ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แวมไพร์(ประวัติ+ผีๆ)

    ลำดับตอนที่ #4 : แวมไพร์(4)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 50


    แวมไพร์(4)

     

    กำเนิดแวมไพร์ว่ามีจุดเริ่มแรกในดินแดนเมโสโปเตเมีย แหล่งอารยธรรมโบราณ

    ปัจจุบันคือประเทศอิรัก ซึ่งเมื่อ 6,000 ปีก่อนนั้น มนุษย์พวกแรกที่ไปสร้างอาณาจักรยิ่งใหญ่คือชาวสุเมเรียน ชาวเผ่าที่ปราดเปรื่องแต่กลัวผีขนาดหนักและพวกเขาได้สลักอักษรลิ่ม หรืออักษร "คูนิฟอร์ม" ลงแผ่นศิลาจารึกเป็นคาถาไล่ผี มีคำว่า "แวมไพร์" ปรากฏอยู่ด้วย

    ในขณะนั้นเอง ไกลออกไป 1,500 ไมล์ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียปัจจุบัน ก็มีแหล่งอารยธรรมสูงส่งเกิดใหม่เกือบพร้อมกัน บริเวณนั้นเราเรียกว่า ที่ราบลุ่มแม่น้ำอินดัส

    แม้จะดูเหมือนว่าอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เกิดก่อนอารยธรรมอินดัสราว 200-300 ปี แต่ก็มีหลักฐานว่าทั้งสองแหล่งนี้มีการติดต่อถึงกันได้ และแน่นอนที่สุดความเชื่อเรื่องแวมไพร์ก็แพร่หลายถึงกันด้วย

    อันที่จริงชาวอินดัสมีตำนานผีดูดเลือดของตนเองมานานแล้ว เพราะดูจากแนวความเชื่อในลัทธิศาสนา ชาวอินดัสมีเทพเจ้าที่ดื่มเลือดสดๆ ของมนุษย์ปรากฏเป็นหลักฐานรูปวาดและรูปสลัก

     

    เชื่อกันว่าสิ่งนี้คือเทพแวมไพร์ตนแรกของโลก!

    ความเชื่อนี้ขยายไปสู่ดินแดนใกล้เคียง อย่างเช่น เทพเนปาลิส ลอร์ดออฟเดธ มีเขี้ยวแหลม ถือหัวกะโหลกที่มีเลือดสดๆ เต็มเปี่ยม ประทับยืนอยู่บนกองกะโหลกมนุษย์

    เทพองค์ต่อมาที่มีลักษณะเป็นแวมไพร์คือ เทพแห่งมรณะของทิเบต ลักษณะคล้ายเทพของดินดัส คือ พักตร์เขียว เขี้ยวยาว ดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร

     

    เทพที่ทันสมัยขึ้นมาคือ "กาลี" เทวีของพวกลัทธิทักกี-ลัทธิกระหายเลือดที่แฝงตัวอยู่ในสังคมของอินเดีย หลอกจับนักเดินทางไปฆ่าเอาเลือดบูชายัญ ไม่เลือดเด็กเลือกแก่ อังกฤษพยายามปราบปรามแต่ไม่สำเร็จ

    ในทิเบตยังมีตำนานแวมไพร์ 58 ตนที่ดุร้าย และออกตามล่ากินเหยื่อ ขณะที่อินเดียมีผีดูดเลือดที่เรียกกันว่า "เวตาล"

    สำหรับดินแดนของจีนก็มีแวมไพร์ที่เรียกว่า ผีเซียงซี เป็นผีตายโหงที่วิญญาณไม่สงบสุข อาฆาตพยาบาท ออกหากินตอนกลางคืน จับเหยื่อกินสดๆ มันกลัวกระเทียมเหมือนแดร็กคูล่าและผีดูดเลือดทั่วๆ ไป

    ความเชื่อจากจีนแพร่ต่อมายังญี่ปุ่น ซึ่งมีผีดูดเลือดตามสไตล์ตัวเอง ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ "กัปปะ" เป็นผีที่อยู่ในน้ำ ชอบดึงเหยื่อลงไปดูดเลือดกิน

    ในทวีปออสเตรเลียนั้น ชนเผ่าอะบอริจิ้นเชื่อเรื่องผีดิบดูดเลือด "ยารา-มา-ยฮา-ฮู" ตัวเตี้ยสั้น อาศัยตามต้นฟิก ชอบโจนลงมาจากต้นไม้ตะปบดูดเลือดคน

     

    สปีชี่ส์พิเศษสุดของแวมไพร์ ต้องมาดูในแอฟริกา เราเรียกมันว่า "โอบายิโฟ" ซึ่งไม่ใช่ผีของคนตาย แต่เป็นผีแม่มด ลักษณะกึ่งปีศาจ สามารถถอดกายออกจากร่างเพื่อล่าเหยื่อ เหมือนกระสือของไทยเรา และเลือดที่มันแอบดูดจากคนนอนหลับก็ไม่ใช่อาหาร แต่เป็นยาบำรุงพลังอำนาจ เพราะเลือดมนุษย์หมายถึงพลังชีวิต

    นักเขียนนวนิยายหรือภาพยนตร์ชอบใช้ แอฟริกา-อียิปต์เป็นต้นกำเนิดแวมไพร์ ตัวอย่างที่โด่งดังคือเรื่อง "ควีน ออฟ แดมด์" ของ แอนน์ ไรซ์ ซึ่งเป็นเรื่องนางพญาที่เป็นแม่มดแวมไพร์ มีพลังอำนาจแรงกล้า

    ตำนานจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ไม่มีที่ใดในโลกนี้เหมาะจะเป็นบ้านของแวมไพร์เท่ากับในยุโรป ที่ซึ่งมีผีดูดเลือดเกลื่อนกล่นไปหมด จนดูไม่ออกว่าเมืองไหนกันแน่ที่เป็นจุดกำเนิดของแวมไพร์ฝรั่ง แต่สันนิษฐานว่าจะเป็นที่กรีซ-แหล่งอารยธรรมโบราณที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป

    มหากาพย์ของกรีซมีเรื่องราวอภินิหาร มหัศจรรย์ มากมาย

     

    หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องแวมไพร์ที่เก่าแก่ นางคือ "ลาเมีย" ราชินีแห่งลิเบีย ที่ทรงสิริโสมงดงามจนเทพซุสแอบหนีเฮร่า ราชินีแห่งสวรรค์ลงมาร่วมอภิรมย์กับนาง มีโอรสธิดาหลายองค์ พอมเหสีขี้หึงเฮร่ารู้เข้าเท่านั้นแหละ เฮร่าก็พรากลูกๆ ของลาเมียไปจากนาง...ฝ่ายลาเมียก็เจ็บแค้นแสนสาหัส และสาบานจะแก้แค้นโดยมาลงเอากับมนุษย์เรานี่แหละ

    นางตระเวนดูดกินเลือดลูกๆ ของมนุษย์ทั่วโลก และในที่สุด ราชินีลาเมียแสนงามก็กลายสภาพเป็นงูร้ายมีเกล็ด!

     

     

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ตอนต่อไปจะเป็นเกี่ยวกับ ผีดูดเลือดหรือแวมไพร์ของประเทศอื่นๆ

    เม้นและโหวตให้ด้วยนะคะ ไปล่ะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×