ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [RO FanFic] Angel’s Bodyguard - ^^ - องครักษ์แห่งเทพ

    ลำดับตอนที่ #9 : Crystal Mirror… ความจริงที่ปรากฏ เบื้องหลังกระจกเงาแห่งอดีต

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 48


    ตำนานแห่งรักบทที่ 8 Crystal Mirror… ความจริงที่ปรากฏ เบื้องหลังกระจกเงาแห่งอดีต





    เช้าวันรุ่งขึ้น Morroc Town



    ทั้งหมดทานอาหารเช้าแล้วออกไปเดินเล่นในตลาดMorroc ที่นี่มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของกันเนืองแน่นเสมอจนบางพื้นที่แทบจะขยับตัวกันไม่ได้เลยทีเดียว (บางคนอาจถูกตัดออกจากเซิร์ฟเวอร์ไปเลย อิอิ) แพลทพาเนฟเดินดูของในตลาดMorrocอย่างชำนาญเพราะเธอมาปักหลักอยู่ที่นี่นานพอสมควรแล้ว



    “กระจกคริสตัลค่า ซื้อตอนนี้ แถมลิปสติกฟรีนะคะ” แม่ค้าคนเดิมอีกนั่นแหละ ประกาศขาย



    “มีกระจกคริสตัลขายด้วย” เนฟโบกมือให้คริสเป็นเชิงว่าไม่ได้เรียก “ซื้อให้เอามั้ย? (แต่หลังจากมีเงินแล้วนะ)”



    “ไม่ล่ะ”เธอบอกแล้วหยิบกระจกออกมาจากกระเป๋าให้เขาดู “ถ้าเป็นกระจกน่ะ ฉันมีติดตัวมาตั้งแต่จำความได้แล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่เคยสะท้อนหน้าฉันเลย ไม่รู้ทำไม”

    เมื่อทั้งสองซื้อของ (มองดูของ) เสร็จแล้ว ก็ออกเดินไปท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง แต่พอออกมาได้ไม่ทันไรก็โดนกลุ่มโจรเข้ามารุมล้อมเอาไว้ พวกเขาหยิบธนูออกมาเตรียมต่อสู้ (เพราะยังไม่ได้หัดใช้แส้ และกีต้าร์เป็นอาวุธ)



    “มีธุระอะไรกับพวกเรา” เนฟถามออกไปโดยที่รู้อยู่แล้วว่ามาปล้นแน่ๆ แต่เสียงที่ได้ยินกลับมากลับแหบต่ำอย่างกับซอมบี้



    “ฆ่าแพลทตินัม... ฆ่าแพลทตินัม...” พวกมันพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาของมันเหม่อลอยเหมือนโดนสะกดจิต กลุ่มโจรเดินล้อมวงเข้ามาหาเรื่อยๆแล้วง้างมีดขึ้น



    “อย่าให้ถึงตายนะ” เนฟบอกแพลทที่เล็งธนูไปยังหัวของโจรคนหนึ่ง เธอพยักหน้าแล้วเลื่อนลงมาเป็นขาแทน ทั้งคู่หันหลังชนกันแล้วยิงลูกธนูใส่ แต่พวกมันดูเหมือนกับไม่รู้จักความเจ็บปวดเลย



    “เจ็บไหมล่ะ คิคิ” แพลทอยากจะพูดขัดไดมอนด์ขึ้นมาซะจริงๆ ว่า พวกมันไม่รู้สึกอะไรเลย



    “Arrow Shower!” เนฟยิงธนูเข้าใส่อย่างแม่นยำ ส่วนแพลทก็เอี้ยวตัวหลบคมมีดไปได้อย่างสบายๆ แต่ทว่ามันกลับพุ่งไปโดนเนฟที่อยู่ข้างหลังเธอแทน เขาส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่ได้สาหัสอะไร



    “อยากไปเกิดใหม่ก็เข้ามา” คริสตัลส่งเสียงเชียร์ แต่ตัวเองลอยไปหลบอยู่หลังต้นไม้ซะแล้ว



    “ทำไมถึงห่วยแตกอย่างนี้ห้ะ ไม่ได้ดั่งใจเลย” มีเสียงผู้หญิงแว่วมาเข้าหูของทั้งสองคน



    “หลบก็ไม่พ้น ฟันก็ไม่โดน พวกแกเป็นโจรประสาอะไรกัน” แพลทรู้สึกว่าเสียงมันมาจากเธอ เธอควานหาของในตัวที่น่าจะเป็นแหล่งกำเนิดเสียงโดยให้เนฟคุ้มกันเธอไปก่อน

    “ออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้”คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชาย “เจ้าทำเรื่องยุ่งมามากพอแล้ว”



    “ไม่มี รองเท้าคงพูดไม่ได้หรอกมั้ง” เธอโยนรองเท้าออกไปอีกทาง และพบกับกระจกคว่ำหน้าอยู่ “คงไม่ใช่...” เธอค่อยๆ หงายกระจกขึ้นมันเปล่งแสงสีดำออกมาพร้อมกับมีเสียงเหมือนคนกำลังเถียงกันอยู่ “Dark Flame!”



    “ม่ายช่าย (โว้ย)!” เสียงสองเสียงประสานกันขึ้น ทันทีที่แพลทพูดจบ เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ



    “หะ... แพลทตินัม เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงผู้ชายที่อยู่ในกระจกถามขึ้นซึ่งตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นแสงสีขาว



    “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ แล้วพวกคุณเป็นใครคะ” แพลทรู้สึกว่าพอกระจกเปลี่ยนเป็นสีขาว พวกโจรจะหยุดโจมตีไปชั่วขณะหนึ่ง



    “หยุดทำไมเจ้าพวกบ้า”มีเสียงของหญิงสาวตวาดขึ้นพร้อมๆกับที่แสงเปลี่ยนเป็นสีดำ กลุ่มโจรก็เริ่มเข้ามาโจมตีใหม่อีกรอบ เนฟยกธนูยิงไปด้านหลังโดยแทบไม่ต้องหันไปดูด้วยซ้ำ



    “ข้าขอสั่งให้เจ้าออกไปจากกระจก เดี๋ยวนี้!” พอสิ้นเสียงชายหนุ่มก็เกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้น พวกโจรก็ล้มลงไปนอนกับพื้นกันระเนระนาด



    “แพลท นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เนฟถามขึ้น แล้วชี้ไปที่กระจก



    “ฉันก็ไม่รู้ เขาคงจะรู้น่ะ” แพลทหันกลับไปมองที่กระจกที่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว “อ้าว!” กระจกบานนั้นไม่ได้สะท้อนสิ่งใดเลย แต่จู่ๆ ก็เปล่งแสงสีขาวขึ้น



    “ข้าอยากคุยกับเจ้ามานานแล้ว ลูกพ่อ” เสียงนั้นพูด



    “??”แพลทหันซ้ายหันขวา แล้วชี้มาที่ตัวเอง “ห้ะ!!! /omg”



    “ใช่แล้วล่ะ ข้าคือเทพโลกิ ข้าเป็นคนส่งเจ้าลงมายังโลกนี่เอง” แพลทอ้าปากจะถามแต่เนฟก็ปิดปากเธอให้เงียบแล้วฟังต่อ แสงสีขาววูบหายไปพักหนึ่ง แล้วส่องแสงออกมาใหม่



    “อ้อใช่ ข้าต้องขอบคุณเจ้าด้วย เนไฟรต์ ที่ดูแล... เรียกว่าแพลทใช่ไหม ข้าตกใจแทบแย่แน่ะ นึกว่าคราวนั้นเจ้าจะตายเสียแล้ว”



    “ไม่เป็นไรครับ มันเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว”เนฟตอบ (เนฟ: เห็นด้วยเรอะ ตอนนั้นน่ะ /swt)



    “แล้วตกลงเรื่องมันเป็นไงมาไงค่ะเนี่ย หนูติด Stun ไปแล้วนะคะ” แพลทถามขึ้นด้วยความมึนงง



    “เรื่องมันเกิดขึ้นมานานแล้วล่ะ ในวันที่ข้านัดประชุมบรรดาองครักษ์ของข้าว่าจะทำพิธีเลื่อนขั้นเป็นเทพให้เฟรย่า วันนั้นมีผู้ที่ไม่ได้มาคนหนึ่งคือเจ้าตัวเอง เฟรย่า เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ว่า ในวันแต่งงานขององครักษ์ของข้า เธอกลับมาพร้อมกับลำแสงสีดำ มันทำให้องครักษ์ของข้ากลายร่างเป็นมอนสเตอร์แต่พวกเขาก็ยังไม่ถึงกับมาฆ่าฟันกันเองหรอก ยังพอมีจิตวิญญาณของ... เอ่อ ของเทวดาอยู่บ้าง องครักษ์ของข้าไม่ใช่เทพหรอก” โลกิเสริมเมื่อเห็นทั้งสองทำหน้างง โดยเฉพาะเนฟ



    “แต่เป็นกลุ่มที่มีพลังพิเศษ ดูเหมือนว่าเฟรย่าจะมีพลังมากกว่าคนอื่น พอๆกับเทพองค์หนึ่งเลยทีเดียว เราสองคนคิดจะขังอีกฝ่ายเอาไว้ พวกเราก็เลยต้องเข้ามาอยู่ในโลกกระจกนี่ไงล่ะ เราอยากไปโผล่ที่กระจกบานไหนก็ได้เพียงแต่ออกไปไม่ได้ก็เท่านั้น”



    “แล้วทำไมไม่ฆ่าเธอซะเลยล่ะคะ ในเมื่อเธอก็ยังไม่ได้ทำพิธีเป็นเทพ” แพลทแทรกขึ้นมา



    “อืม ข้าคิดว่าเฟรย่าคงจะโดนอะไรครอบงำรึเปล่าเพราะปกติเธอไม่เป็นแบบนั้น แล้วก็มีคนมาห้ามไว้ด้วยน่ะข้าก็เลยเปลี่ยนเป็นมาขังเธอไว้แทน จิตใจของคนเรานี่ช่างเข้าใจยากจริงๆ” ประโยคหลังเขาพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แล้วนึกย้อนไปถึงตอนนั้น





    “ไม่นะ ผมไม่ยอมให้ท่านทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนั้นกับเธอเด็ดขาด ปกติเธอไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาในความคิด พร้อมกับที่เขาเข้ามาบังตัวเธอเอาไว้จนบาดเจ็บล้มลง



    “จะ... เจ้า เจ้าทำแบบนี้เพื่อข้าทำไม คนอย่างข้าน่ะ ไม่มีค่าพอให้เจ้าเข้ามาปกป้องหรอก” คราวนี้เป็นเสียงของเฟรย่า เธอพยายามควบคุมเสียงไว้ไม่ให้สั่น เธอหลับตาแล้วเม้มปากแน่น “ลืมข้าเสียเถอะ ...” เธอหันมาประจันหน้ากับเทพโลกิ และแล้วอดีตองครักษ์ก็ถูกดูดหายเข้าไปในโลกกระจกท่ามกลางแสงอันเจิดจ้า



      

    “แต่ว่าก่อนที่เฟรย่าจะถูกดูดเข้าไปเธอก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างมอนสเตอร์ขึ้นมากลุ่มหนึ่ง พวกมันเอาวิญญาณของพวกเขาออกไป มันถูกกักเก็บไว้ในรูปของอัญมณี ถ้ามันตกลงไปอยู่กับเฟรย่าเมื่อไร เธอก็จะได้รับการปลดปล่อย แต่ว่าพลังที่ปะทะกันรุนแรงขนาดนั้นทำให้ทุกคนกระจัดกระจายกันลงมาหมด ข้าเลยสร้างเจ้าขึ้นมาจากดอกกุหลาบสีขาวบน... บนโลกนู้นด้วยพลังทั้งหมดที่มี ให้ลูกของข้าอีกคนเลี้ยงดูให้ความรู้ต่างๆ แล้วส่งเจ้าลงมาพร้อมกับกระจกบานนี้ เพื่อที่ข้าจะได้เฝ้าดูเจ้าได้” ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมอยู่ดีๆเธอถึงมาอยู่หน้าปราสาทได้ แต่แล้วก็มีแส้กุหลาบ Rapture Rose หล่นตุ้บมาอยู่ข้างๆเธอ เธอหยิบมันขึ้นมาดู แส้นี้เบากว่าอันที่เธอได้มาจากโรงระบำพอสมควร และเธอก็พบว่ามันเคลือบพิษเอาไว้ด้วย



    “แส้นั่นเกิดมาพร้อมกับเจ้า ใช้ให้ดีล่ะ ตอนนี้ข้าก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากเฝ้าดูเจ้า แล้วก็ไล่เฟรย่าออกไปไกลๆ เท่านั้น” เนฟยื่นหน้าเข้ามาตรงกระจกแล้วถามขึ้น



    “ท่านโลกิ ผมขอเดาว่าท่านจะให้แพลทไปตามหาอัญมณีทั้งหมดนั่นใช่มั้ย และก็ให้ไปหาองครักษ์ทั้งหมดของท่านด้วยถูกต้องมั้ยครับ”



    “...อืมเจ้าหัวไวดีนี่ ถูกต้องแล้วข้าต้องการให้แพลทรวบรวมองครักษ์ทั้งหมดของข้าแล้ว เอาข้าออกไปจากกระจกนี่ซะ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ถูกขังไว้แบบนี้มันอาจจะทำให้สมดุลของโลกเสียก็เป็นได้ ขอให้โชคดี” แสงค่อยๆริบหรี่ลงและหายไปในที่สุด อยู่ดีๆ เนฟก็หยิบกระจกไปจากเธอแล้วพูดเบาๆขึ้นมาลอยๆ



    “ราชาปีศาจถูกขังก็ดีแล้วนี่นา ท่านโลกิ” เขาจำได้ว่าเคยอ่านเจอในหนังสือ กระจกเริ่มส่องแสงริบหรี่ขึ้นมา



    “รู้อีกแนะ แต่ยังไงแพลทก็เกิดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว” เสียงนั้นฟังดูเหมือนเขาไม่ได้ดั่งใจ



    “งั้นที่แพลทโดนนู่น โดนนี่ อยู่บ่อยๆ เนี่ย เป็นเพราะเธอดึงดูดปีศาจด้วยกันเอง หรือเพราะเฟรย่าต้องการกันท่านกันแน่ล่ะ” เนฟยังพูดเรื่อยๆ เพราะรู้ว่าเทพโลกิทำอะไรเค้าไม่ได้อยู่แล้ว



    “ฮึ่ม คอยดูนะข้าออกไปได้เมื่อไรละก็จะสาปให้เจ้างี่เง่ากว่านี้สักครึ่งนึงเลย”โลกิสลัดคราบเทพออกหมดเลย



    “คงอีกนานนะท่าน ก็ดูแพลทสิ” เนฟพูดยิ้มๆ เมื่อคิดว่าแพลทนี่เปิ่นขนาดไหน



    “แต่เธอก็เลือกเจ้าแล้ว ต่อให้เจ้าไม่อยากทำ ก็ต้องทำอยู่ดีนั่นแหละ หึหึหึ” แสงจากกระจกจางหายไป ปล่อยให้เนฟงงๆ กับคำพูดสุดท้าย รู้สึกว่าเขาที่เป็นมนุษย์คนแรกที่แพลทเจอบนโลกนี่ จะต้องโดนคำสาปอะไรสักอย่างเข้าไปแน่ๆ ถึงได้ต้องมายุ่งกับเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่อยากเล้ย เขากลับมาเอากระจกคืนให้เธอ



    “ถ้าอย่างนั้น เธอจะต้องโดนลอบสังหารอีกกี่ครั้งเนี่ย”เนฟพูด



    “ถ้าหมายถึงเจ้าพวกนั้นละก็ ฉันไม่ค่อยห่วงหรอก ดูก็รู้แล้วว่าไม่เท่าไรเลย (ห่วยแตก) แม่คุณเล่นเอา (โนวิทที่เพิ่งเปลี่ยนเป็น) โจรมาสู้กะอดีตนักธนูมันคงจะได้หรอกนะ แต่ว่า... ฉันจะไปหาอัญมณีพวกนั้นที่ไหนเล่า” แพลทตะโกนใส่กระจกจนเนฟมั่นใจว่าคนที่อยู่ในนั้นคงหูอื้อไปแล้ว (ท่านโลกิที่น่าสงสาร)



    “พวกหัวหน้ามอนสเตอร์ไง ข้าใช้พลังกับเจ้าไปมากพอแล้ว ต้องขอพักซักหน่อย ราตรีสวัสดิ์” เสียงในกระจกตอบกลับมาแล้วก็เงียบหายไปเลย



    “ท่านพ่อบ้าาาา แง้ เค้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารัก (?)  คนหนึ่งเองนะ จะให้ไปทำเรื่องคอขาดบาดตาย แบบนั้นคนเดียวได้ไง”



    “คนเดียว??? แล้วที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าล่ะ” เสียงเทพ (?) โลกิลอยขึ้นมา



    “เนฟ”แพลทหันไปมองเจ้าของชื่อ ด้วยสายตาอ้อนวอนเต็มที่



    “เออ ก็ได้ ให้มันได้แบบนี้สิ” เนฟโบกมือเรียกคริสที่ยังยืนหลบอยู่



    “เย้... เนฟใจดีที่สุดเลย” (เนฟ: โดนกึ่งบังคับให้ทำตะหากเล่า)



    “นี่โชคดีนะที่บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนมา ไม่งั้นล่ะยุ่งแน่” เนฟหันซ้ายหันขวา ซึ่งก็เจอแต่มดกับแมลงวันไม่กี่ตัว “เดี๋ยววันนี้เธอกลับไปพักผ่อนแล้วก็เตรียมตัวไว้ละกัน ฉันจะไปถามพวกพ่อค้าแม่ค้าย่านไฮโซให้ว่ามีคนเคยเห็นพวกมันอยู่ไหนกันบ้าง”เนฟรับอาสา ทำไมเขาถึงต้องมาทำงานให้พวกปีศาจด้วยนะ



    “ไม่เป็นไร ออกมายังไม่ได้ลองเหวี่ยงแส้ดูเลย จะกลับซะละได้ไง” แพลทกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว (อารมณ์แปรปรวนดีจัง)



    “เอางั้นก็ได้”แล้วทั้งสองก็ออกเดินลอดช่องหน้าผาลงไปยังบริเวณที่มีแซนแมนอาศัยอยู่





    จบบทที่ 8 Crystal Mirror… ความจริงที่ปรากฏ เบื้องหลังกระจกเงาแห่งอดีต





    “ลัลลา สอบภาษาไทยคราวหน้าให้ท่านโลกิเป็นติวเตอร์ดีก่า เรียงความได้เต็มชัวร์” บลูเริงร่า (ท่านโลกิ: อ่านะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×