ยามสายลมพัดโชยผ่านช่องหน้าต่างไม้แกะสลัก ดอกบ๊วยสีขาวร่วงโรยลงมาพรมพื้นห้องเบาๆ เสียงใบไม้ไหวระรัวราวกับจะเย้ยหยันความเงียบเหงาในตำหนักร้างแห่งนี้ องค์หญิงน้อยยี่ฮวาซบหน้าลงบนหมอนไหมเนื้อละเอียด น้ำตาไหลอาบแก้มนวลเนียนอย่างไม่อายใคร
นางเกิดมาในครอบครัวสูงศักดิ์ แต่กลับต้องเผชิญกับชะตาที่โหดร้าย มารดาผู้เป็นพระสนมสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ยังแบเบาะ บิดาผู้เป็นฮ่องเต้ก็ไม่เคยเหลียวแลแม้แต่น้อย นางถูกปล่อยให้อยู่ลำพังในตำหนักร้างแห่งนี้ราวกับนกน้อยที่ถูกขังอยู่ในกรงทอง
"ทำไม...ทำไมสวรรค์จึงโหดร้ายกับข้าเช่นนี้" ยี่ฮวาร้องไห้คร่ำครวญออกมาเบาๆ เสียงสะอื้นดังก้องกังวานไปทั่วห้อง สายตาคู่สวยมองขึ้นไปบนเพดานราวกับจะขอคำตอบจากสวรรค์ แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ
นางนึกถึงความสุขในวัยเด็กที่เคยมีมา ก่อนที่มารดาจะจากไป นางเคยได้เล่นกับตุ๊กตาตัวโปรด เคยได้รับความรักจากมารดาอย่างอบอุ่น แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงเมื่อมารดาสิ้นใจ
"ข้าทำผิดอะไรหรือเจ้าคะ ทำไมต้องมาเจอกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้" ยี่ฮวาถามตัวเองอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุดหย่อน
นางคิดถึงบิดาของนาง ผู้เป็นฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจ แต่กลับไม่เคยเห็นความสำคัญของนางเลยแม้แต่น้อย นางเคยหวังว่าสักวันหนึ่งบิดาจะหันมาสนใจนางบ้าง แต่ความหวังนั้นก็ดูเหมือนจะเลือนลางลงไปทุกที
"ข้า...ข้าเกลียดสวรรค์" ยี่ฮวาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางกำหมัดแน่นจนเล็บฝังลงไปในเนื้อ
"เหตุใดสวรรค์จึงสร้างข้ามาเพื่อความทุกข์ทรมานเช่นนี้" ยี่ฮวาร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง ความรู้สึกเจ็บปวดท่วมท้นจนแทบจะทนไม่ไหว
ในขณะที่ยี่ฮวากำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่นั้น สายลมก็พัดโชยเข้ามาในห้องอีกครั้ง พัดพาเอากลิ่นหอมของดอกบ๊วยมาด้วย ยี่ฮวามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดอกบ๊วยสีขาวร่วงโรยลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับน้ำตาของนาง
"ข้าจะทำอย่างไรดี" ยี่ฮวาถามตัวเองเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ยั้ง
ความรู้สึกของยี่ฮวาในตอนนี้เปรียบเสมือนดอกบ๊วยที่ร่วงโรยลงมาอย่างไม่มีวันหวนคืน ความเศร้าโศก ความเหงา ความโดดเดี่ยว และความสิ้นหวังได้ครอบงำจิตใจของนางไปหมดสิ้น นางรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งให้ลอยเคว้งอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์
ทันใดนั้นเอง
ตำหนักร้าง กลางดึก
เสียงหอบหายใจหนักๆ ของบุรุษชุดดำดังก้องไปทั่วห้อง ยี่หวาซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตัวสั่นเทา ร่างกายเล็กๆ ของนางสั่นระริกราวกับใบไม้ในฤดูหนาว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองไปยังเงาที่กำลังเคลื่อนไหวในความมืด
“นี่เราจำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆหรือ” เสียงทุ้มต่ำของบุรุษชุดดำดังขึ้นอีกครั้ง “นางเป็นแค่เด็กนะ”
“เราไม่ทำ เราก็ตาย” เสียงอีกเสียงตอบกลับมาอย่างเย็นชา “มันเป็นคำสั่ง”
คำพูดของทั้งสองฝ่ายตอกย้ำความสิ้นหวังในใจของยี่หวา นางไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีคนมาทำร้ายนาง ทั้งๆ ที่นางไม่ได้ทำอะไรผิดเลย นางเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่ อยากได้รับความรักความอบอุ่น แต่ทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายกับนางเช่นนี้
น้ำตาของยี่หวาไหลอาบแก้มอย่างไม่หยุดหย่อน นางอยากจะร้องออกมาดังๆ แต่กลัวว่าจะถูกพวกเขาจับได้ นางจึงกัดริมฝีปากของตัวเองจนเจ็บเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้
“ทำไม...ทำไมต้องเป็นข้าด้วย” ยี่หวาคร่ำครวญในใจ นางรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งให้เผชิญกับความมืดมิดเพียงลำพัง
"ขอ...ขอร้องอย่าทำอะไรข้าเลย" เสียงของยี่หวาสั่นเครือราวกับใบไม้ในฤดูหนาว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าราวกับต้องการป้องกันตัวเอง "ข้า...ข้าทำอะไรผิดไปหรือ"
ชายชุดดำหัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะนั้นฟังดูน่ากลัวราวกับเสียงปีศาจ "เจ้าทำผิดตั้งแต่เกิดมาแล้วที่เป็นองค์หญิง"
ยี่หวาพยายามจะลุกขึ้น แต่ชายชุดดำก็ใช้เท้าเหยียบลงบนแขนของเธออย่างแรง ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบแก้มนวลเนียนของยี่หวา เธอพยายามจะอ้อนวอนขอความเมตตาจากชายชุดดำ "ข้า...ข้าขอร้อง ข้ายังเด็กเกินไป ข้าไม่อยากตาย"
ชายชุดดำก้มลงมองมายี่หวาอย่างเหยียดหยาม "เจ้าคิดว่าคำขอร้องของเจ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง" เสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง "ทุกคนต้องตาย"
ยี่หวาปิดตาแน่น หวังจะหลีกหนีจากความเจ็บปวด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอคอยความตายอย่างสิ้นหวัง ในใจของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจและความแค้น เธอคิดถึงมารดาที่จากไป เธอคิดถึงความสุขในวัยเด็กที่เคยมีมา เธอสาปแช่งชายชุดดำและทุกคนที่ทำร้ายเธอ
"ทำไม...ทำไมสวรรค์ถึงใจร้ายกับข้าเช่นนี้" ยี่หวาร้องไห้คร่ำครวญออกมาเบาๆ เสียงสะอื้นดังก้องกังวานไปทั่วห้องมืดมิด...
เปลวเพลิงสีส้มแดงกระพริบวูบวาบ เหมือนจะเยาะเย้ยความเจ็บปวดของยี่หวา ร่างเล็กของนางนอนนิ่งอยู่ท่ามกลางกองเพลิงที่ค่อยๆ เลียเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดวงตาที่เคยสดใสปิดลงอย่างไม่มีวันเปิดอีกแล้ว ริมฝีปากซีดเซียวเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่นราวกับกำลังร่ำลาโลก
ลมพัดโชยเอากลิ่นไหม้และกลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ราวกับบทเพลงแห่งความโศกเศร้าที่บรรเลงส่งท้ายชีวิตขององค์หญิงน้อย ยี่หวาเคยฝันถึงอนาคตอันสดใส แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถในตำหนักร้างแห่งนี้
ชายชุดดำสองคนยืนมองดูเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ พวกเขาไม่มีแม้แต่รอยยิ้มแห่งความสำเร็จปรากฏบนใบหน้า แต่กลับมีเพียงความเงียบสงบที่น่ากลัว
"เสร็จสิ้นแล้ว" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับกระซิบ "ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก"
"ใช่" อีกเสียงหนึ่งตอบรับ "ทุกอย่างจะถูกไฟเผาผลาญจนหมดสิ้น"
พวกเขาทั้งสองหันหลังกลับ เดินออกจากตำหนักร้างไป โดยไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย ทิ้งให้ยี่หวาเผชิญหน้ากับความตายเพียงลำพัง....
ความคิดเห็น