ตอนที่ 4 : 01
01
“โอ้ ดูนั่นสิ นั่นบาคุโก คัตสึกินี่นา!”
“คุณบาคุโก! มองมาทางนี้หน่อยค่ะ!”
“ทางนี้ๆ หันมาทางนี้ด้วย!”
“เซ็นนี่ให้หน่อยนะคะ นะคะ ได้โปรด!”
“คุณบาคุโกกกก!!”
เสียงเรียกและเสียงกรีดร้องจากบรรดาแฟนๆที่มารออยู่หน้าตึกสตูดิโอดังกระหึ่มขึ้นเมื่อเขาก้าวเท้าออกจากที่ทำงานเพื่อที่จะฝ่าฝูงชนขึ้นรถหลังเลิกงาน
“ขอทางหน่อยนะครับ! ขอทางหน่อยครับ!” เสียงบอดี้การ์ดของเขาตะโกนแข่งกับแฟนๆพร้อมกับกันไม่ให้คนเข้าใกล้เขาไปด้วย “ไม่สะดวกถ่ายรูปนะครับ ขอทางด้วยครับ!”
“งั้นฝากของให้หน่อยได้มั้ยคะ!?”
“ช่วยรับไว้ด้วยนะครับ! ลูกสาวผมแกชอบคุณมากเลย!”
“นี่ คุณบอดี้การ์ด! ช่วยรับนี่แทนเขาที!”
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถฝ่าดงแฟนๆมาขึ้นรถได้ในเวลาที่ถือว่าไม่นานนัก เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพลางเอนตัวพิงเบาะหลัง
“กว่าจะหลุดมาได้...พวกนั้นนี่หนวกหูชะมัด” เขาบ่น
“ไม่เอาน่าๆ พวกนั้นคือแฟนๆที่คอยสนับสนุนนายนะ” บอดี้การ์ดยิ้มพลางยื่นช่อดอกไม้ที่มีคนโยนมาให้เขารับไว้เพื่อเอาไปมาให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา “เอ้านี่ ของที่เมื่อกี๊ใครก็ไม่รู้ฝากมาให้”
“นายเอาไปเหอะ” เขาพ่นลมทางจมูกและหลับตา
“บาคุโก--”
“ไม่ต้องมาทำเสียงยานคาง” บาคุโกขมวดคิ้ว “จะฉันรับหรือนายรับไว้ มันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ดอกไม้นั่นอยู่ได้ไม่เกินอาทิตย์ก็เหี่ยวเฉาแล้ว นายจะทำยังไงกับมันก็ช่าง ฉันของีบก่อนล่ะ”
คิริชิมะลอบถอนหายใจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดแอพถ่ายภาพเพื่อถ่ายรูปช่อดอกไม้กับของฝากเล็กๆน้อยๆที่เหล่าแฟนๆยื่นมาให้แล้วเขารับไว้ได้ทันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน จากนั้นนำรูปภาพทั้งหมดอัพโหลดขึ้นในอินสตาแกรมของบาคุโก...
อ่านไม่ผิดหรอก...อินสตาแกรมของบาคุโกผู้โด่งดัง...ในฐานะดารานักแสดง...
ชะตาชีวิตของคนเรานั้นมักเล่นตลกอยู่เสมอ...
บางคนเกิดมาโชคดี มีทุกอย่างเพรียบพร้อม มีพลัง ความสามารถ หรือพรสวรรค์อะไรก็ตามที่ได้เปรียบคนอื่น มีความฝันที่สามารถทำให้เป็นจริงได้...
บางคนโชคดีน้อยกว่า เกิดมาต้นทุนชีวิตกลางๆ ต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นเพื่อบรรลุความฝัน...
บางคนโชคไม่ดี เกิดมาต้นทุนชีวิตต่ำกว่าคนอื่น ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความฝันที่ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย...
ที่เลวร้ายที่สุด...ก็คือ...คนบางคนที่เกิดมาพร้อมต้นทุนชีวิตดี มีทุกอย่างเพรียบพร้อม มีพรสวรรค์...แต่กลับทำตามความฝันไม่ได้...
บาคุโกคิดว่าตนเองคือคนประเภทหลังสุดนั่น...
“ไม่เป็นไรนะคัตจัง อัตลักษณ์อาจจะปรากฏช้าก็ได้ อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ”
“ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากแบ่งพลังให้คัตจัง”
“อย่างคัตจังต้องเป็นฮีโร่ได้อยู่แล้ว ก็เพราะคัตจังแข็งแกร่งกว่าผมนี่นา”
“คัตจัง...”
มิโดริยะ อิซึคุ หรือ เดกุ เพื่อนสมัยเด็กของเขามักจะพูดให้กำลังใจเขาอย่างกล้าๆกลัวๆอยู่เสมอ พูดว่าเขาต้องมีอัตลักษณ์บ้างล่ะ เป็นฮีโร่ได้บ้างล่ะ ...เจ้านั่นพูดแต่ละอย่างแบบไม่มองความเป็นจริงเลยสักนิด มันน่าโมโหชะมัด... อัตลักษณ์ปรากฏช้าบ้าบออะไรกันล่ะ? เขามันคนไร้อัตลักษณ์ต่างหากล่ะโว้ย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่มีก็คือไม่มี แต่คนอย่างบาคุโกไม่มีทางยอมแพ้กะอีแค่เกิดมาไร้อัตลักษณ์หรอก ในเมื่อฟ้าไม่ประทานพลังมาให้เขา เขาก็จะสร้างมันขึ้นมาเองในแบบของเขานี่แหละ
เขาฝึกฝนร่างกายอย่างหนักมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มขึ้นชั้นประถม เรียนรู้ศิลปะต่อสู้แทบทุกแขนงที่สามารถเรียนได้ โหมออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งกล้ามเนื้อ ร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรง เมื่อขึ้นมัธยมต้นก็เริ่มแอบที่บ้านเรียนรู้การใช้อาวุธต่างๆนาๆจนคล่องมือ ในยามที่เขาเจอคนถูกทำร้ายหรือร้านค้าที่ถูกปล้นจากเหล่าวิลเลิน เขาก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือปกป้อง...และส่วนมากเขาจะทำสำเร็จเสียด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรฮีโร่เขาก็ช่วยเหลือคนได้เหมือนกัน
จริงอยู่ว่าการเป็นโปรฮีโร่นั้นมีชื่อเสียงและรายได้ที่มั่นคง(ในกรณีที่เป็นฮีโร่คนดังระดับท็อป) ทว่า...มันก็ยังมีสายอาชีพอื่นที่สามารถทำเงินได้มากพอๆกันอีกเยอะแยะ ดังนั้นเมื่อมีแมวมองที่บังเอิญมาเจอเขาแล้วถูกชะตาด้วยชักชวนให้เข้าสู่วงการบันเทิง เขาก็ไม่ปฏิเสธและตอบรับทันที
ด้วยความที่บาคุโกเป็นคนฉลาดรอบด้านและหน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อนก็สามารถเรียนเพิ่มเติมและไต่เต้าขึ้นเป็นดาราดังแถวหน้าได้อย่างรวดเร็ว บทบาทที่ทำให้เขาดังเป็นพลุแตกก็คือบทของฮีโร่ตัวเอกในละครซีรี่ยส์ที่กำลังออกอากาศอยู่นั่นเอง...
มันน่าเจ็บใจและบัดซบพอๆกับน่ายินดีและภาคภูมิใจเลยทีเดียว...
พูดไปใครจะไปเชื่อล่ะ ว่าคนไร้อัตลักษณ์อย่างเขาจะได้เป็นฮีโร่ในจอแก้วที่โด่งดัง แถมยังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำได้มากกว่าโปรฮีโร่ที่กำลังไต่เต้าขึ้นสู่อันดับหนึ่งอย่างเจ้าเดกุนั่นเสียอีก...
แน่นอนว่าการเป็นดาราดังต้องมาพร้อมกับเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวอยู่เสมอ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจะลดน้อยลง...แต่เขาก็รู้ดีว่านั่นก็เป็นราคาที่เขาต้องจ่ายเพื่อแลกมาด้วยการมายืนยังจุดนี้ของชีวิต
ในช่วงเริ่มแรก เขายังสามารถไปไหนมาไหนเองได้คนเดียวโดยไม่โดนรุมล้อม ทว่าเมื่อซีรี่ยส์เริ่มเป็นที่นิยมและโด่งดังมากขึ้น การปลอมตัวออกจากบ้านก็ไม่ใช่เรื่องที่ได้ผลอีกต่อไป เพราะผู้คนต่างก็จำหน้าเขาได้ นั่นทำให้ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวคอยติดตาม...คนๆนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คิริชิมะ เอย์จิโร่ เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับเขาและเจ้าเดกุเมื่อสมัยมัธยมปลายนั่นเอง
“บาคุโก ตื่นๆ ถึงบ้านแล้ว” คิริชิมะเขย่าไหล่ผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายที่ยังคงนั่งหลับอยู่เบาๆ เมื่อผู้จัดการซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีจอดรถในที่จอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดฯขนาดกลางแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองของกรุงโตเกียว
บาคุโกปรือตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นนวดหัวตาแล้วลงจากรถโดยมีคิริชิมะเดินตามอยู่ข้างหลัง พวกเขาพาตนเองขึ้นมาถึงชั้นเป้าหมายและตรงไปยังห้องพัก
เขากำลังจะรูดคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้อง ก็เห็นว่าบอดี้การ์ดหนุ่มผมแดงมายืนอยู่ข้างๆเขาพร้อมกับถุงของขวัญจากแฟนๆถุงใหญ่ในมือ
“มีอะไร?”
“ของขวัญจากแฟนๆไง ฉันจะเอาไปวางในห้องนายให้”
“ไม่ต้องหรอก นายเอาไปเหอะ”
“แฟนๆให้นายนะ ไม่ได้ให้ฉันซะหน่อย” คิริชิมะป่องแก้ม “อย่างน้อยก็ถ่ายรูปคู่กับของเหล่านี้แล้วโพสท์ขอบคุณหน่อยก็ยังดีนา”
“ไม่ใช่ว่าถ่ายไปแล้วเหรอ บนรถเมื่อกี้น่ะ”
“นั่นฉันถ่ายแต่ของ ไม่มีหน้านายติดเข้าไปด้วยนี่นา”
“แต่มันก็ IG ของฉันไม่ใช่เรอะไง?”
“รูปแบบกำลังทำท่าเหมือนจะใช้สิ่งของเหล่านั้นก็ได้ คือ...แฟนๆอยากเห็นอัพเดท...”
นักแสดงหนุ่มจิ๊ปาก “งั้นเร็วๆ แล้วไปโพสท์เองนะ”
“อื้อ ได้เลย”
เมื่อจัดแจงถ่ายรูปพ่อนักแสดงหนุ่มชื่อดังกับของขวัญต่างๆที่ได้รับมาจากแฟนๆแล้ว คิริชิมะก็โดนไล่ให้กลับห้องตัวเองซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนี้ไปไวๆ แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรเพราะชินกับนิสัยแบบนี้ของอีกฝ่ายแล้ว เขาตรวจตราความเรียบร้อยภายในห้องตามปกติเฉกเช่นทุกวัน เช็คในตู้เย็นว่ามีวัตถุดิบหรืออาหารพอสำหรับยังชีพได้สัก 2-4 วันหรือเปล่า จากนั้นจึงจะยอมกลับห้องตนเอง(แบกของขวัญของแฟนๆไปด้วยเพราะบาคุโกไม่อยากเก็บไว้ให้รกห้อง)
“งั้นฉันกลับห้องก่อนล่ะ มีอะไรขาดเหลือก็เรียกได้ตลอดนะ” คิริชิมะยิ้มยิงฟันขณะกำลังใช้มือข้างที่ว่างเปิดประตู
“นี่”
“หือ?”
“นายเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วอีกชั่วโมงนึงค่อยกลับมา”
“ได้สิ ว่าแต่มีอะไรเหรอ?”
“ข้าวเย็น...”
“อ๊ะ!”
“หรือว่าอยากจะออกไปซื้อกินจากข้างนอกล่ะ?”
“ไม่ๆ กินที่นี่แหละ” ชายหนุ่มผมแดงยิ้มแป้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าครัวทำมื้อเย็น นานๆทีเขาจะเห็นบาคุโกมีเวลาและอารมณ์ที่อยากจะลงมือทำอาหาร ดังนั้นเขาจึงดีใจมาก “งั้นเดี๋ยวฉันรีบเอาของไปเก็บแล้วมาอยู่ช่วยดีกว่า”
“ช่วยให้ช้าลงน่ะเหรอ? ไม่ต้องหรอก นายอยู่เฉยๆไปนั่นแหละ”
“ใจร้ายอ่ะ ก็ฉันอยากช่วย...”
“ถ้าอยากช่วยมากนักก็ช่วยอยู่ล้างหม้อล้างจานไปก็แล้วกัน”
“โอ้ ได้เลย!”
TBC...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารัก~~~ ทำต่อไปนะคะ จะเป็นกำลังใจให้
off