คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 การเริ่มต้น
Chapter 1 การเริ่มต้น
ณ สุดเขตชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง พรอนเทร่า เมืองหลวงแห่ง รูน มิดการ์ด ที่ซึ่งเป็นตะเข็บรอยต่อกับเมืองต่างๆอีกหลายแห่ง มีเพียงหมู่บ้านเล็กๆเพียงแห่งเดียว ที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนอาศัยอยู่มากนัก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไม่มีใครคิดอยากจะจับจองที่นี่ เนื่องจากความทุรกันดาร ไกลปืนเที่ยง ทั้งยังไม่มีกำลังป้องกันใดๆจากราชสำนักส่งมาถึงเช่นนี้ จะว่าไปอาจจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าที่แห่งนี้มีอยู่จริง หรือคนที่รู้ก็อาจจะลืมไปแล้วว่าเคยมี ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จำเป็นต้องคุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี ซึ่งส่วนมากก็อยู่กันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แน่นอนล่ะคนที่นี่ส่วนมากก็จะยากจน ทำงานเก็บของป่าหาเลี้ยงชีพไปวันๆด้วยความสงบสุข
จะว่าไปแล้วครอบครัว ซอรอน นั้นอาจจะได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวของที่นี่ ครอบครัวนี้ดูจะร่ำรวย และ มั่งคั่งที่สุดในที่เล็กๆนี้ ที่ดินหลายภูเขาที่ไกลออกไปนั้นเป็นที่ทำกินของครอบครัวซอรอน ซึ่งมีอาชีพเป็นชาวสวน พวกเขา ปลูกทุกสิ่งทุกอย่างบนที่ดินของเขา รวมถึงสมุนไพรหายากต่างๆ ซึ่งทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ด้วย จึงเป็นสาเหตุให้ระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของหมู่บ้านนี้ไหลเวียน เพราะนอกจากจะเอาของไปขายในตัวเมืองแล้ว ซิกซ์ ซอรอนที่พวกชาวบ้านมักเรียกกันว่า "พ่อเมือง" ยังนำของจากในตัวเมืองเข้ามาจำหน่ายอีกด้วยจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกนักเพราะส่วนมาก เขาจะแจกให้ชาวบ้านฟรีๆเสียมากกว่า
ครอบครัว ซอรอน เป็นครอบครัวที่คอยดูแลสารทุกข์สุขดิบ แจกจ่ายข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ชาวบ้านเสมอๆใครขาดเหลือหรือมีปัญหาอะไรก็มักจะมากันที่นี่ ที่อาจจัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน พ่อเมืองยื่นมือเข้าช่วยเหลือในยามที่มีผู้คนตกทุกข์ได้ยากทุกครั้งโดยไม่ต้องมีใครเอ่ยปากขอ เมื่อมีมอนสเตอร์หลงเข้ามา พวกเขาก็ออกตัวปกป้องและขับไล่พวกมัน หรือหากมีคนบาดเจ็บ แม่เมือง ภรรยา พ่อเมือง ซึ่งเชี่ยวชาญการแพทย์ราวกับใช้มนต์ก็จะช่วยรักษาพวกเขา ถ้าเป็นเรื่องวิชาการแพทย์ ชาวบ้านเชื่อว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีฝีมือเกินหน้าแม่เมืองได้ ด้วยเหตุต่างๆทั้งหมดนี้นี่เองที่ชาวบ้านถึงได้ยกย่องให้ครอบครัวนี้เป็นผู้นำของหมู่บ้าน
ครอบครัวซอรอน มีลูกชายอยู่ 2 คน คือ เดวอน และ ลาคัส เดฟ อายุมากกว่า ลูฟ 3 ปี ลูฟ และ เดฟ ทั้งคู่ไม่เพียงเป็นเด็กฉลาดมีไหวพริบ ยังมีหน้าตา ท่วงท่าที่สง่างามทว่าเยือกเย็นเหมือนพ่อราวกับแกะ
เวลาในวัยเด็กของทั้งสองนั้น หมดไปกับการเล่นปีนป่ายตามป่าเขา สร้างบ้าน เที่ยวหาของแปลกๆจากในป่ามาเล่นบางอย่างก็ทดลองเอามากินด้วยตนเองตามประสาเด็ก จนบางครั้ง เดฟ ผู้พี่ถึงกับต้องรับผิดชอบลากน้องชายออกมาจากป่าให้แม่ตรวจดูอาการ
ในวันนี้ถือเป็นวันดี ซิกซ์ ซอรอน สัญญากับเดฟ และลูฟว่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาในตัวเมืองพรอนเทร่า
ณ เมือง พรอนเทร่า เมืองหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่า เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายอาชีพ ผิดกับที่ที่พวกเขาอยู่โดยถนัดตา การเริ่มต้นของ ลูฟ และเดฟ เกิดขึ้นที่นี่....
ลูฟและเดฟ สนใจสิ่งต่างๆมากทั้งตึกรามบ้านช่องผู้คนมากมายแต่งตัวแตกต่างจากคนที่หมู่บ้าน บ้างก็กำลังแบกของ บ้างกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
พวกเขาไม่เคยไปในที่ที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะออกจากหมู่บ้านด้วยซ้ำ ที่นี่นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้ออกมาดูโลกภายนอก เพราะโดยปกติแล้ว ซิกซ์จะเข้าเมืองเพื่อเอาของมาขายเพียงผู้เดียวเสียมากกว่าแต่ครั้งนี้ พ่อคงอยากให้ได้เปิดหูเปิดตาบ้างเลยพาพวกเขาห้อยมาท้ายเกวียนเช่นนี้
เมื่อเกวียนของ ตระกูลซอรอน ไปถึงยังตลาดสด ก็พบพ่อค้าแม่ค้ามากมาย ขายของอยู่อย่างคึกคักผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่
ซิกซ์ กำลังเตรียมตัวลงจากเกวียนเพื่อขนสมุนไพรไปขายให้พวกแม่ค้า พ่อค้าแม่ค้ามากหน้าหลายตาส่งเสียงเรียกซิกซ์ ให้เอาของไปขายกับตน ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอม แข่งกันตัดราคา ตะเบงเสียงแข่งกัน โดยให้ราคาที่มากขึ้นเรื่อยๆจนแม่ค้าหน้าละอ่อนที่ดูเหมือนยังเด็กที่สุดในวงการพ่อค้าแม่ค้า ขอถอนตัว ยอมแพ้กับราคาที่สู้ไม่ไหว แม่ค้าหน้าเหี้ยมผู้กำชัยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เพราะถ้านำสมุนไพรไปขายต่อราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นห้าถึงสิบเท่าเพราะถึงจะต้องแข่งกันตัดราคานิดหน่อย แต่สุมนไพรเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดที่ไม่ใช่ใครก็จะปลูกขึ้น ผู้มีเงินถังเป็นทุนเดิมมากกว่าย่อมได้เปรียบผู้ที่มีแค่เงินถุง ช่วยไม่ได้นี่เป็นวิถีชีวิตของสังคมเมืองนี่นา ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นเรื่องปกติ
ลูฟและเดฟ ที่ถูกซิกซ์กำชับหนักว่าอย่าออกจากเกวียนไปเดินเพ่นพ่านเด็ดขาดเพราะอาจหลงทางได้ กำลังยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสำรวจดูสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างกระตือรือร้น เพราะโอกาสที่จะได้เข้าเมืองอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ จนมีอัศวินผู้หนึ่งร่างกายกำยำ ท่าทีติดออกจะขี้เล่นอายุราว 20 กว่าผ่านมา
"ไงเจ้าหนู พ่อแม่เจ้าไปไหนหลงทางหรือป่าวเดี๋ยวพี่ตามหาพ่อแม่ให้เอามั้ย"
"พ่อของผม เป็นพ่อค้ากำลังขายของอยู่ทางโน้น"เดฟ ตอบพลางชี้ไม้ชี้มือไปทาง ซิกซ์ ที่คงตกลงได้แล้วว่าจะขายสินค้าให้กับใครโดยกำลังเช็คสมุนไพรกับเงินจำนวนหนึ่งที่คาดว่าจะใช้แลกเปลี่ยนกัน
"อย่างพี่ชายนี่ต้องใช่ว่าอัศวินแน่ๆ" เดฟพูดออกไปโดยคาดคะเนจากรูปร่าง อาวุธที่ชายผู้นั้นพก และเครื่องแต่งกาย
"ผมอยากเป็นอย่างพี่จังฮะ"เดฟ พูดต่อ
"แล้วเจ้าจับดาบเป็นรึยังล่ะ ถ้าเจ้าอยากเป็นอัศวินอย่างข้านะเจ้าหนูเจ้าจงกลับไปฝึกวิชาดาบให้คล่องแคล่วและเมื่อเจ้าอายุครบ 15 ปี แล้วเจ้ายังไม่เปลี่ยนใจ เมื่อนั้นให้เจ้ากลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อสอบเป็นนักดาบขั้นแรกสุดของการจะเป็นอัศวินผู้กล้าของพระราชา"
เมื่อพูดจบประโยคพ่อของ ลูฟและเดฟ ก็กลับมาถึงเกวียนพอดี อัศวินผู้นั้นก็เดินจากไปโดยที่ทั้งสองไม่ทันได้ร่ำลา ในวันนั้น ลูฟและเดฟ ได้เที่ยวเมืองพรอนเทร่าทั่วทั้งเมือง พวกเขาดีใจสุดๆ ราวกับได้ของเล่นชิ้นโต ลูฟและเดฟ ได้เที่ยวตั้งแต่ตลาด ป้อมปราการ โบสถ์ โรงเรียนต่างๆในเมือง ร้านขายสินค้านานาชนิด ไปจนถึงพระราชวังพรอนเทร่า ที่สร้างด้วยศิลปะแบบบาโรค ที่แม้แค่ได้เห็นเพียงภายนอกก็สัมผัสได้ถึงความโอ่อ่า ลึกลับ น่าเกรงขาม รายล้อมด้วยอัศวินชั้นสูงผู้จงรักภักดีต่อพระราชา พระราชวังแห่งนี้สะสมเรื่องราวต่างๆผ่านกาลเวลาคู่กับองค์ราชันย์ และรัชทายาทมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ครั้งที่เมืองพรอนเทร่าได้สถาปนาเป็นเมืองหลวง ผู้คนที่ผ่านมาที่นี่จะรู้สึกถึงกลิ่นไอของประวัติศาสตร์ และความกล้าหาญอันใหญ่ยิ่งของบรรพบุรุษที่ร่วมปกป้องผืนแผ่นดินด้วยชีวิต
วันนี้เป็นวันที่พวกเขาสนุกมากๆเพราะนอกจากจะได้รู้จักสถานที่ต่างๆในเมืองแล้วยังได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกเพียบ นอกเหนือจากความสนุกแล้วดูเหมือนว่ายังมีบางสิ่งเกิดขึ้นในจิตใจของเด็กน้อย เดวอน
ระหว่างการเดินทางกลับบ้านในเย็นวันนั้นนั่นเอง เดฟ ที่ริเริ่มคิดอยากจะเป็นนักดาบก็ได้บอกกับพ่อของเขาว่า
"พ่อฮะ ผมอยากป็นอัศวินจังเลยฮะ มีพี่คนนึงบอกผมว่าให้ผมกลับไปฝึกดาบรอให้ผมอายุ 15 แล้วกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อเป็นอัศวินฮะ พ่อใช้ดาบเป็นใช่มั้ยฮะผมเห็นพ่อมีดาบอยู่ในบ้านด้วยพ่อสอนผมใช้ดาบได้มั้ยฮะ" เดฟไม่รู้เลยว่าพ่อของตนเป็นนักดาบมือหนึ่งพระสหายรักของพระราชา ตระกูลซอรอนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่เคียงคู่องค์ราชาจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงซิกซ์ที่ขอออกมาใช้ชีวิตอย่างสันโดษร่วมกับอลิซเบษ ฟีน่า ฮาร์ท นักบวชหญิงที่คอยช่วยเหลือยามศึกสงคราม เมื่อเล็งเห็นว่าสงครามได้ลดลงมากแล้วในช่วงเวลานี้ แต่ทุกครั้งที่เข้าเมืองพรอนเทร่า ก็ยังคงแวะไปเยี่ยมเยียนทุกครั้ง
หลังจากวันนั้นเดฟ ในวัย 12 ขวบก็มุ่งมั่นฝึกฝนดาบตลอดมา ด้วยความหวังว่าสักวันจะได้เป็นอัศวินที่ดี
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
3 ปีให้หลัง
ในขณะนี้ลูฟและเดฟ เติบใหญ่ขึ้น เดฟ นั้นมุ่งมั่นในการฝึกดาบจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นอย่างเด็กทั่วไป ปล่อยให้ลูฟ ซึ่งไม่ชอบการเข้าสังคม และยังชอบทะเลาะกับเด็กในหมู่บ้าน ต้องเล่นปีนป่ายตามต้นไม้ เก็บของกินในป่า เพียงคนเดียว
ลูฟมักชอบทำตัวเป็นคนเฝ้าสวน ในเมื่อเขานั้นเที่ยววิ่งเล่นคนเดียวในป่าทุกวันจนรู้ทางเป็นอย่างดีเขาก็เลยทำตัวเป็นยามเฝ้าสวนไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อเด็กๆในหมู่บ้านชอบมาขโมยของในสวนที่บ้านเขาปลูก เขาก็เป็นคนขับไล่ไปซะทุกครั้ง ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นของที่ไม่ค่อยมีค่าอะไร
เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องตลกของคนงาน คนงานของครอบครัว ซอรอนเห็นว่าแค่ผลไม้นิดหน่อยที่เด็กๆแอบหยิบไปกินนั้นเป็นผลไม้ที่ไม่ได้มีราคาแพงอะไรมากมายพวกเขาปลูกไว้เพื่อสำหรับแจกจ่ายคนในหมู่บ้านอยู่แล้ว สมุนไพรต่างหากที่ทำรายได้ให้ครอบครัว ซอรอน แน่นอนสมุนไพรราคาแพงก็ย่อมต้องเก็บไว้ในป่าลึกกันให้พ้นจากมือเด็กๆ
ยิ่งช่วงนี้แล้ว เดฟ นั้นฝึกเพลงดาบกับ ซิกซ์ หนักขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีเวลามาเล่นกับลูฟเลย ลูฟรู้ดีว่าเดฟอายุกำลังจะครบ 15 และกำลังจะเข้าเมืองเพื่อไปเป็นอัศวินในไม่ช้า
ลูฟ ผู้ต้องวิ่งเล่นอยู่คนเดียวในวันหนึ่งเขาก็ได้เข้าไปในป่าลึกซึ่งเขามักจะเข้าออกตอนเบื่อๆเป็นประจำจนเป็นนิสัยคนเดียวอยู่แล้ว เขาก็ได้ไปเจอทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ มีสัตว์น้อยใหญ่ตั้งแต่นกไปจนถึงกวาง แกะและม้าก็อาศัยอยู่ที่นี่ มีหนองน้ำขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มหงส์ดำที่กำลังยืดคออย่างสง่างาม และหมู่นกน้ำมากมายกำลังเล่นมุดน้ำอย่างเพลิดเพลินอยู่ใกล้ๆกับกระท่อมหลังเล็ก น่าแปลกที่เขาเข้ามาในป่าลึกออกบ่อยแต่กลับไม่เคยเห็นที่นี่ ราวกับว่ามันเพิ่งถูกยกมาตั้ง
ลูฟสงสัยว่าใครกันที่เป็นผู้สร้างกระท่อมไว้แถวนี้จึงกะว่าจะเข้าไปสำรวจเสียหน่อย
....แต่ ลูฟ กลับไม่พบใครมีก็แต่เพียงหนังสือเล่มหนึ่ง
หนังสือที่ดูมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับเด็กเล็กๆอย่างเขา
ลูฟ อดใจไม่ไหวเกิดความสงสัยจึงเดินเข้าไปใกล้หวังที่จะเปิดอ่านดูแต่ทันใดนั้น ก็ได้มีแสงประหลาดบังเกิดขึ้นข้างหลังสมุด
"เฮ้ย แสงไรวะ "ลูฟ ร้องอย่างตื่นตระหนก
ฉับพลับที่แสงปรากฏได้ซักพัก ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคุ้นตาปรากฏขึ้น
"ท่านแม่" ลูฟ ร้องด้วยความตกใจ
"เอ๊ะ"
"ลูฟ ลูกเจอที่นี่ได้ยังไงเนี่ย สงสัยแม่จะลืมร่ายคาถาพรางตา แม่สร้างที่นี่ไว้ตั้งนานแล้วล่ะเอาไว้เป็นที่พักผ่อนเวลาเครียดๆน่ะ ที่นี่สงบดีแม่ชอบ"
"ตกใจหมดเลยครับ นึกว่าใคร แม่ฮะ แม่ทำอย่างมะกี้ได้ยังไงฮะผมไม่เคยเห็นแม่ทำมาก่อนเลย"
"อ๋อมะกี้เป็นพลังของเหล่านักบวชจ้ะลูก แม่คงยังไม่เคยบอกลูกสินะว่าแม่เป็นนักบวช นักบวชสามารถใช้พลังเหล่านี้ได้และที่ลูกเห็นแม่รักษาคนบาดเจ็บได้ ก็เป็นสกิลหนึ่งของนักบวชจ๊ะ"
"ผมเพิ่งรู้ฮะ นอกจากนักดาบอย่างพ่อที่พี่เดฟอยากเป็น ยังมีนักบวชอีก งั้นผมเป็นอย่างแม่มั่งได้มั้ยฮะ ผมอยากรักษาคนได้เหมือนแม่มาตั้งนานแล้ว แม่สอนผมได้รึป่าวฮะ" ลูฟพูดด้วยความตื่นเต้นหวังว่าจะได้มีพลังแบบแม่บ้าง
"ได้จ้ะแต่ถ้าลูกไม่ตั้งใจเรียนแม่เอาถึงตายนะจ้ะ"
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
ไม่กี่วันหลังจากนั้นพ่อบอกว่า ถึงเวลาการรับสมัครนักดาบแล้ว คงจะต้องพา เดฟเข้าเมืองไปสมัครเสียที
นับตั้งแต่วันที่ เดฟ จากไป ลูฟ ก็กลายเป็นเด็กเก็บตัวจากที่ไม่มีเพื่อนเล่นก็กลายเป็นไม่มีเพื่อนเล่นเลยในวัยเด็กจะมีพี่เดฟคอยปกป้อง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีพี่ที่คอยปกป้องอีกแล้ว ต่อไปนี้เวลามีอะไรเขาคงจะต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง
ถึงแม้ว่า ลูฟ จะไม่มีเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่นทั่วๆไป แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการมันสักนิด เขาพอใจชีวิตแบบนี้ เขาคิดว่าเขาจัดการทุกอย่างได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร การที่เขาไม่มีเพื่อนฝึกให้เขาทำทุกอย่างได้ด้วยตนเองและยังมีเวลาว่างสำหรับศึกษาสมุนไพรในป่าที่ที่บ้านปลูกไว้ ที่สำคัญเขาก็ได้พบกับสิ่งใหม่ๆสิ่งที่เขารัก และก็ทำได้ดีเสียด้วย นั่นคือการฝึกเวทย์มนต์กับท่านแม่นั่นเอง
ลูฟ เป็นเด็กฉลาดเรียนรู้ได้เร็ว เขามีความสุขที่ได้ฝึกวิชากับท่านแม่ทุกวัน เลิกวิ่งเล่นแบบเด็กๆ มุ่งมั่นที่จะออกเดินทางตามอย่างพี่เพื่อไปสู่โลกภายนอกที่ๆเขาไม่เคยไปด้วยตนเอง มาก่อน
ลูฟเรียนการป้องกันตัวต่างๆการใช้พลัง มาน่า ในการป้องกันตัวในรูปแบบต่างๆ เขาอ้อนแม่หวังว่าจะให้สอนเวทย์มนต์ให้แต่แม่เขาบอกว่าที่สำคัญที่สุดคือพื้นฐานตั่งหาก หากพื้นฐานยังไม่ดีพอก็จะไม่สอนเวทย์มนตร์ให้
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
ผ่านมาแล้ว 3 ปี
ลูฟในวัยเด็กไม่มีอีกต่อไป เขาเติบโตเป็นหนุ่มผมสีน้ำตาลยาวประบ่า แววตาสีเทาจางๆเหมือนควันบุหรี่เยือกเย็น บอกถึงความสุขุม ลุ่มลึกและซุกซน เหมือนพ่อของเขามาก ผิวสีหิมะก็ทำให้เค้าดูสง่างามเหลือเกิน เป็นสาวไหนก็ต้องหันมามอง ลูฟ เดินทางเข้าเมืองไปกับพ่อเพื่อสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมอโคไลท์ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชวังพรอนเทร่า ผู้ที่อยากจะเป็นนักบวชต่างแห่แหนกันมาสมัครสอบที่นี่
เมื่อถึงประตูเมืองลูฟก็ได้พบกับสิ่งใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก มันคือบริษัท คราฟ่า คอมปานี นั่นเอง ตอนเข้าเมืองครั้งที่ผ่านๆมาเขาไม่เคยได้ทันสังเกตมันเลยทั้งที่มันออกจะใหญ่โต คราฟ่า คอมปานี เป็นบริษัทที่ไว้บริการนักเดินทางทุกคนโดยบริการที่เป็นที่นิยมของที่นี่ คือ เป็นที่รับเก็บของทุกอย่าง และยังมีบริการอื่นๆอีกมากมาย เช่น เช่าสัตว์พาหนะ รับโอนสิ่งของต่างๆ ฯลฯ
คาฟร่านั้นมีอยู่ในทุกๆเมือง ที่นี่ยังเหมาะสำหรับคนที่กำลังหางานทำอีกด้วยเพราะว่า คาฟร่า คอมปานีต้องการความสามารถของคนหลายๆอาชีพ เช่น รับอัศวินมาเป็นยามเฝ้าของ พระหรือนักบวชนั้นเป็นพนักงานวาป ให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังสถานที่ต่างๆ แต่บริการทุกอย่างก็คิดเงินทุกเซนีเหมือนกัน
พ่อของ ลูฟ พามาแนะนำให้รู้จักกับบริษัทนี้เพราะมีประโยชน์มากทั้งสามารถฝากข้อความฝากสิ่งของให้กันได้ด้วย ทันทีที่เดินเข้าไปก็มีพนักงาน คาฟร่า สาวที่ดูสุภาพ กระฉับกระเฉง รีบมาต้อนรับทันที
"สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับสู่ คาฟร่า คอมปานี ท่านผู้เดินทางมีธุระสิ่งใดโปรดแจ้งวัตถุประสงค์ด้วยค่ะ"พนักงานต้อนรับสาวสวยพูดอย่างอารมณ์ดีด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ที่ดูจะบริการเกินหน้าที่เพราะเห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดี
"ผมมาสมัครสมาชิกบริการฝากของ"
"ค่ะขอทราบชื่อผู้ที่ต้องการเป็นสมาชิกด้วยค่ะ"
"ลาคัส ซอรอน"
"จะฝากของแบบส่วนตัวหรือรวมกับตระกูลดีค่ะ"
"เอาแบบรวม" พ่อของลูฟตอบ
"บัตรสมาชิกได้วันพรุ่งนี้นะคะ"
หลังจากนั้นก็มีช่างมาถ่ายรูปของลูฟเพื่อนำไปทำเป็นบัตรสมาชิกรวมถึงซักถามรายละเอียดต่างๆเพื่อป้องกันการปลอมตัว เช่น ลายนิ้วมือ ข้อมูลปัญญาอ่อนจำพวก สีที่ชอบ สัตว์เลี้ยงที่ชอบ และอื่นๆอีกมากมายที่ไม่รู้ว่าจะรักษาความปลอดภัยอะไรขนาดนั้น
หลังจากหมดธุระแล้วพ่อก็พาลูฟไปดูโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ เซนต์พรอนเทร่าในเขตพระราชฐานเมื่อเข้าไปถึง ลูฟ ก็ได้สมัครการทดสอบเป็นนักบวชโดยการทดสอบจะเริ่มวันพรุ่งนี้พร้อมกับอาชีพนักดาบ
หลังจากสมัครเสร็จซิกซ์ก็พา ลูฟ ไปจองห้องที่โรงแรม
"ท่านพ่อครับ ผมขออนุญาตไปเดินเล่นที่ตลาดนะครับ"
"ไปสิแต่กลับมาก่อนเย็นนะ"
ลูฟออกจะแปลกใจที่พ่ออนุญาตอย่างง่ายดายไม่เหมือนแต่ก่อน อาจจะเพราะพ่อเห็นว่าเขาโตขึ้นมากแล้ว
ลูฟ ไม่ได้ไปตลาดเพื่อที่จะซื้อของแต่เขาไม่เคยเดินตลาดจริงๆจังๆซักครั้ง เขาจึงกะที่จะไปเดินดูให้ทั่วตลาดซึ่งขายแต่ของที่เขาไม่เคยเห็นทั้งเพชรพลอย หรือของแปลกที่แม่ค้าคนหนึ่งบอกว่าได้มาจากสัตว์ประหลาดหายากแถบเมืองหิมะ
ลูฟ เดินดูของต่างๆทั้งเสื้อผ้าหรือไอเท็มเวทย์มนต์ คทา ดาบ ลูกธนู อาวุธต่างๆ จนมาถึงร้านหนึ่งซึ่งกำลังขายของอยู่
"ขายจ้าๆ ขาย ของ ถูกๆทั้งนั้น หยิบก่อนได้ก่อน"แม่ค้าคนหนึ่งดูจากรูปร่างลักษณะแล้วน่าจะวัยเดียวกับเขา กำลังขายของอยู่
ลูฟเดินเข้าไปดูสินค้าที่เขาสงสัยว่ามันคืออะไร ปรากฏว่าเป็นขวดยาที่เป็นสีเลือด ซึ่งเขาเคยเห็นแล้วตอนที่เพื่อนของพ่อ "คุณ
ลูฟจำได้ดี พ่อและแม่สั่งคนงานให้เก็บสมุนไพร ที่แสนมีค่าที่ ลูฟ เห็นว่านานๆทีมันจะงอก หลากสีสันที่ลูฟอยากลองเด็ดมาเชยชมแต่ทำไม่ได้ แต่แค่ลุงเซมิคมาก็รีบให้คนไปเก็บเอาไปให้เฉยเลย ลำเอียงสุดๆ ไม่รู้ว่ายาที่ลุงเซมิคปรุงมันวิเศษอะไรนักหนา ก็เห็นแค่ลุงเอาครก - สาก ขวดโหลหลายแบบ ทั้งขวดใบเล็กๆหลายใบขึ้นมาแล้วก็ นำสมุนไพรมาตำและบด ลุงทำเร็วมากจนมองแทบไม่ทัน ไม่รู้ว่าลุงทำได้ไงเพราะอยู่ดีๆไม่ถึง 5 นาทีสมุนไพรกองโตที่เก็บมาเหนื่อยๆก็ถูกลุงเซมิค ทั้งบดทั้งตำ ขยี้ ใส่ขวดจนหมดกอง
หลังจากลูฟรู้ว่ามันเป็นแค่ เรดโพชั่น เขาก็กำลังที่จะเดินไปดูที่ร้านอื่นแต่ แม่ค้าเจ้าของร้านกลับพูดอะไรบางอย่าง
"เดินมาดูแล้วทำไมไม่ซื้อล่ะ"แม่ค้าเอ่ยพลางทำสีหน้าไม่พอใจ
"ทำไมเธอขายราคาตั้งแพงขวดละ 100 เซนี ไปซื้อร้านอื่นถูกกว่าเยอะ"ลูฟว่าอย่างไม่สบอารมณ์ถึงเขาจะเป็นมือใหม่มาเดินตลาดแต่ก็ไม่ได้หูตาฟ่าฟางร้านต่างๆที่เขาเดินผ่านมามีแต่ราคา 40-45 ไม่เห็นมีใครบ้าขนาดมาขาย 100 เซนี อย่างนี้แหละที่ไม่มีใครมาซื้อ
"ก็ช่วยไม่ได้ฉันกำลังจะสอบพ่อค้าซึ่งต้องใช้ค่าสมัครแพงฉันไม่มีเงินเลยนี่ อันที่จริงฉันมีพี่สาวเธอก็ออกจารวยแต่ไม่ยอมให้ตังฉันซักกะเซนี ก็เลยต้องแบกหน้ามาขายของเนี่ย ถ้าเกิดว่าวันพรุ่งนี้ฉันยังหาเงินไม่ได้คงอดสมัครแม่ค้าในปีนี้แน่" แม่ค้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าและท่าทีเศร้าสร้อยเกินจริงผิดจากเดิม
"งั้นเธอต้องการเท่าไหร่ล่ะบางทีฉันอาจจะช่วยเธอก็ได้" ลูฟว่า ในใจนึกสงสารแม่ค้าขึ้นมานิดๆเพราะว่าเขานั้นเกิดมาก็ไม่เห็นต้องเคยลำบาก อะไรพอจะช่วยคนอื่นได้ก็ช่วยๆไปเหอะ บางทีอาจจะสอบไม่ผ่านและต้องกลับบ้านก็ได้เงินที่พกมาก็คงไม่ได้ใช้ทำอะไร ลูฟหยิบถุงเงินกำมะหยี่สีดำที่มีลายปักประจำตระกูลอย่างประณีตขึ้นมา
"ฉันต้องการ 1000 เอง"
"ก็ได้นี่ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้ใช้เงิน เพราะว่าฉันเพิ่งเข้ามาเดินดูตลาดเมืองพรอนเทร่า"
"ขอบคุณมากนะฉันชื่อ เจนนีเฟอร์ โลเปซ ทัชช์ ยินดีที่ได้รู้จักนะแล้วนายชื่ออะไรล่ะ"
"ฉัน ลาคัส ซอรอน เรียกสั้นๆว่าลูฟ ยินดีที่ได้รู้จัก"
หลังจากนั้นเจนนิเฟอร์ที่ท่าทางฉะฉาน บวกกระล่อนนิดๆตามสไตล์แม่ค้า ก็ชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของเมืองพรอนเทร่าทำให้ ลูฟ พอมีความรู้เรื่องสินค้าเพิ่มขึ้นบ้าง เจนนี่บอกว่าที่มาเมืองนี้ได้ก็เพราะขอ คาฟร่า แจมวาป มาขากลับก็คงต้องรอจนกว่าจะมีใครที่ต้องการจะไปเมือง อัลเบอต้า เมืองแห่งการค้าเธอจึงจะ กลับได้
ลูฟ นั่งคุยกับเจนนี่เพื่อรอส่งเธอกลับเมือง จนกระทั่งเกือบเย็นจึงมีคนมาใช้บริการวาป เจนนี่ว่าสมาคมพ่อค้านั้นมีการเรียนการสอนน้อยส่วนใหญ่น่าจะเป็นภาคปฏิบัติโดยให้พ่อค้าแม่ค้าออกมาขายของที่ต่างเมืองมากกว่าเจนนี่ว่าถ้ามีโอกาสมาที่พรอนเทร่าอีกครั้งจะมาเยี่ยมลูฟที่โบสถ์หลวงเซนต์พรอนเทร่าเอง หลังจากเจนนี่กลับเมืองพ่อค้าแล้ว ลูฟก็เดินทางกลับโรงแรม
ลูฟสวดมนต์ก่อนนอนหวังว่าเขาจะสอบผ่านและได้เป็นอโคไลท์คนใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนพ่อบอกว่าจะออกไปเยี่ยมเพื่อนเก่าในเมืองเพราะไม่ได้เข้าเมืองมานานแล้ว ลูฟจึงเข้านอน แต่ใจกลับกระวนกระวายเกี่ยวกับการสอบในวันรุ่งขึ้น
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
เมื่อรุ่งเช้ามาถึงพ่อก็พา ลูฟ ไปยังโบสถ์ ข้างๆวังหลวง
ลูฟ พบว่า ในวันนี้มีคนมาสมัครเป็นนักบวชมากมาย แถมรวมถึงผู้คนที่พกดาบท่าทางที่จะมาสมัครเป็นนักดาบ เขาไปรับบัตรคิว ซึ่งต้องรอเพราะเป็นการสอบตัวต่อตัว คนแล้วคนเล่าที่ถูกเรียกตัวเข้าไป ในที่สุดก็ถึงคิวเขาที่จะโดนเรียกเข้าไป
"ลาคัส ซอรอน"บาทหลวงผู้หนึ่งกล่าว
เมื่อ ลูฟ เปิดประตูเข้าไปในห้องก็สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ทันที พลังศักดิ์สิทธ์ที่ป้องกันไม่ให้ปีศาจตนใดย่างกรายเข้ามา เขาได้พบกับหลวงพ่อใหญ่ของที่นี่ เซนต์คาเตอร์ ประทับอยู่บนบัลลังก์หินอ่อนแบบเฮเลนิสติก ที่ดูเรียบง่ายและคลาสสิค
"เข้ามาสิ ลาคัส ซอรอน เจ้าคงเป็นบุตรคนรองของฟิน่า แต่ก่อนแม่ของเจ้า เคยเป็นกำลังสำคัญของโบสถ์แห่งนี้ ก่อนจะไปรู้จักกับเจ้าอัศวินหนุ่ม ซิกซ์ ซอรอน" หลวงพ่อ คาเตอร์กล่าว
"ข้าอยากจะถามไถ่เจ้าเกี่ยวกับฟีน่าเหลือเกิน แต่เดี๋ยวคนอื่นจะรอนานจนกลับบ้านไปเสียหมด เอาเถอะงั้นเราเริ่มการทดสอบกันเลย"
"เจ้าจงแสดงพลังเวทย์ที่เจ้ามีให้ข้าประจักษ์ ไม่ต้องกลัวถึงเจ้าสอบไม่ผ่านเจ้าจะได้เป็นอโคไลท์ฝึกหัด ก็คือ อโคไลท์ที่ยังใช้เวทย์มนต์ไม่ได้นั่นแหละ"
"ขออภัย ข้าใช้เวทย์มนต์ไม่ได้หรอกครับ ท่านแม่ไม่ได้สอนข้า แต่ถ้าเป็นพลังเวทย์ข้าก็พอไหวครับ" ลูฟว่าพลางยื่นมือมาข้างหน้ารวบรวมสมาธิผลักดันพลังเวทย์ออกมาให้มากที่สุดตามที่ท่านแม่ได้สอนไว้ เขารวบรวมสมาธิอัดมันจนอัดตัวลงกลายเป็นก้อนพลังเล็กๆที่หนาแน่นทำให้ห้องทั้งห้องส่องแสงเลยทีเดียว
"ฮ่ะๆ พลังเวทย์เหลือล้นอย่างนี้ข้าถือว่าผ่าน มีปัญหาอะไรปรึกษาข้าได้ทุกเมื่อนะ" หลวงพ่อว่าพลางเรียกพรีสให้พาตัวลูฟไปยังห้องสาบานตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
ลูฟเดินทางออกจากห้องนั้นมายังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องเล็กๆมันเป็นห้องที่ใช้สำหรับเดินไปยังอีกห้องหนึ่งที่ใหญ่กว่ามากกว่า รูปปั้นของเหล่าทวยเทพในตำนาน ที่เมื่อ 1000 ปีก่อนได้ร่วมสู้รบกับมนุษย์เพื่อกักขังวิญญาณอันชั่วร้ายของเหล่าปีศาจ ทอแสงเป็นประกายด้วยรัศมีบางอย่างที่รับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องนี้
มันช่างเป็นประติมากรรมที่น่าทึ่งนัก รูปปั้นแกะสลักทุกรูปเนื้อผิวดูนวลเนียนเหมือนไม่มีวันบุบสลาย มันไม่เหมือนเป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของมนุษย์ หากแต่เหมือนเป็นประติมากรรมจากสรวงสวรรค์ก็ไม่เชิง
"ว่าตามข้านะ" พรีสหนุ่มคนที่พาลูฟมาเอ่ยขึ้น
"ขอพระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์เป็นผยาน ข้า - - - - - - ขอสาบานตนรับใช้พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ท่านมอบพลังอันศักดิ์สิทธิ์แกข้าเพื่อปัดเป่าความชั่วร้ายให้หมดไป ตราบสิ้นชีวิตข้า"พรีสหนุ่มเอ่ย
"ขอพระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์เป็น ผยาน ข้า ลาคัส ซอรอน ขอสาบานตนรับใช้พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ท่านมอบพลังอันศักดิ์สิทธิ์แกข้าเพื่อปัดเป่าความชั่วร้ายให้หมดไป ตราบสิ้นชีวิตข้า" ลูฟ กล่าวตาม
หลังจากผ่านพ้นพิธีสาบานตน พรีสหนุ่มก็พา ลูฟ เดินไปยังห้องต่างๆทั้งห้องเรียนและอื่นๆ ลูฟจึงได้ทราบว่าเมื่อเรียนครบ 1 ปี ก็จะมีการแบ่งสายแยกเรียนว่าใครจะเป็น นักพรตฝึกหัด "มั้งค์" หรือเป็นนักบวชฝึกหัด"พรีส" และหลังจากแยกเรียนได้เป็นเวลาครบ 1 ปีก็จะมีการสอบเพื่อเลื่อนขั้นเป็น มั้งค์ หรือ พรีส เต็มตัว โดยแบ่งเป็น ระดับบน ระดับกลาง และระดับล่างตามคะแนน
ที่นอนนั้นจัดตั้งอยู่ตรงที่ราบข้างหลังโบสถ์แยกอีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในยามกลางคืนเพราะโบสถ์ที่นี่ต้องดูแลอย่างดีห้ามไม่ให้ใครมาก่อความวุ่นวายที่นี่เป็นอันขาดเพราะ ว่าโบสถ์เป็นสถานที่เก่าแก่กว่าพันปี
ในขณะที่ได้พรีสหนุ่มพาแนะนำสถานที่ ลูฟก็ได้เห็นรุ่นพี่ พรีสหรือ มั้งค์ มากมายทุกคนนั้นดินกันด้วยท่าทีสงบดูสง่างามอย่างบอกไม่ถูก ที่แม้จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นนักดาบก็ยังดูออกว่าไม่ใช่ ทำให้ ลูฟ คิดว่าเขาจะตั้งใจเรียนสอบให้ผ่านและได้เป็น พรีส ในเร็ววัน เพื่อให้พี่เดฟและพ่อแม่ได้ภูมิใจ
นอกจากนี้ไม่ได้มีเพียง พรีส และ มั้งค์ เท่านั้น ที่นี่ยังมี เหล่าอัศวิน ไนท์ และ อัศวินผู้ศรัทธาต่อพระเจ้า ครูซาเดอร์อีกด้วย
หลังสำรวจพื้นที่เสร็จแล้ว ลูฟ ก็ได้รายการสิ่งของที่จำเป็นรวมถึงชุดนักบวชที่หากใครมีเงินที่จะซื้อก็หาซื้อเองได้แต่หากใครที่ไม่ค่อยมีฐานะทางโบสถ์ก็มีอุปกรณ์ทุกอย่างให้ยืมเรียนเมื่อเรียนจบแล้วก็ให้นำมาคืน
ลูฟ ตั้งใจว่าจะไปหาพ่อเพื่อไปซื้อของในตลาดแต่เมื่อเดินทางไปถึงโรงแรมก็พบว่าพ่อไม่อยู่เสียแล้วแต่กลับพบจดหมายว่า
ดีใจด้วยที่ได้เป็น อโคไลท์ แม่คงจะดีใจมาก สิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเรียนพ่อซื้อไว้ให้แล้ว ให้เจ้าไปที่ คาฟร่า คอมปานี เพื่อรับบัตรสมาชิกเอาของที่พ่อเตรียมไว้ให้ ในตู้เก็บสินค้าของตระกูลเรา บางอันก็เคยเป็นของ ของแม่เจ้ามาก่อน หากมีอะไรขาดเหลือลูกก็ไปหาซื้อเอานะ ลูกโตแล้วคงจัดการได้ ขอให้เจ้าใช้ชีวิตในเมืองหลวงตามวิถีของเจ้าอย่างมีความสุขนะลูกพ่อ
หลังจากได้รับจดหมายลูฟก็ออกจากโรงแรมและตรงไปยังคาฟร่าทันที
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
"สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับสู่ คาฟร่า คอมปานี ท่านผู้เดินทางมีธุระสิ่งใดโปรดแจ้งวัตถุประสงค์ด้วยค่ะ"
"มารับบัตรสมาชิก ลาคัส ซอรอน ครับแล้วก็เปิดตู้เก็บของ ตระกูล ซอรอน"
"ค่ะ ซักครู่นะคะ"
หลังจากนั้นไม่นาน คราฟ่าสาว ก็เดินออกมาและพา ลูฟ เข้าไปยังโกดังเก็บของ ข้างในกว้างใหญ่เหลือเชื่อตู้เก็บของนับพันอยู่สูงจรดหัว เมื่อเดินเข้ามาได้อีกซักพักก็มาถึงที่เก็บของประจำตระกูล ซอรอน
"เพียงแค่ท่านนำบัตรสมาชิกไปรูด ก็จะเปิดตู้เก็บของได้แล้วค่ะ ที่นี่มีกฎการห้ามฝากคนอื่นเปิดตู้นะคะ"
"เพราะว่า เมื่อคนอื่นนำบัตรท่านมารูดเครื่องตรวจจับจะร้องส่งสัญญาณทันที นี่เป็นการรักษาความปลอดภัยของลูกค้าค่ะ และนอกจากนั้นยังมีบริการอื่นอีกนะคะ เช่นโอนของ โอนเงินโดยท่านต้องแจ้งด้วยว่าจะโอนของให้ใครหรือจะแจ้งเป็นรหัสตู้ของตู้ที่ท่านต้องการส่งของก็ได้ค่ะ"
"แต่เราไม่บริการฟรีนะคะ ต้องเสียค่าบริการด้วยค่ะ แล้วก็หากต้องการที่จะเบิกเงินที่ฝากไว้ทำได้ที่ตรงแถวทางออกนะคะ แต่ถ้าเป็นตู้นี้ของตระกูลซอรอน ทำทุกอย่างฟรีค่ะเพราะว่าท่าน ซิกซ์ สุดหล่อได้จ่ายค่าบริการรายเดือนไว้แล้ว ไม่ว่าท่านจะใช้บริการใดก็ฟรีหมดค่ะแต่เฉพาะที่เกี่ยวกับบริการเก็บของนะคะ ถ้าท่านจะเช่านก รถ เกวียน หรือใช้บริการวาปก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ "
คาฟร่าสาวทำท่าทางเพ้อฝันเมื่อเอ่ยชื่อพ่อของเขา และพูดต่อยาว แต่ในที่สุดเธอก็พูดจบเสียที
แต่กระนั้นหลังจากที่คราฟ่าสาวเดินจากไปลูฟก็นำบัตรสมาชิกมารูดตรงช่องรูดการ์ดทันที ซึ่งมีของมากมายดูเหมือนว่าสัดส่วนภายในจะแตกต่างจากภายนอกเหลือเกินเพราะเมื่อเปิดออกประตูของตู้ก็ขยายออกจนใหญ่พอที่จะเข้าไปดูได้
ลูฟ สงสัยว่านี่คือหนึ่งในบริการพิเศษที่พ่อของเขาเสียรายเดือนรึป่าว แต่นั่นก็ยังไม่น่าสนใจเท่าว่า มีอะไรบ้างที่อยู่ข้างในตู้ เมื่อเดินเข้าไปสำรวจตู้หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่สำหรับไว้เก็บเสื้อผ้า ลูฟ ก็พบว่ามีชุดอโคไลท์ วาววับ หมวกที่ใช้ประกอบพิธี ทั้งยังมีผ้าคลุมหนึ่งผืนสำหรับใส่ยามเดินทางไปนอกเมือง
ลูฟ ลองถอดเสื้อผ้าอันเก่าของเขาออกก่อนที่จะเปลี่ยนไปใส่ชุดอโคไลท์ เมื่อเสร็จลูฟก็เดินสำรวจไปยังฟากอื่นๆของห้องและต้องหยุดลงเมื่อ ถึงฝั่งหนึ่งซึ่ง มีชุดเกราะของอัศวิน โล่ หมวก และอาวุธดาบต่างๆ ลูฟคิดว่า น่าจะเป็นชุดของพ่อ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมถึงมีเสื้อตัวเล็กๆที่ดูเหมือนของเด็ก ลูฟจำชุดนี้ได้ดีก็ในเมื่อมันคือชุดที่พ่อเขาซื้อให้พี่เดฟตอนที่เขาเข้าเมืองพรอนเทร่าครั้งแรก
ลูฟมองมันด้วยความประหลาดใจ แต่ก็คิดได้ว่า พี่ คงจะใช้ตู้ฝากของตู้นี้เหมือนกัน
ลูฟพบว่ายังขาด หนังสือ กับคทา ที่ต้องใช้ ถึงเวลาแล้วที่จะออกไปหาซื้อของที่ขาดข้างนอกซักที
ก่อนออกจากตู้ลูฟก็หยิบขวดยาสีขาวเล็กๆ กับสีฟ้า ที่ต่างจากที่ขายกันในท้องตลาดไปด้วยอย่างละ 5 ขวด ใส่กระเป๋าใบเล็กๆที่พ่อเขียนโน้ตว่าไว้ใส่ขวดยา ลูฟคิดว่าคงจะเป็นลุงเซมิคสุดเก่งละมั้งที่เป็นคนปรุงยาพวกนี้ให้ ลูฟรู้ทันทีว่ายาพวกนี้ไว้ทำอะไรมันเป็นไอเท็มเวทย์มนต์ที่สกัดมาจากสมุนไพรที่บ้านของเขาปลูกนั่นเอง
เพราะในวัยเด็ก ลูฟชอบวิ่งซนจนได้รับบาดเจ็บ ก็จะเก็บสมุนไพรสีแดงหาง่ายในป่ามารักษาแต่หากเป็นใบสีขาวละก็ เขาเคยคิดลองเด็ดมา แต่โดนท่านแม่ตีซะจำเลยเพราะว่าแม่บอกมันปลูกยากมากห้ามเอาไปเล่นทั้งยังมีน้อยอีกด้วย
ส่วนยาสีฟ้าที่ลูฟไม่เคยเห็นกลับมีโน้ตเขียนไว้ว่าไว้เวลาพลังเวทย์หมดอย่าใช้เยอะมันหายากมากแต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือในเมื่อตู้เก็บของ ของเขาดูเหมือนว่าจะมีขวดยาเล็กๆพวกนี้เป็นภูเขาเลากา
ลูฟ ตรงไปยังทางออกและก็พบ เคาท์เตอร์ ที่มีพนักงาน คราฟ่า นั่งอยู่หลายคน เขาเข้าไปถามทันทีและแจ้งว่าต้องการที่จะเบิกเงิน เขารูดบัตรพร้อมกับเบิกเงินมา 30000 เซนี
"โอกาสหน้าเชิญใหม่ ขอบคุณค่ะที่ใช้บริการ" คาฟร่าสาวใหญ่ที่คุมเคาท์เตอร์ตอบส่งท้าย
ลูฟเดินออกมาด้วยชุดอโคไลท์ ลูฟคิดว่าผ้าคลุมที่พ่อเตรียมไว้ให้คงเอาไว้สำหรับเวลาออกเดินทางไปต่างเมือง อยู่ในเมืองคงไม่ต้องใส่กระมัง
เมื่อสำรวจดูกระดาษรายการของที่ต้องใช้เรียนอีกครั้ง ก็พบว่ายังขาด คทาซึ่งว่าเอาไว้ว่ามีหรือไม่มีก็ได้ กับ หนังสือที่ใช้เรียนเท่านั้น
หนังสือนั้นหาได้ไม่ยากเพราะแค่มุ่งตรงไปยังร้านหนังสือก็คงซื้อได้แต่หากคทานั้นเป็นสิ่งจำเป็นกว่าและลูฟก็ต้องการคทาที่ดีด้วยเพื่อใช้ในการเรียนเวทย์มนต์ ลูฟคิดว่าคนที่สอบเข้าเป็นอโคไลท์คนอื่นคงไม่ได้แค่แสดงว่ามี มาน่า แค่ไหนเท่านั้นแต่คงจะเป็นการแสดงการรักษาเลยมากกว่าเขาต้องการที่จะเรียนตามเพื่อนๆให้ทันจึงอยากได้ของดีๆไว้
ลูฟเดินไปยังตลาดอันเป็นที่ตั้งมั่นของเหล่าพ่อค้า แม่ค้า เมื่อเดินได้ซักพักหนึ่ง ลูฟก็เจอกับร้านขายคทาในที่สุด แต่ราคานั้นแพงกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ลูฟเตรียมเงินมาแค่ 30000 เซนี แต่คทาที่เจอกลับราคาตั้ง 40000 แต่แม้ว่าจะเดินไปหาทางอื่นก็ไม่เห็นมีร้านไหนที่จะขายคทาเลยซักร้านมีก็แต่ร้านนี้ร้านเดียวขายของอย่างเดียวซะด้วยคือคทา
"พี่ครับผมมีตังแค่ 30000 เองไม่มีตังซื้อช่วยลดราคาให้หน่อยได้มั้ยครับ"ลูฟว่า ทั้งๆที่มีเงินในตู้คาฟร่าที่พ่อฝากไว้ตั้ง หลายร้านแต่คิดว่าเขาจะเก็บไว้เพราะพี่ เดฟ อาจจำเป็นต้องใช้เงินก็ได้ แต่มันน่าแปลกที่ทำไมมีคทาแค่อันเดียวในร้าน แถมยังขายร้านเดียวในเมืองอีกด้วย
แต่ก็นั่นแหละบ้านลูฟออกจะรวยเพราะว่าเก็บสมุนไพรหายากมาขาย
"ก็ได้เห็นว่ายังหน้าใหม่คงไม่ค่อยมีกระตัง ข้าจะลดให้แล้วกัน" พ่อค้ายิ้มกริ่มพลางคิด อย่างเจ้ายังอ่อนข้าเอาเศษไม้มาแต้มสีหน่อยให้เหมือน อาร์ค แวนด์ แต่นั่นแหละเพื่อนข้าทำอย่างเนียน หน้าใหม่อย่างเจ้าหน้าอ่อนนี่ไม่มีทางรู้ นอกจากมันจะได้สัมผัสว่าแท้จริงแล้วมันไม่มีกลิ่นไอเวทย์เลย แต่ก็นั่นแหละมันมือใหม่นี่นาสงสัยวิธีเลือกคทายังทำไม่เป็น
แต่ในขณะที่ลูฟกำลังจะเปิดกระเป๋าตังเพื่อเอาเงินออกมานั้น เจนนี่ก็เดินมาพอดีเธอสอบผ่านและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ค้าแล้วจากทางสมาคม จึงเห็นว่าลูฟกำลังจะควักเงินซื้ออะไรบางอย่าง แต่เธอชักไม่แน่ใจว่ามือใหม่อย่างเจ้าลูฟ ที่เพิ่งเข้าเมืองมาก็เหมือนเด็กมะวานซืนคงกำลังจะโดนโก่งราคาเป็นแน่เธอมือไวรีบวิ่งเข้าไปทันทีพร้อมกับเอามือ ฉกฉวย เงินที่ลูฟกำลังจะยื่นให้กับพ่อค้าของปลอมทันที
"ดีลูฟ กำลังจะซื้ออะไรอยู่น่ะ" เจนนี่ว่าพลางนับเงินในมืออย่างตาลุกเป็นไฟ
"โห นี่มันตั้ง 30000 เชียวนะกำลังจะซื้ออะไรน่ะ ปรึกษากันหน่อยเดี๋ยวโดนโกงไม่รู้ด้วยนะ ไอเรื่องซื้อของเนี่ยช่วยได้เอามั้ยล่ะ ถือว่าตอบแทนที่เคยช่วยฉันไว้" เจนนี่ว่าอย่างรู้ว่ากำลังจะโดนโกงแน่ๆ ก็แน่ล่ะเธอเติบโตอยู่ในตลาดทั้งยังแจมวาปไปทั่วจนได้ไปสำรวจดูตลาดตั้งหลายเมือง มีหรือจะไม่รู้ว่านี่มันแค่กิ่งไม้
"เอาเงินของฉันคืนมา ฉันกำลังจะซื้อคทาอยู่นะ มันเป็นอุปกรณ์การเรียนของฉัน" ลูฟพูดอย่างไม่สบอารมณ์เพราะกำลังกลัวว่าของดีที่มีอันเดียวในเมืองกำลังจะโดนใครชิงตัดหน้าซื้อไปก่อน
"ฉันให้เธอซื้อไม่ได้หรอกนี่นะมันของปลอมชัดๆ เธอไม่เห็นหรอถึงแม้ว่าจะทำได้แนบเนียนเหมือนของจริงก็เหอะแต่มันไม่มีกลิ่นไอเวทย์เลย ขนาดแม่ค้าอย่างฉันซึ่งใช้เวทย์ไม่เป็นยังดูออก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงดูไม่ออกว่ามันไม่ใช่คทาของจริง" เจนนี่ว่าพลางรีบหยิบอะไรบางอย่างจากแผงที่พ่อค้าตั้งไว้
มันก็คือบัตรประจำตัวของพ่อค้าที่ได้รับการรับรองจากสมาคมพ่อค้าที่เมืองอัลเบอต้านั่นเอง
"หนอยฝากไว้ก่อนเหอะแกนังแม่ค้าตัวแสบ อ้อยกำลังจะเข้าปากช้างถ้าแกไม่เกิดมาปากโป้งก่อนละก้อ"พ่อค้าพูดด้วยสีหน้าเคียดแค้น
"ย่ะ แล้วแกจะได้รู้ฤทธิ์ฉัน เห็นมั้ยว่านี่อะไร" เจนนี่ว่าพลางชูบัตรประจำตัวพ่อค้าขึ้นมา
"ทีแรกชั้นจะไม่เอาเรื่องแกแต่ปากอย่างนี้แกจะได้เจอดีแน่" เจนนี่ว่าอย่างสะใจ ที่เธอต้องการจะทำก็คือการนำบัตรประจำตัวพ่อค้าของนายนี่ไปแจ้งแก่สมาคมพ่อค้าว่ามันขายของปลอม แน่นอนมันต้องได้รับโทษหนัก แถมเธอยังจะได้รับคะแนนเพิ่มและได้เป็นตัวอย่างที่ดีของนักเรียนในห้อง
ที่พูดนั้นแค่เอาหน้าจริงๆ แล้ว เธอกะจะเอาเรื่องนี้ไปบอกสมาคมพ่อค้าแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะมันได้คะแนนนี่นาแถมได้เป็นนักเรียนดีเด่น ได้ช่วยลูฟด้วย ประโยชน์เหลือหลาย
วันนี้นี่เองที่ ลูฟ ได้เห็นมิตรภาพของแม่ค้า เจนนี่ เพราะหลังจากช่วยเขาไว้จากที่จะถูกหลอกเธอก็บอกว่า เวลาจะหาซื้อของอะไรให้มาบอกเธอ เธอจะหาซื้อให้เพราะรู้จักคนวงใน แถมตลาดมืดเธอก็ไปมาแล้ว เจนนี่แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ในวันนี้นี่เองเธอก็ได้ไปที่ร้านขายหนังสือกับลูฟและซื้อหนังสือใหม่เอี่ยม ให้โดยเมื่อยื่นบัตรสมาคมพ่อค้าให้ ตาแก่ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านก็ไปเอาหนังสือใหม่เอี่ยมมาให้ทันทีแถมยังได้ลดราคาตั้ง 25% จนราคาเหลือ ¾ อีกต่างหาก
เพราะว่าเธอเป็นคนของสมาคมแม่ค้าจึงได้รับรองว่า ของทุกอย่างที่ขายจากพ่อค้าท้องถิ่นจะได้รับการลดราคา แต่ถ้าหากว่าเป็นจากพ่อค้าคนกลางอย่างพวกเธอนั้นใช้ไม่ได้ เธอว่าพวกพ่อค้าท้องถิ่นพวกนี้แต่ก่อนก็เคยเป็นพ่อค้าคนกลาง แต่หันเหมาเป็นพ่อค้าประจำถิ่นเพราะผลกำไรที่สูงกว่า ทั้งได้สิทธิพิเศษจากสมาคมเพียบ นั่นแหละคือสิ่งที่พ่อค้าทุกคนใฝ่ฝัน
แต่ต้องทำงานให้ครบตามกำหนดนะ และต้องไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องการปลอมแปลงของ หรือห้ามมีประวัติเสียนั่นเอง ก็จะสามารถยื่นใบขอเข้าจดทะเบียนเปิดร้านค้าได้ ซึ่งเธอว่าร้านค้าพวกนี้น่ะรับประกันคุณภาพได้แน่นอนเพราะได้รับใบประกาศจากทางสมาคมเป็นเครื่องยืนยัน
และ ลูฟ ก็ได้รู้ความจริงว่าคทาไม้เท้าส่วนใหญ่นั้นจะเป็นของปลอมเสียทั้งหมดถ้าอยากได้ของจริงมีคุณภาพต้องไปซื้อที่ร้านค้าท้องถิ่นประจำเมืองเกฟเฟ่น เมืองเกฟเฟ่น เป็นเมืองแห่งเวทย์มนต์ซึ่งเป็นที่อยู่ประจำของพวก วิซาร์ด มันจะมีคทาที่ทำมาจากของแท้แน่นอน ซึ่งวันหลังเธอจะพาไป ลูฟจึงตัดสินใจว่าเอาไว้ซื้อทีหลัง
ว่าแล้วเจนนี่ก็สงสัยในพลังของลูฟจึงขอดูพลังมาน่าเสียหน่อย พอลูฟแสดงให้ดูเจนนี่ถึงกับตกใจเพราะว่าพลังมากมายท่วมท้นเหลือเกิน เหตุไฉนจึงดูไม่รู้เล่าว่าคทานั้นมันเป็นของปลอม
แต่ก็ได้ทราบความจริงว่า ลูฟ ยังไม่เคยได้แตะคทาของแท้นั่นเอง
เหตุการณ์ในวันนี้นั่นเองที่ทำให้ลูฟสนิทกับเจนนี่มากขึ้น และก็ได้รู้ว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ดีนั้น ก็ยังมีอีกมากมายก่ายกอง ลูฟลาเจนนี่ ที่ยังคงไม่ต้องเรียนเพราะว่าทางสมาคมพ่อค้าให้ออกมาศึกษาทำรายงานสภาพตลาดที่เมืองพรอนเทร่าตั้ง 1 เดือนส่วนที่พักทางสมาคมออกให้ เจนนี่จึงได้อยู่ที่ เมืองพรอนเทร่าเธอบอกว่าเธอพักที่โรงแรม
ลูฟเดินทางกลับถึงโบสถ์พร้อมหนังสือแต่ยังคงไม่มีคทา ลูฟยังคงรู้สึกไม่ค่อยมันใจว่าหากไม่มีคทาแล้วจะร่ายเวทย์ได้ดีจริงรึเปล่า
ลูฟเกิดความสงสัยเลยคิดจะไปปรึกษาหลวงพ่อ คาเตอร์
เมื่อเดินเข้าไปในโบสถ์ซึ่งเป็นที่อยู่ของหลวงพ่อคาเตอร์ เมื่อเข้าไปก็เห็นหลวงพ่อนั่งทำงานอะไรบางอย่างและท่านก็เงยหน้าขึ้นพร้อมพูดว่า
"เจ้ามีปัญหาอะไรล่ะ ลาคัส หนุ่มน้อย"
"วันนี้ข้าไปที่ตลาดหวังว่าจะได้ซื้อคทามาแต่มันกลับกลายเป็นของปลอม เพื่อนของข้าบอกว่าถ้าไม่ใช่ที่เมืองแห่งเวทย์มนต์ เกฟเฟ่น แล้วคทาที่มีขายเป็นของปลอมแทบทั้งสิ้น หากไม่มีคทาข้าเกรงว่าจะไม่สามารถเรียนได้ดีและก็จะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน"
"ฮ่ะๆ เรื่องแค่นี้ ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ว่า ข้าไม่เคยทดสอบเด็กคนไหนเลยที่พลังเวทย์เท่าเทียมกับเจ้าตั้งแต่วันแรกแม้แต่แม่ของเจ้าก็เถอะ แล้วเรื่องคทาเจ้าไม่ต้องกังวล เด็กของที่นี่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีคทาในใบรายการจึงเขียนว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ไงล่ะ เพราะมันเป็นของมีราคาและไม่ได้หากันง่ายๆในเมืองนี้จะมีก็แต่ของปลอมที่เหล่าพ่อค้านำมาขายนั่นแหละ"
"อืม วันนี้อย่าเข้านอนดึกนักล่ะ พรุ่งนี้จะมีการสอน เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี เจ้าเพิ่งบอกกับข้าว่าอยากจะเรียนให้ทันเพื่อนใช่มั้ยล่ะ" หลวงพ่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
ลูฟได้ยินดังนั้นก็อุ่นใจและกำลังจะกลับที่พัก
ลูฟพบว่าหอนอนแบ่งออกเป็นชายและหญิง หอชายอยู่ฝั่งซ้าย หอหญิงอยู่ฝั่งขวา ห้องนอนหนึ่งห้องนอนกันสองคน โดยอโคไลท์ จับคู่ ซอร์ดแมน ที่รู้ได้ก็เพราะป้ายหน้าห้องของเขาติดชื่อ
ลาคัส ดิพ ซอรอน อโคไลท์
ซิตรัส แจ๊ค ริปเปอร์ ซอร์ดแมน
แต่เมื่อเข้ามาในห้องกลับพบว่าข้างในนั้นหรูหรา ใหม่เอี่ยม ลูฟ สงสัยว่าห้องอื่นจะเป็นเช่นนี้รึเปล่าถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการตกแต่งอะไรก็ตามแต่สภาพห้องนั้นดูเหมือนเพิ่งถูกปรับปรุง ข้าวของเครื่องใช้ถูกเอามาจัดวางซะเต็มห้อง ซึ่งอันนี้ ลูฟ ค่อนข้างจะแน่ใจว่าเป็นน้ำมือของเพื่อนร่วมห้องแน่เพราะดูเหมือนในซีกของเขามันจะไม่เป็นเช่นนั้น ที่บ้านคนคนนี้คงจะมีฐานะมากเพราะว่า เมื่อมาอาศัยอยู่แค่ 2 ปีแล้วก็เรียนจบ หรือบางคนสอบไม่ผ่านก็อาจจะมากกว่านั้น คงไม่มีใครเขาขนข้าวของมาหมดบ้านให้เสียเวลา แต่คนๆนี้สงสัยจะไม่ธรรมดา เพราะ ลูฟ สังเกตเห็นว่า มีดาบ 4 เล่มใหญ่ๆ พาดอยู่บนหีบของเพื่อนร่วมห้องด้วยแต่ละอันนั้นมีรูปร่างเหมือนกันแต่ สีนั้นไม่เหมือนกันเลย ดูเหมือนว่าจะเป็นดาบที่มีการใช้หินแร่ธาตุต่างๆในการหลอมรวมเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ลูฟซึ่งเคยเห็นดาบพวกนี้ของพ่อในห้องเก็บอาวุธครั้นจะหยิบเอามาเล่นก็จะโดนพ่อตีแน่ๆ เลยถือเป็นโอกาสดีที่จะลองจับดูว่ามันเป็นยังไง เมื่อลูฟลองยกขึ้นดูกลับพบว่ามันเบามากไม่เห็นเหมือนตัวดาบที่ใหญ่โตและก็ได้เห็นว่ามีอะไรสลักอยู่ตรงใบของดาบด้วย
เจสสิก้า ทัชช์ ดาบที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาแห่งธาตุลม มอบให้แด่ จอมราชันย์
เอ๊ะ ทัชช์ มันนามสกุลของยัย เจนนี่ รึป่าว เจสสิก้า ก็ชื่ออกจะคล้ายๆยายเจนนี่ด้วย ลูฟนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ได้เจอกันครั้งแรก แต่ช่างเถอะเจอตัวแล้วเดี๋ยวค่อยถามก็ได้ ว่าแต่ทำไมต้องสลักอะไรซะเว่ออย่างนี้ ทำอย่างกับว่าคนคนนี้เป็นพระราชาซะงั้น
เมื่อดูจนพอใจลูฟก็วางดาบลง เขาแปลกใจว่าทำไมดาบทุกเล่มนั้น เจสสิก้า ทัชช์ เป็นผู้ตีทุกเล่มเลย สงสัยว่าจะเป็นนักตีดาบที่มีชื่อเสียงมากแน่ๆ
เมื่อ ลูฟ สำรวจห้องและจัดเสื้อผ้า หนังสือ เสร็จแล้ว ก็กำลังจะออกไปเดินเล่นข้างนอก ทันทีกับที่ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนว่ากำลังมีนักดาบต่อสู้กันอยู่ ลูฟ นึกว่าคงจะเป็นการประลองจึงจะเข้าไปดูใกล้ๆ แต่กลับพบว่า นักดาบ 5 คนที่หน้าแก่กว่า กำลังรุมทำร้าย นักดาบคนหนึ่งซึ่งอายุน่าจะพอๆกับเขาอยู่
"แน่นักใช่มั้ย ทำเดินเท่ไอ้หน้าอ่อน บ้านรวยนักหรอขอเงินนิดหน่อยทำเป็นหยิ่ง ไม่ให้ อยากลองดี ได้ให้รู้ว่าที่นี่ใครคุม" นักดาบตัวใหญ่ หนึ่งในห้าที่กำลังรุมโจมตี นักดาบรุ่นเล็กกล่าว
"ข้ามีศักดิ์ไม่ก้มหัวให้กับสวะหรอก ไอพวกหมาหมู่" นักดาบที่อายุพอๆกับลูฟตอบ เขาเป็นชายหนุ่มน่าตาดีแต่งกายด้วยชุดเกราะวาววับ ดูมีฐานะแต่สงสัยว่าคงจะเกิดจากการปะทะกันจึงทำให้ต้นแขนมีเลือดอาบโชก
ท่าทางน่าจะรวย ไม่น่าล่ะเลยโดนไถเงิน ลูฟ เข้าใจเหตุการณ์ได้ทันที แต่ยังมีสปิริตไม่ก้มหัวให้พวกคนไม่ดี แต่นักดาบคนนี้ดูก็เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าเพราะขนาดโดนรุ่นพี่รุมตั้ง 5 คนยังตั้งรับไว้ได้อย่างสูสี ลูฟอดใจไม่ไหวจึงวิ่งเข้าไปห้าม
"พอได้แล้วตัวก็ใหญ่กว่าไปรุมคนอื่น พวกหน้าด้าน"
"แกก็อีกคนไอหน้าสีเผือกอยากโดนดีรึไง ข้านะเก่งสุดในคลาสรู้ไว้ด้วย ในเมื่อแกอยากลอง ข้าจัดให้"ไม่ทันขาดคำ นักดาบรุ่นพี่ ก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็วใส่ลูฟทันที
ลูฟตรึงมาน่าให้ไปรวมอยู่ที่เท้า พร้อมออกแรงถีบส่งตัวกระโดดตีลังกาไปข้างหลังเพื่อหลบคมดาบ
"แกไอหน้าอ่อนฝีมือแค่นี้คิดจะมาลองดีกับข้า จำไว้ อโคไลท์น่ะไม่มีทางเอาชนะนักดาบอย่างข้าได้หรอก"
พูดจบนักดาบไม่รีรอพุ่งรัวดาบเป็นชุด ลูฟหลบได้เกือบหมดทุกดาบแต่การเป็นฝ่ายรับโดยไม่ได้ตอบกลับย่อมเสียเปรียบจนมีดาบหนึงที่ลูฟตั้งตัวไม่ทัน คิดว่าหลบไม่พ้นแน่ๆ
ไหนๆก็ไหนๆลองวิชาที่ท่านแม่สอนหน่อยละกันว่าได้ผลรึป่าว ลูฟ คิดในใจพลางรวบรวมออร่าไว้ที่แขน เพื่อลดแรงกระแทก
พ่าง! พ่าง! พ่าาง! พลั่ก!
ลูฟเสียท่าจนได้ ถึงแม้ว่าพลังมาน่าจะกันได้ในระยะแรกแต่ ลูฟ ขาดประสบการณ์เลยทำให้ควบคุมมาน่าไว้ได้ไม่เต็มที่ เมื่อมาน่าอ่อนกำลังลง ย่อมได้รับความเสียหาย
ในขณะที่ลูฟเสียท่าล้มลงนั้น แขนเขาได้รับบาดเจ็บด้วยจึงพยุงตัวลุกขึ้นไม่ได้ นักดาบแสยะยิ้มพลางคิดจะซ้ำคนล้ม เข้าทางมัน
เคร้ง !
ดาบหลุดจากมือของอีกฝ่ายทันที โดยที่ดาบอันที่ยื่นเข้ามาไม่มีวี่แววว่าจะขยับเลยซักนิด ช่างพละกำลังมหาศาลอะไรเช่นนี้ ฉับพลันเมื่อได้ยินเสียง นักดาบอีก 4 คนที่เหลือก็หยุดโจมตีทันที เพราะเห็นว่าบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร
"เจ้าซ้ำคนล้ม นี่หรืออัศวินของพรอนเทร่า ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ถึงกับลงมือกับนักบวช นี่ยิ่งเป็นรุ่นน้องด้วย นั่นก็รุมนักดาบรุ่นน้องอีก หมาหมู่ชัดๆ เกียรติและศักดิ์ศรีหายไปไหนหมด และไอคำว่าหน้าสีเผือกก็ทำให้ข้าฉุนกึก ทำไม หน้าสีเผือกมันผิดตรงไหนวะ" อัศวินผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว
รูปร่างแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ ถึงแม้จะจากกันไปนานจนเติบโตขึ้นมากแต่ลูฟก็จดจำได้ดี พี่เดฟ !
และความจริงก็กระจ่าง ลูฟ ได้เห็นหน้าผู้มีพระคุณได้ชัดก็ หัวใจเต้นรัว เขาก็คือ พี่เดฟ ที่ ลูฟ กำลังตามหานั่นเองไม่นึกว่าจะได้พบกันเร็วขนาดนี้ แต่แค่พบยังไม่พอหรอกเขาต้องเป็นอย่างพี่ แข็งแกร่งอย่างพี่และปกป้องทุกคนให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวถ่วงของพี่เสียป่าวๆ
บัดนี้ เดฟเติบโตเป็นหนุ่มร่างสูงใหญ่ โครงหน้าคมเข้มเหมือนผู้เป็นพ่อไม่มีผิด สมเป็นบุรุษ เพียงแค่ดูท่าทางก็รู้แล้วว่ามีฝีมือแค่ไหน แน่นอนใบหน้าของ เดฟ นั้นเหมือนพ่อก็ต้องเหมือน ลูฟ ด้วย นักดาบหมาหมู่ดูเหมือนจะมีสมองคิดได้และเข้าใจเหตุการณ์ทันทีว่า อัศวินตรงหน้า กับ นักบวชนั้น เป็นพี่น้องกัน
แต่ดูเหมือนว่านักดาบรุ่นลูฟคนนั้นก็รู้จัก เดฟ ด้วยเหมือนกันเพราะเขากำลังทักทายด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง กับพี่ชายของเขา
"สวัสดีพี่ เดฟ เป็นไงถึงได้กลับเข้ามาในเมืองอีกเนี่ย มาหาท่านพ่อหรือป่าวฮะ" เด็กคนนั้นพูดคุยอย่างสนิทสนม
" ซิด ไม่เจอกันนานโดนเพื่อนๆหมาหมู่พวกนี้รุมรังแกหรอ มันโง่เหมือนควายโบราณที่ไม่รู้ว่าเจ้าลูกใคร แล้วนี่รู้จักกับ ลูฟ น้องชายพี่รึยังล่ะ หรือมาเจอกันโดยบังเอิญ" เดฟว่าอย่างรู้ทันถึงนิสัยของเจ้าลูฟที่ชอบแส่ช่วยเหลือชาวบ้านแน่ถ้ามีโอกาส
"แหม เห็นหน้าทีแรกก็รู้แล้ว เหมือนกันอย่างกับแกะมา ผมนอนหอห้องเดียวกันกับ ลูฟ ครับ อันที่จริงคือผมไปขอหลวงพ่อด้วยตัวเองเลยนะ แต่ก็เพิ่งเจอหน้าครั้งแรกเหมือนกัน เหมือนพี่ เดฟ เดี๊ยะ เลย" เด็กชายที่ลูฟคิดว่าคงจะชื่อ ซิด เอ่ย
หลังจากทักทายเสร็จเดฟก็จัดการคุมตัวนักเลงทั้งห้าไปให้ฝ่ายสอบสวน เดฟบอกว่า เดี๋ยวจะจัดการเรื่องนี้เอง ลูฟยังไม่มีเวลาได้ถามไถ่เรื่องราวการผจญภัยของพี่ชาย เดฟก็จากไปเสียแล้ว
ลูฟคิดเอาเองจากการที่ ซิด คุยกับ เดฟ น่าจะหมายความว่าพี่ เดฟ ได้เป็นอัศวินแล้ว และออกเดินทางแต่ไม่รู้ว่ามีเหตุอันใดถึงต้องกลับมาที่พรอนเทร่าอีกครั้ง สงสัยว่าคงจะมีธุระกับพ่อของ ซิด
"ยินดีนะที่ได้รู้จัก ลูฟ ว่าแต่ว่า นายฮีลได้รึป่าวล่ะ เดินไปให้อาจารย์หรือหลวงพ่อฮิลตั้งไกล พอโบสถ์เลอะเลือดฉันก็ต้องมานั่งเช็ดอีกนะสิ" ซิด พูดอย่างติดตลก
"ฉันยังฮีลไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมียานะเอาไปก่อนสิ พ่อให้มาไว้ใช้ พอฮีลได้แล้วมันคงไม่จำเป็นหรอกนายเอาไปทั้งขวดเลยฉันให้" ลูฟโยนขวดยา ไวท์ โพชั่นที่เอามาจากตู้เก็บของให้ ซิด ซึ่งรับได้อย่างเหมาะเจาะ
"โห นาย
ว่าแล้วดูเหมือนว่า ซิด จะคุ้นเคยกับการใช้ยาพวกนี้เป็นอย่างดี ก็ที่บ้านร่ำรวยก็ไม่น่าแปลกที่จะมีของพวกนี้ติดตัว ซิด เปิดขวดเอานิ้วจุ่มลงไปในขวดและแต้มยาออกมานิดหน่อย มันเป็นครีมสีขาวๆ ที่ส่องแสงนิดๆเขาแต้มมาเพียงนิดเดียว แล้วจึงนำมาทาแผลที่แขนดูเหมือนว่ามันจะมีประสิทธิภาพ เหลือล้นตามที่บอก แผลที่แขนหายสนิททันที
"เอ๊ะ นาย บาดเจ็บที่แขนนี่ มา เดี๋ยวฉันช่วย"
ซิด ทายาให้ ลูฟ ก่อนจะเก็บยาเข้ากระเป๋าอย่างดีใจเหมือนได้มีของเล่นที่คนอื่นไม่มีไว้ในมือ
หลังจากหมดเรื่องลูฟและซิด ก็เดินกลับหอพัก เมื่อมาถึงซิดรีบเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ซิดบอกว่าที่รู้จักกับเดฟได้เพราะว่าคุณ อา ซิกซ์ พา เดฟ มาอาศัยอยู่ที่บ้าน วิชาดาบของซิดก็ได้มาเพราะ เดฟ กับท่านพ่อเป็นคนสอน
ลูฟคิดว่าบ้านของ ซิด คงใหญ่โตหน้าดูแต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องฐานะของซิด
ทั้งคู่คุยกันอย่างถูกปาก และเข้านอนในที่สุดเพราะว่าพรุ่งนี้จะต้องเข้าเรียนแต่เช้า
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่ตื่นขึ้นมา ต่างคนรีบแต่งตัวเพื่อไปเข้าเรียน วันๆหนึ่งของที่นี่จะมีการเรียนแค่วันละ 2 วิชา บางวิชาก็เรียนร่วมกับนักดาบแต่บางวิชาก็ต้องแยกไปเรียนตามสายอาชีพ
ในช่วงแรกของการเรียนที่นี่ยังคงต้องเรียนร่วมกับพวกนักดาบเพราะว่า เป็นแค่การสอนขั้นพื้นฐานไม่จำเป็นที่จะต้องแยกกันเรียน
ในวันนี้วิชาแรกที่จะได้เริ่มเรียนก็คือ การป้องกันตัว ลูฟและซิด เดินเข้าชั้นเรียนโดยเลือกนั่งตรงหน้าสุดของห้อง รออาจารย์เข้ามา นักเรียนในนี้มีไม่มากนัก นักดาบประมาณเกือบๆ 30 คนและอโคไลท์ 25 คน อาจารย์ที่เข้ามาสอนในคาบนี้ก็คือ อาจารย์
" พวกเจ้าทุกคนจงฟัง ที่พวกเจ้าจำเป็นต้องเรียนศาสตร์นี้ก็เพราะไม่วันใดก็วันหนึ่งพวกเจ้าจะได้ออกรบและต้องคอยปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่ก่อนจะปกป้องคนอื่น เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องตนเองเสียก่อน"
อาจารย์บาร์คสอนสนุกเกี่ยวกับการป้องกันตัวโดยให้นักเรียนแยกกันไปฝึกมีหุ่นฟางซึ่งสามารถหมุนได้เมื่อเราโจมตีมันมันจะหมุนมาโจมตีเรา ให้หลบการโจมตีของมันโดยใช้กาด หรือจะหลบหลีกก็ได้ หลังจากให้นักเรียนทุกคนแยกกันไปปฏิบัติ อาจารย์บาร์คก็เดินตรวจตราดู
นักดาบน่าจะไม่ค่อยมีปัญหานักเรื่องการหลบหลีกแต่อโคไลท์กลับมีปัญหาหนัก เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงเหมือนพวกนักดาบ บางคนก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรผิดกับ ลูฟ ซึ่งปีนป่ายมาแต่เด็กสามารถหลบหลีกได้อย่างชำนาญ บางทีก็ตอบโต้หุ่นฟางกลับบ้างและเขายังถือโอกาสนี้ฝึกการใช้มาน่าไปด้วยเพราะเขาคิดว่าในอนาคตมันจะจำเป็นแน่ๆ
"เอาล่ะหลังจาก ที่เดิน ดูๆ นักดาบส่วนใหญ่ก็ทำได้ดีนะ แต่อโคไลท์ขอให้บางคนปรับปรุงหน่อย อนุญาตให้ใช้มาน่าด้วยก็ได้ ถือเป็นการฝึกในตัว แต่นักดาบข้าไม่แนะนำให้ใช้หรอกนะ แต่ถ้าคิดจะใช้ก็ไม่ได้ว่าหรอก แต่มันจะทำให้ยุ่งป่าวๆแล้วใครไม่ได้อย่าฝืนล่ะเดี๋ยวหน้ามืดเป็นลมกันพอดี" อาจารย์พูดอย่างสบายอารมณ์
"แล้วทำไมพวกเจ้า อโคไลท์ถึงไม่ใช้มาน่าล่ะ ตอนสอบพวกเจ้าก็ต้องแสดงมาน่าให้หลวงพ่อคาเตอร์ดูไม่ใช่หรือไง ข้าเห็น ลาคัส ใช้อยู่คนเดียว"
ว่าแล้วอาจารย์บาร์คก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนเริ่มฝึกต่อ แต่พอฝึกไปได้สักพัก อาจารย์บาร์คก็สั่งหยุดอีกครั้ง
"อโคไลท์ทำไมไม่ใช้มาน่าล่ะ หรือว่าใช้ไม่เป็น ไหนพวกเจ้าลองแสดงพลังมาน่าให้ข้าดูหน่อย" อาจารย์บาร์คสั่ง และเดินดูรอบๆ
มันผิดกับที่ลูฟคาดไว้ในตอนแรกว่าจะเรียนตามเพื่อนๆไม่ทัน พลังมาน่าของเพื่อนๆในห้องน่ะสิ ลูฟคิดว่าจะเยอะกว่านี้เสียอีก ถึงแม้ว่าหลวงพ่อคาเตอร์จะชมว่าไม่เคยพบเห็นใครมีมาน่ามากเท่าเขาในตอนแรกที่มาสมัคร แต่เขาคิดว่าหลวงพ่อแค่พูดให้กำลังใจในฐานะที่รู้จักกับคนในครอบครัวของเขา
แต่นี่เพื่อนๆทุกคนกลับไม่ได้มีมาน่ามากอย่างที่เขาคิดเอาไว้จิงๆ บางคนเรียกออกมาได้นิดเดียวก็สลายไป บางคนที่เรียกออกมาได้ มันก็เป็นเหมือนหมอกบางๆไม่เหมือนของเขาที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น ดูเหมือนว่าอโคไลท์พวกนี้จะยังไม่สามารถควบคุมมาน่าให้ไหลเวียนได้ละมั้ง ได้แค่รีดออกมาเฉยๆ
" พวกเจ้ายังไม่ได้ฝึกวิธีควบคุมที่ถูกต้องสินะ" อาจารย์บาร์คกล่าวอย่าง งงๆ
"อะ ไหนๆเพื่อความก้าวหน้าเล็กๆน้อยๆอาจารย์จะให้ ลาคัสออกมาสาธิตให้ดูละกัน อโคไลท์อย่างพวกเจ้าก็พยายามทำให้ได้นะ แต่นักดาบจะทำตามหรือไม่ทำก็ได้ ไม่เป็นไรดูๆไว้ประดับความรู้ในสมอง" อาจารย์บาร์คพูดอย่างอารมณ์ดีg=jog8p
" ผมหรอครับ" ลูฟ คาดไม่ถึงว่าจะได้ออกมาแสดงหน้าห้อง
" ครับ ถ้าอาจารย์ต้องการ" หลังจากที่พูดประโยคแรกแล้วเพื่อนๆต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาฟัง ลูฟก็มีความมั่นใจขึ้นนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อยเท่านั้นแต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี
"ก่อนอื่น เพื่อนๆต้องตั้งสมาธิให้ดี กำหนดลมหายใจเข้าออกไว้ พยายามนึกถึงเลือดที่ไหลเวียนตามร่างกายและพยายามบังคับให้มันออกมา"
บางคนเมื่อรู้หลักการก็ทำได้ดีขึ้น บางคนก็เพิ่งรู้ว่ามันง่ายแสนง่าย แต่บางคนกลับรีดออกมาได้แปปเดียวแล้วก็หายไป
"อย่างนั้นแหละครับ ขั้นตอนที่สองก็พยายามบังคับไม่ให้มันไหลกลับเข้าร่างฝึกอย่างนี้ไว้นานๆก่อนถ้าใครทำได้แล้วก็ให้ตั้งสมาธิบังคับให้มันวิ่งมารวมกันเป็นรูปร่าง ตอนแรกอาจจะทำเป็นแค่ลูกกลมๆ แต่พอฝึกไปก็ให้เริ่มทำเป็นรูปร่างโค้งและพอชำนาญอีกขั้นก็ให้เป็นรูปร่างที่มีเหลี่ยม"
ลูฟว่า พร้อมสาธิต โดยหลับตารวบรวมพลังมาน่าที่สั่งสมมานานดึงออกมาให้มากที่สุด ตอนแรกมันก็กระจายรอบตัวซักพักมันก็มารวมที่มือเป็นรูปวงกลมใหญ่ๆ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นโค้งเหมือนสายน้ำ และตอนนี้มัน
เปลี่ยนเป็นรูปทรง ดาว 6 แฉกดูมีมิติ จากนั้นลูฟก็รวบรวมสมาธิอีกครั้งค่อยๆบีบให้รูปดาวหกแฉกเล็กลงเรื่อยๆแต่กลับยิ่งอัดแน่นไหลเวียนไปด้วยพลังมาน่า
มันเปล่งแสงออกมาจนทุกคนในห้องแม้แต่อาจารย์บาร์คยังอึ้งกับฝีมือเด็กใหม่เมื่อได้ดูอย่างเต็มตา
"พอเริ่มบังคับรูปร่างได้ชำนาญ แล้วหากต้องการนำไปใช้จริงในการต่อสู้ก็ต้องบังคับให้มันอัดแน่นจนมีพลังพอที่จะป้องกันแรงปะทะจากดาบได้ โดยยิ่งพลังเข้มข้นเท่าไหร่ก็ยิ่งป้องกันได้มากเท่านั้นจนดาบก็ไม่อาจ ฟันผ่านเข้ามาได้"
"แต่ถึงแม้ว่าการบังคับให้มาน่าอัดกันได้แข็งแกร่งนั้น จะทำได้ไม่ยากมากนักแต่ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ต่อสู้จริงๆแล้ว จะทำได้ยากมากเพราะ ขณะนี้กำลังยืนอยู่จึงรวบรวมสมาธิได้แต่หากเป็นในการต่อสู้สถานการณ์จะทำให้จิตใจเราวอกแวก"
"พรีสที่ดีต้องมีจิตใจแน่วแน่ มั่นคงเพราะชีวิตของทุกคนในปาร์ตี้อยู่ในมือเรา หากเราไร้ความสามารถไม่มีสติจะทำให้ทุกคนในปาร์ตี้พ่ายแพ้ และจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตที่จะรอดกลับมา"
เมื่อพูดจบ เสียงปรบมือดังกระหึ่ม จากนักเรียนทุกคนในคลาสรวมถึงจากอาจารย์บาร์คด้วย ลูฟไม่รู้ว่าตัวเองพูดได้ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนที่ได้อยู่กับแม่มานานทำให้ซึมซับอะไรหลายอย่างลงไปด้วยและคำพูดที่พูดออกมานั้นก็กลั่นมาจากจิตใจจริงๆ
"พวกเจ้า อโคไลท์ทุกคนจงจำคำพูดของ ลูฟให้ดี พวกเจ้าต้องตั้งสติให้มั่นมีจิตใจแน่วแน่เพราะชีวิตของปาร์ตี้ทุกคนอยู่ในกำมือของพวกเจ้า ผู้รับใช้พระองค์ หากเจ้าพ่ายเมื่อไหร่ กำลังใจทั้งหมดจะถูกปีศาจกลืนกิน และจะไม่มีใครหน้าไหนที่จะรอดชีวิตกลับมา"
"ข้าแค่พูดเล่นน่ะ อย่าคิดมาก นับว่าเป็นการสอนที่ดีมาก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลยล่ะ" อาจารย์บาร์คพูดติดตลกจน ลูฟ อายหน้าแดง และทุกคนในห้องก็หลุดออกจากพวังมาร่าเริงอีกครั้ง
ถึงแม้จะไม่มีใครแสดงอาการคิดมากในเรื่องที่อาจารย์พูดแต่ทุกคนก็รู้ถึงความจริงดี ทำให้ทุกคนต่างมุ่งมั่นเพื่อช่วยเหลือและปกป้องทุกๆคนเอาไว้ให้ได้
หลังจากที่รู้เคล็ดลับแล้วอาจารย์บาร์คก็ให้พวกอโคไลท์ ฝึกไป หากใครไม่สนใจจะฝึกก็ให้ไปฝึกดาบต่อ แต่ทุกคนกลับมานั่งฝึก ยืนฝึกมาน่าหมดเลยเสียนี่ไม่เว้นแม้แต่นักดาบ ทุกคนมาขอคำแนะนำจาก ลูฟ
ซิดเองก็ดูจะสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเกี่ยวกับในเรื่องนี้เค้าเป็นนักดาบเพียงคนเดียวที่พอจะเรียกมาน่าได้บ้างแต่ไม่ถึง 5 วินาที มันก็ล่องลอยหายไปกลับสายลม นักดาบพวกนี้บางคนเกร็งหน้าแดงจนเขียว แต่ก็ยังเรียกมาน่าออกมาไม่ได้ทั้งๆที่อุตส่าห์ตั้งใจขนาดนั้น
สุดท้ายอาจารย์บาร์ค ก็ เกริ่นเกี่ยวกับการโจมตีรูปแบบต่างๆ พร้อมวิธีการป้องกันแต่บางอย่างก็ป้องกันไม่ได้เหมือนกัน อย่างการโจมตีจากเวทย์มนต์นั้นนักดาบแทบป้องกันตัวไม่ได้เลยวิธีเดียวที่จะจัดการกับนักเวทย์ได้นั้นก็คือการโจมตีก่อนเท่านั้น ถ้าหากถูกนักเวทย์รอบโจมตีละก็ สำลีแปะหัวแน่ๆ
แต่พวกอโคไลท์นั้นไม่ต้องห่วง มีเวทย์มนต์บางบทหรือความสามารถบางอย่างของอโคไลท์ที่ใช้ป้องกันเวทย์มนต์ได้ แต่ก็ในระดับหนึ่ง ถ้าเกิดเจอนักเวทย์ที่เซียนจริงๆใช้เวทย์มนต์บทสูงๆ อโคไลท์ก็รอดยากเหมือนกัน นอกจากจะใช้เวทย์มนต์จำกัดความสามารถของนักเวทย์ลง แต่ถ้าให้นักเวทย์โจมตีเราก่อนถึงจะป้องกันได้ในระดับหนึ่งแต่โอกาส สำลีแปะหัว ก็มีมากกว่าครึ่ง นี่ หมายถึง นักเวทย์ปกตินะ
ถ้าหากเจอนักเวทย์ระดับ ศาสตราจารย์ รอดยากจริงๆ ยกเว้นจะมี แอสซาซิน หรือ ฮันเตอร์อยู่ในปาร์ตี้แต่ก็นั่นแหละพวกนักเวทย์ก็ใช้มาน่าในการป้องกันตัวได้อย่างพวกเจ้าเหมือนกัน ก็คงไม่เสร็จง่ายๆถ้าไม่ตกใจจนไม่มีสมาธิ แต่ก็อีกล่ะนักเวทย์ระดับเซียนมไม่มากนักหรอก ในสมัยเด็กนะ อาจารย์เคยไปลองดีกับพวกนักเวทย์ "แล้วทำไมหรือครับอาจารย์" เสียงนักเรียนถามอย่างอยากรู้
"ก็แหงสิ ตอนนั้นอาจารย์ ก็ยังไม่เก่งขนาดนี้แล้วเจอใครรู้มั้ย ตอนนั้นเค้าเป็นรุ่นพี่อาจารย์แต่ตอนนี้น่ะเค้าเป็นถึงเจ้าเมือง กิฟเฟ่น เชียวนะ ฉายาไร้พ่าย ทุกครั้งที่ร่วมลงการประลองไม่เคยแพ้ แต่เดี๋ยวนี้เค้าไม่ลงประลองแล้ว บอกว่าจะให้โอกาสเด็ก อาจารย์เคยเจอมา แพ้ยับเลยล่ะ ยังเข็ดมาจนถึงวันนี้ ถ้าพวกเจ้าอยากรู้วิธีป้องกันนักเวทย์ต้องไปเรียนกับอาจารย์ ซารีน่า เอาเองนะ อาจารย์ก็ไม่ค่อยถนัดไอเรื่องเจอกับนักเวทย์นักหรอก"อาจารย์บาร์คพูดเหมือนมีอดีตฝังใจอะไรบางอย่างที่รุนแรงมาก ถึงขั้นหวาดกลัว เด็กๆเห็นสีหน้าอาจารย์แล้วอดสงสารไม่ได้ แต่ก็ดูตลกไปอีกแบบ
หลังจากนั้นอาจารย์บาร์คก็สั่งให้เลิกคาบ และก่อนจบยังฝากคำเตือนด้วยอีกว่า นักดาบที่ไม่ได้เรียนกับอาจารย์ ซารีน่านั้น คงไม่ต้องไปถามก็ได้ว่ามีวิธีต่อกรกับนักเวทย์อย่างไร เพราะถามไปก็เหมือนไม่ได้ถาม นักดาบน่ะแทบไม่มีวิธีต่อกรกับนักเวทย์เลย มีแต่อาศัยความอึดถึก เข้าชนลุยมันไปเลยถ้าไม่อยากตายก็จงจัดการนักเวทย์ให้ได้ ก่อน เพราะถึงแม้พลังเวทย์จะแข็งแกร่งแต่ร่างกายก็ยังสู้นักดาบอย่างพวกเราไม่ได้อยู่ดี
เมื่อลูฟเอาไปคิดๆดูเมืองพรอนเทร่านี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีนักเวทย์อยู่ในเมืองเลย นานๆ จึงจะเห็นที ทุกคนต่างไม่ค่อยรู้วิธีที่จะต่อกรกับเวทย์มนต์ บางทีพรอนเทร่า อาจจะต้องปรับตรงจุดนี้ก็ได้ถ้าหากอยากได้กำลังทหารที่แข็งแกร่งและรู้วิธีที่จะต่อกรกับเวทย์มนต์จริงๆ คิดอีกทีลูฟ ชักอยากรู้เสียแล้วว่าเวลาเจอนักเวทย์จะทำอย่างไร
- - - - - * - - - - - * - - - - - * - - - - -
ความคิดเห็น