ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter IV
Bird’s Cage
Chapter IV
ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วตั้งแต่เด็กหนุ่มเขียนจดหมายส่งไปให้สมาคม เขาหวังว่าทางสมาคมคงจะยกกองกำลังอันเกรียงไกรสมกับเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรม บุกตะลุยมาช่วยเขาออกจากคฤหาสน์ และปราบปรามเหล่าคนชั่วให้สิ้นซาก
แต่แล้วความฝันอันสวยหรูก็พังทลายลงอย่างไม่เหลือแม้แต่ซากฝุ่น เมื่อครั้งล่าสุดที่เลซโผล่เข้ามาในห้อง ได้บอกกับเขาว่า เขาถูกขังอยู่ที่ไหน และสมาคมตอนนี้ไปโผล่อยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าจะสงสารหรืออนาถดี ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ตนก็ต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้นสินะ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็เรียบร้อย ในเมื่อพี่เบลดมาช่วยผมไม่ได้ งั้นผมก็จะไปช่วยพี่เองฮะ” โนเอลมองซี่ลูกกรงจากหน้าต่างที่กลิ้งอยู่บนมือตนเองด้วยความพอใจ เขาวางแผนจะหนีมาตั้งแต่ตอนที่เลซเข้ามานอนด้วยแล้ว พอเจ้าตัวออกไปจากห้องก็สบโอกาสดำเนินการต่อล่ะ
“อย่าคิดว่าผมยิงปืนเป็นอย่างเดียวนะฮะ” โนเอลชี้นิ้วไปยังหมอนของเลซที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้าอยู่บนเตียง เขาหันมองออกนอกหน้าต่างที่เปิดโล่ง เวลาประมาณนี้เลซจะไม่มาหาแล้ว แต่งตัวเตรียมอุปกรณ์พร้อมเสร็จสรรพก็โยนผ้าห่มและผ้าปูเตียงที่ผูกเป็นปมยาวออกไปนอกหน้าต่าง เอาปลายอีกข้างผูกไว้กับขาเตียง ดึงๆแล้วไม่หลุดเป็นอันใช้ได้
“ลาก่อนนะฮะ ถึงแม้ว่าผมอยู่ที่นี่จะมีความสุขดี แต่ยังไงเราก็ต้องเป็นศัตรูกัน ถ้าเจอกันอีกทีผมจะเล็งที่หัวใจเลซละกันนะฮะ หน้าสวยๆจะได้ไม่เป็นรอย แต่ผมเล็งที่อื่นนอกจากหัวไม่ค่อยแม่นเท่าไร อาจจะหลายนัดหน่อยกว่าจะตายนะฮะ” กล่าวอำลากับหมอนเสร็จก็แปลงร่างจากสิงโตกลายเป็นลิงน้อยโรยตัวลงหน้าต่างไป
โนเอลหยุดพักเล็กน้อยหันมองออกไปยังบรรยากาศรอบตัว ช่างเป็นสถานที่เงียบและวังเวงจริงๆ ราวกับมีเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายปกคลุมอยู่โดยรอบ เขารู้สึกขนลุกเล็กน้อยเมื่อมีลมเย็นๆพัดผ่าน ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วสินะ รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย พอพักได้ซักครู่ก็เริ่มไต่ลงไปข้างล่างต่อ
“ไม่ถูกใจผ้าปูที่นอนคฤหาสน์ฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
“เปล่าฮะ... ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” โนเอลสะดุ้งสุดตัวปล่อยมือร่วงลงไปข้างล่าง ในขณะที่กำลังลอยคว้างกลางอากาศรอฟังเสียงคอตัวเองหัก ก็มีมือยื่นมาคว้าเอวเอาไว้เสียก่อน แต่เขาก็ยังหลับตาแน่นไม่ยอมดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่เป็นไรแล้วๆ” เสียงที่คุ้นเคยกับมือที่ลูบหัวอย่างปลอบประโลม (หลอกเด็ก?) ทำให้โนเอลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง
เขากำลังโดนเลซอุ้มลอยอยู่กลางอากาศ เลยรีบโอบมือรอบลำคอระหงนั่นเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจว่ามีที่ยึดเกาะบ้าง เลซดึงผ้าคลุมไหล่ขึ้นห่มให้โนเอลก่อนจะบินขึ้นไปนั่งบนหลังคาคฤหาสน์
“วิธีหนีคลาสสิคดีนี่ ฮ่ะ ฮ่ะ ช่วยทำให้มันเหนือความคาดหมายบ้างได้มั้ยน่ะ” พูดจบก็โดนเจ้าคนหนีคลาสสิคที่ว่าต่อยสีข้างเข้าให้ อย่างไม่กลัวโดนเตะตกหลังคา
“แอบดูผมอยู่ล่ะสิไม่ว่า” โนเอลยังไม่ยอมรับว่าตัวเองคิดอะไรตื้นๆเกิน มือเล็กกระชับผ้าคลุมเข้ากับตัว
“เปล่านา นี่ ถ้าฉันใช้ลูกแก้วนั่น ฉันต้องนอนฟื้นฟูพลังเวทย์อยู่นานเลยนะ ระหว่างฉันเอาแต่นอนจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้” เลซยักไหล่ มืออีกข้างก็ใช้เวทย์รักษาที่โดนต่อยไปด้วย จริงๆเขารู้ว่าโนเอลเตรียมจะหนีมาตั้งนานแล้ว ก็เลยให้คนคอยดูหน้าต่างห้องใต้หลังคาไว้ พอได้รับแจ้งก็รีบบินขึ้นมารอทันที เป็นมังกรมันก็สะดวกดีหลายๆอย่างแบบนี้นี่แหละ
ลมเย็นของยามแรกในฤดูหนาวพัดเอื่อยๆ ขับไล่เมฆหมอกสีดำทะมึนที่บดบังความงดงามของราชินีแห่งท้องนภาออกไป พระจันทร์ดวงโตสีนวลบนท้องฟ้ายามรัตติกาล เปล่งประกายกลบรัศมีของเหล่าดวงดาราจนหมดสิ้น ดูสวยเด่นประดุจดั่งไข่มุกสีทองล้ำค่าบนผ้ากำมะหยี่สีดำชั้นดี แสงสีเงินยวงส่องแสงเย็นตาลงบนร่างของทั้งสองที่เงยหน้ามองโคมแห่งรัตติกาลเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปตามสายลมที่ราวกับจะกัดกินจิตใจไปทีละน้อยให้หนาวเหน็บอย่างไร้ความปรานี
“โนเอล”
“ฮะ?”
“อยากจะไปจริงๆเหรอ”
พรรณไม้รอบคฤหาสน์ลู่เอนไปตามแรงลม กิ่งก้านเสียดสีกันดังหวีดหวิว เป็นท่วงทำนองเศร้าสร้อย ใบไม้สีเข้มโปรยปรายหลุดร่วงยิ่งตอกย้ำถึงการพรากจากแม้จะไม่ต้องการ มือเรียวยื่นออกไปสัมผัสมือที่เล็กกว่า ราวกับจะยื้อไว้ทั้งร่างกายและจิตใจ ทว่ามือนั้นกลับผละหนีไป ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งนั้นหมายถึงอะไร
“ผมต้องไปฮะ” โนเอลก้มหน้าบอกเสียงเบา ยังมีคนที่รอเขาอยู่ และเขาก็ไม่อยากให้รอนานเสียด้วย
เลซมองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย ด้วยรู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดถึงใครอยู่ ถึงต่อให้เขามีอำนาจล้นฟ้าเพียงไร หรือมีเงินกองสูงเท่าภูเขากี่ลูก ก็ไม่อาจจะใช้มันเข้าเปลี่ยนแปลงความคิดของเด็กหนุ่มได้ หากจะยื้อตัวไว้ก็รังแต่จะทำให้เจ็บปวดกันทั้งสองฝ่ายมากกว่า
“งั้นก็ได้”
“หา...”
เด็กหนุ่มหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความงุนงงระคนแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่ามันจะง่ายดายได้เพียงนี้ แต่พอเห็นรอยยิ้ม กับดวงตาที่เป็นประกายวิบวับแปลกๆแล้ว กลับรู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกชนิดลมเย็นในยามนี้ดูช่างอบอุ่นไปเลย
“ได้... ถ้าเธอก้าวออกไปพ้นเขตคฤหาสน์ฉันได้เมื่อไร เชิญได้เลย จะไม่ไปตามกลับมาด้วย” เลซบอกพร้อมกับชี้ไปยังสุดเขตสวนกุหลาบสีดำหน้าคฤหาสน์
“งั้นแปลว่าถ้าไม่...” โนเอลพูดอย่างระมัดระวังด้วยรู้ว่า มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ อยู่กันมาก็นานเป็นเดือนแล้ว แม้จะยังตามความคิดของคนๆนี้ไม่ทัน แต่ก็พอจะเดานิสัยได้ล่ะว่าไม่ใช่ประเภทพ่อพระมาโปรดจัดแน่ๆ
“อืม...ที่ฟันมีอะไรติดอยู่แน่ะ” เลซไม่ตอบแต่กลับยกเรื่องอื่นมาพูดแทน โนเอลเผยอปากขึ้นทันทีตามปกติคนเวลาโดนทักโดยหารู้ไม่ว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว
ริมฝีปากเล็กถูกประกบลงโดยไม่ทันให้ตั้งตัว แผ่วเบานุ่มนวล ก่อนจะกดประทับบดเบียดแนบชิด ลิ้นอุ่นแทรกลงในช่องปากเล็ก เกี่ยวกระหวัดราวกับได้ลิ้มรสน้ำผึ้งที่แสนหอมหวาน
“อ...อื้อ อะ...อย่าฮะ...มะ...”
เพียงเว้นช่วงให้ได้พักหายใจเล็กน้อยริมฝีปากฉ่ำก็ถูกประกบเข้าอีกคราอย่างดูดดื่ม ร้อนแรงราวกับจะแผดเผาทั้งร่างให้หลอมละลาย มือแขนที่ปัดป่ายค่อยๆอ่อนแรงจะขืนขัด ได้แต่ปล่อยให้คนเจ้าเล่ห์ลุกล้ำ เอาตามชอบใจ
“ถ้าหนีไม่รอดก็เสร็จไงล่ะ หึหึ”
เช้าวันใหม่เวียนมาอีกวัน ร่างเล็กขยับพลิกตัวหลบแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา แต่เสียงเซ็งแซ่ของเหล่านกก็ไม่ยอมให้เขาหลับต่อได้ง่ายๆ
“ขอให้เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันทีเถ้อ” เขาพึมพำกับผ้าห่ม แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นรับอรุณ พอกำลังจะดึงผ้าห่มออกจากตัวก็เห็นว่าแท้จริงแล้วมันคือผ้าคลุมไหล่สีขาว
...ชริ ยังอุตส่าห์ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าอีกนะ...
เห็นแล้วก็ชวนให้นึกไปถึงเมื่อคืนว่าโดนอะไรไป พวงแก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อร้อนผ่าว จนต้องซุกหน้าลงกับหมอนแม้จะไม่มีใครยืนมอง ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดน แต่ก่อนหน้านี้ก็เพียงแค่สัมผัสประทับลงเฉยๆ ไม่ได้ขนาดว่า...
ตุบๆ!
โนเอลเอามือที่ยังกำผ้าคลุมไหล่อยู่ทุบหมอนแก้อาการคิดเองเขินเอง จริงๆเขาควรจะโกรธอาละวาดห้องพัง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอายมากกว่าโกรธเสียอีก ได้แต่ภาวนาว่าวันนี้เจ้าคู่กรณีอย่าเข้ามาหาเลย ไม่งั้นเขาได้ละลายตายคาที่แน่ๆ
“อรุณสวัสดิ์จ้า อาหารเช้ามาแล้ว~”
...ตายยาก...
เลซที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้า มองก้อนกลมๆใต้ผ้าห่มบนเตียงอย่างงุนงง เขาวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปสะกิดเจ้าก้อนกลมๆนั่น
“เช้าแล้วโนเอล...”
นิ่งสนิท...
“สงสัยเมื่อคืนนอนดึก”
เลซละความพยายามจะแซะเจ้าตัวเล็กออกจากเตียง นึกในใจว่าเดี๋ยวตอนบ่ายค่อยโผล่มาใหม่ก็ได้ พอเขาปิดประตูโนเอลก็ค่อยๆโผล่หัวออกมามองดูว่าออกไปแล้วจริงๆ จึงค่อยลุกมายังถาดอาหารเช้า
...ต้องหนีให้ได้สถานเดียว...
ก่อนอย่างอื่นนอกจากริมฝีปากจะไม่รอด...
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่แผนการหลบหนีของโนเอลลุล่วง (แต่ไปด้วยดีรึเปล่านั่นอีกเรื่อง) เขาค่อยๆแงะเพดานออกจนมีช่องพอให้ปีนออกไปได้
“แล้วพอปีนต้นไม้ข้างหน้าที่เห็นวันก่อนออกไปก็พ้นคฤหาสน์แล้ว” ไลอ้อนน้อยพูดด้วยดวงตาเป็นประกายมุ่งมั่น เขาอุตส่าห์เพียรพยายามแกล้งขอวัสดุอุปกรณ์มาจากลารีส และลาเรล วันล่ะอย่างสองอย่าง เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แล้วเอามาดัดแปลงงัดแงะหาช่องหนีให้ตัวเองออกมาจนได้
โนเอลดันตัวเองขึ้นมาบนหลังคาได้สำเร็จอย่างสวยงาม เด็กหนุ่มสูดอากาศเย็นๆที่ดูแสนจะสดชื่นเป็นพิเศษ เหมือนจะได้กลิ่นแห่งอิสระจางๆลอยมาตามสายลมด้วย
“ก็รู้นะว่าอากาศมันเย็น แทนที่จะหยิบเสื้อติดมือออกมาด้วย ของในตู้นั่นฉันให้เธอหมดอยู่แล้ว ไม่ต้องใจดีทิ้งเอาไว้ให้หรอกน่า”
เสียงนุ่มๆหวานๆ แต่ทำเอาคนฟังแข็งทื่อเหมือนโดนสาปให้เป็นหินคาที่อยู่บนหลังคา เขาค่อยๆหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังอย่างยากเย็นเพราะดูเหมือนข้อต่อจะฝืดไปหมด ราวกับหุ่นกระบอกที่ไม่ได้รับการหยอดน้ำมัน
“ระ...รู้ได้ไงฮะ” โนเอลเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกน้ำลายมันช่างฝืดคอเต็มทน
“เห็นรอยกากบาทเล็กๆบนเพดาน ก็เลยบินขึ้นมารอบนนี้หลายคืนแล้ว” เลซตอบด้วยรอยยิ้มมุมปากเหมือนจะแอบเยาะเย้ยเล็กๆ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าหน้ามุ่ย
“อืม ก็อยากจะถอดเสื้อให้อยู่หรอกนะ แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่หนาว” ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่เอามือลูบๆแขนตัวเอง ก่อนจะเข้าไปสวมกอดอย่างนิ่มนวลจากข้างหลัง
“ม...ไม่เป็นไรฮะ กลับห้องก็อุ่นแล้ว” โนเอลเอ่ยขึ้นเมื่อถูกรั้งหลังเข้าไปกอดแนบอก ร่างที่สวมกอดอยู่ก้มลงซุกหน้ากับเส้นผมสีทองก่อนจะเลื่อนลงมาจูบที่ต้นคอเบาๆ ทำเอาตัวคนโดนกอดรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งที่อากาศก็เย็นแสนเย็น
“ไม่เอาน่า” โนเอลขยับตัวหันมาทางคนร่างบาง พยายามแกะมือออก เลซยอมปล่อยมือแต่โดยดี แต่เลื่อนมันขึ้นมาแนบแก้มทั้งสองข้างแทน
“รู้ใช่มั้ย ถ้าหนีไม่รอดจะเป็นยังไง” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวานราวกับมีดอกไม้ผลิบานอยู่โดยรอบเป็นของประกอบฉาก มันคงจะดูงดงามมากกว่านี้แน่ถ้าไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาด้วย
“มะ...ไม่...อื้อออ ”
และแล้วสายลมยามเย็นช่วงต้นฤดูหนาวก็ค่อยๆอุ่นขึ้น...อุ่นขึ้น...
เด็กหนุ่มปาดเหงื่อพลางก้มลงมองผลงานที่ตัวเองทำไว้บนพื้น หลังจากหลายวันก่อนพยายามขึ้นข้างบนไม่รอด งั้นวิ่งลงข้างล่างก็ได้ อย่างน้อยๆแค่ออกจากห้องนี่ได้ จะวิ่งไล่จับกับพวกยามก็ไม่น่าจะเกินความสามารถ ยังไงพวกนั้นก็คงไม่ทำอะไรเขาอยู่แล้วนอกจากจับตัวให้ได้
“ลาขาดถาวรนะฮะ เลซ ถ้าเจอกันอีกที...” เขาหันไปมองพวกของต่างหน้าในห้อง ถ้าเจอกันอีกครั้งในฐานะศัตรูจริงๆ เขาก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าจะลั่นไกได้ลงคอรึเปล่า
“เอาเป็นว่าถ้าเจอกันคราวหน้าผมจะพยายามหลบๆหน้าเลซละกัน” โนเอลพูดกับหมอนก่อนจะมุดหัวลงไปในช่องบนพื้นที่เขาเพิ่งแงะออกมา มองซ้ายมองขวาทางสะดวกก็หย่อนผ้าปูเตียงที่เปลี่ยนใหม่มารอบที่เท่าไรแล้วจำไม่ไหว ลงไป
เขาไต่ลงมาเรื่อยๆจนเกือบถึงพื้น มีมือยื่นมาจับเอวไว้ช่วยพยุงให้เขาลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย โนเอลกำลังจะหันไปขอบคุณก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเขาเองกำลังหนีออกจากคฤหาสน์อยู่ไม่ใช่หรือไง
“อ่ะ แหะ...” พูดได้แค่นั้นก็รีบเดินไปอีกทางจะหาบันไดกลับขึ้นห้องตัวเอง แต่ก็โดนคว้าเอวขึ้นมาอุ้มไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนเสียก่อน
“แหม เดี๋ยวนี้เบื่อข้างบน อยากลองข้างล่างดูบ้างแล้วเหรอ” เลซถามไม่ถามเปล่า ยังมองหน้าโนเอลก่อนจะไล่สายตาลงไปตามร่างเล็กในอ้อมแขน แต่ก็โดนดึงผมให้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าติดจะบูดหน่อยๆของโนเอลเหมือนเดิม
“ไม่ต้องเลยเลซ แค่นี้ก็เกินพอแล้วฮะ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้
Game Over...
หันกลับมาดูทางสมาคมผู้กล้าที่แม้ร่างกายจะสะบักสะบอมกันไปบ้าง แต่ยังคงมีไฟลุกโชนไม่ยอมแพ้กันง่ายๆ เบลดเก็บดาบที่ทำความสะอาดแล้วเข้าฝักก่อนจะเดินมาดูเหล่าคณะผู้บริหารสมาคม
“My Angel, My Angel, Please comes and plays with us. My Angel, My Angel, Please comes and plays with us.”
เสียงเหมือนบทอัญเชิญอะไรซักอย่างดังแว่วๆมาให้ได้ยิน เขาเดินเข้าไปใกล้ๆเห็นพวกนั้นสุมหัวกันทำอะไรซักอย่างบนโต๊ะ พอชะโงกเข้าไปดูก็เห็นทุกคนเอานิ้วจิ้มอยู่ที่พลอยเม็ดเล็กๆ มีกระดาษรองเป็นแผนที่ แน่นอนว่ามีวาดรูปประตูเขียน in กับ out อยู่ในกระดาษแผนที่เสร็จสรรพ
...เล่นอัญเชิญเทพารักษ์ประจำตัวมาถามกันเลยเร้ออออออ!!!... พวกหล่อนเป็นเด็กอนุบาลหรือไงกัน...
เบลดส่ายหัวหน่ายๆแล้วเดินไปอีกทาง แต่เสียงโหวกเหวกที่ดังมาจากโต๊ะประชุมชั่วคราวนั่น ก็ดึงความสนใจเขาให้หันกลับไป ท่าทางจะรู้ผลแล้วสินะนั่น
“เฮ้ ทุกคน ไปท่าเรืออุปซ์ เขตสวนปิศาจกัน!!!” หัวหน้าสมาคมตะโกนบอกพรรคพวก
“เหอะๆ” เบลดหัวเราะในลำคออย่างไร้อารมณ์ นี่ถ้าเกิดเขาไม่ได้ข่าวว่าโนเอลถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายดีอยู่ คงรีบลาออกแล้วก็ออกตามสืบเองแล้วล่ะ
...ถ้าไปแล้วมันใช่นี่ฉันยอมไหว้หล่อนเลยนะนั่น...
ส่วนคนที่ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบายดี ตอนนี้ก็กำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเล่น ในหัวก็นึกไปว่าคราวนี้จะหนียังไงอีกดีน้า ลองมาก็หลายอย่าง แล้วก็โดนขโมยจูบไปเอาตอนท้ายทุกที
“ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ...” โนเอลกำมือเข้าหาตัว ก่อนจะเริ่มฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
...นี่เรากำลัง...”เล่น” อยู่เหรอเนี่ย...
เด็กน้อยนอนคว่ำหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก จากความคิดเดิมที่ว่าจะต้องหนีออกไปให้ได้แล้วก็พาพวกสมาคมเข้ามาบุกที่นี่ให้สิ้นซาก มันค่อยๆกลายเป็นเล่นวิ่งไล่จับประจำวันเว้นวันไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ความรู้สึกอยากจะออกไปจากที่นี่มันเริ่มลดน้อยลงไปตั้งแต่เมื่อไร
“วันนี้ไม่มีคนมากวนแล้วเงียบจังแฮะ”
ช่วงนี้เลซไม่ค่อยโผล่เข้ามาหาเขาบ้างเลย เห็นว่าพวกทีสมาคมเริ่มเดินทางออกจากโครัลบีช ย้อนกลับมาที่โกสท์บลูแล้ว อีกไม่นานคงถึงเมกาโลโพลิส ก็เลยวุ่นๆกับการส่งข่าวให้พวกสาขาย่อยอยู่ ทั้งที่เขาน่าจะดีใจแท้ๆ ว่ากำลังจะได้รับความช่วยเหลือแล้ว ทำไมกลับรู้สึกเหมือนเวลามันลดน้อยลงไปแทนนะ
“ไม่ได้นะ เราต้องออกจากที่นี่สิ เลซกำลังวุ่นๆอยู่ก็ต้องฉวยโอกาสนี้แหละ” โนเอลสะบัดหัวแรงๆไล่ความรู้สึกแปลกๆออกไป เขาหันมองกลอนประตูที่ล๊อกอยู่ ที่จริงเขาเคยลองเอาลวดมาทำกุญแจปลอมไว้แล้วเหมือนกัน จะได้เอามาใช้จริงก็วันนี้แหละ
“ช่วยด้วยฮะ มีแมลงสาบในห้องน้ำ ผมเกลียดแมลงสาบอ้า!” โนเอลตะโกนบอกสาวใช้เหมียวๆหน้าห้อง ลาเรลเปิดประตูเข้ามาดังคาด เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ลืมปิดประตูไว้เหมือนเดิม
“อ่า พี่ลารีสฮะ พี่ลาเรลเขาขอไม้กวาดน่ะฮะ” โนเอลพูดเสียงเบาลงผ่านประตู
“ซักครู่ค่ะ” เสียงจากอีกหนึ่งคนที่เหลือตอบกลับมา ทีนี้ก็เสร็จเขาล่ะ
เด็กหนุ่มรีบสอดลวดเข้าไปในรูกุญแจ ขยับบิดเล็กน้อยประตูก็เปิดออก เขารีบวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มืดแล้ว แถมได้ข่าวว่ายุ่งๆกันอยู่ ทางเลยปลอดโปร่ง เขาทำตัวลีบหลบตามหลังเสายามมีคนเดินผ่านมาเป็นระยะ ก่อนจะกระโจนออกประตูคฤหาสน์ไป
“อีกนิดก็จะพ้นสวนแล้ว” เขานึกอย่างดีใจ ทว่าพอวิ่งมาถึงรั้วก็เจอยามยืนเฝ้าอยู่ 2 คน แถมโดนเห็นแล้วอีกต่างหาก
“โห คราวนี้ออกมาได้ถึงนี่เลยแฮะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกับเพื่อนร่วมงาน แสดงว่าเลซมาบอกก่อนแล้วสินะว่าโนเอลกำลังหาเรื่องหนีออกจากคฤหาสน์อยู่
โนเอลอาศัยความที่ตัวเล็กกว่า วิ่งลอดแขนลอดขายามทั้งสอง ที่จำต้องทิ้งอาวุธมาใช้มือเปล่าไล่จับเพราะโดนสั่งไว้ว่าไม่ให้ทำอันตรายเด็กหนุ่ม หลังจากลงไปตะลุมบอนกันอยู่ โนเอลก็ค่อยๆยื่นมือออกมาแตะพื้นด้านนอกรั้วได้สำเร็จ
“ได้แล้ว...” เขาหันไปมองหน้ายามทั้งสองที่ปล่อยขาเขาคนละข้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เชิญ” ยามคนหนึ่งจำใจพูดขึ้น
โนเอลหันมองเส้นทางแห่งอิสระตรงหน้า เขาชนะแล้วสินะ วันแห่งชัยชนะที่เพียรพยายามไขว่คว้าหามันมานาน แต่ทว่าเมื่อได้มันมาสมใจปรารถนาแล้ว เหตุใดจึงรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องพิกล ราวกับเขาลืมอะไรบางอย่างทิ้งไว้ อะไรที่แสนสำคัญที่ดูจะหลุดลอยออกไปจากใจพร้อมๆกับที่ได้รับคำว่าอิสระมา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์ ก่อนจะตัดสินใจโบกมือให้ แม้จะรู้ว่าคนที่เขาอยากบอกลาที่สุดไม่เห็น
...ลาก่อนตลอดกาลฮะ...เลซ...
End of Chapter IV
Chapter IV
ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วตั้งแต่เด็กหนุ่มเขียนจดหมายส่งไปให้สมาคม เขาหวังว่าทางสมาคมคงจะยกกองกำลังอันเกรียงไกรสมกับเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรม บุกตะลุยมาช่วยเขาออกจากคฤหาสน์ และปราบปรามเหล่าคนชั่วให้สิ้นซาก
แต่แล้วความฝันอันสวยหรูก็พังทลายลงอย่างไม่เหลือแม้แต่ซากฝุ่น เมื่อครั้งล่าสุดที่เลซโผล่เข้ามาในห้อง ได้บอกกับเขาว่า เขาถูกขังอยู่ที่ไหน และสมาคมตอนนี้ไปโผล่อยู่ที่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าจะสงสารหรืออนาถดี ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ตนก็ต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้นสินะ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็เรียบร้อย ในเมื่อพี่เบลดมาช่วยผมไม่ได้ งั้นผมก็จะไปช่วยพี่เองฮะ” โนเอลมองซี่ลูกกรงจากหน้าต่างที่กลิ้งอยู่บนมือตนเองด้วยความพอใจ เขาวางแผนจะหนีมาตั้งแต่ตอนที่เลซเข้ามานอนด้วยแล้ว พอเจ้าตัวออกไปจากห้องก็สบโอกาสดำเนินการต่อล่ะ
“อย่าคิดว่าผมยิงปืนเป็นอย่างเดียวนะฮะ” โนเอลชี้นิ้วไปยังหมอนของเลซที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้าอยู่บนเตียง เขาหันมองออกนอกหน้าต่างที่เปิดโล่ง เวลาประมาณนี้เลซจะไม่มาหาแล้ว แต่งตัวเตรียมอุปกรณ์พร้อมเสร็จสรรพก็โยนผ้าห่มและผ้าปูเตียงที่ผูกเป็นปมยาวออกไปนอกหน้าต่าง เอาปลายอีกข้างผูกไว้กับขาเตียง ดึงๆแล้วไม่หลุดเป็นอันใช้ได้
“ลาก่อนนะฮะ ถึงแม้ว่าผมอยู่ที่นี่จะมีความสุขดี แต่ยังไงเราก็ต้องเป็นศัตรูกัน ถ้าเจอกันอีกทีผมจะเล็งที่หัวใจเลซละกันนะฮะ หน้าสวยๆจะได้ไม่เป็นรอย แต่ผมเล็งที่อื่นนอกจากหัวไม่ค่อยแม่นเท่าไร อาจจะหลายนัดหน่อยกว่าจะตายนะฮะ” กล่าวอำลากับหมอนเสร็จก็แปลงร่างจากสิงโตกลายเป็นลิงน้อยโรยตัวลงหน้าต่างไป
โนเอลหยุดพักเล็กน้อยหันมองออกไปยังบรรยากาศรอบตัว ช่างเป็นสถานที่เงียบและวังเวงจริงๆ ราวกับมีเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายปกคลุมอยู่โดยรอบ เขารู้สึกขนลุกเล็กน้อยเมื่อมีลมเย็นๆพัดผ่าน ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วสินะ รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย พอพักได้ซักครู่ก็เริ่มไต่ลงไปข้างล่างต่อ
“ไม่ถูกใจผ้าปูที่นอนคฤหาสน์ฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
“เปล่าฮะ... ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” โนเอลสะดุ้งสุดตัวปล่อยมือร่วงลงไปข้างล่าง ในขณะที่กำลังลอยคว้างกลางอากาศรอฟังเสียงคอตัวเองหัก ก็มีมือยื่นมาคว้าเอวเอาไว้เสียก่อน แต่เขาก็ยังหลับตาแน่นไม่ยอมดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่เป็นไรแล้วๆ” เสียงที่คุ้นเคยกับมือที่ลูบหัวอย่างปลอบประโลม (หลอกเด็ก?) ทำให้โนเอลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง
เขากำลังโดนเลซอุ้มลอยอยู่กลางอากาศ เลยรีบโอบมือรอบลำคอระหงนั่นเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจว่ามีที่ยึดเกาะบ้าง เลซดึงผ้าคลุมไหล่ขึ้นห่มให้โนเอลก่อนจะบินขึ้นไปนั่งบนหลังคาคฤหาสน์
“วิธีหนีคลาสสิคดีนี่ ฮ่ะ ฮ่ะ ช่วยทำให้มันเหนือความคาดหมายบ้างได้มั้ยน่ะ” พูดจบก็โดนเจ้าคนหนีคลาสสิคที่ว่าต่อยสีข้างเข้าให้ อย่างไม่กลัวโดนเตะตกหลังคา
“แอบดูผมอยู่ล่ะสิไม่ว่า” โนเอลยังไม่ยอมรับว่าตัวเองคิดอะไรตื้นๆเกิน มือเล็กกระชับผ้าคลุมเข้ากับตัว
“เปล่านา นี่ ถ้าฉันใช้ลูกแก้วนั่น ฉันต้องนอนฟื้นฟูพลังเวทย์อยู่นานเลยนะ ระหว่างฉันเอาแต่นอนจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้” เลซยักไหล่ มืออีกข้างก็ใช้เวทย์รักษาที่โดนต่อยไปด้วย จริงๆเขารู้ว่าโนเอลเตรียมจะหนีมาตั้งนานแล้ว ก็เลยให้คนคอยดูหน้าต่างห้องใต้หลังคาไว้ พอได้รับแจ้งก็รีบบินขึ้นมารอทันที เป็นมังกรมันก็สะดวกดีหลายๆอย่างแบบนี้นี่แหละ
ลมเย็นของยามแรกในฤดูหนาวพัดเอื่อยๆ ขับไล่เมฆหมอกสีดำทะมึนที่บดบังความงดงามของราชินีแห่งท้องนภาออกไป พระจันทร์ดวงโตสีนวลบนท้องฟ้ายามรัตติกาล เปล่งประกายกลบรัศมีของเหล่าดวงดาราจนหมดสิ้น ดูสวยเด่นประดุจดั่งไข่มุกสีทองล้ำค่าบนผ้ากำมะหยี่สีดำชั้นดี แสงสีเงินยวงส่องแสงเย็นตาลงบนร่างของทั้งสองที่เงยหน้ามองโคมแห่งรัตติกาลเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปตามสายลมที่ราวกับจะกัดกินจิตใจไปทีละน้อยให้หนาวเหน็บอย่างไร้ความปรานี
“โนเอล”
“ฮะ?”
“อยากจะไปจริงๆเหรอ”
พรรณไม้รอบคฤหาสน์ลู่เอนไปตามแรงลม กิ่งก้านเสียดสีกันดังหวีดหวิว เป็นท่วงทำนองเศร้าสร้อย ใบไม้สีเข้มโปรยปรายหลุดร่วงยิ่งตอกย้ำถึงการพรากจากแม้จะไม่ต้องการ มือเรียวยื่นออกไปสัมผัสมือที่เล็กกว่า ราวกับจะยื้อไว้ทั้งร่างกายและจิตใจ ทว่ามือนั้นกลับผละหนีไป ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งนั้นหมายถึงอะไร
“ผมต้องไปฮะ” โนเอลก้มหน้าบอกเสียงเบา ยังมีคนที่รอเขาอยู่ และเขาก็ไม่อยากให้รอนานเสียด้วย
เลซมองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย ด้วยรู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดถึงใครอยู่ ถึงต่อให้เขามีอำนาจล้นฟ้าเพียงไร หรือมีเงินกองสูงเท่าภูเขากี่ลูก ก็ไม่อาจจะใช้มันเข้าเปลี่ยนแปลงความคิดของเด็กหนุ่มได้ หากจะยื้อตัวไว้ก็รังแต่จะทำให้เจ็บปวดกันทั้งสองฝ่ายมากกว่า
“งั้นก็ได้”
“หา...”
เด็กหนุ่มหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความงุนงงระคนแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่ามันจะง่ายดายได้เพียงนี้ แต่พอเห็นรอยยิ้ม กับดวงตาที่เป็นประกายวิบวับแปลกๆแล้ว กลับรู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกชนิดลมเย็นในยามนี้ดูช่างอบอุ่นไปเลย
“ได้... ถ้าเธอก้าวออกไปพ้นเขตคฤหาสน์ฉันได้เมื่อไร เชิญได้เลย จะไม่ไปตามกลับมาด้วย” เลซบอกพร้อมกับชี้ไปยังสุดเขตสวนกุหลาบสีดำหน้าคฤหาสน์
“งั้นแปลว่าถ้าไม่...” โนเอลพูดอย่างระมัดระวังด้วยรู้ว่า มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ อยู่กันมาก็นานเป็นเดือนแล้ว แม้จะยังตามความคิดของคนๆนี้ไม่ทัน แต่ก็พอจะเดานิสัยได้ล่ะว่าไม่ใช่ประเภทพ่อพระมาโปรดจัดแน่ๆ
“อืม...ที่ฟันมีอะไรติดอยู่แน่ะ” เลซไม่ตอบแต่กลับยกเรื่องอื่นมาพูดแทน โนเอลเผยอปากขึ้นทันทีตามปกติคนเวลาโดนทักโดยหารู้ไม่ว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว
ริมฝีปากเล็กถูกประกบลงโดยไม่ทันให้ตั้งตัว แผ่วเบานุ่มนวล ก่อนจะกดประทับบดเบียดแนบชิด ลิ้นอุ่นแทรกลงในช่องปากเล็ก เกี่ยวกระหวัดราวกับได้ลิ้มรสน้ำผึ้งที่แสนหอมหวาน
“อ...อื้อ อะ...อย่าฮะ...มะ...”
เพียงเว้นช่วงให้ได้พักหายใจเล็กน้อยริมฝีปากฉ่ำก็ถูกประกบเข้าอีกคราอย่างดูดดื่ม ร้อนแรงราวกับจะแผดเผาทั้งร่างให้หลอมละลาย มือแขนที่ปัดป่ายค่อยๆอ่อนแรงจะขืนขัด ได้แต่ปล่อยให้คนเจ้าเล่ห์ลุกล้ำ เอาตามชอบใจ
“ถ้าหนีไม่รอดก็เสร็จไงล่ะ หึหึ”
เช้าวันใหม่เวียนมาอีกวัน ร่างเล็กขยับพลิกตัวหลบแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา แต่เสียงเซ็งแซ่ของเหล่านกก็ไม่ยอมให้เขาหลับต่อได้ง่ายๆ
“ขอให้เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันทีเถ้อ” เขาพึมพำกับผ้าห่ม แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นรับอรุณ พอกำลังจะดึงผ้าห่มออกจากตัวก็เห็นว่าแท้จริงแล้วมันคือผ้าคลุมไหล่สีขาว
...ชริ ยังอุตส่าห์ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าอีกนะ...
เห็นแล้วก็ชวนให้นึกไปถึงเมื่อคืนว่าโดนอะไรไป พวงแก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อร้อนผ่าว จนต้องซุกหน้าลงกับหมอนแม้จะไม่มีใครยืนมอง ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดน แต่ก่อนหน้านี้ก็เพียงแค่สัมผัสประทับลงเฉยๆ ไม่ได้ขนาดว่า...
ตุบๆ!
โนเอลเอามือที่ยังกำผ้าคลุมไหล่อยู่ทุบหมอนแก้อาการคิดเองเขินเอง จริงๆเขาควรจะโกรธอาละวาดห้องพัง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอายมากกว่าโกรธเสียอีก ได้แต่ภาวนาว่าวันนี้เจ้าคู่กรณีอย่าเข้ามาหาเลย ไม่งั้นเขาได้ละลายตายคาที่แน่ๆ
“อรุณสวัสดิ์จ้า อาหารเช้ามาแล้ว~”
...ตายยาก...
เลซที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้า มองก้อนกลมๆใต้ผ้าห่มบนเตียงอย่างงุนงง เขาวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปสะกิดเจ้าก้อนกลมๆนั่น
“เช้าแล้วโนเอล...”
นิ่งสนิท...
“สงสัยเมื่อคืนนอนดึก”
เลซละความพยายามจะแซะเจ้าตัวเล็กออกจากเตียง นึกในใจว่าเดี๋ยวตอนบ่ายค่อยโผล่มาใหม่ก็ได้ พอเขาปิดประตูโนเอลก็ค่อยๆโผล่หัวออกมามองดูว่าออกไปแล้วจริงๆ จึงค่อยลุกมายังถาดอาหารเช้า
...ต้องหนีให้ได้สถานเดียว...
ก่อนอย่างอื่นนอกจากริมฝีปากจะไม่รอด...
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่แผนการหลบหนีของโนเอลลุล่วง (แต่ไปด้วยดีรึเปล่านั่นอีกเรื่อง) เขาค่อยๆแงะเพดานออกจนมีช่องพอให้ปีนออกไปได้
“แล้วพอปีนต้นไม้ข้างหน้าที่เห็นวันก่อนออกไปก็พ้นคฤหาสน์แล้ว” ไลอ้อนน้อยพูดด้วยดวงตาเป็นประกายมุ่งมั่น เขาอุตส่าห์เพียรพยายามแกล้งขอวัสดุอุปกรณ์มาจากลารีส และลาเรล วันล่ะอย่างสองอย่าง เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แล้วเอามาดัดแปลงงัดแงะหาช่องหนีให้ตัวเองออกมาจนได้
โนเอลดันตัวเองขึ้นมาบนหลังคาได้สำเร็จอย่างสวยงาม เด็กหนุ่มสูดอากาศเย็นๆที่ดูแสนจะสดชื่นเป็นพิเศษ เหมือนจะได้กลิ่นแห่งอิสระจางๆลอยมาตามสายลมด้วย
“ก็รู้นะว่าอากาศมันเย็น แทนที่จะหยิบเสื้อติดมือออกมาด้วย ของในตู้นั่นฉันให้เธอหมดอยู่แล้ว ไม่ต้องใจดีทิ้งเอาไว้ให้หรอกน่า”
เสียงนุ่มๆหวานๆ แต่ทำเอาคนฟังแข็งทื่อเหมือนโดนสาปให้เป็นหินคาที่อยู่บนหลังคา เขาค่อยๆหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังอย่างยากเย็นเพราะดูเหมือนข้อต่อจะฝืดไปหมด ราวกับหุ่นกระบอกที่ไม่ได้รับการหยอดน้ำมัน
“ระ...รู้ได้ไงฮะ” โนเอลเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกน้ำลายมันช่างฝืดคอเต็มทน
“เห็นรอยกากบาทเล็กๆบนเพดาน ก็เลยบินขึ้นมารอบนนี้หลายคืนแล้ว” เลซตอบด้วยรอยยิ้มมุมปากเหมือนจะแอบเยาะเย้ยเล็กๆ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าหน้ามุ่ย
“อืม ก็อยากจะถอดเสื้อให้อยู่หรอกนะ แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่หนาว” ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่เอามือลูบๆแขนตัวเอง ก่อนจะเข้าไปสวมกอดอย่างนิ่มนวลจากข้างหลัง
“ม...ไม่เป็นไรฮะ กลับห้องก็อุ่นแล้ว” โนเอลเอ่ยขึ้นเมื่อถูกรั้งหลังเข้าไปกอดแนบอก ร่างที่สวมกอดอยู่ก้มลงซุกหน้ากับเส้นผมสีทองก่อนจะเลื่อนลงมาจูบที่ต้นคอเบาๆ ทำเอาตัวคนโดนกอดรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งที่อากาศก็เย็นแสนเย็น
“ไม่เอาน่า” โนเอลขยับตัวหันมาทางคนร่างบาง พยายามแกะมือออก เลซยอมปล่อยมือแต่โดยดี แต่เลื่อนมันขึ้นมาแนบแก้มทั้งสองข้างแทน
“รู้ใช่มั้ย ถ้าหนีไม่รอดจะเป็นยังไง” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวานราวกับมีดอกไม้ผลิบานอยู่โดยรอบเป็นของประกอบฉาก มันคงจะดูงดงามมากกว่านี้แน่ถ้าไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาด้วย
“มะ...ไม่...อื้อออ ”
และแล้วสายลมยามเย็นช่วงต้นฤดูหนาวก็ค่อยๆอุ่นขึ้น...อุ่นขึ้น...
เด็กหนุ่มปาดเหงื่อพลางก้มลงมองผลงานที่ตัวเองทำไว้บนพื้น หลังจากหลายวันก่อนพยายามขึ้นข้างบนไม่รอด งั้นวิ่งลงข้างล่างก็ได้ อย่างน้อยๆแค่ออกจากห้องนี่ได้ จะวิ่งไล่จับกับพวกยามก็ไม่น่าจะเกินความสามารถ ยังไงพวกนั้นก็คงไม่ทำอะไรเขาอยู่แล้วนอกจากจับตัวให้ได้
“ลาขาดถาวรนะฮะ เลซ ถ้าเจอกันอีกที...” เขาหันไปมองพวกของต่างหน้าในห้อง ถ้าเจอกันอีกครั้งในฐานะศัตรูจริงๆ เขาก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าจะลั่นไกได้ลงคอรึเปล่า
“เอาเป็นว่าถ้าเจอกันคราวหน้าผมจะพยายามหลบๆหน้าเลซละกัน” โนเอลพูดกับหมอนก่อนจะมุดหัวลงไปในช่องบนพื้นที่เขาเพิ่งแงะออกมา มองซ้ายมองขวาทางสะดวกก็หย่อนผ้าปูเตียงที่เปลี่ยนใหม่มารอบที่เท่าไรแล้วจำไม่ไหว ลงไป
เขาไต่ลงมาเรื่อยๆจนเกือบถึงพื้น มีมือยื่นมาจับเอวไว้ช่วยพยุงให้เขาลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย โนเอลกำลังจะหันไปขอบคุณก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเขาเองกำลังหนีออกจากคฤหาสน์อยู่ไม่ใช่หรือไง
“อ่ะ แหะ...” พูดได้แค่นั้นก็รีบเดินไปอีกทางจะหาบันไดกลับขึ้นห้องตัวเอง แต่ก็โดนคว้าเอวขึ้นมาอุ้มไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนเสียก่อน
“แหม เดี๋ยวนี้เบื่อข้างบน อยากลองข้างล่างดูบ้างแล้วเหรอ” เลซถามไม่ถามเปล่า ยังมองหน้าโนเอลก่อนจะไล่สายตาลงไปตามร่างเล็กในอ้อมแขน แต่ก็โดนดึงผมให้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าติดจะบูดหน่อยๆของโนเอลเหมือนเดิม
“ไม่ต้องเลยเลซ แค่นี้ก็เกินพอแล้วฮะ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้
Game Over...
หันกลับมาดูทางสมาคมผู้กล้าที่แม้ร่างกายจะสะบักสะบอมกันไปบ้าง แต่ยังคงมีไฟลุกโชนไม่ยอมแพ้กันง่ายๆ เบลดเก็บดาบที่ทำความสะอาดแล้วเข้าฝักก่อนจะเดินมาดูเหล่าคณะผู้บริหารสมาคม
“My Angel, My Angel, Please comes and plays with us. My Angel, My Angel, Please comes and plays with us.”
เสียงเหมือนบทอัญเชิญอะไรซักอย่างดังแว่วๆมาให้ได้ยิน เขาเดินเข้าไปใกล้ๆเห็นพวกนั้นสุมหัวกันทำอะไรซักอย่างบนโต๊ะ พอชะโงกเข้าไปดูก็เห็นทุกคนเอานิ้วจิ้มอยู่ที่พลอยเม็ดเล็กๆ มีกระดาษรองเป็นแผนที่ แน่นอนว่ามีวาดรูปประตูเขียน in กับ out อยู่ในกระดาษแผนที่เสร็จสรรพ
...เล่นอัญเชิญเทพารักษ์ประจำตัวมาถามกันเลยเร้ออออออ!!!... พวกหล่อนเป็นเด็กอนุบาลหรือไงกัน...
เบลดส่ายหัวหน่ายๆแล้วเดินไปอีกทาง แต่เสียงโหวกเหวกที่ดังมาจากโต๊ะประชุมชั่วคราวนั่น ก็ดึงความสนใจเขาให้หันกลับไป ท่าทางจะรู้ผลแล้วสินะนั่น
“เฮ้ ทุกคน ไปท่าเรืออุปซ์ เขตสวนปิศาจกัน!!!” หัวหน้าสมาคมตะโกนบอกพรรคพวก
“เหอะๆ” เบลดหัวเราะในลำคออย่างไร้อารมณ์ นี่ถ้าเกิดเขาไม่ได้ข่าวว่าโนเอลถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายดีอยู่ คงรีบลาออกแล้วก็ออกตามสืบเองแล้วล่ะ
...ถ้าไปแล้วมันใช่นี่ฉันยอมไหว้หล่อนเลยนะนั่น...
ส่วนคนที่ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบายดี ตอนนี้ก็กำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงเล่น ในหัวก็นึกไปว่าคราวนี้จะหนียังไงอีกดีน้า ลองมาก็หลายอย่าง แล้วก็โดนขโมยจูบไปเอาตอนท้ายทุกที
“ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ...” โนเอลกำมือเข้าหาตัว ก่อนจะเริ่มฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
...นี่เรากำลัง...”เล่น” อยู่เหรอเนี่ย...
เด็กน้อยนอนคว่ำหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก จากความคิดเดิมที่ว่าจะต้องหนีออกไปให้ได้แล้วก็พาพวกสมาคมเข้ามาบุกที่นี่ให้สิ้นซาก มันค่อยๆกลายเป็นเล่นวิ่งไล่จับประจำวันเว้นวันไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ความรู้สึกอยากจะออกไปจากที่นี่มันเริ่มลดน้อยลงไปตั้งแต่เมื่อไร
“วันนี้ไม่มีคนมากวนแล้วเงียบจังแฮะ”
ช่วงนี้เลซไม่ค่อยโผล่เข้ามาหาเขาบ้างเลย เห็นว่าพวกทีสมาคมเริ่มเดินทางออกจากโครัลบีช ย้อนกลับมาที่โกสท์บลูแล้ว อีกไม่นานคงถึงเมกาโลโพลิส ก็เลยวุ่นๆกับการส่งข่าวให้พวกสาขาย่อยอยู่ ทั้งที่เขาน่าจะดีใจแท้ๆ ว่ากำลังจะได้รับความช่วยเหลือแล้ว ทำไมกลับรู้สึกเหมือนเวลามันลดน้อยลงไปแทนนะ
“ไม่ได้นะ เราต้องออกจากที่นี่สิ เลซกำลังวุ่นๆอยู่ก็ต้องฉวยโอกาสนี้แหละ” โนเอลสะบัดหัวแรงๆไล่ความรู้สึกแปลกๆออกไป เขาหันมองกลอนประตูที่ล๊อกอยู่ ที่จริงเขาเคยลองเอาลวดมาทำกุญแจปลอมไว้แล้วเหมือนกัน จะได้เอามาใช้จริงก็วันนี้แหละ
“ช่วยด้วยฮะ มีแมลงสาบในห้องน้ำ ผมเกลียดแมลงสาบอ้า!” โนเอลตะโกนบอกสาวใช้เหมียวๆหน้าห้อง ลาเรลเปิดประตูเข้ามาดังคาด เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ลืมปิดประตูไว้เหมือนเดิม
“อ่า พี่ลารีสฮะ พี่ลาเรลเขาขอไม้กวาดน่ะฮะ” โนเอลพูดเสียงเบาลงผ่านประตู
“ซักครู่ค่ะ” เสียงจากอีกหนึ่งคนที่เหลือตอบกลับมา ทีนี้ก็เสร็จเขาล่ะ
เด็กหนุ่มรีบสอดลวดเข้าไปในรูกุญแจ ขยับบิดเล็กน้อยประตูก็เปิดออก เขารีบวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มืดแล้ว แถมได้ข่าวว่ายุ่งๆกันอยู่ ทางเลยปลอดโปร่ง เขาทำตัวลีบหลบตามหลังเสายามมีคนเดินผ่านมาเป็นระยะ ก่อนจะกระโจนออกประตูคฤหาสน์ไป
“อีกนิดก็จะพ้นสวนแล้ว” เขานึกอย่างดีใจ ทว่าพอวิ่งมาถึงรั้วก็เจอยามยืนเฝ้าอยู่ 2 คน แถมโดนเห็นแล้วอีกต่างหาก
“โห คราวนี้ออกมาได้ถึงนี่เลยแฮะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกับเพื่อนร่วมงาน แสดงว่าเลซมาบอกก่อนแล้วสินะว่าโนเอลกำลังหาเรื่องหนีออกจากคฤหาสน์อยู่
โนเอลอาศัยความที่ตัวเล็กกว่า วิ่งลอดแขนลอดขายามทั้งสอง ที่จำต้องทิ้งอาวุธมาใช้มือเปล่าไล่จับเพราะโดนสั่งไว้ว่าไม่ให้ทำอันตรายเด็กหนุ่ม หลังจากลงไปตะลุมบอนกันอยู่ โนเอลก็ค่อยๆยื่นมือออกมาแตะพื้นด้านนอกรั้วได้สำเร็จ
“ได้แล้ว...” เขาหันไปมองหน้ายามทั้งสองที่ปล่อยขาเขาคนละข้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เชิญ” ยามคนหนึ่งจำใจพูดขึ้น
โนเอลหันมองเส้นทางแห่งอิสระตรงหน้า เขาชนะแล้วสินะ วันแห่งชัยชนะที่เพียรพยายามไขว่คว้าหามันมานาน แต่ทว่าเมื่อได้มันมาสมใจปรารถนาแล้ว เหตุใดจึงรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องพิกล ราวกับเขาลืมอะไรบางอย่างทิ้งไว้ อะไรที่แสนสำคัญที่ดูจะหลุดลอยออกไปจากใจพร้อมๆกับที่ได้รับคำว่าอิสระมา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์ ก่อนจะตัดสินใจโบกมือให้ แม้จะรู้ว่าคนที่เขาอยากบอกลาที่สุดไม่เห็น
...ลาก่อนตลอดกาลฮะ...เลซ...
End of Chapter IV
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น