ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
ศิลปะพม่าสมัยราชวงศ์คองบอง พม่ายุค (พุทธศตวรรษที่ 23-25) ถือว่าเป็นราชวงษ์สุดท้ายของพม่ามีการย้ายเมืองหลวงบ่อยมาก ได้แก่ ชเวโบ อังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลย์ จึงทำให้งานช่างศิลปะจึงมีลักษณะเหมือนกัน เรียกว่า ศิลปะราชวงศ์คองบอง นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลของศิลปะอื่นเข้ามาปะปนอยู่บ้าง คือ ศิลปะแบบล้านนา ศิลปะไทย โยเดีย และ ศิลปะตะวันตก แต่ดังเดิมทั้งหมดต้นแบบมาจากเมืองพุกาม1.อัณฑะเจดีย์ นิยมสร้างพระเจดีย์ทรงกลมระฆังแท้แบบพุกามแท้ คือ เจดีย์ทรงระฆังไม่มีบังลังก์ แต่มีลวดลายประดับ เช่น ลายใบไม้อะแคนตัสแบบตะวันตก ลายหน้ากาล
2. เจติยวิหาร สมัยราชวงศ์คองบอกงนิยมสร้างน้อยมาก ย่อส่วนลดลงมาจากแบบพุกาม เช่น วิหารจ็อกตอจี สร้างเลียนอนันทเจดีย์แบบพุกามแต่มีขนาดเล็ก ลวดลายประดับพนังซุ้มมีขนาดเล็กแบบดั้งเดิม ซุ้มเคล็ก และถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น ลายใบอะแคนตัสแบบฝรั่ง หรือ ทำเป็นกรอบรูป สีหสนะบังลังก์ มาแทนซุ้มเคล็ก
3. อาคารทรงปยาธาตุ คือ อาคารที่นิยมสร้างในพม่า คำว่า ปยาธาตุ คือ อาคารที่นิยมสร้างด้วยไม้ มียอดเป็นเรือนชั้นซ้อน กันหลายชั้น เชื่อว่าเป็นเรือนฐานันดรสูง เป็นที่ประทับของเทพเจ้า หรือ พระมหากษัตริย์
ปยาธาตุพม่า มีลักษณะแบบอาคารทรงปราสาทของไทย แตกต่างที่ ศิลปะพม่าจะมีลักษณะการซ้อนชั้นที่เห็นฝาเรือนและหลังคาขึ้นไป แต่ไทยจะไม่เห็น เรียกว่า คอสอง
4. อาคารสังฆิกวิหาร ( เจาง์พม่า ) คือ พุทธสถานที่นิยมเรียกว่า เจาง์ มีแผนผังเป็นฐานยกพื้นสูง รูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีบันไดทางขึ้นสู่ลานบน และขึ้นไปเป็นลานเดิน รอบอาคาร บนฐานมีอาคาร 2สิ่ง คือ
1.ด้านทิศตะวันออก หรือ ด้านหน้า เป็นหอพระ มีเรือนยอด ปยาธาตุ 5 ชั้น หรือ 7ชั้น
2. ด้านหลัง เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นสังฆิกวิหาร คือ กุฏิพระ หอฉัน หอสวดมนต์ ห้องเรียน หอไตร รวมอยู่ในที่เดียวกัน
เจดีย์เอกลักษณ์ศิลปะพม่า ประกอบด้วย ฉัตร บนยอดสุด รองลงมาคือ ปลี ปัทมา ปล้องโฉน ลายเฟื่องอุบะ องค์ระฆัง ลายกรวยเชิง รัดอก ลายเฟื่องอุบะ สถูปิกะ บัวปากระฆัง หม้อปุรณฆฏะ ฐานประทักษิณ ชั้นฐานบัว 3 ชั้น
ปยาธาตุ (เรือนชั้นซ้อน) ประกอบด้วย ยอดบนสุด ฉัตร(เธียร) รองลงมา คือ ปลียอด หน้าจั่ว (กะหลุ่งต๋อง)
ความคิดเห็น