ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Trickster] Bird's Cage (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter III

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 50


    Bird’s Cage



    Chapter III



       เด็กหนุ่มมองร่างบางในชุดนอนนั่งจัดเตียงท่าทางอารมณ์ดีจนน่าหงุดหงิด โดยแบ่งกันคนละครึ่งเตียงกับเขา ที่พื้นข้างเตียงมีคทาวางตั้งอยู่ ไม่รู้ว่ามันตั้งอยู่ได้อย่างไร ที่หัวคทาเป็นลูกแก้วสีดำ สะท้อนแสงจากเชิงเทียนสูงที่มุมห้องเป็นประกายสวยงาม

       ...แล้วก็ตกลงจนได้สินะเรา... จะโดนทำอะไรมั้ยเนี่ย...

       โนเอลเหล่มองเลซที่สะบัดผ้าห่มคลี่ออกอย่างมีความสุข เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของเจ้านี่ทีไร ก็ทำให้รู้สึกไม่น่าไว้วางใจทุกที เลซกลิ้งหมอนข้างลงไปบนพื้น แต่โนเอลก็รีบไปหยิบมันกลับมาไว้บนเตียงอีกรอบ

       “เอาไว้ตรงนี้แหละ” เขาวางหมอนข้างแบ่งครึ่งตรงกลางเตียง แสดงการขัดขวางเต็มที่ เลซทำเสียงจึ๊กจั๊กขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้วางไว้ตรงนั้นแต่โดยดี

       “มานี่สิ” เขากวักมือเรียกเด็กน้อยให้มานั่งข้างๆ โนเอลทำตามแต่เว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย แต่ก็โดนดึงกึ่งลากแขนเข้าไปนั่งติดกันจนได้ เลซยื่นมือขึ้นเหนือลูกแก้วสีดำนั้น มันเรืองแสงขึ้น ก่อนจะปรากฏเป็นภาพสวนดอกกุหลาบสีดำหน้าคฤหาสน์

       “เอาจดหมายมาซิ” โนเอลยื่นจดหมายที่ถือติดมือตลอดตั้งแต่เขียนเสร็จให้ เลซหยิบมันใส่ซองแล้วเลียปิดผนึกให้เห็นกับตาว่าไม่ได้แอบทำอะไรกับมัน เขาโยนมันกลับหลังร่อนออกหน้าต่างไป

       “ทำอะไรน่ะ!!!” โนเอลหันไปมองหน้าต่างติดลูกกรง แต่ก็โดนมือสวยๆของเลซจับหน้าหันกลับมามองลูกแก้ว มีซองจดหมายค่อยๆร่วงหล่นลงไปยังหน้าคฤหาสน์ แต่ก่อนที่มันจะถึงพื้นก็มีคนมารับมันไว้ซะก่อน แล้วจึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังแอสทีก้า

       “คุณทำได้ยังไงน่ะฮะ ขี้โกงสุดๆเลย” โนเอลมองลูกแก้วที่ปรากฏเป็นภาพคนส่งสารกำลังเดินออกไปเรื่อยๆตามทาง เลซซูมให้เห็นแต่เพียงจดหมายในกระเป๋าเสื้อที่โผล่ออกมาเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อไม่ให้โนเอลรู้ว่าเดินไปทางไหนบ้าง

       “ก็ฉันเป็นตัวโกงนี่ ฮะ ฮะ ความสามารถพิเศษแบบนี้ย่อมคู่ควรกับฉันอยู่แล้ว” เลซพูดด้วยความภูมิอกภูมิใจอย่างแรง คนอะไรช่างทำตัวได้น่าหมั่นไส้น่าเตะได้ตลอดทั้งวี่ทั้งวันเลยจริงๆ

       “งั้นอย่าบอกนะฮะ ว่าคุณแอบตามดูผมอยู่โดยผ่านลูกแก้วนี่น่ะ” โนเอลหันมองเลซด้วยสายตาเหมือนเห็นคนโรคจิต ชายหนุ่มยกมือขึ้นเคาะหัวเจ้าตัวเล็กไปทีโทษฐานคิดอะไรไม่เข้าท่า

       “เคาะหัวผมทำไมอ้า” โนเอลยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง

       “มีข้อดีก็มีข้อเสีย ฉันไม่ใช้มานั่งทำอะไรพรรคนั้นหรอก มันเปลืองพลังงานไม่ใช่น้อยนะ ปกติก็แค่ตรวจดูความเรียบร้อยของพวกสาขาย่อยเท่านั้นเอง ...แล้วที่สาขาซากโบราณ ...ฉันก็ได้พบเธอเข้า...” เลซยกมือขึ้นขยี้ผมสีทองฟูๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเลื่อนมือลงมาลูบไล้แก้มนุ่มน่าฟัด โนเอลจับมือนั้นออกแล้วหันไปมองลูกแก้วต่อเงียบๆ

       เลซมองมือของตนเองที่โดนมือเล็กๆจับวางไว้อยู่บนตัก พลางอมยิ้มเล็กๆ เขาตัดสินใจไม่ทักว่าโดนจับมืออยู่ ปล่อยให้อยู่สภาพนั้นไปจนดึก

       ตุบ!

       ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีอะไรกดทับลงมาบนไหล่ พอหันไปมองก็เห็นเส้นผมสีทองคลอเคลียอยู่ที่คอ ท่าทางจะนั่งดูจนหลับไปแล้วสินะ เด็กหนอเด็ก เขาดีดนิ้วขึ้นครั้งหนึ่ง ลูกแก้วก็กลับไปมีสีดำดังเดิม

       “ฝันดีนะ โนเอล” เลซอุ้มร่างเล็กไปนอนบนหมอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นให้เรียบร้อย สีหน้ายามหลับช่างดูไร้เดียงสา จนอดขอหอมแก้มซักทีไม่ได้

       ...เอาหมอนข้างมากั้นก็เปล่าประโยชน์น่า...

       ตั้งแต่วันแรกที่โนเอลมาที่นี่ ตอนนี้เด็กหนุ่มมีท่าทีอ่อนลงมากพอดู แม้จะเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเริ่มเป็นมิตรได้แล้วก็เถอะ อย่างน้อยๆก็ไม่เอาแต่มองเขาทีมองหาอาวุธสังหารในห้องทีอยู่ตลอดเวลาที่เขาเข้ามาแล้ว จะว่าไปนอกจากเวลามีปืนอยู่ในมือ เจ้าตัวก็น่ารักดีอยู่หรอก

       เขาอมยิ้มบางๆขึ้นมาเมื่อนึกช่วงๆแรกๆที่โนเอลได้ยินเสียงเคาะประตู หนูน้อยจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูทันที แล้วก็ปล่อยให้พูดผ่านประตูไปนั่นแหละ ตอนที่โนเอลเริ่มหายหวาดระแวงยอมออกมานอกห้องน้ำได้นี่ เขาดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ ทั้งทีมันก็แค่เป็นการแสดงการยอมรับเล็กๆน้อยๆจากเด็กหนุ่มเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ

       เลซเอามือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าโนเอลออก ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพึมพำเสียงเบาคล้ายคนละเมอ

       “ฝันดีฮะ...พี่เบลด”

       ราวกับคำพูดนั้นกลายเป็นมีดคมที่กรีดลงมากลางใจดราก้อนหนุ่ม จนเผลอยกมือขึ้นทาบอก นี่เขาเป็นอะไรไปนะ ทั้งที่ก็แค่อยากจับมาดูเล่นแก้เซ็งเวลาอยู่คฤหาสน์เฉยๆเท่านั้นเอง แล้วไอ้ความรู้สึกเหมือนอยากดึงตัวโนเอลไว้คนเดียวนี่มันอะไรกัน ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าก่อนหน้ามาที่นี่โนเอลก็ต้องรู้จักคนอื่นอยู่บ้าง ไม่ใช่เขาคนเดียว แต่เหมือนอารมณ์กับเหตุผลจะพุ่งไปคนละทิศทางเอาดื้อๆ

       ...ไอ้หมอนั่นมันใคร!...



       เสียงนกร้องยามพระอาทิตย์ขึ้นส่งเสียงประสานกันปลุกร่างที่หลับใหลให้ตื่น เด็กหนุ่มยกแขนบิดขี้เกียจก่อนจะก้มลงดูใต้ผ้าห่ม

       ...เสื้อผ้าเรียบร้อยดี โอเค...

       โนเอลมองสภาพตัวเองอย่างพอใจที่รอดตัวไปอีกคืน ก่อนจะหันมองคนที่นอนอยู่ข้างกาย ซึ่งดูไร้พิษสงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังนอนกอดหมอนข้างอีก ถ้าพวกลูกน้องมาเห็นคงจะเสียภาพพจน์มิใช่น้อย

       “ยิงทิ้งเลยดีมั้ยเนี่ย หลับไม่รู้เรื่องเลยแฮะ” โนเอลเหลือบมองปืนตัวเองบนโต๊ะ แต่อีกใจก็คิดไปว่าการฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้นี่มันดูจะน่าเกลียดไปนิด ก็เลยปล่อยให้อีกฝ่ายนอนรอดตายต่อไป โดยลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่มีกระสุน

       “คุณเลซฮะ ตื่นได้แล้วฮะ” เขาเขย่าแขนคนที่ยังนอนตะแคงซุกหน้าอยู่กับหมอนข้าง ร่างนั้นพลิกตัวนอนหงายแต่ก็ยังคงหลับตาพริ้มฝันหวานไม่เลิก ไม่ระมัดระวังตัวเอาเสียเลย ทั้งที่รู้อยู่ว่าเด็กหนุ่มเป็นศัตรูแท้ๆ นี่มั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าจะไม่โดนเขาทำร้าย หรือว่าเห็นแก่นอนมากกว่ากันเนี่ย

       โนเอลบอกตัวเองว่าคงจะเป็นอย่างแรกมากกว่า ในเมื่อไว้ใจขนาดนั้นงั้นเขาไม่ทำอะไรก็ได้ เขาเหลือบมองใบหน้างดงามของชายหนุ่ม มันดึงดูดสายตาได้เสมอตั้งแต่แรกเห็น หากเขาเห็นเพียงแต่รูปถ่ายก็คงจะนึกชอบใจอยู่ไม่น้อย แต่พอรู้จักแล้วคงจะยากอยู่เพราะในสายตาของเขาพ่อคุณนิสัยยอดแย่เกินจะทานทนสมดั่งคำร่ำลือจริงๆ ดีไม่ดีอาจจะยิ่งกว่าคำร่ำลือ ช่างน่าเสียดายที่เกิดมางดงามได้ขนาดนี้เลยจริงๆ

       “...ผู้ชายอะไรสวยชะมัด” โนเอลก้มลงจ้องหน้าเลซที่ยังหลับตาอยู่ แพขนตางอนยาวทาบทับลงบนพวงแก้มขาว เขาเอานิ้วเขี่ยๆเล่นดู เห็นหนังตากระตุกเล็กน้อยก็นึกขำ (แกล้งคนหลับคนนอนมันไม่ดีนะหนู) มองไล่ลงมาตามสันจมูก ก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีกุหลาบที่เผยอขึ้นเล็กน้อย

       …น่าจ๊วบ...

       โนเอลเงยหน้าขึ้นเกาหัวตัวเองแกรกๆ นี่เขาคิดอะไรของเขาหว่า แต่ต่อให้สวยจนยิงไม่ลงแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมละจุดประสงค์เดิมที่จะเข้าร่วมกับสมาคมผู้กล้าเพื่อปราบปรามเจ้าองค์กรชั่วร้ายนี่หรอกนะ คนไม่ดีต้องถูกกำจัดเพื่อความสงบสุขของเกาะ

       ...พูดถึงสมาคม...

       เด็กหนุ่มหันมองลูกแก้วสีดำสนิทบนหัวคทาที่ตั้งอยู่ข้างเตียง ลืมเรื่องจดหมายที่ส่งไปเสียสนิท เขาหันมาทางคนที่นอนอยู่ แล้วเอามือปิดปากปิดจมูก โดนแบบนี้ไม่ว่ารายไหนก็ตื่นล่ะ แต่ยังนับ 1 ไม่ถึง 2 เจ้าคนที่น่าจะนอนอยู่ก็ดึงแขนโนเอลออกส่งผลให้เสียหลักลงไปซบอกเต็มที่

       “เล่นพอรึยังหนูน้อย” เขาแหงนหน้าขึ้นมองรอยยิ้มหวานรับอรุณของเลซ รอยยิ้มที่ดูจากมุมมองของโนเอล ดูยังไงก็เหมือนรอยยิ้มลวงโลก มากกว่าละลายโลก

       “ปล่อยนะ...” โนเอลพยายามดันตัวออกแต่โดนจับต้นแขนแน่นเลยขยับไปไหนไม่ได้ จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแทน

       “ไม่ปล่อยผมกัดจมูกเลยนะฮะ” หนูน้อยแยกเขี้ยวให้รู้ว่าเอาจริง ไม่รู้ตัวเลยว่าทำอย่างนั้นแล้วมันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวซะอีก

       “กล้าเหรอ...” เลซยิ้มท้าทาย กระตุกต่อมหมั่นไส้โนเอลได้อยู่หมัด เดี๋ยวจะงับให้หมดสวยเลยคอยดู ว่าแล้วก็โน้มศีรษะลงเตรียมกัดเต็มที่

       แต่สิ่งที่สัมผัสได้กลับเป็นริมฝีปากนุ่มๆ ต้นกำเนิดรอยยิ้มเมื่อครู่ กับความรู้สึกเจ็บนิดๆที่คอเพราะโดนกระตุกเสื้อ เขารีบผละตัวออกแต่เหมือนคนข้างล่างจะรู้ทันเลยเอามือกดศีรษะไว้ไม่ให้หนี กว่าจะยอมปล่อยก็ตอนเกือบจะขาดใจตาย

       “ฮ้า เช้าวันใหม่ช่างสดใสจริงๆ” เลซลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ก่อนจะสั่งอาหารเช้าผ่านประตูอย่างอารมณ์ดี ผิดกับโนเอลที่นั่งทำตัวมืดมนอยู่บนเตียงด้วยอาการช็อกโลก เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพวกการ์ตูนผู้หญิงมันจะอะไรนักหนากับอีแค่โดนจูบ พอโดนเองแล้วถึงได้รู้สึก

       “จูบ...จูบแรก...จูบแรกของผม...” น้องหนูนั่งบ่นงึมงัมๆรวดกับเพลงสวดศพก็มิปาน เห็นแล้วทั้งน่าสงสาร ทั้งน่าแกล้ง แต่เลซซะอย่าง คงหนีไม่พ้นอย่างหลัง

       “หืมม์...จูบแรกเรอะ” เลซลงคุกเข่าบนเตียงก่อนจะวางมือบนไหล่โนเอล แล้วหมุนร่างเล็กหันกลับมาประทับริมฝีปากลงอีกรอบ ดวงตาสีฟ้าใสเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจซ้ำสอง มือเล็กกำหมัดแน่น ก่อนจะต่อยออกไปหวังจะฝากรอยช้ำสีเขียวให้เป็นที่ระลึกบนดวงตาเรียวสวย แต่สิ่งที่กระทบลงบนข้อนิ้วกลับกลายเป็นหมอนใบโตแทน

       “มี First แสดงว่าต้องมี Second สิ ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เลซยกหมอนบังไปมาเมื่อโดนโนเอลรัวต่อยไม่ยั้ง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะที่แสนจะเสนาะโสตสิ้นดี ก็ยิ่งหงุดหงิด

       “ผมเกลียดเสียงหัวเราะแบบนั้นที่สุดเลย อย่าเอาหมอนมาบังสิ คนบ้า! คนโรคจิต!” เด็กหนุ่มซัดหมอนด้วยมือไม่พอ เริ่มลุกขึ้นตามมากระโดดเตะด้วย

       “นี่หนูน้อย ถ้าจะด่าอยู่แค่นั้นก็อย่าเลย ได้ยินแล้วไม่ระคายหรอก” เลซทำเป็นปัดๆ อะไรซักอย่างบนเสื้อ กวนโมโหโนเอลแต่เช้า

       “แง่งงง คอยดูนะ ผมออกไปได้เมื่อไหร่ ผมจะเล็งยิงขาแทน แล้วจับกินทั้งอย่างนั้นซะเลย สิงโตเป็นสัตว์กินเนื้อนะ แฮ่” โนเอลโหมดน๊อตหลุดทำเสียงขู่ แต่ดูเหมือนเลซจะอารมณ์ดีเกินจนไม่สะทกสะท้านกับคำขู่นัก ยังแกล้งทำสะดีดสะดิ้งสะบัดผมใส่ด้วยซะงั้น

       “หวาๆ น่ากลัวจัง กินเนื้อฉันเข้าไประวังติดเชื้อกระแดะนะ แหม วิญญาณพวกนักเวทย์ยิ่งเฮี้ยนๆอยู่ โดนผีอำจับกดตอนนอนไม่รู้ด้วยนะเออฮะ ฮะ ฮะ”

       “กร๊าซซซซซซซซ!!! ตายซะเถอะ!!! วันนี้ผมไม่ได้เลือดมังกรผมนอนไม่หลับแน่”

       เส้นความฉุนของโนเอลขาดกระเด็นไปคนละทิศล่ะทาง เข้ากระโจนวิ่งไล่จับเลซที่ลื่นไหลไปเรื่อยพอๆกับความกะล่อนของเจ้าตัว ซะจนเหนื่อย ต้องยอมแพ้ ลงไปนอนแผ่

    “ไว้ผมกินข้าวก่อนเหอะ ฮึ่ม!”

       และแล้วเรื่องที่จะนั่งเฝ้าจดหมายก็ค่อยๆถูกลืมกันไปกับกลิ่นอาหารเช้าร้อนๆ และเสียงช้อนส้อมกระทบกัน



       หลายวันต่อมาหลังจากการใช้ชีวิตอยู่ในห้องเดียวกันอย่างสงบสุข (รึเปล่า?) อาจจะมีหมอนกระจุยเป็นบางที ที่นอนกระจายเป็นบางครั้ง เตียงยังไม่หักก็แสดงว่ายังรักกันดี (ตรงไหนวะ?)

       “เอ้า จดหมายส่งถึงที่ละ พอใจยัง” เลซหันมาถามโนเอลที่นอนคว่ำหน้าหมดแรงอยู่ เพราะเพิ่งเอาหมอนข้างวิ่งไล่ตบกันไปอยู่หยกๆ เขาล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าสมองของดราก้อนหนุ่มทำมาจากอะไร ทำไมถึงหาเรื่องให้ออกกำลังกายไล่ซัดอยู่ได้ตลอดทุกวัน แต่พอเห็นเขาเริ่มเดือดมากจริงๆก็หยุดแกล้ง เลยไม่ได้อาละวาดเละเทะสมใจซักที

       “ถึงแล้วเหรอฮะ” โนเอลพลิกตัวมาดูลูกแก้ว เห็นหัวหน้าสมาคมถือซองจดหมายอยู่ มีบัฟฟาโลหัวเงินหน้าตาคุ้นๆยืนรออ่านอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มรีบยันตัวขึ้นคลานไปนั่งจ้องใกล้ๆทันที

       “อ้ะ พี่เบลดจริงๆด้วย” โนเอลนั่งมองคนที่เขารอคอยมาตลอดตั้งแต่โดนพาตัวมาที่นี่ ในจดหมายนั่นเขาเขียนรายงานทุกสิ่งทุกอย่างไปเท่าที่รู้ หวังว่ามันจะมีประโยชน์บ้าง แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงไอร้อนๆที่พวยพุ่งอยู่ข้างตัว พอหันไปมองก็แทบสะดุ้งตกเตียงเมื่อเห็นเลซนั่งจ้องเบลดเหมือนจะมีไฟพุ่งออกจากลูกตาใส่ภาพมายาในลูกแก้วได้อย่างไรอย่างนั้น

       “เสร็จธุระแล้วฉันไปล่ะ” ลุกขึ้นพลางดึงคทาติดมือไปด้วย สร้างความงุนงงให้หนุ่มน้อยเป็นอย่างมาก เพราะปกติจะเห็นเลซยิ้มแย้ม (แสยะ?) อยู่ตลอด แต่คราวนี้กลับหน้าบูดสนิท

       “ค...คุณเลซเป็นอะไรไปน่ะฮะ” โนเอลถามเสียงหวาดๆเล็กน้อย เลซหยุดชะงักที่หน้าประตู เขาสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะหันมาปั้นยิ้มหวานให้ตามปกติ แม้จะดูฝืนๆอยู่ซักหน่อยก็ตาม

       “อะไรกัน เป็นห่วงฉันด้วยเหรอ น่ารักจริงๆเลยน้า” เขาฉวยโอกาสตอนที่โนเอลเตรียมหยิบรองเท้าเตะใส่ในบ้านขึ้นมา เข้าไปหอมแก้มให้ฟอดหนึ่งแล้ววิ่งหนีออกประตูไป ให้ประตูสุดซวยรับรองเท้าไปแทน

       “เอ้อ ลืมอีกอย่าง เลิกเรียกฉันว่าคุณได้แล้ว ฟังแล้วมันห่างเหิ๊น ห่างเหิน” เลซแง้มประตูเข้ามาบอกก่อนจะปิดรับรองเท้าแตะอีกข้าง

       “เลซบ้าที่สุด!!!!!” โนเอลตะโกนใส่ประตูห้อง แต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มขำนิดๆ ดูๆไปไอ้ท่าทางเด๊าะแด๊ะนั่นก็ตลกดีเหมือนกัน เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไรนักว่าทำไมถึงเริ่มรู้สึกเป็นมิตรขึ้นมาบ้าง อาจจะเป็นเพราะอยู่ด้วยกันมาหลายวันด้วยล่ะมั้ง นอกจากชอบแหย่เขาเล่น เรื่องอื่นก็ไม่ได้มีอะไรทำให้เขาขุ่นเคืองใจเท่าไรนัก

       ...อย่าเพิ่งวอกแวกสิโนเอล...นั่นมันศัตรูหมายเลข 1 ของเรานะ...

       เขาเอามือตบๆแก้มตัวเอง ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

       ...ต้องหนี!...

       หนีไปจากที่นี่ก่อนความรู้สึกดีๆจะก่อตัวขึ้นมามากกว่านี้...



       ตัดมาทางสมาคมผู้กล้า ทันทีที่จดหมายส่งถึงมือ แผนที่เกาะก็ถูกกางออกทันทีเพื่อคำนวณระยะเวลา ส่วนตัวจดหมายเบลดก็ขอใช้อภิสิทธิ์ยึดไปอ่านก่อนแล้ว

       “ไง โนเอลเป็นไงมั่ง” สมาชิกคนหนึ่งเอ่ยถามเบลดที่กวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว ลายมือทั้งหมดเป็นลายมือของโนเอลจริงๆไม่ผิดแน่ เห็นทีเขาคงต้องมองเจ้าคำแช่งปัญญาอ่อนพรรคนั้นใหม่ซะแล้วสิ

       “สุขสบายดี รู้สึกว่าเลซจะแค่ถูกใจก็เลยเอาตัวไปที่คฤหาสน์เฉยๆ” เบลดอ่านไปก็โล่งใจไปมากโข เอาน่ะ อย่างน้อยๆเขาก็วางใจได้เปลาะนึงล่ะว่าโนเอลไม่เป็นอะไรแน่ๆ พอเขาอ่านจบก็ส่งต่อให้คนอื่น

       “เลซเป็นดราก้อนที่สวยมากๆเลยฮะ ผมเห็นทีแรกยังอึ้งเลย...อื้อหือ ที่แท้ก็หนุ่มสวยนี่เองมิน่าล่ะลูกน้องพิศวาสกันจริง”

       “มีองครักษ์แรคคูนด้วยแฮะ ...ปะ...ปืนยิงไม่เข้า โหย สุดๆเลย”

       “มองจากหน้าต่างออกไปไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นไม้ กับสวนกุหลาบสีดำ ...คฤหาสน์ในป่าเรอะ รสนิยมห่วยแตกเป็นบ้าเลย”

       “เอาพวกแคทมาใส่ชุดเมดเนี่ยนะ... รสนิยมคนเขียนเหรอนั่น”

       เสียงซุบซิบพูดคุยกันเรื่องรายละเอียดในจดหมายดังไปทั่วทั้งห้องประชุม ก่อนจะสงบลงด้วยอำนาจของคุณหัวหน้าสมาคม

       “มีความเป็นไปได้ อยู่ 3 ที่ เมกาโลโพลิส ท่าเรืออุปซ์ แล้วก็คาร์ไบกัล...” ฟรานซิสก้าบอกก่อนจะเว้นจังหวะไปเพื่อรอให้คนแสดงความคิดเห็น

       “คาร์ไบกัล!!!”

       “อืม เสียงเป็นเอกฉันท์ งั้นลุยกันเลย!” เธอเหยียบขาลงบนเก้าอี้ก่อนจะชี้นิ้วไปยังทิศของบึงลึกลับ

       “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!!!”



       “ย้ากกกก!!!”

    เบลดฟันดาบลงบนร่างในชุดสีดำ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เป็นอย่างที่หัวหน้าสมาคมบอกจริงๆ ทันทีที่พวกเขาดั้นด้นเดินทางมาถึงก็เจอพวกมือสังหารดักซุ่มโจมตีทันที

    “ส่งข่าวไปบอกหัวหน้าที่บึงลึกลับเร็ว สาขาเรารับมือไม่ไหวแล้ว”

    เบลดหันไปตามเสียงทันทีเห็นพวกองค์กรอเกตหลบอยู่ในพุ่มไม้ 2 คนกำลังกระซิบกระซาบกัน พอเห็นเขาหันไปมองก็แยกย้ายกันหนีไปคนละทางทันที เขาไม่คิดจะไล่ตาม แต่วิ่งไปหาหัวหน้าสมาคมแทน เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะตะโกนก้อง

    “เฮ้ พวกเราย้ายออกจากเมืองคาร์ไบกัลไปบึงลึกลับด่วน!!!”

    เมื่อทั้งสมาคมยกขบวนกันไปที่บึงลึกลับก็เจอดักโจมตีอีก ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ 1 ในสาขาย่อยของมัน

    “ถอยไปที่ซากโบราณคาบัลลากันก่อนดีมั้ยลูกพี่”

    สมาชิกองค์กรคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แน่นอนว่าไม่รอดพ้นหูเหล่าสมาคมผู้กล้าไปได้แน่ ทั้งสมาคมจึงพากันกลับทางเก่าเตรียมไปถล่มที่ซากโบราณกันต่อ ทว่าดังสวรรค์จะกลั่นแกล้ง พอไปถึงที่นั่นแล้วก็ไม่มีวี่แววของศูนย์บัญชาการใหญ่แต่อย่างใด

    “ส่งคนไปติดต่อที่เมกาโลโพลิสทีซิว่าจะให้เอาไงต่อ”

    คนที่ปะดาบอยู่กับเบลดหันไปบอกอีกคนที่อยู่ข้างๆ แน่นอนว่าทั้งสมาคมอพยพไปบุกเมืองเมลาโลโพลิสต่ออย่างไม่ต้องสงสัย

    “ขอกำลังเสริมหลักจากโรสการ์เดนท์ที”

    วิ่งไปโรสการ์เดนท์...

    “แจ้งที่ท่าเรืออุปซ์ให้ระวังด้วย มันมากันแล้ว”

    โกยไปท่าเรืออุปซ์...

    “ข้ามฟากไปที่โรงเรียนอาถรรพณ์ แล้วพาท่านผู้นั้นหนีไป”

    นั่งเรือไปโรงเรียนอาถรรพณ์...

    แล้วก็เอากองกำลังครึ่งหนึ่งไปทิ้งให้เหล่านักเรียน (ผีๆ) ที่น่ารัก จับไปควักไส้ควักพุงเอาไปรับประทานกันเอร็ดอร่อย



    องครักษ์หนุ่มขยับแว่นมองภาพสยองในลูกแก้วตาปริบๆ มีมลพิษทางเสียงเป็นBGMอยู่ข้างหู ตอนเขาฟังแผนการของเลซก็ยังอึ้งๆอยู่ว่าคิดได้ไง แต่พอมาเห็นสภาพสมาคมผู้กล้าปัจจุบันแล้วยิ่งอึ้งทึ่งหนักกว่าเดิมว่ามันติดกับได้ไงเนี่ย (ลืมรึเปล่าว่าผู้กล้ามักจะโง่ก่อนฉลาดน่ะ)

    “อ่ะ ฮะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้พวกงี่เง่าเอ้ย ฉันอยู่ใต้จมูกพวกแกแท้ๆยังหากันไม่เจออีก ฮ่า ฮ่า หลงเข้าไปถึงในโรงเรียนอาถรรพณ์นู่น โอย ให้ตายเหอะ ใครมันจะบ้าไปตั้งศูนย์บัญชาการในโรงเรียนผีสิงฟะ” ว่าแล้วหัวหน้าใหญ่ผู้ปราดเปรื่องก็แทบจะลงไปขำกลิ้ง เมื่อเห็นพวกสมาคมประชุมกันใหม่ ท่าทางจะเพิ่งรู้ตัวว่าโดนลวงให้วิ่งมาราธอนกัน

    “เอ่อ ท่านเลซ ท่าทางพวกนั้นจะรู้ตัวกันแล้วนะ” ฟาทัลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหัวหน้าสมาคมเอาแผนที่ออกมา

    “ที่ๆปลอดภัยที่สุด คือที่ๆอันตรายที่สุด เราหลอกให้มันวิ่งวนๆอยู่แถวนี้ มันก็ไม่คิดว่าเราจะอยู่แถวนี้จริงๆหรอก ก็เหมือนเด็กเลี้ยงแกะนั่นแล โกหกบ่อยๆ พอพูดความจริงเข้าก็เชื่อไม่ลงแล้ว ฮะ ฮะ” เลซแสยะยิ้มชั่วร้าย เป็นสัจธรรมที่ผู้ร้ายมักจะงี่เง่ากว่าพระเอก แต่ขอยกเว้นเรื่องนี้ไว้ซักเรื่องเถอะ



    เบลดชะโงกตัวเข้าไปมองแผนที่ ตั้งแต่ออกเดินทางจากแอสทีก้า ดูเหมือนพวกเขาจะวนอยู่แต่เกาะฝั่งตะวันตกอยู่ตลอดไม่ไปไหนเลย ไหนจะต้องรับมือกับพวกลอบโจมตีจากองค์กรแล้ว ยังต้องเผชิญกับพวกสัตว์ประหลาดประจำถิ่นโหดหินสารพัดชนิด ราวกับโดนล่อมาตัดกำลังกันอย่างไรอย่างนั้น

    “ไอ้ที่พวกมันมาแกล้งซุบซิบให้เราได้ยินกันน่ะ มันโกหกหมดเลย ล่อให้เราวนอยู่แต่ในเขตอันตรายพวกนี้” ฟรานซิสก้ากล่าวอย่างฉุนเฉียวที่หลงกลเข้าเต็มเปา

    “งั้นจริงๆแล้วมันคงไม่อยู่แถวนี้สินะคะ” เลขาธิการประจำสมาคมริลฟี่เอ่ยเสริม

    “ใช่ มันล่อเราออกมาซะสุดเกาะแบบนี้แสดงว่า จริงๆมันมุดอยู่อีกฝั่งแน่ๆ” เธอตบโต๊ะลงไปบริเวณโครัลบีช โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าหัวหน้าองค์กรตัวแสบที่กำลังดูผ่านลูกแก้วอยู่แทบจะตกเก้าอี้เพราะขำมากเกินเหตุ



    “ผมอยู่ท่าเรืออุปซ์(โว้ยยยยย!!!) จะไปอาบแดดกันแถวนั้นทำซากอาร้ายยยยยยย!!! เจ้าพี่บ้า!!!!” ขนาดโนเอลได้ยินเลซเข้ามาเล่าให้ฟังยังอยากด่าเลย คิดเอาละกัน…



    End of Chapter III
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×