คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอน 5 - เพราะเราคู่กัน 2 (รีไรท์ 24/11/67)
ตอน 5 เพราะเราคู่กัน
2
ตฤณเหม่อมองร่างของเจสญาติผู้น้องที่นอนหลับบนเตียงผู้ป่วยไปด้วยฤทธิ์ยาคลายเครียดจากแพทย์ เขาไม่รู้เกิดสิ่งใดขึ้น หลังเจสวิ่งออกไปจากห้องของเขา
พอรู้เรื่องอีกทีจากยายจั่นกับตาชุ่มคือทีมแพทย์ที่กำลังเข้าเวรได้พบร่างเจสนอนหมดสติอยู่บริเวณหน้าลิฟท์แก้ว
และเมื่อเจสฟื้นขึ้นมา ก็เกิดอาการหวาดผวาตื่นกลัว
เอาแต่เขียนประโยคซ้ำๆ ใจความเดิมให้เขาอ่าน
ผีผู้หญิงมีเท้าเป็นนก
ตฤณเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนที่มือจะหมุนจอยสติ๊กถอยรถวีลแชร์ห่างจากเตียงนอน เคลื่อนล้อไปหายายจั่นกับตาชุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่ริมห้อง
“เดี่ยวป้านิ่มคงใกล้จะมาถึงโรงพยาบาลแล้ว รบกวนยายจั่นเฝ้าเจสต่อ…จนกว่าคนของบ้านโน่นจะมากันนะครับ”
“คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ
ถ้ายายยังไม่เจอหน้านิ่มมัน ยายไม่วางใจ…คนอื่นหรอก”
คำพูดของยายนิ่มเป็นเรื่องที่ตฤณเข้าใจดี
ฝั่งของบ้านนั้น นอกจากพ่อของเจสที่เป็นน้องชายแท้ๆของแม่เขาแล้ว
คงเหลือแค่ป้านิ่มที่เป็นสาวใช้คนเก่าแก่ได้ติดตามมาแต่บ้านของคุณตาคุณยายเท่านั้น….ที่พวกเขาจะวางใจได้
“ผมรีบกลับห้องก่อนดีกว่า กลัวเจอยัยสองแม่ลูกปอปหยิบนั่น
จะเอาทำเยี่ยมเจส ขี้เกียจจะอยู่เจอ แล้วนี่
ผมจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนครับ?”
ยายจั่นผู้อยู่รับใช้ตระกูลของตฤณมาสามชั่วคน ถึงแม้หูตาจะเริ่มฝ้าฟางไปตามอายุขัยที่ล่วงเข้าวัยชรา
แต่ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงคล่องตัว
เช่นเดียวกับตาชุ่มผู้มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของบ้านตฤณ
“คุณหมอดิเรกแจ้งยายว่า เอ่อ…ถ้าหนูตฤณอาการสงบเป็นปกติแล้ว
ก็ขอตรวจเช็คร่างกายอีกรอบ ถ้าไม่อะไรผิดปกติก็กลับบ้านได้ค่ะ”
ตฤณไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองกับคำของยายจั่นที่คล้ายจะบอกเป็นนัยว่าทุกคนลงความเห็นว่าตัวเขาฟั่นเฟือนไปแล้ว
“ถ้าอย่างงั้น ยายจั่นก็แจ้งคุณลุงหมอเลยครับว่า
ผมปกติแล้ว พรุ่งนี้ตรวจเช็คสมองผมได้เลย”
รัญญาลอบพิจารณารูปลักษณ์ของสาวใหญ่ผู้มีใบหน้าตรงมาตรฐานความงามพิมพ์นิยมจากฝีมือมีดหมอศัลยกรรม ด้วยใจยังไม่คิดจะยอมเชื่อถือศรัทธาเสียเท่าไร
ถึงหญิงผู้นั้นจะแต่งกายด้วยชุดรำตัวพระ วางท่วงท่านั่งขัดตะหมาดแอ่นอกที่ยัดซิลิโคนขนาดมหึมา ทำท่าเหมือนราวเป็นชายหนุ่มผู้องอาจนั่งอยู่บนพรมเปอร์เซียสีแดงสด คลุมทับบนแท่นไม้ยาวขนาดใหญ่ก็ตาม
ในขณะที่เธอกำลังขบคิดวิเคราะห์อยู่ภายในหัว
จู่ๆ หญิงผู้นั้นก็มีอาการกระตุกสั่นแรง ก่อนจะกระโดดลุกจากแท่นไม้ลงมายังพื้นห้อง
และยกนิ้วชี้ตรงไปที่ใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งพนมมืออยู่กลางแถว
“มึงไม่ต้องมาตอแหลกู! หนอยแน่ คิดจะมาหลอกกูว่าผัวไปติดเมียน้อย จะให้กูทำเสน่ห์ให้! เป็นมึงต่างหาก…ที่อยากแย่งผัวเขา!”
“ว๊าย!..ไม่ใช่คะ
พ่อปู่เจ้าเงิน! ไม่ใช่นะคะ
มันแย่งผัวหนูไปจริงๆ”
รัญญาตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ทันด่วนที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับคนนับสิบที่นั่งอัดเสียดกันภายในห้องปูนขนาดไม่กว้างมากของสำนักทรงเจ้า
“ยังจะไม่เลิกตอแหลกูอีก! มึงไสหัวออกไปจากสำนักกูเดี๋ยวนี้!”
หญิงเจ้าของสำนักทรงเจ้าเดินตรงใช้นิ้วจิ้มกลางหน้าผากของคนเดือดร้อนที่มาขอให้ช่วยเรื่องผัวจนหน้าหงาย
“กูมันสายขาว ไม่รับทำของอัปรีย์ให้มึง! ไป!”
ผ่านไปหลายสิบนาที ยังคงได้ยินเสียงฮือฮาปนเสียงซุบซิบจากผู้คนดังไม่หยุด
ถึงแม้คนต้นเรื่องเหตุการณ์จะทนความอับอายไม่ไหว คว้ากระเป๋าหิ้วหนีกลับออกไปแล้ว
แต่ว่าหญิงร่างทรงยังแสดงฤทธิ์เดช ยกสองแขนหมุนมือร่ายรำไปรอบห้อง พลางสลับกระทืบสองเท้าไม่จบ
กระทั่งมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งแต่งกายชุดเสื้อผ้าปฎิบัติธรรมสีขาว คลานยกพานทองสังกะสีเข้ามาถวายหมากพลูให้เธอหยิบเข้าปากเคี้ยวคำใหญ่ จึงมีอาการสงบลง
ฉับพลัน ร่างทรงสาวก็เกิดอาการกระตุกสั่นแรงเป็นที่ตกใจของเหล่าลูกศิษย์ ดวงตาคนมีองค์ประทับจ้องแข็งขวางไปที่ตัวรัญญา ยกเท้ากระทืบเดินดุ่มๆ เอามือวางบนศีรษะ ปากขยับพึมพำเสียงเบา ฟังคล้ายร่ายบริกรรมคาถาเป็นภาษาประหลาดจนรัญญาเริ่มรู้สึกสะท้านกลัว
“ปู่สงสารมึงนัก
ลูกชายมึงชะตา…ปิกกะจู้ขาดล่ะ!!
อีผีตัวนั้น..มันหลุดมาจากนรกคราวนี้
มันจะเอาลูกมึงไปทำผัวอยู่ด้วยกัน! ถ้ามึงยังจะทำยึกยักไม่ศรัทธากูอีก….มึงก็กลับไปกวาดศาลารอรับงานศพลูกมึงเลย!”
รัญญาอ้าปากค้าง
นึกไม่ถึงว่าเธอจะได้เจอผู้ทรงฤทธิ์ของจริง เพราะการมาสำนักทรงแห่งนี้เป็นครั้งแรก โดยได้รับการแนะนำจากสินีเลขาสาวคู่ใจ ย่อมต้องปลอมตัวปกปิดบังตัวตนจริงไว้
ร่างทรงสาวหุ่นสะบึมทำถอนหายใจยาว ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งชันเข่าไว้ข้างนึง ดวงตาจ้องลึกเข้าไปในแววตาของรัญญาที่สั่นไหวหวั่นเกรง
“แล้วไอ้ชื่อแตน
ชื่อแต๋นน่ะ! ไม่ต้องเอามาหลอกกู
มึงชื่ออีรัญญาใช่ไม๊!?”
เพียงเท่านี้ก็ทำเอารัญญาขนลุกซู่ทั่วตัว เกิดความเชื่อเลื่อมใสในหัวใจเต็มสูบ เพราะทั้งหมดที่ร่างทรงพูดออกมา ไม่มีทางที่คนนอกจะรู้ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในบ้านเธอได้ นอกเสียจากผู้มีอิทธิฤทธิ์ของจริง!
รัญญาหันขวับไปทางลูกศิษย์หนุ่มที่คลานถือพานตามติดร่างทรงมา
“ฉันพอจะขอคุยกับท่านร่างทรงเป็นการส่วนตัวจะได้ไหม?”
ศิษย์หนุ่มยิ้มกว้าง
ตอบกลับรัญญาอย่างคล่องปาก
“มีค่าเข้าพบตามเวลาครับ ถ้าคุณผู้หญิงต้องการปรึกษาเป็นการส่วนตัว
ผมจะนำใบแจ้งราคามาให้เลือกครับ ขั้นต่ำในการปรึกษาทุกปัญหาเริ่มต้นที่หนึ่งชั่วโมงครับ มีค่าร่วมบุญกัน…สามหมื่นบาทครับ”
โรงพยาบาล
กลางดึก
“ไอ้เรื่องคิดชั่วทำระยำต่ำทรามนี่ เหมือนพวกมึงจะก้าวล้ำนำหน้ากูไปทุกทีเทียว!
มิเคยจะชั่วได้เท่าทันมึงสักครั้ง! ไอ้เงิน! อีเอียด!”
เมื่อกงกรรมเคลื่อนล้อหมุนเวียนกลับคืน
นางกินรีจึงรับรู้ในทุกเหตุการณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องรอบตัวของตฤณ รวมถึงรัญญาจากญาณหยั่งรู้โดยทันใด
สองอดีตศัตรูตัวฉกาจมิได้ทำให้ผู้มาแต่หิมพานต์ต้องหวาดหวั่นเกรงกลัวมากเท่าใดนัก หลังจากได้หยั่งรู้ในเรื่องราวของอีกฝั่งนึงจนจบ จึงละสายตาจากบานกระจกหน้าต่างใส หลังจากยืนกอดอกชมวิวแสงสียามค่ำคืนจากตึกใหญ่รอบข้างและบนท้องถนนด้านล่างอยู่เป็นนาน
เธอหันกลับหลังมาทางเตียงนอนเหล็กก็เห็นคนหลับสนิทไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา แต่กลับละเมอใช้เท้าข้างที่ยังอยู่ดี ถีบเอาผ้าห่มผืนใหญ่ออกพ้นตัวหล่นตกเตียงไป ก็อดจะเป็นห่วงกลัวตฤณจะได้ป่วยเป็นไข้เพิ่ม
“นี่กุศาเพิ่งรู้ว่าท่านชายสะยาเป็นคนนอนดิ้นถึงเพียงนี้”
จากมุมหน้าต่างอีกด้านนึงของห้องกว้างที่นางกินรียืนอยู่
เพียงยกเท้าหนึ่งก้าวเดินก็ย่นระยะทางมาถึงเตียงนอนของตฤณได้ในชั่วพริบตา มือเรียวเอื้อมคว้าผืนผ้ากองตกพื้นห้อง จับนำห่มคลุมให้เสมอแผ่นอกกว้าง
พลันสายตาจึงเพิ่งสังเกตเห็นรอยสักของคนนอน ซึ่งคล้ายลายเส้นวาดเป็นรูปปีกนกสีแดงและมีเปลวเพลิงกระจายอยู่รอบๆ ตรงกลางแผงกล้ามอกขาวแน่น
“ไปสักรูปกระไรกัน? ขอแอบดูหน่อยนะมังคะ”
ถือว่าได้บอกกล่าวเจ้าของรอยสักแล้ว ปลายนิ้วชุกชนเริ่มทำการแหวกขยายช่องสาบเสื้อผู้ป่วยสีฟ้าออก
แต่ว่ายังไม่เห็นชัดๆ เท่าใดนัก
“เป็นรูปนก รอยสักต้องเป็นรูปนกแน่ๆ หรือว่าท่านชายสะยา…อาจจะทรงเคยมีนิมิตเห็นกุศา!”
อารามตื่นเต้นแอบหวังลึกๆ ถึงคนในชาตินี้ อาจจะมีจิตปฏิพัทธ์ผูกพันถึงอดีตชาติร่วมกันก็เป็นได้ นางกินรีจึงไม่รีรอที่จะปีนขอบเตียงเหล็ก เลื่อนร่างขึ้นไปนั่งคร่อมตรงเอวของตฤณไว้ จัดการแกะปมเชือกผูกเสื้อออก
จับแยกกางขอบเสื้อออกกว้าง
ในจังหวะเดียวกันนั้น ตฤณที่กำลังนอนหลับก็ได้ลืมตาตื่น ส่งฝ่ามือเข้าคว้าหมับจับข้อมือของนางกินรีไว้ได้อย่างแม่นยำ
“ทำอะไร?”
คนเพิ่งตื่นถามเสียงกร้าวแข็ง ใบหน้าเรียบตึงเยือกเย็น ดวงตามองเขม็งจ้องใบหน้าสวยแปลกที่จำได้อย่างไม่มีลืม
“แล้วนี่ใครถวายชุดนี้ให้ใส่ ทุเรศฉิบ! บอกเลยนะ…ถึงใส่มายั่วขนาดนี้ก็ไม่เกิดอารมณ์”
อย่าไว้ใจนิยายเรื่องนี้นะจ้า มีพลิก!
แต่จะพลิกที่ตัวละครไหน ต้องติดตามอ่านต่อจ้า
ความคิดเห็น