ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter V
Bird’s Cage
Chapter V
“ท่านเลซ!!”
ชายหนุ่มละสายตาจากผู้ประสานงานแต่ละสาขาย่อย หันมององครักษ์ประจำตัวที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบเร่ง ฟาทัลก้มลงกระซิบเบาที่ข้างหูเลซเพื่อไม่ให้เสียการประชุม
“ขออภัยครับ คือ...พวกยามแจ้งมาว่าโนเอลออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว”
“อือ”
ฟาทัลออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนตอบรับด้วยท่าทีสงบนิ่งผิดคาด ราวกับรู้อยู่แล้วว่าโนเอลต้องหนีไปวันนี้แน่ๆ
“เอาล่ะ ส่วนรายละเอียดอื่นๆฉันบอกฟาทัลหมดแล้ว ไปถามเขาเองก็แล้วกันนะ... ตอนนี้ฉันมีอย่างอื่นอยากให้ช่วยหน่อย” เลซส่งยิ้มละลายโลกให้เหล่าลูกสมุนที่แทบจะยกมือบังประกายแสงความงามเจิดจ้ากันไม่ทัน
“เอ่อ แต่ท่านบอกเองว่าถ้าพ้นคฤหาสน์ไป...” ฟาทัลท้วงขึ้น อันที่จริงเขาออกจะดีใจหน่อยๆเสียด้วยซ้ำที่โนเอลออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว ใจจริงเขาไม่อยากเอาโนเอลมาแต่แรกแล้วล่ะ ทว่าดันโดนลูกอ้อนของนายท่านเข้าไปเลยจิตหลุดไปชั่ววูบ
“ฉันก็ไม่ได้บอกจะให้ไปเอาตัวกลับมานี่...หึหึ เพราะเขาจะกลับมาหาฉันเองแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เลซหัวเราะชั่วร้ายก่อนจะหยิบเสื้อคลุมเดินออกจากห้อง
“แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังนอนไม่หลับ ก็เลยออกไปเดินเล่นอยู่แถวสวนหน้าคฤหาสน์สินะ” เขียนบทให้ตัวเองเสร็จสรรพก็เดินออกไปสั่งพวกสาวใช้ให้จัดเตรียมอุปกรณ์เสริมให้เหล่าผู้ที่นั่งประชุมกับเขาอยู่เมื่อครู่
เด็กหนุ่มค่อยๆก้าวเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด แม้อากาศยังไม่หนาวเย็นมาก ทว่าเขากลับสั่นสะท้านเข้าไปถึงจิตใจ รู้สึกโหวงๆในช่องท้องราวกับลืมอะไรซักอย่างในร่างทิ้งไว้ที่คฤหาสน์นั้น ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงไปนั้นช่างดูเลื่อนลอย บางเบา เหมือนไม่ใช่เรื่องจริง
...นี่เราออกมาแล้วจริงๆเหรอ...
เขาตัดสินใจหยิบผ้าคลุมสีขาวสะอาดขึ้นมาห่ม แม้ร่างกายจะอบอุ่นขึ้น แต่เหตุใดในใจกลับยิ่งหนาวเหน็บ ขาเล็กๆที่พาร่างนั้นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าค่อยช้าลงๆก่อนจะหยุดนิ่ง
...อย่าหันกลับไปนะ...อย่านะ...
โนเอลแข็งขืนใจไว้แล้วออกวิ่งทันที ที่ๆเขาต้องกลับไป ที่ๆเขาควรจะอยู่ คือที่สมาคมต่างหาก เด็กหนุ่มวิ่งออกไปเรื่อยๆ พยายามไล่สลัดความทรงจำต่างๆที่พร้อมใจกันผุดขึ้นมาฉุดรั้งเขาไว้
“คิกๆๆ”
หัวใจของหนุ่มน้อยกระตุกวูบทันทีเมื่อได้ยินเสียงแปลกปลอม เขาเห็นอะไรสีขาวๆผ่านหางตาไปแวบๆ พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบแต่ความว่างเปล่าอันน่าหวาดหวั่น
“ฮิฮิ”
เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากอีกทาง เขาทันได้เห็นแสงเรืองๆ ออกมาจากหลังต้นไม้และหายไปราวกับภาพลวงตา ขาที่กำลังวิ่งอยู่ค่อยชะลอลง เพราะสั่นจนก้าวไม่ออก
“คะ...ใครน่ะ ออกมานะ!!!” โนเอลตะโกนออกไปทว่าความเงียบเท่านั้นที่ได้ยินเป็นคำตอบ เงียบกริบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอกของตนเอง
ปุบ!
“อ้ากกกกกกกกกกก!!!!”
เด็กหนุ่มสะดุ้งแหกปากเมื่ออยู่ดีๆก็มีมือเหี่ยวๆมาวางบนไหล่ พอค่อยๆหันไปมองก็พบว่าเป็นเพียงกิ่งไม้ธรรมดา
“กร๊ากกก!! กรั่กๆ กรั่กๆๆ”
เสียงกระทบกันของกิ่งไม้ยามต้องลม ช่างฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะเยาะ ให้กับความขวัญอ่อนของหนูน้อย ในยามนี้เขากลับคิดถึงเสียงหัวเราะเหมือนนางมารร้ายโรคจิตของเลซขึ้นมา มันช่างรู้สึกน่าฟังขึ้นมาจับใจเหลือเกิน
“คิกๆ”
เสียงคล้ายเสียงผู้หญิงก้องสะท้อนไปมาตามแนวต้นไม้ ปลุกให้ขนที่ต้นคอลุกกันเกรียวกราว ชายผ้าสีขาวมีให้เห็นแวบๆตามตรงนั้น ตรงนี้ ลมเย็นที่พัดผ่านมาช่างให้ความรู้สึกเหมือนมีใครมาหายใจรดอยู่ใกล้ๆ
เขาบังคับขาตัวเองให้เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อหยุดพักสงบสติอารมณ์ แต่ทันทีที่มือสัมผัส กลับรู้สึกถึงของเหลวเปียกๆบนต้นไม้นั้น
“น้ำอะไรน่ะ.” เขาดึงมือขึ้นมาดูใกล้ๆ ของเหลวสีแดงคล้ำไหลจากฝ่ามือลงไปถึงข้อมือ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนมีอะไรหยดใส่หัวเขาจากบนต้นไม้ด้วย
“ละ...เลือด...เลือด...” โนเอลพูดจาแทบไม่เป็นภาษาพอเห็นอะไรแดงๆเข้า เขาไม่ใช่คนกลัวเลือด แต่เลือดที่มันโผล่มาแบบไม่มีสาเหตุนี่...ไม่แน่...
เขาได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ข้างหลัง มือสากเคลื่อนมาจับคอก่อนจะเลื่อนขึ้นมาบนแก้มนุ่ม
“มาอยู่ด้วยกานม้ายจ๊าหนุ่มน้อย~” เสียงยานคางแหบสยองดังข้างหูสิงโตนิ่มๆที่บัดนี้ขนบนนั้นล้วนตั้งชันจนแทบจะจิ้มหน้าคนพูดตายได้ กลอกตาไปทางซ้ายขวาก็เห็นร่างสีขาวๆเกาะอยู่ตามหลังและบนต้นไม้ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ยิ่งมีลมเย็นๆพัดมาอีกระลอกเป็นบรรยากาศด้วยแล้ว ยิ่งทำเอาขวัญกระเจิงกู่ไม่กลับ
“พ...พี่เบลด...ช่วยผมด้วย...” ร่างเล็กพึมพำทั้งน้ำตาคลอเบ้า ฟันกระทบกันดังกึกๆ
“อยู่โกสท์บลูม่ายช่ายเร้อ~” เสียงเล็กแหลมบาดหู กระซิบเบาแต่กลับดังก้องไปมาในหัวประหนึ่งตอกย้ำความอนาถของพระเอกเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
“เออ...ลืม” โนเอลขอเวลานอกบทยืนไว้อาลัยให้เบลด 3 นาที แล้วกลับมาเข้าเรื่องใหม่
“งะ...งั้น เลซฮ้าาาาา~ ช่วยผมด้วยยยยยย!!! แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~!!!!” และแล้วความมุ่งหมายเดิมตั้งแต่ต้นเรื่องก็พังทลายลงอย่างไม่เหลือเศษเสี้ยวชิ้นดี เมื่อร่างกายทรยศจิตใจ (รึเปล่า) พาร่างเล็กวิ่งกลับไปทางที่จากมาด้วยความเร็วแสง มีเสียงหัวเราะของแท้ไม่ได้แกล้งทำจากบรรดาเหล่าผีจำเป็นส่งท้ายไปด้วยความสนุกสนาน
“นานๆที นายท่านสั่งงานแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ ฮ่า ฮ่า” หนึ่งในผีจำเป็นดึงผ้าม่านสีขาวออกจากตัว แล้วปิดไฟฉาย คนอื่นๆก็ร่วมหัวเราะไปด้วยที่ได้แกล้งเด็กเล่น
ชายหนุ่มเดินไปตามแนวราชินีแห่งมวลดอกไม้สีดำสนิท ราวกับว่ามันช่างสวยงามน่าพิสมัยเสียนี่กระไร ทันใดนั้นเองเสียงเด็กเล็กๆน่ารักก็ดังมาแต่ไกล แม้ไม่เห็นตัวก็พอจะเดาได้
“แหม ฉันไม่ได้จับตัวกลับมาจริงๆนะ หุหุ” เลซปรายตามองฟาทัลเล็กน้อย พลางแกล้งทำมือป้องปากหัวเราะ แรคคูนหนุ่มไม่ได้แย้งอะไร หรือความจริงคือหมดข้อโต้แย้งในทุกประการ
...แผนสกปรกชั่วร้ายมากเลยท่าน คิดได้ไงเนี่ย!!!...
“แงงงงงงงงงงง~ เลซฮะ!!!”
เด็กหนุ่มร่างเล็กวิ่งมาตามทางเข้าคฤหาสน์ ผมสีทองยุ่งไม่เป็นทรงปลิวไปตามแรงปะทะของสายลม ดวงตาสีฟ้าใสมีน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างบางเจ้าของนามค่อยๆหันมาพร้อมยื่นมือออกมาด้านหน้าราวกับคำต้อนรับ ริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มออกอย่างงดงาม ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดนั้นอย่างไม่มีลังเล ช่างเป็นภาพการพบกันอีกครั้งหลังพรากจากที่น่าประทับใจราวกับภาพวาด
หากแต่คงจะมีคนที่ไม่มีอารมณ์ร่วมไปด้วยยืนมองด้วยความสงบนิ่งอยู่ด้านหลังอีกคนเป็นแน่ เขาหรี่ตามองภาพนั้นพร้อมกับขยับกรอบแว่นเล็กน้อย
ก็เล่นรู้ความจริงข้างหลังภาพอันน่าประทับใจนี้เสียหมดเปลือกแล้ว มันจะไปเหลืออารมณ์ร่วมอะไรอีกได้เล่า...
“โอ๋ๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมา อย่าร้องน้า ไม่มีใครทำอันตรายเธอในคฤหาสน์ฉันได้หรอก” เลซย่อตัวลงปลอบโยนเด็กน้อยที่กอดแน่นไม่ยอมปล่อย พอเห็นว่าร่างนั้นเริ่มนิ่งลงแล้วจึงค่อยแกล้งพูดแหย่
“ว่าแต่... เด็กไม่ดีวิ่งบุกเข้าคฤหาสน์คนอื่นเนี่ย ต้องโดนอะไรน้า”
โนเอลยิ้มขำน้อยๆเมื่อโดนแซว ก็เขาวิ่งเข้ามาเองนี่นา ทั้งที่เลซบอกว่าถ้าออกไปได้จะปล่อยไปแท้ๆ นึกๆไปแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจะบอกลาหมอนบนเตียงอยู่เลย ว่าถ้าเจอกันอีกครั้งจะทำยังไง ซึ่งผลออกมากลายเป็นวิ่งเข้ามากระโดดกอดเลยเสียอย่างนั้น
“ก็ต้องโดนจับไปขังไว้ในห้องใต้หลังคาน่ะสิฮะ” โนเอลตอบกลับข้างใบหูชายหนุ่ม
“หืมม์?... อืม ก็ไม่เลวนี่ ฮ่ะ ฮ่ะ” เลซอุ้มหนูน้อยขึ้นกระชับในอ้อมแขน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กอดคออยู่กลั้นขำจะแย่แล้วพอได้ยินเสียงหัวเราะอันคุ้นเคย และแสนจะคิดถึงอยู่วูบหนึ่งในป่า
ชายหนุ่มห่มผ้าให้ร่างเล็กบนเตียงนอน ก่อนจะเตรียมผละออกมา เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าชายเสื้อคลุมโดนดึง พอหันไปก็เห็นมือเล็กกำชายผ้าไว้แน่น
“ไม่ง่วงเหรอหนูน้อย” เลซเดินกลับไปที่เตียง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมสีทองเบาๆ
“ง่วงฮะ... แต่...นอนเป็นเพื่อนหน่อยจิ” โนเอลพูดเสียงเบา ออกจะอายๆอยู่บ้างที่ทำตัวเหมือนเด็กกลัวผีไม่รู้จักโต
“เวลาขอร้องใครเนี่ย เขาพูดกันแบบนี้เหรอ” เลซแกล้งพูดหยอก ทำเอาโนเอลเกิดบ้าจี้ลุกขึ้นมานั่ง มือเล็กยื่นมาเกาะแขนดราก้อนหนุ่ม พลางช้อนสายตาออดอ้อนขึ้นมอง
“พี่ชายฮะ... คืนนี้ช่วยนอนกับผมหน่อยได้มั้ยฮะ ”
Critical Attack 9999!!!!...
เลซผงะหันหลบไปอีกทาง พยายามพูดพึมพำเตือนสติตัวเองไม่ให้เผลอจับเด็กงาบเสียก่อน ช่างร้ายกาจจริงๆที่ทำเอาเขาเลือด(กำเดา)อาบได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ฮ่ะ ฮ่ะ โอเคๆ เดี๋ยวฉันบอกให้เด็กๆเอาชุดมาให้ละกัน” เขาเดินออกไปที่หน้าประตู ไม่นานนักสาวใช้ก็เอาชุดมาให้ เขาเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำก่อนจะออกมา
“ฝันดีนะโนเอล” ชายหนุ่มเลื่อนตัวไปจูบหน้าผากน้องหนู แต่พอจะมุดกลับเข้าผ้าห่ม ก็โดนดึงคอเสื้อไว้ก่อน
“ลืมอะไรรึเปล่าฮะ” โนเอลเอ่ยขึ้น พวงแก้มขึ้นสีเรื่อๆ “คราวนี้ผมก็หนีไม่รอดไม่ใช่เหรอฮะ...”
“นั่นสินะ”
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเล็กอย่างทะนุถนอม นุ่มนวลอ่อนหวานยิ่งกว่าคราใด
เงียบสงบ...
ช่างเป็นวันที่เงียบสงบจนเด็กหนุ่มไม่กล้าพลิกตัวหลับต่อ คนที่นอนอยู่ข้างๆเมื่อคืนหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆบนหมอน
“ตื่นแล้วมากินอาหารเช้าด้วยกันนะ”
โนเอลเกาหัวแกรกๆ สงสัยเพราะกระดาษแผ่นเล็กเกินเลยเขียนสั้นง่าย แต่ไม่ได้ใจความไปหน่อย อาจจะหมายถึงเดี๋ยวขึ้นมากินข้าวด้วยล่ะมั้ง แต่ดูเวลาแล้ว ป่านนี้พี่ลาเรลกับลารีสน่าจะเอาอาหารเช้าส่งผ่านประตูแมวมาให้แล้วนี่นา
“พี่ลารีสฮะ” เขาตัดสินใจลุกขึ้นไปทวงที่ประตู ทว่าไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา
“พี่ลาเรลฮะ” เขาเรียกชื่อสาวใช้อีกคน ทว่าไม่มีใครตอบกลับมาเหมือนเดิม เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะจับลูกบิดประตูเปิดออกโดยลืมไปว่าโดนขังอยู่ในห้อง
...อ่าว ทำไมเปิดได้...
เขามองประตูที่ไม่ได้ลงกลอนด้วยความงุนงง ก่อนจะปิดลงไปเหมือนเดิม จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง
...หรือที่บอกให้มากินข้าวด้วย หมายถึงให้เราลงไปกินกับเขาข้างล่าง?? คงใช่มั้ง...
สักพักเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังขึ้นมา เขาลดเสียงฝีเท้าตัวเองลงก่อนจะค่อยๆกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ ดูเหมือนจะคุยกันเรื่องสมาคมผู้กล้า
“ขอบคุณที่ช่วยจัดการให้นะ” เสียงเลซลอยมาเข้าหู เด็กหนุ่มจึงก้าวลงบันไดไปหวังจะทำให้อีกฝ่ายตกใจเล่น แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เขาตกใจยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นเสียเอง
จะอะไรเสียอีกล่ะถ้าไม่ใช่ว่าเลซกระโดดกอดหอมแก้มฟาทัลตามปกติเวลาจะหาเรื่องใช้งาน แต่สำหรับโนเอลที่เพิ่งจะรู้คงไม่เรียกได้ว่าปกติแน่ เขายืนนิ่งค้างพูดไม่ออกอยู่ตรงนั้น ดีที่ทั้งสองยังไม่เห็นเขาเลยอี๋อ๋อกันต่อไปตามที่โนเอลเห็นเป็นอย่างนั้น (หารู้ไม่ว่ามีแต่คำว่าผลประโยชน์อยู่ในหัวเลซล้วนๆ)
โนเอลสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหลบไปก่อนที่สองคนนั้นจะเห็น รู้สึกเหมือนมีอะไรแหลมๆพุ่งจี๊ดขึ้นสมอง
“เอ ทำไมโนเอลมาช้าจัง” เขาได้ยินเสียงเลซเอ่ยถึง จึงสลัดความสับสนในใจออกไป
...เลซก็เห็นเราเป็นของเล่นแต่แรกอยู่แล้วนี่นา จะไปออเซาะใครก็เรื่องของเขาสิ...
เขาถอนหายใจให้ตัวเอง แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็แกล้งทำเป็นเหยียบเท้าลงบันไดเสียงดัง ราวกับว่าเขาเพิ่งลงมา และก็สบตาเข้ากับฟาทัลโดยบังเอิญ ดวงตาสีน้ำตาลหลังกรอบแว่นหรี่มองเขาเหมือนกับเห็นเศษฝุ่นเกาะอยู่ตรงเลนส์ ซึ่งท่าทางเกะกะลูกตาอยู่ไม่น้อย
...อื้อหือ ปั้นหน้าเฟคๆ แบบเลซเขาบ้างก็ไม่มีใครว่าหรอกนะฮะ...
ดูเหมือนเลซจะจับรังสีสังหารระหว่างทั้งสองได้ลางๆ หันทางคนซ้ายที ขวาที ในที่สุดก็บอกให้ฟาทัลเป็นฝ่ายออกไปที่อื่นก่อน ชายหนุ่มโค้งรับแต่โดยดีก่อนจะถอยออกไป แต่ยังอุตส่าห์เหลือบตาขึ้นมามองหน้าโนเอลส่งท้าย
“นั่งซิ...” เลซเอ่ยบอกเด็กหนุ่มก่อนจะหันไปเหล่ๆชายหนุ่มอีกคนที่ถอยห่างออกไปเล็กน้อย “ฟาทัล...”
เขาขมุบขมิบปากเป็นเชิงขอร้อง ฟาทัลยกมือขึ้นขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะยอมออกไปที่อื่นก่อนแต่โดยดี มีโนเอลมองตามหลังไปด้วยความรู้สึกสุขใจเล็กๆ จริงๆเขาก็ไม่ค่อยชอบฟาทัลตั้งแต่เจอครั้งแรกอยู่แล้วด้วย
“ท่าทางไม่ค่อยน่าคบเลยนะฮะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น มือคลี่ผ้าเช็ดปากออกวางบนตัก
“งั้นก็ไม่ต้องไปทักเขาละกัน” เลซตอบเหมือนไม่ใส่ใจนัก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า ฟาทัลท่าทางไม่น่าคบก็เฉพาะแต่กับโนเอลนั่นแหละ
เขาพยายามจะไม่ให้ฟาทัลกับโนเอลเจอหน้ากันเท่าไร แต่พอตัดสินใจปล่อยโนเอลให้ออกมาเดินเล่นนอกห้องได้ เขาก็คงต้องนั่งจัดตารางเวลาให้เจ้าสองคนนี้ใหม่ซะแล้วสิ ไม่งั้นโนเอลได้เจอฟาทัลโหมดหาเรื่องเข้าล่ะยุ่ง โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวเล็กนั่นแหละที่อาจจะเข้าโหมดหาเรื่องก่อนซะอีก
ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารเช้ากันไปเงียบๆ ด้วยไม่รู้จะยกเรื่องอะไรขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนา เพราะแม้จะเคยกินข้าวด้วยกันมาหลายมื้อแล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้บรรยากาศจะแตกต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ
“เอ่อ...” โนเอลเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
“หืมม์?” ชายหนุ่มละสายตาจากผักใบเขียวที่เขาเพียรพยายามเขี่ยทิ้งอยู่ เงยหน้าขึ้นมอง
“คือ...ผมอยากรู้ว่า...ทำไมเลซถึง เอ่อ... ถึง...” โนเอลอึกอักเรียบเรียงคำไม่ถูก เพราะไม่ว่าจะพูดคำไหนก็เหมือนหลอกด่าเลซซะทุกความหมาย “อ่า... เรื่ององค์กร...”
“...”
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมกับคำพูดเมื่อเห็นเลซจ้องเป๋งตาไม่กระพริบมาที่หน้าเขา คล้ายจะส่งรังสีสังหารผ่านสายตามาได้ ประมาณว่า พูดไม่เข้าหูเดี๋ยวมีเรื่อง
“กะ...ก็...”
“อยู่ดีไม่ว่าดีมาตั้งองค์กรมืด ทำตัวเป็นมาเฟีย ยึดครองเกาะโดยไม่มีใครอนุญาต ทำตัวขวางโลก แถมยังล่อลวงให้คนงมงาย อย่างกับเจ้าลัทธิอะไรซักอย่าง ไหนจะมีของผิดกฎหมายไว้ในครอบครองอีกบานตะไท ล่าสุดก็กักขังหน่วงเหนี่ยว อ่ะ พ่วงพรากผู้เยาว์ไปอีกหนึ่ง ทั้งหมดนั่น ทำไปทำไมใช่มะ”
เลซพูดอะไรต่อมิอะไรที่ผุดอยู่ในหัวโนเอลออกมาซะเกือบหมด ราวกับรู้อยู่แล้วว่าตัวเองโดนชาวบ้านชาวช่องเขามองเห็นเป็นยังไง
“อ่า...” โนเอลยิ้มสู้ แม้ไม่มีอะไรจะกล่าวตอบ แต่เห็นท่าทางเลซไม่ได้ฉุนเฉียวอะไรก็ค่อยเบาใจไปบ้าง
“สมาคมผู้กล้าทั้งหลายแหล่น่ะ เบื้องหลังมีดอน จูวันนีสนับสนุนอยู่สินะ หรือเธอไม่รู้?” อยู่ดีๆชายหนุ่มก็พูดถึงสมาคม เมื่อเห็นโนเอลไม่ตอบรับอะไรก็เลยเดาเอาเองว่าคงไม่รู้เรื่อง
“เอ๋... แต่มันก็ไม่แปลกนี่ฮะ ก็เขาเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าของเกาะ ดอน คาวัลเลียร์นี่นา จะช่วยพวกสมาคมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลมืดบนเกาะนี้...เอ่อ...” โนเอลหุบปากลงเหมือนเดิมเมื่อโดนเลซจ้องหน้าอีกรอบ ก็ไอ้ผู้มีอิทธิพลมืดจะหมายถึงใครถ้าไม่ใช่เขาล่ะ
“คิดงั้นเหรอโนเอล หึหึ ไหนลองดูนี่หน่อยซิ” เลซหยิบส้อมของตัวเองขึ้นมาถือมือขวา แล้วหยิบส้อมของโนเอลขึ้นมาถือมือซ้าย มือขวาจิ้มไปที่ไส้กรอก มือซ้ายจิ้มไปที่ผัก แล้วชูขึ้นมาตรงหน้าโนเอล
“ฉันไม่ชอบกินผัก เพราะงั้นฉันสมควรทิ้งส้อมคันไหน” โนเอลแปลกใจนิดหน่อยที่โดนถาม แต่เขาก็ชี้ไปที่มือซ้าย
“แล้วถ้าฉันไม่ชอบไส้กรอกล่ะ” โนเอลชี้มือขวา
“ของกินเหมือนกัน อยู่แค่ใครจะชอบแบบไหนนี่นะ พออะไรไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองเห็นด้วย ก็เรียกว่ามันผิด และต้องเขี่ยทิ้ง งั้นถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นลูกบุญธรรมของดอน คาวัลเลียร์ล่ะ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ซะ นี่เป็นสมาคมผู้กล้า แล้วทางนั้นเป็นองค์กรอเกต มันมีอะไรแตกต่างมั้ยล่ะ ใช้อาวุธเหมือนกัน ไล่กำจัดพวกสัตว์ประหลาดที่เป็นภัยบนเกาะนี้เหมือนกัน ฆ่าฟันอีกฝ่ายเหมือนกัน ดูๆไปแล้ว มันก็แค่พี่น้องตีกันเองดีๆนี่แหละ”
“หา เดี๋ยว! ที่ว่าเลซเป็นลูกบุญธรรมของดอน คาวัลเลียร์นี่พูดจริงเหรอฮะ” โนเอลเผลอลุกขึ้นพูดเสียงดัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร ด้วยกะแล้วว่าเจ้าตัวเล็กต้องตกใจแน่ๆ
“จริง ...ดอน คาวัลเลียร์เก็บเด็กกำพร้ามาเลี้ยง 2 คน ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เลี้ยงดูมาอย่างดี แต่แล้วพอเด็กทั้ง 2 เติบโตขึ้นมา คนนึงก็หล่อมาดดีมีเสน่ห์สาวติดตรึม ส่วนอีกคนก็งามเลิศซะแม่สาวพวกนั้นไม่กล้ามายืนใกล้ให้โดนกลบรัศมี ชริ” เลซเอาไส้กรอกที่จิ้มค้างไว้เข้าปากแล้ววางส้อมกระทบจานเสียงดัง โนเอลมองกิริยานั้นแล้วก็อดหันไปแอบยิ้มขำอีกทางไม่ได้แม้จะรู้ว่าไม่น่าขำเลยซักนิด ขนาดเขาเองยังว่าเลซสวยกว่ายัยเจนนี่ ดาราสาวชื่อดังตอนนี้เลย
“แล้วไอ้พี่ชายต่างสายเลือดสุดที่รักนั่นมันก็ทำให้ฉันไม่มีวันลืม วันนั้น...วันที่มันทำเรื่องเลวร้ายกับฉันไว้...เรื่องที่อภัยให้ไม่ได้...มัน...”
เลซหันไปอีกทางทำให้โนเอลเห็นสีหน้าไม่ชัดนัก ไม่รู้จะบอกว่าเป็นสีหน้าที่เจ็บปวดมากๆเลยดี หรือว่าเป็นหน้าของคนที่พร้อมจะฆ่าใครตายได้ดี
“ช่างเถอะ แล้วฉันก็ได้ฟาทัลช่วยหนีออกมา” เขาตัดบทดื้อๆ ทำเอาคนฟังลุ้นเก้อ
“แล้วก็มาตั้งตนเป็นศัตรู ทำซะเดือดร้อนไปทั้งเกาะเลยเนี่ยนะ?” โนเอลขึ้นเสียงเล็กน้อยเมื่อเพิ่งรู้สาเหตุ
“ก็ไม่ได้กะจะให้เป็นปัญหาใหญ่โตหรอก ฉันแค่หนีออกมา แล้วชื่อฉันในฐานะสมาชิกครอบครัวนั้นก็โดนลบออกไป แล้ววันหนึ่งก็มีคนส่งข่าวมาบอกฉันว่าดอน คาวัลเลียร์ไปสู่สุขติแล้ว... และไม่มีมรดก...”
“อ้าว...” โนเอลกระพริบตาปริบๆ
“ไม่มีมรดก ไม่มีให้ฉันน่ะไม่แปลก แต่มัน...ไม่มีให้ใครเลยเนี่ยสิ เธอคง...ไม่สิ คนทั้งเกาะนี้คงนึกแหงๆอยู่แล้วล่ะสิว่าทั้งเกาะนี้เป็นของหมอนั่นน่ะ” เลซบอกโนเอลที่นั่งเอ๋อรับประทานไปแล้วเรียบร้อย ก็เขาเข้าใจว่าเป็นแบบนั้นมาตลอดจริงๆนะนั่น
“สมบัติทุกเกลเดอร์อยู่ในเกาะนี้ อืม...คิดซิ ใครกันแน่จะมาครองเกาะ มันโผล่หัวมาก่อนฉันอีกนะไม่อยากจะบอก”
โนเอลเริ่มรู้สึกเหมือนโลกมันหมุนกลับด้าน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
“ฉันก็เลยมาเสนอหน้าขัดแข้งขัดขามันหน่อย จริงๆก็เป็นแค่ข้ออ้างมาหาเรื่องล่ะนะ แล้วอยู่ดีๆมันก็มาเรียกฉันเป็นองค์กรมืดเฉย เออก็ดี เลวก็เลว จะได้กวาดล้างมันทั้งเกาะเลยหมดเรื่อง ไว้ฝั่งนั้นมันเละกันไปข้างแล้วค่อยออกจากเกาะ ปล่อยให้มันกลายเป็นเกาะของทุกคนตามที่พ่อต้องการจริงๆ เสียที ”
“...”
“โนเอล...”
ชายหนุ่มโบกๆมือตรงหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งค้างไปแล้ว ในหัวเริ่มสับสนว่านี่เขากำลังต่อสู้เพื่ออะไรกันแน่นี่
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า บอกแล้วไงจริงๆมันก็แค่พี่น้องตีกัน ไม่มีอะไรหรอก ฉันเองก็ไม่ใช่ความถูกต้อง แล้วทางนั้นสมาคมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนักหนานี่ เธอไม่จำเป็นต้องเลือก... โลกนี้ไม่ใช่เทพนิยาย ที่จะมีเจ้าหญิง เจ้าชาย อัศวิน และแม่มดร้าย มีแค่การแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ชีวิตรอดมีความหมายไปวันๆ ก่อนจะตายเท่านั้นแหละ” เลซบอกเป็นเชิงให้โนเอลถอยออกไปจากสมรภูมิรบนี้กลายๆ ซึ่งโนเอลก็พอจะตีความออก
“ฮะ... แปลกจังนะ” โนเอลพูดลอยๆ เรียกความสงสัยจากคนที่เขี่ยผักทิ้งเหมือนเด็กๆ
“ก็ผมนึกว่าอย่างเลซต้องพยายามล่อลวงผมให้เข้าองค์กรนี้แทนแน่ๆเลยน่ะสิฮะ” เด็กหนุ่มอธิบายเสริม ทำเอาอีกฝ่ายต้องขอยกนิ้วขึ้นมาดีดหน้าผากคนพูดเสียทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีนะ นี่แน่ะ! ฉันก็แค่... แค่... เอ่อ...” เลซเริ่มพูดเองสับสนเองว่าจะพูดอะไร นั่นสินะ แทนที่เขาจะกันโนเอลออกไปจากเรื่องนองเลือดนี้ ทำไมเขาไม่ลากโนเอลเข้ามาอยู่เป็นพวกเดียวกับเขาซะเลยล่ะ
“คงไม่ใช่เหตุผลเลี่ยนๆประมาณว่าเป็นห่วงผม ไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องอันตราย หรืออะไรพรรคนั้นหรอกนะ ถ้าเลซคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองคงแปลกดีพิลึก” โนเอลแกล้งหยอกเล่นโดยไม่ได้รู้เลยว่ามันทิ่มเข้ากลางใจเลซอย่างจัง ใช่เซ่ คนอย่างเขาน่ะเหรอจะคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมก่อนกำไรเข้าตัว
แต่...
ก็คิดไปแล้วจริงๆนั่นแหละ...
แปลกดีพิลึก...
เลซยิ้มบางๆมองดูโนเอลหยิบขนมปังทาแยมเข้าปาก รอยยิ้มน่ารักไร้เดียงสาแบบนี้ อย่าให้มันต้องแปดเปื้อนกลิ่นคาวเลือดมากไปกว่านี้เลย
“กินยังไงน่ะเรา เลอะหมดแล้ว” เขาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นเช็ดคราบหวานๆบนพวงแก้มนุ่มๆออก
“อื้อ~ อย่าทำเหมือนผมอยู่อนุบาลสิฮะ” โนเอลเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย ไม่ได้สังเกตว่าพี่เลี้ยงจำเป็นยิ้มกริ่มแปลกๆ
“งั้นจะให้ทำอย่างที่คนโตๆเขาทำกันมั้ยละ” เลซชะโงกหน้าเข้ามาใกล้โดยไม่รอคำตอบ ลิ้นอุ่นเลียเข้าที่มุมปากของร่างเล็กอย่างถือวิสาสะ
“อ้ะ!... เล่นอะไรแต่เช้าน่ะฮะ หน้าต่างก็เปิดอยู่ ฟาทัลก็อยู่หน้าประตู เลซนี่...อุ๊บ!” โนเอลต่อว่าต่อขานเจ้าคนไม่รู้กาละเทศะ แต่ก็โดนปิดปากด้วยปากเข้าให้เงียบไปโดยปริยาย
“มองแค่ฉัน สนใจแค่ฉัน ก็พอแล้ว” ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกกระซิบแผ่วเบา โนเอลปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับคำพูดนั้น
บางทีมันคงเป็นแค่คำพูดเอาแต่ใจ...
แต่เขาอยากจะขอเข้าข้างตัวเองซักหน่อยเหลือเกิน...
อยากให้ถ้อยคำที่เอื้อยเอ่ยนั้น...
มีความหมายมากกว่านั้น...
มากกว่าที่ใช้พูดกับคนอื่นๆนอกเหนือจากเขา...
เขาจะขอสำคัญตัวว่าเป็นมากกว่าของเล่นที่นึกอยากจะหยิบก็หยิบมาได้หรือเปล่านะ...
End of Chapter V
Chapter V
“ท่านเลซ!!”
ชายหนุ่มละสายตาจากผู้ประสานงานแต่ละสาขาย่อย หันมององครักษ์ประจำตัวที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบเร่ง ฟาทัลก้มลงกระซิบเบาที่ข้างหูเลซเพื่อไม่ให้เสียการประชุม
“ขออภัยครับ คือ...พวกยามแจ้งมาว่าโนเอลออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว”
“อือ”
ฟาทัลออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนตอบรับด้วยท่าทีสงบนิ่งผิดคาด ราวกับรู้อยู่แล้วว่าโนเอลต้องหนีไปวันนี้แน่ๆ
“เอาล่ะ ส่วนรายละเอียดอื่นๆฉันบอกฟาทัลหมดแล้ว ไปถามเขาเองก็แล้วกันนะ... ตอนนี้ฉันมีอย่างอื่นอยากให้ช่วยหน่อย” เลซส่งยิ้มละลายโลกให้เหล่าลูกสมุนที่แทบจะยกมือบังประกายแสงความงามเจิดจ้ากันไม่ทัน
“เอ่อ แต่ท่านบอกเองว่าถ้าพ้นคฤหาสน์ไป...” ฟาทัลท้วงขึ้น อันที่จริงเขาออกจะดีใจหน่อยๆเสียด้วยซ้ำที่โนเอลออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว ใจจริงเขาไม่อยากเอาโนเอลมาแต่แรกแล้วล่ะ ทว่าดันโดนลูกอ้อนของนายท่านเข้าไปเลยจิตหลุดไปชั่ววูบ
“ฉันก็ไม่ได้บอกจะให้ไปเอาตัวกลับมานี่...หึหึ เพราะเขาจะกลับมาหาฉันเองแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เลซหัวเราะชั่วร้ายก่อนจะหยิบเสื้อคลุมเดินออกจากห้อง
“แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังนอนไม่หลับ ก็เลยออกไปเดินเล่นอยู่แถวสวนหน้าคฤหาสน์สินะ” เขียนบทให้ตัวเองเสร็จสรรพก็เดินออกไปสั่งพวกสาวใช้ให้จัดเตรียมอุปกรณ์เสริมให้เหล่าผู้ที่นั่งประชุมกับเขาอยู่เมื่อครู่
เด็กหนุ่มค่อยๆก้าวเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด แม้อากาศยังไม่หนาวเย็นมาก ทว่าเขากลับสั่นสะท้านเข้าไปถึงจิตใจ รู้สึกโหวงๆในช่องท้องราวกับลืมอะไรซักอย่างในร่างทิ้งไว้ที่คฤหาสน์นั้น ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงไปนั้นช่างดูเลื่อนลอย บางเบา เหมือนไม่ใช่เรื่องจริง
...นี่เราออกมาแล้วจริงๆเหรอ...
เขาตัดสินใจหยิบผ้าคลุมสีขาวสะอาดขึ้นมาห่ม แม้ร่างกายจะอบอุ่นขึ้น แต่เหตุใดในใจกลับยิ่งหนาวเหน็บ ขาเล็กๆที่พาร่างนั้นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าค่อยช้าลงๆก่อนจะหยุดนิ่ง
...อย่าหันกลับไปนะ...อย่านะ...
โนเอลแข็งขืนใจไว้แล้วออกวิ่งทันที ที่ๆเขาต้องกลับไป ที่ๆเขาควรจะอยู่ คือที่สมาคมต่างหาก เด็กหนุ่มวิ่งออกไปเรื่อยๆ พยายามไล่สลัดความทรงจำต่างๆที่พร้อมใจกันผุดขึ้นมาฉุดรั้งเขาไว้
“คิกๆๆ”
หัวใจของหนุ่มน้อยกระตุกวูบทันทีเมื่อได้ยินเสียงแปลกปลอม เขาเห็นอะไรสีขาวๆผ่านหางตาไปแวบๆ พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบแต่ความว่างเปล่าอันน่าหวาดหวั่น
“ฮิฮิ”
เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากอีกทาง เขาทันได้เห็นแสงเรืองๆ ออกมาจากหลังต้นไม้และหายไปราวกับภาพลวงตา ขาที่กำลังวิ่งอยู่ค่อยชะลอลง เพราะสั่นจนก้าวไม่ออก
“คะ...ใครน่ะ ออกมานะ!!!” โนเอลตะโกนออกไปทว่าความเงียบเท่านั้นที่ได้ยินเป็นคำตอบ เงียบกริบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอกของตนเอง
ปุบ!
“อ้ากกกกกกกกกกก!!!!”
เด็กหนุ่มสะดุ้งแหกปากเมื่ออยู่ดีๆก็มีมือเหี่ยวๆมาวางบนไหล่ พอค่อยๆหันไปมองก็พบว่าเป็นเพียงกิ่งไม้ธรรมดา
“กร๊ากกก!! กรั่กๆ กรั่กๆๆ”
เสียงกระทบกันของกิ่งไม้ยามต้องลม ช่างฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะเยาะ ให้กับความขวัญอ่อนของหนูน้อย ในยามนี้เขากลับคิดถึงเสียงหัวเราะเหมือนนางมารร้ายโรคจิตของเลซขึ้นมา มันช่างรู้สึกน่าฟังขึ้นมาจับใจเหลือเกิน
“คิกๆ”
เสียงคล้ายเสียงผู้หญิงก้องสะท้อนไปมาตามแนวต้นไม้ ปลุกให้ขนที่ต้นคอลุกกันเกรียวกราว ชายผ้าสีขาวมีให้เห็นแวบๆตามตรงนั้น ตรงนี้ ลมเย็นที่พัดผ่านมาช่างให้ความรู้สึกเหมือนมีใครมาหายใจรดอยู่ใกล้ๆ
เขาบังคับขาตัวเองให้เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อหยุดพักสงบสติอารมณ์ แต่ทันทีที่มือสัมผัส กลับรู้สึกถึงของเหลวเปียกๆบนต้นไม้นั้น
“น้ำอะไรน่ะ.” เขาดึงมือขึ้นมาดูใกล้ๆ ของเหลวสีแดงคล้ำไหลจากฝ่ามือลงไปถึงข้อมือ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนมีอะไรหยดใส่หัวเขาจากบนต้นไม้ด้วย
“ละ...เลือด...เลือด...” โนเอลพูดจาแทบไม่เป็นภาษาพอเห็นอะไรแดงๆเข้า เขาไม่ใช่คนกลัวเลือด แต่เลือดที่มันโผล่มาแบบไม่มีสาเหตุนี่...ไม่แน่...
เขาได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ข้างหลัง มือสากเคลื่อนมาจับคอก่อนจะเลื่อนขึ้นมาบนแก้มนุ่ม
“มาอยู่ด้วยกานม้ายจ๊าหนุ่มน้อย~” เสียงยานคางแหบสยองดังข้างหูสิงโตนิ่มๆที่บัดนี้ขนบนนั้นล้วนตั้งชันจนแทบจะจิ้มหน้าคนพูดตายได้ กลอกตาไปทางซ้ายขวาก็เห็นร่างสีขาวๆเกาะอยู่ตามหลังและบนต้นไม้ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ยิ่งมีลมเย็นๆพัดมาอีกระลอกเป็นบรรยากาศด้วยแล้ว ยิ่งทำเอาขวัญกระเจิงกู่ไม่กลับ
“พ...พี่เบลด...ช่วยผมด้วย...” ร่างเล็กพึมพำทั้งน้ำตาคลอเบ้า ฟันกระทบกันดังกึกๆ
“อยู่โกสท์บลูม่ายช่ายเร้อ~” เสียงเล็กแหลมบาดหู กระซิบเบาแต่กลับดังก้องไปมาในหัวประหนึ่งตอกย้ำความอนาถของพระเอกเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
“เออ...ลืม” โนเอลขอเวลานอกบทยืนไว้อาลัยให้เบลด 3 นาที แล้วกลับมาเข้าเรื่องใหม่
“งะ...งั้น เลซฮ้าาาาา~ ช่วยผมด้วยยยยยย!!! แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~!!!!” และแล้วความมุ่งหมายเดิมตั้งแต่ต้นเรื่องก็พังทลายลงอย่างไม่เหลือเศษเสี้ยวชิ้นดี เมื่อร่างกายทรยศจิตใจ (รึเปล่า) พาร่างเล็กวิ่งกลับไปทางที่จากมาด้วยความเร็วแสง มีเสียงหัวเราะของแท้ไม่ได้แกล้งทำจากบรรดาเหล่าผีจำเป็นส่งท้ายไปด้วยความสนุกสนาน
“นานๆที นายท่านสั่งงานแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ ฮ่า ฮ่า” หนึ่งในผีจำเป็นดึงผ้าม่านสีขาวออกจากตัว แล้วปิดไฟฉาย คนอื่นๆก็ร่วมหัวเราะไปด้วยที่ได้แกล้งเด็กเล่น
ชายหนุ่มเดินไปตามแนวราชินีแห่งมวลดอกไม้สีดำสนิท ราวกับว่ามันช่างสวยงามน่าพิสมัยเสียนี่กระไร ทันใดนั้นเองเสียงเด็กเล็กๆน่ารักก็ดังมาแต่ไกล แม้ไม่เห็นตัวก็พอจะเดาได้
“แหม ฉันไม่ได้จับตัวกลับมาจริงๆนะ หุหุ” เลซปรายตามองฟาทัลเล็กน้อย พลางแกล้งทำมือป้องปากหัวเราะ แรคคูนหนุ่มไม่ได้แย้งอะไร หรือความจริงคือหมดข้อโต้แย้งในทุกประการ
...แผนสกปรกชั่วร้ายมากเลยท่าน คิดได้ไงเนี่ย!!!...
“แงงงงงงงงงงง~ เลซฮะ!!!”
เด็กหนุ่มร่างเล็กวิ่งมาตามทางเข้าคฤหาสน์ ผมสีทองยุ่งไม่เป็นทรงปลิวไปตามแรงปะทะของสายลม ดวงตาสีฟ้าใสมีน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างบางเจ้าของนามค่อยๆหันมาพร้อมยื่นมือออกมาด้านหน้าราวกับคำต้อนรับ ริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มออกอย่างงดงาม ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดนั้นอย่างไม่มีลังเล ช่างเป็นภาพการพบกันอีกครั้งหลังพรากจากที่น่าประทับใจราวกับภาพวาด
หากแต่คงจะมีคนที่ไม่มีอารมณ์ร่วมไปด้วยยืนมองด้วยความสงบนิ่งอยู่ด้านหลังอีกคนเป็นแน่ เขาหรี่ตามองภาพนั้นพร้อมกับขยับกรอบแว่นเล็กน้อย
ก็เล่นรู้ความจริงข้างหลังภาพอันน่าประทับใจนี้เสียหมดเปลือกแล้ว มันจะไปเหลืออารมณ์ร่วมอะไรอีกได้เล่า...
“โอ๋ๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมา อย่าร้องน้า ไม่มีใครทำอันตรายเธอในคฤหาสน์ฉันได้หรอก” เลซย่อตัวลงปลอบโยนเด็กน้อยที่กอดแน่นไม่ยอมปล่อย พอเห็นว่าร่างนั้นเริ่มนิ่งลงแล้วจึงค่อยแกล้งพูดแหย่
“ว่าแต่... เด็กไม่ดีวิ่งบุกเข้าคฤหาสน์คนอื่นเนี่ย ต้องโดนอะไรน้า”
โนเอลยิ้มขำน้อยๆเมื่อโดนแซว ก็เขาวิ่งเข้ามาเองนี่นา ทั้งที่เลซบอกว่าถ้าออกไปได้จะปล่อยไปแท้ๆ นึกๆไปแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจะบอกลาหมอนบนเตียงอยู่เลย ว่าถ้าเจอกันอีกครั้งจะทำยังไง ซึ่งผลออกมากลายเป็นวิ่งเข้ามากระโดดกอดเลยเสียอย่างนั้น
“ก็ต้องโดนจับไปขังไว้ในห้องใต้หลังคาน่ะสิฮะ” โนเอลตอบกลับข้างใบหูชายหนุ่ม
“หืมม์?... อืม ก็ไม่เลวนี่ ฮ่ะ ฮ่ะ” เลซอุ้มหนูน้อยขึ้นกระชับในอ้อมแขน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กอดคออยู่กลั้นขำจะแย่แล้วพอได้ยินเสียงหัวเราะอันคุ้นเคย และแสนจะคิดถึงอยู่วูบหนึ่งในป่า
ชายหนุ่มห่มผ้าให้ร่างเล็กบนเตียงนอน ก่อนจะเตรียมผละออกมา เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าชายเสื้อคลุมโดนดึง พอหันไปก็เห็นมือเล็กกำชายผ้าไว้แน่น
“ไม่ง่วงเหรอหนูน้อย” เลซเดินกลับไปที่เตียง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมสีทองเบาๆ
“ง่วงฮะ... แต่...นอนเป็นเพื่อนหน่อยจิ” โนเอลพูดเสียงเบา ออกจะอายๆอยู่บ้างที่ทำตัวเหมือนเด็กกลัวผีไม่รู้จักโต
“เวลาขอร้องใครเนี่ย เขาพูดกันแบบนี้เหรอ” เลซแกล้งพูดหยอก ทำเอาโนเอลเกิดบ้าจี้ลุกขึ้นมานั่ง มือเล็กยื่นมาเกาะแขนดราก้อนหนุ่ม พลางช้อนสายตาออดอ้อนขึ้นมอง
“พี่ชายฮะ... คืนนี้ช่วยนอนกับผมหน่อยได้มั้ยฮะ ”
Critical Attack 9999!!!!...
เลซผงะหันหลบไปอีกทาง พยายามพูดพึมพำเตือนสติตัวเองไม่ให้เผลอจับเด็กงาบเสียก่อน ช่างร้ายกาจจริงๆที่ทำเอาเขาเลือด(กำเดา)อาบได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ฮ่ะ ฮ่ะ โอเคๆ เดี๋ยวฉันบอกให้เด็กๆเอาชุดมาให้ละกัน” เขาเดินออกไปที่หน้าประตู ไม่นานนักสาวใช้ก็เอาชุดมาให้ เขาเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำก่อนจะออกมา
“ฝันดีนะโนเอล” ชายหนุ่มเลื่อนตัวไปจูบหน้าผากน้องหนู แต่พอจะมุดกลับเข้าผ้าห่ม ก็โดนดึงคอเสื้อไว้ก่อน
“ลืมอะไรรึเปล่าฮะ” โนเอลเอ่ยขึ้น พวงแก้มขึ้นสีเรื่อๆ “คราวนี้ผมก็หนีไม่รอดไม่ใช่เหรอฮะ...”
“นั่นสินะ”
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเล็กอย่างทะนุถนอม นุ่มนวลอ่อนหวานยิ่งกว่าคราใด
เงียบสงบ...
ช่างเป็นวันที่เงียบสงบจนเด็กหนุ่มไม่กล้าพลิกตัวหลับต่อ คนที่นอนอยู่ข้างๆเมื่อคืนหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆบนหมอน
“ตื่นแล้วมากินอาหารเช้าด้วยกันนะ”
โนเอลเกาหัวแกรกๆ สงสัยเพราะกระดาษแผ่นเล็กเกินเลยเขียนสั้นง่าย แต่ไม่ได้ใจความไปหน่อย อาจจะหมายถึงเดี๋ยวขึ้นมากินข้าวด้วยล่ะมั้ง แต่ดูเวลาแล้ว ป่านนี้พี่ลาเรลกับลารีสน่าจะเอาอาหารเช้าส่งผ่านประตูแมวมาให้แล้วนี่นา
“พี่ลารีสฮะ” เขาตัดสินใจลุกขึ้นไปทวงที่ประตู ทว่าไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา
“พี่ลาเรลฮะ” เขาเรียกชื่อสาวใช้อีกคน ทว่าไม่มีใครตอบกลับมาเหมือนเดิม เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะจับลูกบิดประตูเปิดออกโดยลืมไปว่าโดนขังอยู่ในห้อง
...อ่าว ทำไมเปิดได้...
เขามองประตูที่ไม่ได้ลงกลอนด้วยความงุนงง ก่อนจะปิดลงไปเหมือนเดิม จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง
...หรือที่บอกให้มากินข้าวด้วย หมายถึงให้เราลงไปกินกับเขาข้างล่าง?? คงใช่มั้ง...
สักพักเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังขึ้นมา เขาลดเสียงฝีเท้าตัวเองลงก่อนจะค่อยๆกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ ดูเหมือนจะคุยกันเรื่องสมาคมผู้กล้า
“ขอบคุณที่ช่วยจัดการให้นะ” เสียงเลซลอยมาเข้าหู เด็กหนุ่มจึงก้าวลงบันไดไปหวังจะทำให้อีกฝ่ายตกใจเล่น แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เขาตกใจยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นเสียเอง
จะอะไรเสียอีกล่ะถ้าไม่ใช่ว่าเลซกระโดดกอดหอมแก้มฟาทัลตามปกติเวลาจะหาเรื่องใช้งาน แต่สำหรับโนเอลที่เพิ่งจะรู้คงไม่เรียกได้ว่าปกติแน่ เขายืนนิ่งค้างพูดไม่ออกอยู่ตรงนั้น ดีที่ทั้งสองยังไม่เห็นเขาเลยอี๋อ๋อกันต่อไปตามที่โนเอลเห็นเป็นอย่างนั้น (หารู้ไม่ว่ามีแต่คำว่าผลประโยชน์อยู่ในหัวเลซล้วนๆ)
โนเอลสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหลบไปก่อนที่สองคนนั้นจะเห็น รู้สึกเหมือนมีอะไรแหลมๆพุ่งจี๊ดขึ้นสมอง
“เอ ทำไมโนเอลมาช้าจัง” เขาได้ยินเสียงเลซเอ่ยถึง จึงสลัดความสับสนในใจออกไป
...เลซก็เห็นเราเป็นของเล่นแต่แรกอยู่แล้วนี่นา จะไปออเซาะใครก็เรื่องของเขาสิ...
เขาถอนหายใจให้ตัวเอง แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็แกล้งทำเป็นเหยียบเท้าลงบันไดเสียงดัง ราวกับว่าเขาเพิ่งลงมา และก็สบตาเข้ากับฟาทัลโดยบังเอิญ ดวงตาสีน้ำตาลหลังกรอบแว่นหรี่มองเขาเหมือนกับเห็นเศษฝุ่นเกาะอยู่ตรงเลนส์ ซึ่งท่าทางเกะกะลูกตาอยู่ไม่น้อย
...อื้อหือ ปั้นหน้าเฟคๆ แบบเลซเขาบ้างก็ไม่มีใครว่าหรอกนะฮะ...
ดูเหมือนเลซจะจับรังสีสังหารระหว่างทั้งสองได้ลางๆ หันทางคนซ้ายที ขวาที ในที่สุดก็บอกให้ฟาทัลเป็นฝ่ายออกไปที่อื่นก่อน ชายหนุ่มโค้งรับแต่โดยดีก่อนจะถอยออกไป แต่ยังอุตส่าห์เหลือบตาขึ้นมามองหน้าโนเอลส่งท้าย
“นั่งซิ...” เลซเอ่ยบอกเด็กหนุ่มก่อนจะหันไปเหล่ๆชายหนุ่มอีกคนที่ถอยห่างออกไปเล็กน้อย “ฟาทัล...”
เขาขมุบขมิบปากเป็นเชิงขอร้อง ฟาทัลยกมือขึ้นขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะยอมออกไปที่อื่นก่อนแต่โดยดี มีโนเอลมองตามหลังไปด้วยความรู้สึกสุขใจเล็กๆ จริงๆเขาก็ไม่ค่อยชอบฟาทัลตั้งแต่เจอครั้งแรกอยู่แล้วด้วย
“ท่าทางไม่ค่อยน่าคบเลยนะฮะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น มือคลี่ผ้าเช็ดปากออกวางบนตัก
“งั้นก็ไม่ต้องไปทักเขาละกัน” เลซตอบเหมือนไม่ใส่ใจนัก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า ฟาทัลท่าทางไม่น่าคบก็เฉพาะแต่กับโนเอลนั่นแหละ
เขาพยายามจะไม่ให้ฟาทัลกับโนเอลเจอหน้ากันเท่าไร แต่พอตัดสินใจปล่อยโนเอลให้ออกมาเดินเล่นนอกห้องได้ เขาก็คงต้องนั่งจัดตารางเวลาให้เจ้าสองคนนี้ใหม่ซะแล้วสิ ไม่งั้นโนเอลได้เจอฟาทัลโหมดหาเรื่องเข้าล่ะยุ่ง โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวเล็กนั่นแหละที่อาจจะเข้าโหมดหาเรื่องก่อนซะอีก
ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารเช้ากันไปเงียบๆ ด้วยไม่รู้จะยกเรื่องอะไรขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนา เพราะแม้จะเคยกินข้าวด้วยกันมาหลายมื้อแล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้บรรยากาศจะแตกต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ
“เอ่อ...” โนเอลเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
“หืมม์?” ชายหนุ่มละสายตาจากผักใบเขียวที่เขาเพียรพยายามเขี่ยทิ้งอยู่ เงยหน้าขึ้นมอง
“คือ...ผมอยากรู้ว่า...ทำไมเลซถึง เอ่อ... ถึง...” โนเอลอึกอักเรียบเรียงคำไม่ถูก เพราะไม่ว่าจะพูดคำไหนก็เหมือนหลอกด่าเลซซะทุกความหมาย “อ่า... เรื่ององค์กร...”
“...”
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมกับคำพูดเมื่อเห็นเลซจ้องเป๋งตาไม่กระพริบมาที่หน้าเขา คล้ายจะส่งรังสีสังหารผ่านสายตามาได้ ประมาณว่า พูดไม่เข้าหูเดี๋ยวมีเรื่อง
“กะ...ก็...”
“อยู่ดีไม่ว่าดีมาตั้งองค์กรมืด ทำตัวเป็นมาเฟีย ยึดครองเกาะโดยไม่มีใครอนุญาต ทำตัวขวางโลก แถมยังล่อลวงให้คนงมงาย อย่างกับเจ้าลัทธิอะไรซักอย่าง ไหนจะมีของผิดกฎหมายไว้ในครอบครองอีกบานตะไท ล่าสุดก็กักขังหน่วงเหนี่ยว อ่ะ พ่วงพรากผู้เยาว์ไปอีกหนึ่ง ทั้งหมดนั่น ทำไปทำไมใช่มะ”
เลซพูดอะไรต่อมิอะไรที่ผุดอยู่ในหัวโนเอลออกมาซะเกือบหมด ราวกับรู้อยู่แล้วว่าตัวเองโดนชาวบ้านชาวช่องเขามองเห็นเป็นยังไง
“อ่า...” โนเอลยิ้มสู้ แม้ไม่มีอะไรจะกล่าวตอบ แต่เห็นท่าทางเลซไม่ได้ฉุนเฉียวอะไรก็ค่อยเบาใจไปบ้าง
“สมาคมผู้กล้าทั้งหลายแหล่น่ะ เบื้องหลังมีดอน จูวันนีสนับสนุนอยู่สินะ หรือเธอไม่รู้?” อยู่ดีๆชายหนุ่มก็พูดถึงสมาคม เมื่อเห็นโนเอลไม่ตอบรับอะไรก็เลยเดาเอาเองว่าคงไม่รู้เรื่อง
“เอ๋... แต่มันก็ไม่แปลกนี่ฮะ ก็เขาเป็นลูกบุญธรรมของเจ้าของเกาะ ดอน คาวัลเลียร์นี่นา จะช่วยพวกสมาคมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลมืดบนเกาะนี้...เอ่อ...” โนเอลหุบปากลงเหมือนเดิมเมื่อโดนเลซจ้องหน้าอีกรอบ ก็ไอ้ผู้มีอิทธิพลมืดจะหมายถึงใครถ้าไม่ใช่เขาล่ะ
“คิดงั้นเหรอโนเอล หึหึ ไหนลองดูนี่หน่อยซิ” เลซหยิบส้อมของตัวเองขึ้นมาถือมือขวา แล้วหยิบส้อมของโนเอลขึ้นมาถือมือซ้าย มือขวาจิ้มไปที่ไส้กรอก มือซ้ายจิ้มไปที่ผัก แล้วชูขึ้นมาตรงหน้าโนเอล
“ฉันไม่ชอบกินผัก เพราะงั้นฉันสมควรทิ้งส้อมคันไหน” โนเอลแปลกใจนิดหน่อยที่โดนถาม แต่เขาก็ชี้ไปที่มือซ้าย
“แล้วถ้าฉันไม่ชอบไส้กรอกล่ะ” โนเอลชี้มือขวา
“ของกินเหมือนกัน อยู่แค่ใครจะชอบแบบไหนนี่นะ พออะไรไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองเห็นด้วย ก็เรียกว่ามันผิด และต้องเขี่ยทิ้ง งั้นถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นลูกบุญธรรมของดอน คาวัลเลียร์ล่ะ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ซะ นี่เป็นสมาคมผู้กล้า แล้วทางนั้นเป็นองค์กรอเกต มันมีอะไรแตกต่างมั้ยล่ะ ใช้อาวุธเหมือนกัน ไล่กำจัดพวกสัตว์ประหลาดที่เป็นภัยบนเกาะนี้เหมือนกัน ฆ่าฟันอีกฝ่ายเหมือนกัน ดูๆไปแล้ว มันก็แค่พี่น้องตีกันเองดีๆนี่แหละ”
“หา เดี๋ยว! ที่ว่าเลซเป็นลูกบุญธรรมของดอน คาวัลเลียร์นี่พูดจริงเหรอฮะ” โนเอลเผลอลุกขึ้นพูดเสียงดัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร ด้วยกะแล้วว่าเจ้าตัวเล็กต้องตกใจแน่ๆ
“จริง ...ดอน คาวัลเลียร์เก็บเด็กกำพร้ามาเลี้ยง 2 คน ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เลี้ยงดูมาอย่างดี แต่แล้วพอเด็กทั้ง 2 เติบโตขึ้นมา คนนึงก็หล่อมาดดีมีเสน่ห์สาวติดตรึม ส่วนอีกคนก็งามเลิศซะแม่สาวพวกนั้นไม่กล้ามายืนใกล้ให้โดนกลบรัศมี ชริ” เลซเอาไส้กรอกที่จิ้มค้างไว้เข้าปากแล้ววางส้อมกระทบจานเสียงดัง โนเอลมองกิริยานั้นแล้วก็อดหันไปแอบยิ้มขำอีกทางไม่ได้แม้จะรู้ว่าไม่น่าขำเลยซักนิด ขนาดเขาเองยังว่าเลซสวยกว่ายัยเจนนี่ ดาราสาวชื่อดังตอนนี้เลย
“แล้วไอ้พี่ชายต่างสายเลือดสุดที่รักนั่นมันก็ทำให้ฉันไม่มีวันลืม วันนั้น...วันที่มันทำเรื่องเลวร้ายกับฉันไว้...เรื่องที่อภัยให้ไม่ได้...มัน...”
เลซหันไปอีกทางทำให้โนเอลเห็นสีหน้าไม่ชัดนัก ไม่รู้จะบอกว่าเป็นสีหน้าที่เจ็บปวดมากๆเลยดี หรือว่าเป็นหน้าของคนที่พร้อมจะฆ่าใครตายได้ดี
“ช่างเถอะ แล้วฉันก็ได้ฟาทัลช่วยหนีออกมา” เขาตัดบทดื้อๆ ทำเอาคนฟังลุ้นเก้อ
“แล้วก็มาตั้งตนเป็นศัตรู ทำซะเดือดร้อนไปทั้งเกาะเลยเนี่ยนะ?” โนเอลขึ้นเสียงเล็กน้อยเมื่อเพิ่งรู้สาเหตุ
“ก็ไม่ได้กะจะให้เป็นปัญหาใหญ่โตหรอก ฉันแค่หนีออกมา แล้วชื่อฉันในฐานะสมาชิกครอบครัวนั้นก็โดนลบออกไป แล้ววันหนึ่งก็มีคนส่งข่าวมาบอกฉันว่าดอน คาวัลเลียร์ไปสู่สุขติแล้ว... และไม่มีมรดก...”
“อ้าว...” โนเอลกระพริบตาปริบๆ
“ไม่มีมรดก ไม่มีให้ฉันน่ะไม่แปลก แต่มัน...ไม่มีให้ใครเลยเนี่ยสิ เธอคง...ไม่สิ คนทั้งเกาะนี้คงนึกแหงๆอยู่แล้วล่ะสิว่าทั้งเกาะนี้เป็นของหมอนั่นน่ะ” เลซบอกโนเอลที่นั่งเอ๋อรับประทานไปแล้วเรียบร้อย ก็เขาเข้าใจว่าเป็นแบบนั้นมาตลอดจริงๆนะนั่น
“สมบัติทุกเกลเดอร์อยู่ในเกาะนี้ อืม...คิดซิ ใครกันแน่จะมาครองเกาะ มันโผล่หัวมาก่อนฉันอีกนะไม่อยากจะบอก”
โนเอลเริ่มรู้สึกเหมือนโลกมันหมุนกลับด้าน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
“ฉันก็เลยมาเสนอหน้าขัดแข้งขัดขามันหน่อย จริงๆก็เป็นแค่ข้ออ้างมาหาเรื่องล่ะนะ แล้วอยู่ดีๆมันก็มาเรียกฉันเป็นองค์กรมืดเฉย เออก็ดี เลวก็เลว จะได้กวาดล้างมันทั้งเกาะเลยหมดเรื่อง ไว้ฝั่งนั้นมันเละกันไปข้างแล้วค่อยออกจากเกาะ ปล่อยให้มันกลายเป็นเกาะของทุกคนตามที่พ่อต้องการจริงๆ เสียที ”
“...”
“โนเอล...”
ชายหนุ่มโบกๆมือตรงหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งค้างไปแล้ว ในหัวเริ่มสับสนว่านี่เขากำลังต่อสู้เพื่ออะไรกันแน่นี่
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า บอกแล้วไงจริงๆมันก็แค่พี่น้องตีกัน ไม่มีอะไรหรอก ฉันเองก็ไม่ใช่ความถูกต้อง แล้วทางนั้นสมาคมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนักหนานี่ เธอไม่จำเป็นต้องเลือก... โลกนี้ไม่ใช่เทพนิยาย ที่จะมีเจ้าหญิง เจ้าชาย อัศวิน และแม่มดร้าย มีแค่การแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ชีวิตรอดมีความหมายไปวันๆ ก่อนจะตายเท่านั้นแหละ” เลซบอกเป็นเชิงให้โนเอลถอยออกไปจากสมรภูมิรบนี้กลายๆ ซึ่งโนเอลก็พอจะตีความออก
“ฮะ... แปลกจังนะ” โนเอลพูดลอยๆ เรียกความสงสัยจากคนที่เขี่ยผักทิ้งเหมือนเด็กๆ
“ก็ผมนึกว่าอย่างเลซต้องพยายามล่อลวงผมให้เข้าองค์กรนี้แทนแน่ๆเลยน่ะสิฮะ” เด็กหนุ่มอธิบายเสริม ทำเอาอีกฝ่ายต้องขอยกนิ้วขึ้นมาดีดหน้าผากคนพูดเสียทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีนะ นี่แน่ะ! ฉันก็แค่... แค่... เอ่อ...” เลซเริ่มพูดเองสับสนเองว่าจะพูดอะไร นั่นสินะ แทนที่เขาจะกันโนเอลออกไปจากเรื่องนองเลือดนี้ ทำไมเขาไม่ลากโนเอลเข้ามาอยู่เป็นพวกเดียวกับเขาซะเลยล่ะ
“คงไม่ใช่เหตุผลเลี่ยนๆประมาณว่าเป็นห่วงผม ไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องอันตราย หรืออะไรพรรคนั้นหรอกนะ ถ้าเลซคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองคงแปลกดีพิลึก” โนเอลแกล้งหยอกเล่นโดยไม่ได้รู้เลยว่ามันทิ่มเข้ากลางใจเลซอย่างจัง ใช่เซ่ คนอย่างเขาน่ะเหรอจะคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมก่อนกำไรเข้าตัว
แต่...
ก็คิดไปแล้วจริงๆนั่นแหละ...
แปลกดีพิลึก...
เลซยิ้มบางๆมองดูโนเอลหยิบขนมปังทาแยมเข้าปาก รอยยิ้มน่ารักไร้เดียงสาแบบนี้ อย่าให้มันต้องแปดเปื้อนกลิ่นคาวเลือดมากไปกว่านี้เลย
“กินยังไงน่ะเรา เลอะหมดแล้ว” เขาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นเช็ดคราบหวานๆบนพวงแก้มนุ่มๆออก
“อื้อ~ อย่าทำเหมือนผมอยู่อนุบาลสิฮะ” โนเอลเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย ไม่ได้สังเกตว่าพี่เลี้ยงจำเป็นยิ้มกริ่มแปลกๆ
“งั้นจะให้ทำอย่างที่คนโตๆเขาทำกันมั้ยละ” เลซชะโงกหน้าเข้ามาใกล้โดยไม่รอคำตอบ ลิ้นอุ่นเลียเข้าที่มุมปากของร่างเล็กอย่างถือวิสาสะ
“อ้ะ!... เล่นอะไรแต่เช้าน่ะฮะ หน้าต่างก็เปิดอยู่ ฟาทัลก็อยู่หน้าประตู เลซนี่...อุ๊บ!” โนเอลต่อว่าต่อขานเจ้าคนไม่รู้กาละเทศะ แต่ก็โดนปิดปากด้วยปากเข้าให้เงียบไปโดยปริยาย
“มองแค่ฉัน สนใจแค่ฉัน ก็พอแล้ว” ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกกระซิบแผ่วเบา โนเอลปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับคำพูดนั้น
บางทีมันคงเป็นแค่คำพูดเอาแต่ใจ...
แต่เขาอยากจะขอเข้าข้างตัวเองซักหน่อยเหลือเกิน...
อยากให้ถ้อยคำที่เอื้อยเอ่ยนั้น...
มีความหมายมากกว่านั้น...
มากกว่าที่ใช้พูดกับคนอื่นๆนอกเหนือจากเขา...
เขาจะขอสำคัญตัวว่าเป็นมากกว่าของเล่นที่นึกอยากจะหยิบก็หยิบมาได้หรือเปล่านะ...
End of Chapter V
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น