ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[Bonasu's Room]] ห้องเก็บของส่วนตั๊วส่วนตัว!!

    ลำดับตอนที่ #36 : [Audition] นางเอก Theme story .. Hotel (สาวยูคนงาม)

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 53



    Follow your form audition : )

     

    ส่วนของผู้สมัคร

    ๑. ชื่อ

    : โบนัส

    ๒. อายุ

    : 18 .. ใกล้ 19 ละ อีกนิดเดียว >_<

     

    ส่วนของตัวละคร

    ๑. ชื่อตัวละคร

    : ฮวัง แชริล  (( Hwang Chae-Ril ))

    ๒. อายุ

    : 23 ปี

    ๓. อาชีพ

    : ไม่มี .. ได้แต่นั่งสวยใช้สอยเงินพ่อแม่ไปวันๆ  (( ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ พ่อแม่ดันเป็นเจ้าธุรกิจของโรงแรมห้าดาว ))

    ๔. ลักษณะนิสัย

    : คุณหนูไฮโซที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ได้รับการเอาอกเอาใจตั้งแต่ยังเด็ก พอโตมาก็เลยแอบมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะงี่เง่าขี้วีนขี้โวยวายวี๊ดวายอะไรนะ ไม่ทำตัวหัวสูงให้น่าหมั่นไส้ด้วย ค่อนข้างจะติดดินเสียด้วยซ้ำ แต่เธอก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าเธอเอ่ยปากออกมาว่าไม่ มันก็คือไม่ ใครหน้าไหนจะมาบังคับให้มันใช่ไม่ได้ .. แชริลเป็นผู้หญิงที่มีทักษะการวางตัวในสถานการณ์ต่างๆดีมาก แม้จะไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไร แต่เธอก็มีมาดที่ดี เธอไม่ใช่คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเท่าไหร่ เธอจะคุยกับคนที่อยากคุย และจะคบกับคนที่อยากคนเท่านั้น ดังนั้นคนที่เธอไม่ต้องการจะเสวนาด้วยจึงมักจะมองว่าเธอหยิ่งเสมอ ซึ่งมันก็จริง .. นอกจากนี้แล้วฮวังแชริลยังเป็นคนที่มีความคิดค่อนข้างนอกกรอบ ไม่ใช่ว่าขวางโลกหรอกนะ ก็แค่มองต่างมุมเท่านั้นเอง แต่เธอก็ยังรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นโดยไม่โต้แย้งอะไรทั้งๆที่เธออาจจะคิดไม่เหมือนกันก็ตาม แชริลมีความเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลพอสมควร แต่สิ่งที่เธอขาดก็คือความพยายาม เธอไม่ใช่คนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ หากสิ่งที่เธออยากได้นั้นมันยากเกินจะไขว่คว้า เธอก็จะปล่อยมันไป เหตุนี้เป็นเพราะในชีวิตของเธอไม่เคยที่จะต้องดิ้นรนอะไร เธอมีทุกอย่างเพียบพร้อมไปหมดจนคิดว่าขาดอีกสิ่งไปก็คงจะไม่เป็นไร เพราะยังไงเธอก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งมาทดแทนกันได้ แต่ความคิดเหล่านั้นของเธอได้เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย เมื่อเธอได้รู้จักคำว่า "รัก" แต่ความรักของเธอมันค่อนข้างจะผิดธรรมชาติไปเสียหน่อย .. คิดดูแล้วก็น่าขำ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตาและฐานะ รวมไปถึงหัวสมองด้วย แต่หัวใจดันป่วย กลับกลายเป็นเลสเบี้ยนไปเสียได้!

    ๕. ชื่ออิมเมจ

    : เจสสิก้า ณ โซนยอชิแด

    ๖. คู่ของคุณ

    : ชเว มินฮวาน

    ๗. อายุ

    : 19 ปี

    ๘. อาชีพ

    : เด็กเสิร์ฟ และ บาร์เทนเดอร์ในบางโอกาส

    ๙. ลักษณะนิสัย

    : เด็กผู้ชายท่าทางโง่ๆ แลดูไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเป็นที่สุด ทำตัวบ๊องๆแอ๊บแบ๊วไปวันๆ ใครๆก็ต่างบอกว่าเขาน่ารักและใสซื่อ ทั้งที่จริงๆแล้วตัวตนของเขาอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเลยก็ได้ .. โอเค! ต้องยอมรับล่ะว่านิสัยรวมๆเขาน่ารักจริงๆ แต่ใสซื่อนี่คงไม่ใช่ ก็ลองคิดในมุมกลับกันดูสิ เด็กไร้เดียงสาที่ไหนจะมาเที่ยวเดินร่อนออดอ้อนพวกพี่สาวในไนท์คลับแบบนี้กันล่ะ?! .. จะอ้างว่าเป็นงานก็เหมือนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เพราะงานอื่นก็มีให้เลือกทำถมเถไป เงินเดือนก็อาจจะเยอะกว่าการเป็นเด็กเสิร์ฟหรือบาร์เทนเดอร์เสียด้วยซ้ำ .. แต่ก็นะ เงินเดือนเยอะกว่าก็จริงอยู่ แล้ว "ทิป" ล่ะมีให้หรือเปล่างานอื่นๆน่ะ? ทิปที่เขาได้จากการไปออดอ้อนพวกนูน่าในแต่ละวัน ถ้าเอามาบวกรวมกันให้ครบหนึ่งเดือนมันยังจะมากกว่าเงินค่าจ้างประจำที่เขาได้ซะด้วยซ้ำ .. เท่าที่กล่าวมามันอาจจะทำให้คุณมองชเวมินฮวานที่น่ารักคนนี้แย่ไปเลยล่ะสิ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินไป! เพราะนั่นมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งในสิบเท่านั้นเอง เงินมันเป็นสิ่งจำเป็น เพราะทุกคนก็ต้องกินต้องใช้ ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไปเรื่องอื่นๆของเขาก็ดีนะ เพราะมินฮวานเป็นผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกคนนึงเลยก็ว่าได้ เขาให้เกียรติเพศตรงข้ามเสมอ .. นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นคนมีน้ำใจ มองโลกในแง่ที่ค่อนข้างดี ถึงจะทะเล้นแต่ก็ไม่เจ้าชู้ อีกอย่างเขาก็ไม่เคยคิดร้ายกับใครด้วย แต่อย่าทำให้เขาโกรธถึงขั้นปรอทแตกขึ้นมาเชียว เพราะนายเทวดาตัวน้อยๆคนนี้จะกลายเป็นซาตานตัวยักษ์ใหญ่ขึ้นมาทันที .. ด้วยความที่กำพร้าพ่อแม่ และต้องหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เขาจึงเป็นคนที่ผ่านโลกมามากพอสมควร มินฮวานได้เรียนรู้ว่าโลกใบกลมๆที่เขาเหยียบอยู่มันไม่เลวร้ายเท่าไรนัก การใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพังมันไม่ได้เหลือบากกว่าแรงของเขาเลย .. ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถระมัดระวังป้องกันให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยบนโลกใบนี้ได้อย่างสบายๆ แต่เขาก็ไม่อาจจะปกป้องหัวใจตัวเองไม่ให้เจ็บปวดเพราะความรักบนโลกใบนี้ได้เลย

    ๑๐. รูปอิมเมจคุณ


    ๑๑. รูปอิมเมจคู่ของคุณ


    ๑๒. ตีมสตอรี่ที่คุณเลือก

    : Hotel

    ๑๓. ตีมสตอรี่ของคุณเกี่ยวข้องกับคุณหรือคู่อย่างไร

    เรื่องมันมีอยู่ว่า ... ในวันหนึ่งซึ่งก็เป็นวันธรรมดาๆที่ผม 'ชเว มินฮวาน' จะต้องไปทำงานที่ไนท์คลับของโรงแรมหรูตามปกติ แต่วันนี้พิเศษหน่อยตรงที่ผมได้เป็นบาร์เทนเดอร์ ซึ่งนานทีปีหนผมถึงจะได้มีโอกาสมายืน ณ จุดนี้ (เคาท์เตอร์บาร์) .. ในขณะที่ผมกำลังแสดงฝีมือทำเครื่องดื่มต่างๆอยู่นั้น ผู้หญิงผมสีบลอนด์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าบาร์ สายตาของเธอมองเงยขึ้นไปที่บอร์ดรายการเมนูค็อกเทลต่างๆที่แปะอยู่ด้านบน .. ณ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดพิศวาสกับเธอหรอก ก็แค่มองว่าผู้หญิงคนนี้สวยดี และก็คิดว่าเธออาจจะเป็น Lucky Girl ของผมในวันนี้อีกคนหนึ่งก็เป็นได้

    ผมก็กล่าวถามเธออย่างสุภาพว่าจะรับอะไรดีครับตามหน้าที่ และผมก็ไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มหวานตาหยีในแบบที่พวกสาวๆเขาชอบกันให้เธอนะ .. แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจมันเลยซักนิด เพราะสายตาของเธอมัวแต่จับจ้องไปบนบอร์ดเมนู ผมจึงคิดจะลองเสนอเมนูให้กับเธอดู เพื่อเป็นการทำแต้มอย่างหนึ่ง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะแนะนำอะไร เธอก็ดันพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า “เอา Midori Sound” จากนั้นเธอก็หมุนตัวหันหลังเดินตรงขึ้นไปแย่งซีนพวกแดนเซอร์ที่กำลังเต้นส่ายไปส่ายมาอยู่บนเวทีกลางฟลอร์ ด้วยการวาดลวดลายการเต้นที่สุดแสนจะเซ็กซี่ที่เคล้าไปกับจังหวะเพลงมันส์ๆได้เป็นอย่างดี เรียกเสียงฮือฮาของเหล่าบรรดาแขกคนอื่นๆได้มากมายเลยทีเดียว

    หลังจากที่ยืนดูเธอคนนั้นวาดลวดลายอยู่นาน ผมก็คิดได้ว่าคืนนี้ผมเจอตัวแม่เข้าให้เสียแล้ว ลางสังหรณ์ของผมมันกระซิบบอกว่าบางทีเธออาจจะไม่ใช่แค่เพียง Lucky Girl แต่เธออาจจะเป็น Super Lucky Girl เลยก็เป็นได้! ... และมันก็เป็นจริงดั่งที่ผมคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อผู้จัดการเดินมาถามผมว่า คุณหนู ‘ฮวังแชริล’ สั่งอะไร?” .. แค่เพียงเท่านี้ผมก็พอจะเดาออกแล้วว่าบรรดาศักดิ์ของเธอคนนี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่แท้ ยิ่งผู้จัดการเดินมาถามเองเลยแบบนี้ยิ่งเป็นใครอื่นเป็นไม่ได้แล้วล่ะ ... ฮวังแชริล กับ Hwang Paradise โรงแรมระดับหรูที่ผมทำงานอยู่คงต้องเกี่ยวดองกันแน่นอน! ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะมีแววกระเป๋าตังค์หนักกว่าทุกวันเสียแล้วล่ะสิ ถ้าโชคดีหน่อยคงได้ขึ้นเงินเดือนเสียด้วย .. โอกาสลอยมาให้คว้าถึงที่แบบนี้มีหรือผมจะปล่อยไปง่ายๆ? .... ไม่มีทาง !!!

    เมื่อเสียงเพลงแดนซ์จบลง เพลงช้าจังหวะ R&B เบสหนักๆก็ดังขึ้นมาแทน .. Super Lucky Girl ของผม หรือที่ใครๆต่างเรียกเธอว่า ‘ฮวังแชริล’ ก็หยุดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก่อนจะก้าวขาเรียวๆของเธอทีละข้างลงมาจากเวทีโดยไม่พูดไม่จาใดๆ และไม่แคร์สายตาของใครทั้งนั้น ... เธอเดินตรงกลับมายังที่บาร์อีกครั้ง ผมจึงจัดแจงเสิร์ฟค็อกเทลรสหวานกลิ่นเมล่อนที่เธอสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ตรงหน้าของเธอ โดยโปรยยิ้มหวานๆให้เธออีกครั้ง .. แต่เธอก็ยังคงทำเป็นไม่สนใจผมอยู่ดี ฮวังแชริลยกแก้วขึ้นจิบเล็กๆก่อนจะวางมันลงที่เดิม และเพ่งสายตามองมันอย่างพินิจพิเคราะห์ ผมจึงคิดจะเริ่มเปิดฉากการสนทนากับเธออีกครั้ง ... ด้วยการแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร และทำน่าขันโดยการพูดอธิบายและแนะนำสรรพคุณของไนท์คลับแห่งนี้ให้เธอฟัง ว่าวัตถุดิบทุกอย่างที่ทางร้านเราใช้มีคุณภาพและมาตรฐานสูง รับรองว่าทานเข้าไปแล้วไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆเธอก็คงจะนึกขำในใจที่ผมึ่งเป็นเพียงพนักงานปลายแถว ดันมาพูดจาอวดรู้แนะนำร้านที่ตัวเธอเองเป็นเจ้าของให้ฟัง .. อย่าได้คิดเชียวนะว่ามันเป็นเพียงการกระทำโง่ๆ นี่มันก็ถือเป็นการเรียกความสนใจอย่างหนึ่ง แต่ผลก็เหมือนเดิมครับ เธอยังคงเงียบและไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม

    ปลายนิ้วเรียวของเธอแตะสัมผัสเบาวนไปวนมาอยู่ที่รอบขอบปากแก้วราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง แต่เพียงไม่นานนักมือของเธอก็หยุดหมุนวนรอบปากแก้ว .. ลูกเชอร์รี่สีแดงสดที่วางลอยอยู่บนน้ำค็อกเทลกลิ่นเมล่อนสีเขียวสดใสก็ถูกหยิบออกมาวางไว้บนโต๊ะข้างๆแก้ว และมะนาวฝานที่เสียบอยู่ด้านข้างขอบแก้วก็ถูกหิบใส่ลงมาแทนที่ลูกเชอร์รี่ จากนั้นเธอจึงยกแก้วขึ้นจิบอีกครั้ง ... ผมเริ่มควมพยายามที่จะพูดคุยกับเธออีกครั้งด้วยการสอบถามถึงรสชาติใหม่ที่เธอปรุงแต่งเองว่ามันดีกว่ารสชาติดั้งเดิมอย่างไร แต่เธอก็ยังคงไม่ตอบอะไรต่อไป ทำราวกับผมไม่มีตัวเสียด้วยสิ .. เครื่องดื่มที่ถูกสั่งเข้ามาชุดใหญ่ทำให้ผมไม่มีเวลาไปยืนชวนเธอคุยอะไรได้อีก นอกจากว่าทำเป็นแสดงฝีมือการชงค็อกเทลรูปแบบต่างๆให้เธอดู พร้อมกับถามความเห็นไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ยังไร้สัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียกอยู่ดี

    จนเวลาล่วงเลยมาจนใกล้จะตีสามเต็มที ในที่สุด Midori Sound แก้วเล็กเพียงแก้วเดียวที่เธอนั่งดื่มด่ำกับรสชาติที่เธอดัดแปลงกินเองอยู่นานราว 3-4 ชั่วโมงก็หมดแก้วเสียที และที่น่าประหลาดใจไปมากกว่านั้นก็คือตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะพูดอะไร ชวนเธอคุยอะไร ทุกมุกทุกไม้แล้ว เธอก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจผมเลยซักนิดเดียว .. ทิปที่ผมคาดหวังจะได้จากเธอคงจะหลุดลอยไปกับความฝันของผมเสียแล้วล่ะมั้ง เพราะดูเหมือนว่าฮวังแชริลคนนี้จะหยิ่งเอาการเลย แถมมนุษยสัมพันธ์ยังประสิทธิภาพต่ำถึงขั้นอันตรายเลยทีเดียวเชียว ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธที่จะพูดคุยผมมาก่อนหรอกนะ แต่ว่าอย่างน้อยๆถ้าพวกเธอไม่อยากคุย พวกเธอก็จะพูดออกมาหรือไล่ผมตรงๆเลย แต่ฮวังแชริลกลับไม่เป็นแบบนั้น! ... ผมก็ไม่รู้นะว่าที่ผมพูดๆไปน่ะเธอฟังบ้างหรือเปล่า หรือว่าไม่ได้ยินอะไรเลยซักนิด ได้ยินแต่เสียงเพลงที่เปิดอยู่?

    และก็มาถึงโอกาสสุดท้ายที่ผมจะสามารถคว้าไว้ได้ ในขณะที่ฮวังแชริลกำลังสั่งเช็คบิล ผมจึงเอ่ยถามคำถามที่คาดว่านาจะเป็นคำถามสุดท้ายแล้วระหว่างผมกับเธอออกไป “ไม่กลัวขาดทุนเหรอครับ? เหลือเชอร์รี่แพงๆไว้ทิ้งๆขว้างๆแบบนี้” ผมบอกเธอออกไปในที่สุดว่าผมแค่แกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้จักเธอเท่านั้น และคำถามนั่นมันก็คงจะฟังดูเหมือนคำถามกวนประสาทที่ไร้มารยาทสำหรับเธอ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรถึงได้ถามออกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เธอมีปฏิกิริยาอื่นนอกจากนิ่งเงียบตอบสนองผมบ้างแล้วล่ะ!! ... ฮวังแชริลหันหน้ามาสบตากับผมด้วยสายตาเรียบๆ ไม่ได้แสดงอาการใดๆ มือของเธอเอื้อมออกไปหยิบลูกเชอร์รี่ที่วางแหมะอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่จะปล่อยมันร่วงลงกับพื้น ... กระเป๋าคลัชท์ยี่ห้อดีสีดำสนิทที่เธอสะพายติดตัวมาด้วยถูกเปิดออกพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาวางเรียงกันสามกอง “15000 วอน คือเงินค่าเครื่องดื่ม 5000 วอน คือค่าเชอร์รี่ ส่วน 30000 วอน คือตัวแทนคำชมในความพยายามของนาย เมื่อพูดจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณหนูฮวังแชริล ทายาทคนเดียวของโรงแรมหรูระดับห้าดาว Hwang Paradise ก็เดินจากไป โดยทิ้งผมให้ยืนอึ้งมองเงินสามกองที่วางอยู่ตรงหน้าสลับกับแผ่นหลังบางของเจ้าของมัน ... ~

    และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดที่ผมไม่ได้รับรู้เลยว่ามันจะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลายเป็นไอ้บ้าที่พูดอยู่คนเดียวเป็นชั่วโมงๆทุกครั้งที่ฮวังแชริลปรากฎกาย แต่ผลตอบแทนที่ผมได้รับมันก็คุ้มค่ามากเลยทีเดียว ส่วนฮวังแชริลเองก็คงจะประสาทกลับไม่ต่างจากผมหรอก เผลอๆอาจจะยิ่งกว่าซะด้วยซ้ำ เพราะเธอก็เพี้ยนที่มานั่งฟังผมพูดบ้าอะไรไม่รู้โดยไม่โต้ตอบอะไรซักคำอยู่ได้เกือบทุกวัน แถมยังต้องเสียเงินอีกต่างหาก ... ก็ไม่รู้นะว่าตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจมันคือเงินของฮวังแชริลหรือตัวของฮวังแชริลกันแน่ เพราะถ้าหากวันไหนที่เธอหายไป วันนั้นผมจะรู้สึกไม่สดใสเอาเสียเลย (?)
    ๑๔. ในหนึ่งวัน . คุณชอบช่วงเวลาไหนมากที่สุด พร้อมเหตุผล

    : ช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนไปจนถึงหกโมงเช้าค่ะ เหตุผลก็คือ .. มันเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุด เพราะผู้คนส่วนใหญ่ต่างหลับใหลกันไปหมดแล้ว เหลือก็แต่เพียงพวกนักท่องราตรีก็เท่านั้น มันก็น่าแปลกอยู่เหมือนกันที่ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคือสมองของฉันมันจะเริ่มทำงาน และมีความกระปรี้กระเปร่ามากเสียกว่าเวลากลางวันเสียอีก! และก็รู้สึกว่ามีสมาธิมากกว่าด้วย อากาศก็เย็นสบาย ฉันไม่รู้สึกง่วงนอนเลยซักนิดถ้าหากว่าเป็นช่วงเวลานี้ ... ถ้าหากว่ามีงานที่จะต้องใช้ความคิดอย่างมาก ทำในเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปจนถึงหกโมงเช้านี่แหละ งานถึงจะออกมาดีที่สุด!!

     

     

    ขอบคุณสำหรับการออดิชั่นในครั้งนี้มากๆ เลยค่ะ นอมู ~ ซารางเฮ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×