๆ ๆ ดูนี่สิ” เกเบียลรีบเก็บแผนที่แล้ววิ่งไปที่สะพาน

    เมื่อเกเบียลไปถึงสะพาน ก็เจอป้ายสีน้ำตาล ตะไคร่เกาะเต็มป้ายไปหมด  



    “ดึงเชือกสามครั้ง” เกเบียลอ่านป้าย พร้อมทำสีหน้าไม่เข้าใจกับข้อความบนป้าย

    “ดึงเชือกสามครั้งนี่ข้าพอเข้าใจอยู่หรอก แต่ข้าสังหรณ์ใจแปลกๆ?”



    โรวินเดินไปกลางสะพานตะโกนบอกเกเบียล“กลางสะพานมีเชือกด้วยแหละ เกเบียล ”



    เกเบียลไม่สนใจฟังคำพูดโรวิน เพราะเกเบียล ต้องการแก้ปริศนาบนป้ายนั้นอยู่ เกเบียลกุมขมับแล้วนั่งลง



    “ข้าดึงเชือกเลยนะ” โรวินตะโกนเรียกเกเบียล



    ทันทีที่เกเบียลนั่งลง ก็พบว่าข้อความไม่ได้มีแค่นั้น กลับมีตัวอักษร เขียนอยู่อีกบรรทัดนึงเล็กๆข้างล่างป้าย อ่านจับใจความได้ว่า



                                                           ถ้าแกอยากตาย

                                                ดึงเชือกสามครั้ง ถ้าแกอยากตาย



    \"โรวิน อย่าดึงเชือกนะ อย่าโรวิน อย่าดึงเชือกมันคือแผนลวง” โรวินดึงเชือกครบสามครั้งพอดี แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น



    “โรวิน ป้ายมันมีต่อ มันบอกว่าดึงเชือกสามครั้ง ถ้าแกอยากตาย” เกเบียลรีบวิ่งไปหาโรวิน



    “ข้าก็ดึงครบสามครั้ง ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ ข้าว่าพวกมือบอนมาเขียนมากกว่า ท่านน่ะอุปทานไปเองอย่าคิดมากเลย เกเบียล”

    เกเบียลเห็นว่าเป็นอย่างที่โรวินพูดจึงข้ามสะพานไปตามโรวิน

    แต่ทันใดนั้นลาวาที่อยู่สะพานก็ประทุออกมาอย่างรุนแรง และมีฟองอากาศลอยปุดๆขึ้นมาจากลาวานั่น

    แล้วลาวาก็ระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง แต่คราวนี้มีสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ยืนขึ้นมากลางลาวา

    เป็นผู้หญิง สูงประมาณสิบเมตร ข้างหลังมีปีกสีแดงขนาดใหญ่ บนหัวมีมงกุฏสีทอง

    ตรงยอดมงกุฏ มีพลอย ติดอยู่ สามเม็ด ถือคทาที่ทำจากลาวาขนาดใหญ่ นัยน์ตา ผม เป็นสีแดงเพลิง



    “เรด ...เรดควีน” เกเบียลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ริมฝีปากสั่นระริก เหงื่อไหลโชกตามใบหน้า

    บ่งบอกว่า ความตาย รออยู่ตรงหน้าทั้งสองคนแล้ว



    “สวัสดี นักเดินทางผู้โง่เขลาทั้งสองคน” เรดควีนมองขึ้นมา ทักทาย พร้อมสแหยะยิ้ม

    และปาลูกไฟมาทางที่ทั้งสองคนยืนอยู่ แต่ลูกไฟกระเด็นออกไปข้างๆทั้งสองคน



    “ข้าหยอกเล่น กับนักเดินทางโง่ๆที่ดึงเชือกเรียกข้าออกมาแบบนี้เสมอๆแหละ”

    เมื่อเรดควีนสลัดมือ พลันก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น!! ลาวาที่เดือดอยู่นั้นลอยขึ้นและหมุนวนรอบๆตัว



    \"หกปีแล้วสินะ ที่ไม่มีนักเดินทาง โง่ๆ มาเยี่ยมข้า ... เจ้าคงหวังจะมาเอาสมบัติของข้า เหมือนกับนักเดินทางคนอื่นๆ ละสิ!\"



    “โรวิน หนีเร็ว”เกเบียลฉุดมือโรวิน



    แต่โรวินกลับกระชากตัวเกเบียล ให้กลับมาอยู่ที่เดิม เกเบียลจ้องหน้าโรวิน ด้วยความโมโห พร้อมโพล่งถามออกไปว่า

    “เจ้าทำไมไม่หนีล่ะ อย่าบอกนะเจ้าโลภ อยากได้มงกุฏบนหัวมันน่ะ”



    “ใช่” โรวิน หันหลังตอบเกเบียล



    “เจ้านี่มัน ...” เกเบียลดึงไหล่โรวิน แต่ทันทีที่โรวินหันมา ภาพที่เกเบียลเห็นคือ น้ำตาไหลเต็มใบหน้า   โรวิน โรวินก้มหน้า



    “เจ้า ...เจ้าเป็นอะไร” เกเบียลย้อนถาม



    “มงกุฏนั่น...เป็นของแม่ข้า เรดควีนทำลายบ้านเมืองข้า แม่ข้าเป็นสนมเอก

    ของพระราชา มากัส กษัตริย์พระองค์เดียวแห่งเมืองกระจก”



    “ไฟล์เออร์บอล!” เรดควีนเปล่งเสียง ทันใดนั้นลูกไฟจำนวนมาก ก็กระจายขึ้นมาหาเกเบียลและโรวิน



    “หลบก่อนโรวิน ข้าจะช่วยเรื่องของเจ้าเอง” เกเบียลรีบจูงมือโรวินข้ามสะพาน ไปแอบหลังก้องหินก้อนใหญ่

    ฝั่งตรงข้ามของสะพาน และเรดควีนก็ขยายร่างใหญ่ขึ้น ก้าวขาข้ามขึ้นมาบนสะพาน  



    “ฟังนะเกเบียล มงกุฏบนหัวของเรดควีน ไม่มีพลังอำนาจอะไร แต่พลอยที่มงกุฏ

    สามเม็ดมีอำนาจมากมาย ผู้ที่ครอบครองจะมีพลังต้านทานเวทย์มนต์สูงสุด ไม่มีเวทย์มนต์ใดๆบนโลกใบนี้

    จะมาทำอะไรผู้ที่ครอบครองพลอยทั้งสามเม็ดได้”



    “แล้วพลอยทั้งสามเม็ดนั้น เป็นอัญมณีที่เมืองท่าน ลงอาคมสร้างขึ้นมาเองหรือ?” เกเบียลถามด้วยความอยากรู้



    “หนึ่งในนั้น เป็นอัญมณีประจำเมืองกระจกของข้า ชื่อว่า คริสตันกระจก

    คริสตันกระจกมีพลังป้องกันผู้ครอบครองให้พ้นจากเวทย์มนต์และสามารถสะท้อนเวทย์มนต์ที่ศัตรูโจมตีมาอีกด้วย

    และอีกเม็ด คือแชฟไฟร์แห่งอเวจี อัญมณีประจำวิหารฮาเดส วิหารศักดิ์สิทธิ์ของเมืองดาร์คเอลฟ์”



    “แล้วอีกเม็ดล่ะ” เกเบียลกุมมือโรวิน



    “และเม็ดสุดท้ายคือ ลูกปัดน้ำตาเอลฟ์ อัญมณีของเมืองท่าน

    ผู้เฒ่าอัลเรออสปลุกเสกขึ้นมา เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานของแม่ข้าเอง”

    ดวงตาของเกเบียลเบิกโพลง เพราะรู้ถึงอำนาจอันสูงส่งของลูกปัดน้ำตาเอลฟ์



    เกเบียลทำหน้าฉงน กับเรื่องที่โรวินเล่าจึงถามออกไป

    “ในเมื่อผู้สวมใส่มีอำนาจมากมายขนาดนี้ แล้วทำไมท่านแม่ของเจ้าถึงพ่ายแก่ เรดควีน”



    “เรดควีน ...เดิมทีอาศัยอยู่ที่ทะเลสาปกระจก แต่เนื่องจากภูมิประเทศแถวนั้น เป็นธรรมชาติที่สวยงาม

    น้ำอุดมสมบูรณ์ เรดควีนอยู่ไม่ได้ จึงมาบอกพ่อของข้า ว่าขอไปอยู่ที่คุมขังนักโทษในวัง เพราะคุกในวังอยู่ตรงกับบ่อลาวา”



    “พ่อข้าก็ยินยอม และยังแต่งตั้งเรดควีนให้เป็นทหารหญิงอารักขาอีกด้วย พอเรดควีนรู้ว่าแม่ข้าครอบครองมงกุฏวิเศษ

    จึงเกิดความโลภ จับตัวพ่อข้าเป็นตัวประกัน พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แม่ข้าส่งมงกุฏให้แล้วจะปล่อยตัว”





    ขณะที่โรวินเล่าถึงตอนนี้ โรวินเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เกเบียลเอื้อมมือไปจับมือโรวินทำนองปลอบใจ

    “แม่ข้าไม่มีทางเลือก จึงถอดมงกุฏให้เรดควีน แต่สุดท้าย...แต่สุดท้าย...แต่สุดท้าย”



    “เรดควีนก็ฆ่าแม่ข้า และพ่อข้าแล้วชิงมงกุฏหายตัวไป” โรวินปล่อยโฮออกมาเต็มที่



    “ไฟล์ พิลล่า!” เสียงเรดควีนตระโกนก้อง เกิดไฟพุ่งทะลุออกมาจากพิ้นดินหลายจุด

    จนเกเบียล และโรวินรู้สึกว่าบริเวณนั้นเหมือนลาวาเดือดดีๆนี่เอง



    “เรดควีน ข้าต้องการสู้กับเจ้า” เกเบียลวิ่งออกมาจากก้อนหินอย่างเกรี้ยวกราดแล้วตะโกนบอกเรดควีน



    เรดควีนไม่รอช้า เรดควีนควงคทาอย่างต่อเนื่อง พร้อมตะโกนก้อง อีกครั้ง “ไฟล์เออร์ เรน!”



    เกิดสะเก็ดไฟจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ตกลงมาใส่เกเบียล วินาทีนั้น

    โรวินก็วิ่งออกมาจากก้อนหินแล้วจับมือเกเบียล พร้อมตะโกนคาถาออกมา “เทเลพอต!”



    ทั้งสองคนหายตัวไปจากพื้นที่นั้น แล้วไปปรากฏตัวในพุ่มไม้ ที่ไกลจากเรดควีนมาก

    “เกเบียล ท่านสู้ไม่ไหวหรอก ความเป็นไปได้ที่ชนะ มีเพียงหนึ่งส่วนของร้อยนะ”



    เพี๊ยะ! เกเบียลตบหน้าโรวินอย่างจัง พร้อมว่าโรวิน “เจ้าคนขี้ขลาด!เจ้าไม่อยากแก้แค้นให้ท่านแม่เจ้ารึ”



    “ข้า ...ข้า ...ข้าคงไม่มีความสามารถหรอก ข้าเป็นแต่บิชอบธรรมดาเท่านั้น” อีกครั้งที่เหมือนน้ำตาโรวินจะไหลอีกครั้ง



    “เจ้าลืมอะไรไปอย่างนึง โรวิน” เกเบียลจ้องหน้าโรวิน



    “ลืมอะไรหรือ เกเบียล” โรวินถามด้วยเสียงที่แหบพร่า



    เกเบียลชี้ที่หน้าอกของตัวเอง “เจ้ายังมีข้า ข้าเป็นเพื่อนเจ้านะ ข้าจะช่วยเจ้าทุกอย่าง”



    ทั้งสองมองหน้ากัน “ตราบใดที่ความหวังไม่ใช่เลขศูนย์ ความเป็นไปได้ย่อมมีเสมอ”



    เกเบียลรื้อกระเป๋าและหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา หน้าปกหนังสือขาดวิ่น แต่ยังจะพออ่านจับใจความได้ว่า

    ปีศาจร้อยชนิด และเกเบียลพลิกไปยังหน้าสารบัญ ใช้นิ้วไล่อักษรไปเรื่อยๆ

    จนกระทั่งพบภาพเรดควีน เพียงแต่ว่าในภาพนั้น มันไม่มีมงกุฏ



    “เจอแล้วๆ เรดควีน หนังสือเล่มนี้บอกอะไรบ้างนะ” เกเบียลพึมพำกับหนังสือนานสองนาน

    \"อะฮ้า เจอแล้ว ไม่เห็นยากเลย ข้าจะอ่านให้ฟังนะ”



    เกเบียลวางหนังสือลงที่ตัก แล้วตั้งใจอ่าน “เรดควีน หรือชื่อเต็ม เรดฟีเมลลี่ ควีน ออฟ เดอะ มิรอล

    มีจุดอ่อนคือแพ้เวทย์สังกัดน้ำ และการเดินที่เชื่องช้านั้น ทำให้วิธี วิ่งและยิงได้ผลอย่างมาก แต่นับตั้งแต่เรดควีน

    ได้ครอบครองมงกุฏวิเศษทำให้ความสามารถ เรื่องพลังต้านเวทย์มนต์ มากขึ้นเป็นทวีคูณ

    จึงไม่มีนักเวทย์คนไหนหรืออัศวินคนไหนกำจัดได้ลง”



    โรวินมองหน้าเกเบียลอย่างหมดหวัง เกเบียลไม่พูดอะไร แต่เกเบียลเริ่มรื้อกระเป๋าอีกครั้ง

    คราวนี้เกเบียลหยิบสร้อยคอออกมาเส้นหนึ่ง



    “โรวิน เจ้าสัญญา ได้ไหมว่าจะเก็บเรื่องที่ข้ากำลังจะทำต่อไปนี้เป็นความลับ”

    โรวินทำหน้าไม่เข้าใจในคำพูดของเกเบียล แต่ก็พยักหน้ายอมรับ



    เกเบียลกำสร้อยคอนั้น แล้วเริ่มพูดอะไรเบาๆ



    “แม่คะ...”



    “แม่คะ...”





    สร้อยคอเริ่มส่องประกาย วิบวับ แล้วมีแสงสีเขียวอ่อน ส่องออกมาจากสร้อยคอ คล้ายภาพโฮโลแกรม*

    ภาพฉายออกมาจากสร้อยคอ ภาพที่เห็นนั้นคือผู้หญิงมนุษย์ แต่สวมเสื้อผ้าชาวเอลฟ์ ภาพสามมิตินั้น

    ส่งยิ้มอย่าง มีเมตตาให้กับโรวินและเกเบียล



    “แม่คะ...คือเราจะฆ่าเรดควีนได้ยังไง” เกเบียลถามด้วยความร้อนอกร้อนใจ



    “แม่มั่นใจว่า ลูกทั้งสองคนจะสามารถฆ่าเรดควีนได้” หญิงในภาพขยิบตาให้โรวิน “แม่จะเล่านิทานให้ฟัง”



    ผู้หญิงในร่างสามมิติ ยิ้มนิดๆ พร้อมกับตั้งอกตั้งใจเล่าเรื่องอย่างช้าๆ



    “นานมากแล้ว นานแสนนาน สมัยแม่ยังเป็น มนุษย์นักบวชฝึกหัด ก่อนที่แม่จะพบพ่อของเจ้า

    แม่รู้จักดาร์คเอลฟ์ชายคนหนึ่ง เค้าอายุมากกว่าแม่ หนึ่งพันแปดร้อยกว่าปี ซึ่งแม่บอกตามตรงว่าแม่หลงรักเขา

    เพราะนานมากแล้วที่แม่ไม่เจอดาร์คเอลฟ์ที่อายุน้อยเช่นนี้”



    โรวินทำหน้าเหวอ เหงื่อแตก



    “แม่คะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการฆ่าเรดควีนตรงไหนเลย” เกเบียลเริ่มหงุดหงิด



    “ฟังก่อนสิ เกเบียล ดาร์คเอลฟ์นั้นเป็นอัศวินหนุ่มที่เก่งกาจมาก วันหนึ่ง

    เค้าต้องการทำให้แม่ยอมรับในตัวเขา เขาจึงอาสาไปฆ่าปีศาจตนนึง ซึ่งตอนนั้น

    เรานั่งชมพระอาทิตย์ตกอยู่ที่ทะเลสาปกระจก ก็ค้องแน่นอนว่าปีศาจตนนั้นคือ”



    “เรดควีน” เกเบียล กับ โรวินพูดพร้อมกัน



    “แต่เขาพลาดท่า เสียทีให้กับเรดควีน โดยที่เรดควีนเอาดาบที่ติดตัวของเขา ปักลงที่หน้าอกเขา

    ก่อนเขาจะสิ้นใจตาย เขาได้ท่องคำสาป ออกมาว่า

    เรดควีน!อีกหกปี เจ้าต้องตายด้วยเวทย์มนต์ ของเผ่าพันธุ์พี่น้องข้า เจ้าต้องตาย เจ้าต้องตาย เจ้าต้องตาย



    ถึงตอนนี้ โรวินรู้สึกบรรยากาศเปลี่ยนไป ทุกอย่างเริ่มเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ที่กดดัน



    “และทันทีที่เขาสิ้นใจ ก็เกิดแสงส่องสว่างพุ่งตรงมาที่เรดควีน เปรียบเหมือนว่าคำสาปเริ่มแสดงผลแล้ว”

    แม่เกเบียลยิ้ม “นี่ก็ครบ หก ปีพอดี และเกเบียล เจ้าก็เป็นเอลฟ์ ซึ่งตรงตามคำสาปว่า

    เรดควีนต้องตายด้วยเผ่าพันธุ์พี่น้องข้า จริงไหมพ่อหนุ่ม”



    “แต่เอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์ไม่ใช่พี่น้องกันไม่ใช่หรือ” โรวินหันหน้าพูดกับภาพสามมิติรูปแม่ของเกเบียล



    “เจ้าลองถามเกเบียลเรื่องนี้ดูสิ” พอแม่ของเกเบียลพูดจบ แม่ของเกเบียลก็หายเข้าไปในสร้อยคอในมือของเกเบียล



    โรวินกำลังจะถามเกเบียลเรื่องที่แม่เกเบียลบอกให้ถาม แต่เกเบียลชิงเล่าก่อนที่จะถาม

    “คือ เมื่อก่อนเราเผ่าเอลฟ์ และดาร์คเอลฟ์คือเผ่าเดียวกัน และดาร์คเอลฟ์ก็ไม่ได้มีผิวพรรณสีเทาอย่างงี้หรอก

    เขาหน้าตา ผิวพรรณ เหมือนพวกเรานี่แหละ”



    “แต่พวกเขาไปเรียนเวทย์มนต์ดำ และปลุกร่างจำแลงของ ฮาเดส ออกมาจากนรก

    พอฮาเดสออกมาจากนรก ก็กระพือปีกหนึ่งครั้ง ด้วยความอ่อนล้าจากการหลับไปหลายพันปี

    การกระพือครั้งนั้นทำให้ป่าของเอลฟ์ด้านตะวันตกเฉียงเหนือราบเป็นหน้ากลอง

    พวกเราชาวเอลฟ์จึงรู้ความจริง และขับไล่ พร้อมทั้งสาปให้พวกที่นับถือฮาเดส มีผิวสีเทา

    และสาปไม่ให้พบทางเข้าเมืองเอลฟ์อีกตลอดกาล”



    เกเบียลยักไหล่นิดๆ



    “เอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์จึงมีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง” โรวินต่อท้ายให้ตอนจบ



    เกเบียลถอนหายใจดัง พร้อมก้มหน้าพูดกับโรวิน



    “ข้ายอมรับในความจริงว่า ข้าอาจเป็นคน ตามคำสาปพยากรณ์” เกเบียลส่ายหน้า



    “แต่ข้าก็มีความจริงอีกข้อคือข้าอาจไม่มีพลังอำนาจพอ ที่จะทำลายเรดควีน”



    โรวินยืนขึ้น แล้วส่งมือให้เกเบียล“ท่านไม่ได้สู้คนเดียวนะ ข้าจะร่วม เอ่อ...ร่วมสู้ด้วยน่ะ”



    เกเบียล และโรวิน เดินกลับไปทางที่ เรดควีน ยืนอยู่อีกครั้ง และเป็นไปตามที่เกเบียลคาด

    คือเรดควีนยังเผ้ารอ ทั้งสองคนอยู่



    \"เราจะเอายังไงดีล่ะเกเบียล วางแผนซักหน่อยมั้ย\"



    \"ฟังนะ ตามที่เรามีข้อมูลอยู่ เรดควีนแพ้เวทมนต์สังกัดน้ำ

    แล้วเวทมนต์ประจำเผ่าข้าที่ข้าร่ำเรียนมาชั่วชีวิต หกร้อยปีของข้าก็เป็นสังกัดน้ำ\"



    เกเบียลพยักหน้าตามความคิดของตนเอง



    \"หกร้อย !ท่านอายุหกร้อยรึ ท่านคงเป็นทวดของทวดของทวดของทวด และทวดๆๆข้า\" โรวินล้อเลียนเกเบียล



    \"ไม่ตลกเลยนะโรวิน ข้ากำลังใช้ความคิด ไม่ช่วย ก็เงียบๆเลย\" เกเบียลทำหน้าตาดุใส่โรวิน



    \"ขอโทษครับ\" โรวินทำหน้าจ๋อยๆ พร้อมนั่งฟังแผนของเกเบียล



    \"ข้าจะถามตามที่หนังสือบอกแล้วกัน วิ่งแล้วร่าย แต่ข้ากังวลเรื่องมันจะโจมตีด้วยเวทย์มนต์ระยะไกลน่ะสิ\" เกเบียลขมวดคิ้ว



    \"ข้าไม่มีเวทมนต์ป้องกัน ที่จะทานพลังโจมตีขนาดนั้นหรอก แต่ข้ามีอาคมโบราณ ที่ข้าถูกพร่ำสอนข้ามาตั้งแต่ยังเล็ก\"

    โรวินตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง \"เมจิกพาวเวอร์!\"





    ฝ่ามือของเกเบียล มีแสงออร่าสีน้ำเงินบางๆออกมา เกเบียลหลับตา ผมเกเบียล ปลิวสไหวตามสายลม

    พอลืมตาขึ้นมา จากที่ดวงตาเกเบียลเป็นสีเขียวอ่อนๆ เหมือนกับเอลฟ์ทั่วไป ตอนนี้ดวงตาก็เป็นสีน้ำเงิน

    เหมือนสีเดียวกับออร่าที่ออกมาตามฝ่ามือของเกเบียล

    ที่แสดงถึงพลังอำนาจทางเวทย์มนต์ของเกเบียลเพิ่มขึ้นประมาณ สอง สาม เท่า



    และเกเบียลก็ตะโกนออกมาเช่นเดียวกัน \"คิส ออฟ อาธีน่า!\" ทันทีที่เกเบียลท่องมนต์และโบกคทา

    ก็เกิดเสาลำแสงสีขาวและสีทอง ทะลุลงมาจากท้องฟ้า มาวนล้อมรอบเกเบียลคล้ายพายุหมุน

    และแสงนั้นสว่างไปถึง ตรงที่เรดควีนยืนอยู่

    ขณะเดียวกันเกเบียลก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศประมาณ สิบเมตร ข้างๆโรวิน



    เรดควีนมองเกเบียลด้วยสายตาชิงชัง \"เทเลพอต!\"



    บัดนี้เรดควีน ผู้กระหายเลือดแห่งลาวา ได้ปรากฏตรงหน้าเกเบียล ไม่ถึงสามก้าว

    ทั้งสองนิ่งและสบตากัน หมายจะเอาชัยทั้งคู่



    \"กล้ามาก นางเอลฟ์\" เรดควีนไม่รอช้า โบกคทา อย่างรวดเร็วพร้อมท่องว่า



    \"ไฟร์เออร์เรน!\" สะเก็ดไฟตกลงมาจากฟ้ามากมาย คราวนี้เทเลพอต

    หายตัวหนีไม่ทันแน่ๆ ช่วงจังหวะที่เกเบียลคิดวิธีหลบอยู่

    โรวินแผดเสียงส่งคาถาออกมาเสียงดัง



    \"ไดรแอท รูท!\"



    ต้นหญ้าที่อยู่บนดินเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมพันธนาการ เรดควีนไว้อย่างแน่นหนา \"ปล่อยข้านะเจ้า โสมมทั้งสองตัว\"

    ตอนนี้สะเก็ดไฟใกล้ตกมาถึงตัวเกเบียลแล้ว



    \"หึ มุขเก่า คิดว่าข้าจะไม่เตรียมรับมือมารึ เรดควีน?\" เกเบียลชี้คทาขึ้นฟ้าพร้อมควงมือเดียว เป็นจังหวะต่อเนื่อง



    \"อีลีเมนทอล ออฟ วอเตอร์!\" เกิดฟองอากาศ มากมายเต็มท้องฟ้า

    สะเก็ดลูกไฟที่เกิดจากเวทย์มนต์ของเรดควีนหายไปหมดสิ้น

    โรวินมองเกเบียล พร้อมกับอ้าปากค้าง ตะลึงในมนต์คาถา ที่สวยงามอะไรเช่นนี้

    เกเบียลไม่รอช้า โอกาศโจมตีมาถึงแล้ว



    \"ช้าก่อน เกเบียล\" โรวินบอกห้ามเกเบียล



    \"ทำไมหรือโรวิน?\" เกเบียลตะโกนถามกลับไป



    \"ถ้าท่านโจมตี เวทย์มนต์ที่ท่านโจมตีไปนั้นจะสะท้อนกลับไปหาตัวท่านเอง\"

    โรวินหน้าเสีย เพราะรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรเรดควีนได้



    \"ฮึๆ ฮ่าๆ เจ้าเด็กหนุ่มฉลาดกว่าจอมเวทอย่าเจ้าอีกนะ ฮึๆ ฮ่าๆ\" เรดควีนที่ถูกพันธนาการ หัวเราะเยาะเย้ย



    เกเบียลรู้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะไร้ผล แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย \"ก็ลองดูไปก่อนสิ\" เกเบียลหันหน้ากลับไปทางเรดควีน



    เกเบียลเริ่มร่ายเวทอีกครั้ง คราวนี้เมฆบนท้องฟ้าแหวกออก  \"โซนล่า สป๊าค!\"



    \"เปรี้ยงงงงงงงงงง !\" เกิดฟ้าผ่าลงมาที่ ตัวเรดควีน อย่างรุนแรง จนโรวินรู้สึกว่าผมบนหัวตั้งชันด้วยแรงฟ้าผ่า



    เรดควีนหัวเราะอย่างมีชัย เพราะว่าฟ้าผ่าไม่ได้ทำอันตรายใดๆแก่ตัวเรดควีนเลย

    \"ฮะๆ ข้าบอกเจ้าแล้ว ไม่มีเวทย์มนต์ใดบนโลก จะทำอะไร ข้าได้ ตราบใดที่ข้าสวม มงกุฏ\"



    เกเบียลวิ่งหนี พลางจูงมือโรวิน ตอนนี้โรวินตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าเกเบียลจะหนีการต่อสู้

    ทั้งสองหนีมาจนถึงทะเลสาป โรวินแสดงสีหน้าที่สิ้นหวัง แต่เกเบียลกลับลากโรวินตรงไปที่ทะเลสาป



    \"เกเบียล! ท่านจะบ้ารึไง ข้าไม่ใช่ปลานะ\" เกเบียลไม่สนฟังคำพูดโรวิน เกเบียลขว้างคฑาไปกลางทะเลสาป

    และทันที่ที่คฑากำลังจะปักลงกลางน้ำ ก็เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ คฑาของเกเบียลลอยอยู่เหนือผิวน้ำ แล้วเพียงชั่วอึดใจ

    ทะเลสาปก็แหวกออกเป็นทางยาว ผ่ากลางจนเป็นทางเดิน



    \"วิ่ง!!!\" ทั้งสองรีบวิ่งไปตามทางเดินนั้น จนเกือบจนสุดทาง



    \"ไฟเออร์บอล!\" เรดควีดวิ่งตามลงมา และส่งลูกไฟใหญ่ มาทางเกเบียลกับโรวิน แต่ลูกไฟกลับเบี่ยงไปชนน้ำ



    \"เกือบไปแล้ว โชคดีที่มีน้ำ จริงมั้ยเกเบียล\" โรวินพูดด้วยเสียงที่หอบ



    \"ใช่ โชคดีที่มีน้ำ ...น้ำ...ใช่แล้ว...น้ำ!\" เกเบียลปัดมือเป็นสัญญาณให้โรวินขึ้นไปอีกฝั่ง

    เกเบียลยืนนิ่ง ชูมือข้างขวาของไปข้างหน้า ไม้เท้าของเกเบียลก็ควงลอยกลับมาหาเกเบียลอีกครั้ง

    ทันทีที่ไม้เท้าถึงมือเกเบียล น้ำทั้งสองฝั่งที่แยกจากกัน ก็ปิดลง เรดควีนร้องโหนหวน

    ตัวของเรดควีนที่เป็นลาวา ส่งเสียงดังฟู่ๆ แล้วเรดควีนก็ล้มลง มงกุฏกระเด็นตกลงไปในน้ำ



    \"แก...ไอ้โสมม...ตาย\" เรดควีนควานหามงกุฏ และเกเบียลในน้ำ ซึ่งเรดควีนมั่นใจว่านี่ต้องเป็นแผน

    ให้ตายตกตามกันของเกเบียลแน่นอน



    แต่เกเบียลกลับปรากฏบริเวณเหนือผิวน้ำ ด้านหลังของเรดควีน \"รับกระบวนท่า!\"

    เกเบียลตะโกนเรียกเรดควีน เพราะเกเบียลไม่ใช่คนคิดลอบกัดใคร จากด้านหลัง



    \"ไฮโดรบลาส!\" คลื่นน้ำแรงดันสูงรอบทิศ พุ่งใส่เรดควีน ในที่สุด ร่างที่แข็งกร้าวอย่างเรดควีนก็ล้มลงอีกครั้ง กลางทะเลสาป



    \"เทเลพอต!\" โรวินท่องคาถาเบาๆ เกเบียลก็หายตัว มาปรากฏตัวข้างโรวิน



    \"ข้าไม่อยากจะเชื่อ\" โรวินตะโกน พร้อมกับเกาหัว

    \"ท่านเยี่ยมยอดมากเกเบียล ถึงแม้ไม่ได้อัญมณีกลับคืนมา ข้าก็ดีใจที่กำจัดเรดควีนได้\"



    \"ขอบคุณที่ชมโรวิน แต่เจ้าพูดผิดไปอย่าง\" เกเบียลแบมือ ซึ่งในขณะนี้ มีอัญมณีทั้งสามเม็ด ส่องแสงประกายแวววาว

    ต่างจากตอนที่อยู่กับตัวเรดควีน



    \"นี่ของเจ้า คริสตันกระจก อ้าว ร้องไห้ทำไมโรวิน ข้าไม่ได้ตายซะหน่อย\"

    โรวินเช็ดน้ำตาบริเวณใบหน้า ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนมือทั้งสองข้างของโรวิน ดูไร้ประโยชน์

    เมื่อเทียบกับจำนวนน้ำตา ที่หลั่งไหลออกมามากมาย



    \"ข้า ... เอ่อ ... ข้าตื้นตัน\" โรวินพูดด้วยน้เสียงที่สะอื้น



    \"ไม่เอาน่า ผู้ชายเค้าไม่ร้องให้ให้ผู้หญิงเห็นหรอก ..อ๊ะ\" โรวินวิ่งเข้าสวมกอดเกเบียล



    \"ข้ายินดีจะติดตามท่านไปตลอดชีวิต เพราะชีวิตนี้ข้าก็ไม่เหลือใครไว้เป็นความหวังอีกแล้ว\"

    โรวินกอดเกเบียลแน่นจนเกเบียลหายใจแทบไม่ออก



    เกเบียลมองหน้าโรวินแล้วแล้วยิ้มน้อยๆ \"เฮ้อ...เด็กน้อย เจ้ายังอ่อนต่อโลกนัก\"



    เกเบียลขยับตัวออกจากโรวินที่กอดอยู่ \"เอ่อ ...ข้า...ไปดูแผนที่ก่อนนะโรวิน\"



    \"โค้งข้างหน้านี้ก็ทุ่งประกายเพลิงแล้ว เราควรพักก่อนก่อนนะ\"

    เกเบียลยังคงวางฟอร์ม ที่สุขุม เช่นเคย\"เกเบียลเดินนำไปตรงหัวโค้งแล้วนั่งลงโรวินก็เดินมานั่งด้วย



    \"นั่งมืดๆแบบนี้น่ะหรือ เกเบียล\"โรวินโบกมือ ก็มีกองไฟลุกขึ้นข้างหน้าทั้งสองคน



    \"ข้าหาหินมากันไม่ให้ไฟลามก่อน\"โรวินพูดพลางลุก ไปหยิบหิน



    \"ทำไมไม่ใช้ ชาโดว์ เซนซ์ ล่ะจะได้มองสว่างๆ\" เกเบียลถาม พลางสงสัย



    โรวินหันหน้ามายิ้มๆ \"ไม่โรแมนติก\"



    \"แหม แก่แดดจริงนะอายุเท่านี้\" โรวินเอาหินมากันไฟเสร็จแล้ว จึงมานั่งผิงไฟแก้หนาว



    \"นอนซะเถอะเกเบียล ข้าเฝ้ายามให้\" โรวินพูดพลางจ้องไปในกองไฟ ซึ่งตอนนี้กำลังโชติช่วง แม้ไม่มีเชื้อเพลิง

    \"หือ ...แล้วเจ้าไม่นอนหรอ\"



    \"ไม่เป็นไร ข้าหนาว เดี๋ยวผิงไฟสักพักข้าก็จะนอนละล่ะ\" เกเบียลหันมาหาโรวินแล้วฉีกยิ้มกว้าง\"

    เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า โรคขี้หนาวเจ้าจะหายเป็นปลิดทิ้งเชียวล่ะข้านอนล่ะ\"



    โรวินมองเกเบียลหลับ แล้วก็คิดเรื่องที่เกเบียลพูด และมองทัศนียภาพรอบข้าง ไปเรื่อยๆ กลับพบว่าบรรยากาศนั้น เงียบจนน่ากลัว

    โรวินชะเง้อคอมองไปยังโค้งข้างหน้า ที่เกเบียลบอกว่าเป็นทุ่งประกายเพลิง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร เพียงแต่สังเกตเห็น

    เม็ดทรายลอยปลิวไปมา บริเวณโค้งนั้น



    \"แกร่กๆ\"



    เสียงลึกลับดังมาจากหัวโค้งนั้น



    \"เกเบียล...\" โรวินพยายามเรียกเกเบียล แต่ก็ไม่เป็นผล นอกเสียจาก โรวินได้รับอภินันทนาการ โดนกระเป๋าสัมภาระฟาดใส่หน้า



    \"จะนอน!\" เกเบียลพลิกตัวกลับมาตะโกนใส่โรวิน แล้วหลับต่อ



    \"งั้นข้านอนดีกว่า\" โรวินรีบข่มตานอน แม้ได้ยินเสียงนั้นอีกหลายครั้งก็ตาม



    โปรดติดตามตอนต่อไป สุสานสักการะชน ผู้รักแผ่นดิน



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    *โฮโลแกรม : ภาพสามมิติ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×