ตอนที่ 2 : Lend Me Your Mic Please (TaeJae/YuJae) #แจขี้อ่อย
Lend Me Your Mic Please (TaeJae/YuJae)
เสียงกรี๊ดที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาจนหูแทบอื้อทำผมเผลอผงะถอยหลังออกจากเด็กยักษ์ตรงหน้าอย่างลืมตัว สีหน้างุนงงของแจฮยอนบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก
(ใกล้กันเกินไปหน่อยแล้ว)
ผมได้ยินยูตะกระซิบกับน้องอย่างนั้น แต่แจฮยอนก็คว้าข้อมือผมเข้าไปหาอีกครั้งพร้อมกับก้มหน้าลงมาพูดใส่ไมค์ที่แนบอยู่กับหน้าผมทั้งๆ ที่ยังแก้มแดงจัดจนผมรู้สึกร้อนตาม มือขวาของแจฮยอนรั้งเอวผมเข้าไปใกล้ขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะได้พูดกับแฟนๆ ได้ถนัดมากขึ้นก่อนจะปล่อยตัวผมทันทีที่กล่าวทักทายจบ
ท่าฉุดกระชากก็ดูเท่อยู่หรอกนะ แต่มือนี่สั่นเป็นลูกนกเชียว
ผมอดไม่ได้ที่จะก้มหน้ากลั้นยิ้มกับตัวเอง ท่าทางกระวนกระวายของแจฮยอนจนต้องถอยไปชิดยูตะทำเอาผมทั้งขำทั้งโมโหที่น้องมันพยายามซ่อนความเขินโดยการไปอิงแอบไอ้ตัวอันตรายอีกคนอย่างเพื่อนร่วมวงจากโอซาก้า
ไว้รอกลับหลังเวทีก่อนเถอะ
---TaeJaeYu---
“แจฮยอน...”
ผมยืนกอดอกพิงกับกำแพงในห้องพักศิลปินที่ชุลมุนไปด้วยบรรดาสต๊าฟและนักร้องวงอื่นๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่ผมแสร้งขึ้นเอง
“ผมขอโทษจริงๆ ครับฮยอง!”
ครับ... นี่ผมแค่เรียกชื่อน้องมันเองนะครับ ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยเด็กน้อยนี่ก็มาโค้งเก้าสิบองศาให้กับผมซะแล้ว
“ค... คือ ผมไม่น่าคว้ามือฮยองมันอย่างนั้นเลย มันดูไม่สุภาพแล้วก็...”
ผมรู้ว่าแจฮยอนกำลังคิดอะไร ผมเดาได้เลยว่าภาพที่กล้องจับได้จะต้องดูเหมือนผมกำลังถูกหุ่นหมีๆ ของแจฮยอนลากเข้าไปจูบแน่นอน ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งผมก็ควรรู้สึกแย่ใช่ไหม ก็ถ้าเลือกได้ ผมก็ควรเป็นฝ่ายลากน้องเข้ามาจูบเองนี่นา... เหมือนครั้งที่แล้วไง
“โอ้ย คิดมากไปได้! ดูก็รู้ว่าแทยงเค้าไม่โกรธนายหรอก ดีซะอีกถือเป็นแฟนเซอร์วิสไง”
ผมมองตาเขียวปัดไปทางยูตะที่เข้ามาขัดขวางบทสนทนาระหว่างเราสองคนแถมยังฉวยโอกาสโอบไหล่หนาของแจฮยอนอย่างสนิทชิดเชื้ออีก
“ยูตะ อย่าเสือก”
คนอย่างลีแทยงไม่คิดจะพูดภาษาดอกไม้กับเพื่อนที่เกิดปีเดียวกันหรอกครับ
“อะไรๆ นี่นายคิดจะดุน้องเหรอ มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะแทยง” ผมพยายามจะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้าต่อยกับหนุ่มญี่ปุ่นที่กำลังพูดกับผมด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท
“แจฮยอนอา ครั้งหน้าถ้านายยืนข้างๆ ฉันก็มาขอยืมไมค์ฉันนี่ อย่าไปขอยืมคนใจร้ายอย่างแทยงมันเลย”
ดูมันท้าทายผมสิครับ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นก็กำลังมองอยู่ ผมคงกระชากแจฮยอนมาเฟรนช์คิสต่อหน้าต่อตามันไปแล้ว ส่วนเจ้าเด็กยักษ์นี่ก็เอาแต่ยืนเอ๋อมองทางผมทีมองทางยูตะทีเหมือนไม่รู้จะเข้าข้างใครดีอย่างน่าตบหัวเบาๆ
“ใครว่าฉันจะดุแจฮยอน” ผมดึงตัวแจฮยอนกลับมาให้ออกห่างจากเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างยูตะพอสมควร ก่อนจะจงใจสบตาน้องเล็กของรุกกี้ส์รุ่นโตตรงๆ “ฉันแค่จะเตือนเรื่องสกินชิฟนิดหน่อยเองว่ากับฉันน่ะยังโอเค แต่ถ้าไปเผลอทำอย่างนี้กับใครเข้าล่ะก็...”
ผมเห็นแจฮยอนกลืนน้ำลายเอื้อกเบาๆ มีคนบอกผมอยู่บ่อยๆ แหละครับว่าผมเป็นคนตาดุ จะสั่งจะสอนใครเป็นต้องฟังกันทั้งนั้น... รวมทั้ง ‘เด็กดี’ ของผมอย่างแจฮยอนด้วย
“ค... ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ผมหลุดยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของยูตะที่เพิ่งถูกผมแย่งแจฮยอนกลับมาต่อหน้าต่อตา อีกอย่าง... หมอนี่คงไม่คิดว่าแจฮยอนจะรับปากผมง่ายๆ ขนาดนี้
“จะว่าไป... นายลืมมาหาฮยองนะ แจฮยอนอา”
ผมถามลอยๆ แบบแฝงความนัยให้ศัตรูหัวใจอกแตกตายเล่นๆ ตอนนี้ยังไม่มีใครในหมู่พวกมันรู้ว่าผมกับแจฮยอนเดินหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้วตั้งแต่วันนั้นที่ถ่ายรายการ NCT Life in Seoul ไอ้ที่ผลัดกันจุ๊บแก้มน้องตอนวันบรรลุนิติภาวะน่ะเทียบไม่ได้เลยกับรสชาติหวานล้ำที่แสนเย้ายวนของเด็กยักษ์ในวันนั้น
“ทำไมอยู่ๆ ฮยองพูดเรื่องนี้ขึ้นมาละครับ”
แจฮยอนรีบหันมากระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ สายตาหวาดๆ ของเจ้าตัวเสไปทางยูตะที่หรี่ตามองมาทางพวกเราอย่างสงสัย
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้... ที่นายอ่อยคนอื่นไปทั่วน่ะ”
ผมกระซิบกลับไปด้วยน้ำเสียงแหบต่ำที่ใครๆ ก็ชมว่าเซ็กซี่ของผม เด็กยักษ์สะดุ้งนิดๆ ก่อนหันกลับมามองผมพร้อมรอยยิ้มใจดีสู้เสือ
“ก็ฮยองไม่เข้าหาผมเองนี่ ดูอย่างยูตะฮยองสิ น่ารักกับผมจะตาย”
ไม่พูดเปล่า เจ้าเด็กจอมกวนยังส่งยิ้มหวานไปให้ 95 ไลน์อีกคนที่กำลังยืนกอดอกรอยิ้มๆ ไอ้ยูตะมันไม่สนหรอกว่าผมกับแจฮยอนจะมีความลับอะไรกัน เพราะมันเป็นประเภทรอเสียบได้เสมออยู่แล้ว
“ถ้ายังอยากให้ฮยองสอนขั้นต่อไป ก็หยุดเล่นหูเล่นตากับคนอื่นซะที”
ผมรู้ดีว่าแค่ขู่ไปอย่างนี้เฉยๆ แจฮยอนไม่มีทางฟังแน่ เลยต้องหยอดต่ออีกสักหน่อย
“เป็นเด็กดีนะ แล้วเดี๋ยวคืนนี้จะให้รางวัล”
พูดจบผมก็ผลักแจฮยอนคืนยูตะเลยครับ ดูสิว่าจะยังมีอารมณ์ยั่วชาวบ้านให้ผมเห็นจนต้องชวดรางวัลต่ออีกไหม ผมถึงกับเตรียมเดินไปทางอื่นแบบไม่แคร์ว่าเด็กยักษ์จะทำอะไรต่อกับเพื่อนร่วมวงตัวแสบอีกคนเลยครับ
“ฮยอง!”
เสียงตะโกนของแจฮยอนเรียกให้ผมหันกลับหาเจ้าตัวในอ้อมกอดของคนอื่นราวกับจงใจท้าทายผม
“สัญญาแล้วนะครับ”
ตาหวานฉ่ำทั้งสองข้างของเด็กยักษ์โค้งจนเป็นรูปสระอิ แขนนุ่มนิ่มที่ซ่อนอยู่ในจัมป์สูทยีนส์ตัวหนาดึงแขนของยูตะที่โอบอยู่ที่เอวขึ้นมาวางบนไหล่แบบคนกันเองแทน
เห็นไหมล่ะ... แจฮยอนเป็นเด็กดีของผมจะตาย
---TaeJaeYu---
“ช่วงที่สอง นายดูตื่นเต้นมากเลยนะ”
ผมพูดพลางขบติ่งหูเด็กยักษ์เบาๆ ในมือของแจฮยอนคือแท็บเล็ตสีดำที่กำลังฉายคลิปวิดีโอช่วงที่พวกเขากำลังกล่าวทักทายแฟนๆ ในรายการ MPD ย้อนหลัง
“ก็ผมต้องนับเวลารอพี่เป็นหลักวินาทีเลยนี่ครับ”
แจฮยอนที่กำลังนั่งอยู่ระหว่างหว่างขาของผมหันมายิ้มหวานแบบเดียวกับที่ยิ้มอายๆ ระคนกระวนกระวายในคลิปที่กำลังเล่นอยู่
“ถ้างั้นก็รอต่ออีกนิดเป็นไง”
ผมพูดทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่พอใจพลางสอดมือเข้าไปลูบซิกส์แพ็คซ์แน่นๆ ใต้เสื้อยืดสีขาวสำหรับใส่นอนของแจฮยอนช้าๆ
“นี่ฮยองคิดจะแกล้งผมไปถึงเมื่อไหร่กันครับ”
“ก็จนกว่านายจะพร้อม”
ผมกระซิบข้างหูเด็กน้อยเบาๆ แอบรู้สึกว่าตัวเองหื่นไม่น้อยตอนล้วงเข้าไปในกางเกงในสีขาวของอดีตมักเน่รุ่นโต
“แล้วตรงไหนของผมไม่พร้อมล่ะ”
แจฮยอนหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แก้มขึ้นสีจัดดูเย้ายวนเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งอีกฝ่ายเล่นด้วยการบดขยี้ทุกส่วนอ่อนไหวของเด็กน้อยไปพร้อมๆ กัน
ทั้งยอดอกสีชมพูที่แข็งขึ้นเป็นตุ่มเล็กๆ ให้ผมบีบอย่างถนัดมือ
ทั้งริมฝีปากที่เผยอรับลิ้นของผมเข้าไปอย่างร้อนแรง
...และแจฮยอนตัวน้อยที่ค่อยๆ ขยายเป็นแท่งเนื้อในกำมือร้อนๆ ของผม
“อ๊ะ... อา...”
เสียงครางหวานๆ ของแจฮยอนทำเอาผมเกือบลืมจุดประสงค์ของวันนี้ไปเสียแล้ว ผมไม่รู้ว่าแจฮยอนจะเรียนรู้อะไรจากผมได้บ้าง ได้แต่หวังว่าบทเรียนแรกจะทำให้เด็กน้อยของผมรู้สึกดีไปกับสัมผัสตามจุดต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งการสอดใส่อย่างที่เจ้าตัวหวัง
ความหฤหรรษ์ในโลกของผู้ใหญ่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
Writer's Talk:
อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนพี่แทคะแนนนำลิ่วเลยใช่ไหมคะ? เดี๋ยวมารอดูกันในอนาคต 5555
อ่ย่าลืมช่วยกันเม้นท์ให้กลจไรท์ได้ทั้งในเด็กดีและทวิตเตอร์ ณ #แจขี้อ่อย ด้วยรักและเคารพ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แจนก้ต้องเป็นเด็กดีนะคะ ไม่ไปหาคนอื่นนะคะ
รอติดตามต่อ ตอนนี้พี่แทคะแนนนำลิ่วคร่าาาาาา
ไรท์สู้ๆ