ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Trickster] Bird's Cage (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter II

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 50


    Bird’s Cage



    Chapter II



    ในห้องประชุมใหญ่ที่โรงแรมเมืองแอสทีก้า คณะผู้บริหารสมาคมทั้งหลายต่างนั่งทำหน้าเคร่งเครียดวิเคราะห์สถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เมื่ออยู่ดีๆหนึ่งในสมาชิกก็ถูกลักพาตัวถึงในห้องพัก โดยคนร้ายทิ้งเพียงแค่ผ้าเช็ดหน้าไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น

    “เป็นพวกโจรจับไปเรียกค่าไถ่ธรรมดารึเปล่า เพราะโนเอลก็ยังเด็กอยู่ด้วย” หนึ่งในคณะผู้บริหารเอ่ยขึ้น พร้อมมองมาที่เบลดซึ่งดูจะเคร่งเครียดที่สุด

    “ไม่มีทาง! พวกโจรกระจอกพรรณนั้น มันไม่กล้าเข้ามาลากตัวถึงเตียงขนาดนี้แน่ๆ มันต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่แล้ว!” ชายหนุ่มเผลอตัวลุกขึ้นพูดเสียงดัง จนคนนั่งข้างๆต้องกระตุกเสื้อให้นั่งลง

    “ฉันก็ว่าอย่างนั้น คนร้ายบุกเข้ามาทางหน้าต่างโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยได้ยังไง แค่นี้ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าได้รับการฝึกมาอย่างดีเพื่อปฏิบัติงานประเภทนี้โดยเฉพาะ ไหนจะยาสลบฤทธิ์แรงบนผ้าเช็ดหน้านั่นอีก ไม่ใช่ว่าใครๆก็มีได้หรอกนะของผิดกฎหมายแบบนั้นน่ะ” เมื่อเริ่มมีเสียงสนับสนุน ประเด็นก็เริ่มค่อยๆตีวงแคบขึ้น

    “หรือว่าพวกในโรงเรียนอาถรรพณ์จะจับไปทดลองยา?”

    “ไม่มั้ง น่าจะเป็นพวกโรคจิตคลั่งเด็กมากกว่า”

    “ถ้าแบบนั้นอย่างโนเอลก็เอาตัวรอดได้อยู่เดียว โป้งเดียวจบ! มันต้องไม่ใช่อะไรธรรมดาๆแน่”

    “เงียบก่อนทุกคน”

    ทุกเสียงเบาลงทันทีจนไม่เหลือแม้แต่เสียงกระซิบ ทุกสายตาจับจ้องไปยังคนนั่งหัวโต๊ะในชุดทะมัดทะแมง สาวบันนี่หัวหน้าสมาคมเม้มปากเน้นก่อนจะค่อยๆพูดอย่างระมัดระวังราวกับว่าถ้าพูดออกไปจะมีระเบิดบอมโรงแรม

    “ฉันว่าฉันรู้นะ...” เธอปรายตามองรอบห้องก่อนจะมาหยุดที่เบลด คล้ายจะเป็นการบอกให้เตรียมใจฟังให้ดี

    “บางที...พวกมัน...อาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้”

    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วทั้งห้องทันทีเมื่อผลสรุปมาจบที่เป้าหมายของสมาคม มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน

    “แล้วทำไมต้องเป็นโนเอลด้วยล่ะ ฟรานซิสก้า เขาเพิ่งจะมาถึงเองไม่ใช่หรือไง”

    “เพราะเด็กโกหกไม่เนียนเท่าผู้ใหญ่น่ะสิ บางที...อาจจะมีพวกมันปะปนเข้ามาสมัครร่วมสมาคมกับเราตอนนี้แล้วก็ได้” หัวหน้าสมาคมฟรานซิสก้าบอกเสียงเย็น ทำเอาเหล่าสมาชิกมองหน้ากันเองเลิกลั่ก

    “แต่บางทีฉันอาจจะคิดผิดก็ได้... อย่าประมาทองค์กรนี้ล่ะ มันไม่เคยรู้จักคำว่าเที่ยงตรงหรอก”

    แม้ว่ารอบข้างจะมีเสียงถกเถียงกันวุ่นวาย แต่ในใจของชายหนุ่มนั้นยิ่งว้าวุ่นกว่า เขาไม่ทันได้ฟังอะไรต่อหลังจากที่ฟรานซิสก้าเอ่ยพาดพิงถึงองค์กรอเกต ด้วยความโกรธเข้าครอบงำบดบังการรับรู้ไปแล้ว

    ...บุกมาล้วงลูกเสือถึงในถ้ำแบบนี้ มันจะหยามกันเกินไปแล้วว!!!!!...

    “ศูนย์บัญชาการใหญ่มันอยู่ไหน!! ฉันจะไปถล่มมันให้ราบเลย” เบลดโพล่งขึ้นมา มือกำแน่นจนข้อนิ้วขาวโพลน เส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นจนเห็นเป็นรอยชัดเจน

    “ตอนนี้ยังสืบไม่เจอ แต่ถึงรู้นายไปก็เอาชีวิตไปทิ้งไว้อยู่ดี” หญิงสาวผู้มีตำแหน่งสูงสุดในสมาคมตอบเสียงนิ่ง แม้จะรู้ตัวดีว่าเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ แต่เธอก็ยังยังสบตาอีกฝ่ายตรงๆ

    “นายคงไม่คิดว่า จะบุกเดี่ยวเขาไปในศูนย์บัญชาการ ต่อกรกับลูกสมุนระดับล่างก่อนจะปีนขึ้นหอคอย ที่มีตัวเก่งขึ้นๆตามลำดับชั้นก่อนจะเจอบอสใหญ่ออกมาประดาบกันนายในห้องสุดท้าย แล้วพาเจ้าหญิงโรยตัวลงมาจากหน้าต่างหรอกนะ”

    “อึก!” เบลดกัดฟันแน่นเพราะเถียงไม่ออก ด้วยรู้อยู่เต็มออกว่านี่ไม่ใช่เกมตะลุยด่านที่ศัตรูพร้อมจะโผล่หัวออกมาให้ไล่ฟันซึ่งๆหน้า มันง่ายเกินไป

    “แค่นายเฉียดเข้าไปใกล้ มันหามือปืนมาซุ่มยิงนายนัดเดียวก็จอดแล้ว เพราะฉะนั้น ใจเย็นๆซะ กองกำลังเรามีมากพอเมื่อไร ทีนี้ล่ะจะได้ล้างบางกันสมใจ” ฟรานซิสก้าลุกขึ้นยืนเตรียมปิดการประชุม

    “อะไรกัน... พอเห็นว่าไม่ใช่เพื่อนตัวเองก็ทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เลยหรือไง!!!” เบลดตะคอกใส่หน้าหญิงสาวอย่างไม่เกรงใจ แต่เธอกลับยิ้มให้อย่างไม่ถือสา

    “ใครว่าฉันทิ้ง... ฉันแค่รอให้มีหนอนไชเข้ามาในนี้ก่อนต่างหากล่ะ”



    สมาคมผู้กล้าที่กำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียดนั้น ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาได้ประเมินค่าศัตรูสูงเกินไปมากโข เพราะเจ้าตัวบงการนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังนั่งจิบชายามเช้าในคฤหาสน์กลางสวนอย่างสบายใจเฉิบ

    “ป่านนี้โนเอลตื่นรึยังน้า ขึ้นไปปลุกดีกว่า” เลซวางถ้วยชาลง ก่อนจะเตรียมเดินขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคา ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปทั้งวันแล้ว ป่านนี้น่าจะหายตกใจแล้วล่ะมั้ง

    “อ้ะ เดี๋ยวผมไปด้วย” ฟาทัลรีบบอกอาสาทันที แต่กลับโดนเลซยกมือห้าม ทำเอาขุ่นใจไปเล็กน้อย เพราะปกตินอกจากเวลานอนแล้ว เลซก็ให้เขาเดินตามติดอยู่ตลอด มีเพียงนับครั้งได้ที่เลซจะให้เขาออกห่าง

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่เด็ก” เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินหายไป ทิ้งฟาทัลไว้ที่ห้องอาหารคนเดียว โดยไม่รับรู้ถึงความรู้สึกขององครักษ์คนนี้เลยแม้แต่น้อย

    ฟาทัลขยับตัวที่ยืนนิ่งสนิทเมื่อครู่เล็กน้อย พลางคิดในแง่ดีว่า คงจะแค่เห่อของเล่นใหม่ เพราะเลซก็ไม่ได้บอกว่าเกิดนึกปิ๊งอะไรขึ้นมาด้วย เพียงแต่เห็นน่ารักถูกใจเฉยๆ พอนึกถึงโนเอลเขาก็ส่ายหัวกับตัวเอง เด็กแบบนั้นคงอยู่ได้ไม่นานแหงๆ มีอย่างที่ไหนเจอหน้าปุ๊บลั่นไกปั๊บ นิสัยไม่น่ารักเอาซะเลย

    “แค่เด็ก?...” ชายหนุ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ พึมพัมทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่พูดไปเจ้านายก็ไม่อยู่ฟังแล้ว

    ...เด็กที่ไหนมันหยิบปืนยิงแบบแทบไม่ต้องคิดแบบนั้นกันคร้าบบบบบบบบบ!!!...



    ก๊อกๆ!

    มือขาวบางยกขึ้นเตาะประตูไม้สีเข้มเป็นสัญญาณบอกให้คนข้างในรู้ตัวว่ากำลังจะเข้าไป เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะโบกมือให้ลารีสกับลาเรลหลบไปก่อน สาวใช้ทั้งสองโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะแยกกันออกไป

    “เข้าไปล่ะนะ” เลซแง้มประตูเปิดออก เห็นเจ้าตัวเล็กยังอยู่บนเตียงดังคาด

    ปัง!

    เขาค่อยๆหันไปมองกำแพงข้างประตูที่มีหัวกระสุนฝังอยู่ ควันยังลอยกรุ่นๆ หันไปมองร่างบนเตียงก็เห็นโนเอลเอามือขยี้ตางัวเงียข้างนึง แต่มืออีกข้างกำลังขยับปืนก๊อกแก๊กๆ

    “สงสัยง่วงๆเลยเล็งพลาดไปหน่อย” น้องหนูแกไม่พูดพล่ามทำเพลงต่อลั่นไกอีกรอบทันที ดีที่เลซปิดประตูเข้ามาทันหัวเลยยังไม่มีรู

    เขายืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าห้องซักครู่ด้วยความตกใจ ก่อนจะเริ่มคิดได้ว่าเด็กธรรมดาๆทั่วไปคงไม่กอดปืนแทนตุ๊กตากันหรอก ไหนจะจ่อปืนยิงแบบไร้ความลังเลราวกับพวกมืออาชีพนี่อีก มันเกินระดับแค่ฝึกไว้ป้องกันตัวแล้ว เป็นการเล็งยิงเพื่อสังหารเป้าหมายชัดๆ แถมชอบเล็งแต่หัวอีกต่างหากแน่ะ

    “สงสัยคงต้องจับลอกคราบก่อนซะแล้วล่ะมั้งงานนี้” เลซยกมือซ้ายขึ้น บนนิ้วกลางมีแหวนประดับอยู่ มันเรืองแสงสีฟ้าขึ้นตอบสนองต่อผู้เป็นนาย เขาเปิดประตูเข้าไปอีกครั้งแล้วยิงเวทย์ใส่โนเอลก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้เหนี่ยวไกปืน

    แสงเวทย์กระจายตัวออกกลายเป็นใยแมงมุมเวทย์ยึดเด็กหนุ่มไว้กับเตียง เลซรีบเดินเข้าไปดึงปืนออกจากมือโนเอลก่อนที่จะได้ทำปืนลั่น ชายหนุ่มเตรียมจะขว้างปืนนั้นออกหน้าต่างไปแล้ว แต่ก็ลดมือลงแล้วเอามันไปวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ห่างจากเตียงแทน

    “ไม่เอาไปทิ้งเหรอฮะ เดี๋ยวผมก็หยิบมายิงคุณอีกหรอก” โนเอลถามด้วยความสงสัยในการกระทำนั้น แต่ประโยคหลังทำเอาคนฟังสันหลังวาบขึ้นมาไม่น้อยเพราะน้ำเสียงพูดเหมือนมันแสนธรรมดามากที่จะเล็งหัวใครซักคนดับอนาถคาที่ มันคงจะดูดีกว่านี้มากถ้าคนพูดไม่ใช่เด็กน้อยน่ารักหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้น่ะนะ

    “ก็ดูท่าทางแล้วเธอไม่น่าจะแค่พกมันไว้ป้องกันตัวนี่นา มันเป็น...อาชีพ สินะ อาวุธคู่กายแบบนี้ใครเขาทิ้งขว้างกันล่ะ จริงมั้ย?” เลซถามกลับเมื่อเริ่มพอจะจับเรื่องราวมาผูกกันได้ แต่กลับโนเอลโดนสะบัดหน้าหนี เลซเผยอยิ้มออกเล็กน้อยก่อนจะพูดเข้าประเด็นทันที ท่าทางเขาจะจับของดีมาเข้าให้แล้วสิ

    “แล้วเธอไปทำอะไรที่แอสทีก้ามิทราบ...”

    ดวงตาสีฟ้าใสเบิกโพลงขึ้นเมื่อโดนถามตรงๆ เขาคิดหาข้ออ้างสารพัดในหัว จะให้หมอนี่รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านั่นเป็นที่นัดรวมตัวของสมาคมผู้กล้า ไม่งั้นก่อนทางนู้นมาถล่มที่นี่ จะกลายเป็นฝั่งทางนี้ไปถล่มตัดหน้าแทน

    “กะ...ก็แค่ไปเที่ยวเมืองโบราณ” เลซพยักหน้าหงึกหงักให้กับคำตอบ ทำให้โนเอลค่อยหายใจสะดวกขึ้นเยอะ ยืดชีวิตให้สมาคมกับตัวเขาเองไปได้อีกหน่อยสินะ

    “ไม่ยักรู้แฮะว่าเดี๋ยวนี้ไปเที่ยวแอสทีก้าทีต้องพกกระสุนไป เกือบ 300 นัดด้วย สัตว์ประหลาดแถวนั้นมันดุมากเลยเหรอ หรือว่า...เตรียมจะยกพวกไปถล่มที่ไหนอยู่กันแน่...” โนเอลหันกลับมาจ้องหน้าเลซทันที ในมือเขามีเกล่องกระสุนวางอยู่ เลซดันมันผ่านประตูแมวออกไปทั้งหมดดังคาด

    “ติดต่อสาขาที่ซากโบราณ ให้ส่งคนไปที่โรงแรม เมืองแอสทีก้าทีซิ” เขาบอกสาวใช้หน้าห้อง เพราะรู้อยู่แล้วว่าถึงไล่พวกเธอไป แปบๆเดี๋ยวก็กลับมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าห้องเหมือนเดิมอยู่ดี ก่อนจะเดินกลับมาหาโนเอลที่ติดใยนอนแผ่สองสลึงอยู่บนเตียง

    “อย่ามาแข่งโกหกกับจอมตอแหลแห่งทศวรรษคนนี้น่าหนูน้อย …เพิ่งเคยเจอหน้ากันแท้ๆ แต่แค่ได้ยินชื่อก็ควักปืนยิงทันที แสดงว่าตามล่าตัวฉันอยู่ชัดๆไม่ใช่หรือไง” เลซยืนเท้าสะเอวพูดเย้ยหยันเล็กๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีใยยึดขาอยู่ โนเอลคงถีบเจ้าตัวแอ่นๆเอาให้มันแอ่นถาวรไปเลยรู้แล้วรู้แรด

    “เอาล่ะ ต่อไปก็ต้อง...” ชายหนุ่มไล่สายตามองร่างเล็กตั้งแต่ผมสีทองยุ่งๆ เรื่อยลงมายังคอขาวๆ ลงมายังแผ่นอกเล็กๆที่มีชุดนอนบางๆปกปิดอยู่ ลงไปยังสะโพก ก่อนจะจบที่ขาเรียว แล้วเงยขึ้นมามาหน้าหนูน้อยที่หน้าแดงระเรื่อ

    “จะ...จะทำอะไรน่ะ... ยะ...หยุดนะ”

    เลซไม่สนใจเสียงคัดค้าน เข้าไปลงมือปลดกระดุมเสื้อนอนตัวบางออกไปทีละเม็ดๆ จนหมด เผยให้เห็นไหล่บางๆน่ากอด นิ้วเรียวยาวลากไล้ไปตามผิวสีน้ำนม เนียนนุ่ม แล้วค่อยกระเถิบลงไปข้างล่างเรื่อยๆ

    “ปะ...ปล่อยนะ ...ปล่อย ไม่เอา...” โนเอลร้องปฏิเสธเสียงน่ารัก พลางขยับสะโพกหนีมือที่เริ่มมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวขอบกางเกง แต่สุดท้ายกางเกงก็หลุดหายไปอีกชิ้นจนได้ เลซยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะชูของในมือขึ้น

    “เจอมีดพกแล้วอีกหนึ่ง คงไม่มีอะไรซุกไว้แล้วนะ” เขาควงมีดเล่มเล็กในมือเล่นก่อนจะโยนส่งออกประตูแมวไปอีกชิ้น “...หรือมี?”

    โนเอลมองตามสายตาของเลซไปและมาหยุดอยู่ที่กางเกงชั้นใน แก้มนุ่มๆน่าหยิกที่แดงระเรื่ออยู่แล้วยิ่งแดงแปร๊ดเป็นมะเขือเทศ ทันทีที่ใยแมงมุมเวทย์เริ่มสลายไป เขาก็รีบเหยิบเสื้อผ้ามาสวมคืนทันที

    “ไม่มีแล้วฮะ ...ผมพูดจริงนะ!” โนเอลพูดย้ำเมื่อยังโดนมองด้วยสายตาเหมือนจะแทงทะลุเสื้อผ้าได้อยู่ เด็กหนุ่มติดกระดุมให้เรียบร้อย

    “ก็ดี จริงๆฉันก็ไม่ได้กะจะมาเคี่ยวเข็ญอะไรกับเธอนักหรอกนะโนเอล เพราะไม่คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว แต่เธอดันกลายเป็นพวกในสมาคมผู้กล้าซะนี่ ไงๆเพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเองก็ต้องขอเสียมารยาท (มากกว่าเดิม) หน่อยล่ะ เฮ้อ คนยิ่งตัวนิ่มๆอยู่ จะให้มาทนทานเป็นแรคคูนก็ไม่ไหวแฮะ”

    จากประโยคแรกๆที่พอจะทำให้โนเอลเข้าใจสถานการณ์ขึ้นบ้าง ก็กลายเป็นกลับมาอยากยิงทิ้งเหมือนเดิมตอนพูดจบ เขายื่นมือออกไปหยิกแขนมังกรตัวนิ่มๆที่ว่านั่นซักทีด้วยอยากจะรู้ว่าสมกับที่พูดรึเปล่า

    “นี่แน่ะ”

    “โอ๊ย! เจ็บนะ”

    เลซสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตีมือโนเอลเข้าให้ ผิวขาวๆที่โดนหยิกเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างรวดเร็ว บ่งบอกความบอบบางเป็นลูกคุณหนูจ๋าสุดๆ เด็กหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยเมื่อได้หาเรื่องกลับเสียบ้าง ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยอยู่มาตั้งแต่เมื่อวาน

    “ในเมื่อคุณไม่รู้เรื่องสมาคม แล้วคุณจับผมมาทำไมฮะ”

    เลซไม่ตอบในทันที จริงๆแล้วคำถามนั้นก็วนเวียนอยู่ในหัวเขามาตั้งแต่ตอนเขาบอกให้ไปลากโนเอลมาแล้ว เขาก็แค่อยากพาตัวมา แต่เหตุผลนั้น แม้แต่ตัวเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆหนูน้อยที่ยังคงรอคำตอบอยู่

    “อืม ไม่รู้สิ ...ก็แค่ถูกใจเลยอยากเอามาเลี้ยงดูเล่นเฉยๆล่ะมั้ง ไม่เคยเรอะ ที่เห็นของน่ารักแล้วอยากเอากลับบ้านทั้งที่ไม่รู้จะเอาไปทำไมนั่นแหละ” เลซหยิบหางสิงโตของโนเอลขึ้นมาม้วนเล่น มันสะบัดปัดไปมาพยายามออกไปจากมือของเขา

    “อะไรกัน! แย่ที่สุดเลย ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะฮะ! แล้วหางตัวเองก็มี...ไม่มี...” โนเอลกำลังจะบอกให้ไปเล่นหางตัวเองซะ แต่พอหันไปมองด้านหลังคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เจอแต่ความว่างเปล่า แทนที่จะเจอหางมังกรสีน้ำเงินอ้วนๆเหมือนหนวดปลาหมึกยักษ์ฮูล่าตามแม่น้ำพาราซอล

    “เอ๋ คุณเป็นมนุษย์เหรอ?” หนุ่มน้อยยกมือขึ้นจับครีบปีกบนเรือนผมสีม่วงอมน้ำเงิน มันขยับหลบมือเขาเล็กน้อย

    ...ปีกของจริง…

    “เขาเรียกว่าโดนตัดหางปล่อยวัดไง หึหึ” เลซหัวเราะในลำคอ ทำเอาโนเอลเกือบหน้าทิ่มพื้น

    ...นี่เพ่มามุกไหนเนี่ย!?...

    “เรื่องของฉันก็ช่างฉันเถอะน่า ที่อยากรู้น่ะเรื่องของเธอมากกว่า” ชายหนุ่มกระดึ๊บเข้าไปใกล้ไลอ้อนน้อยที่กระเด้งตัวลุกออกไปนั่งบนเก้าอี้แทน นั่งอยู่บนเตียงต่อท่าทางจะไม่ปลอดภัย

    “ทำยังไงคุณถึงจะปล่อยผม”

    “ก็ถ้าฉันเบื่อนะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

    บอกได้คำเดียว ยากส์…



    เบลดเดินอย่างเซ็งๆ ไปยังห้องประชุมประจำโรงแรม หลังจากการประชุมวันก่อนนู้นเขาก็ไม่นึกอยากจะเข้าไปประชุมด้วยอีก แต่ก็ต้องจำใจลากขาพาร่างตัวเองเข้าไปนั่ง เขานั่งฟังไปเรื่อยๆผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา ก็ในหัวเล่นมีแต่ชื่อโนเอลวิ่งผ่านยาวเหยียดเป็นขบวนรถไฟ แล้วจะเอาสมองส่วนไหนไปฟังล่ะ

    “...ตัวหัวหน้าชื่อ เลซ อเกต แต่ไม่มีข้อมูลเรื่องรูปพรรณสัณฐานเลย เป็นประเภทตัวบงการเบื้องหลังของแท้ ไม่เคยโผล่ออกมาลุยเอง หรือถ้ามาคนที่เคยเจอก็ต้องสิ้นชีพอยู่ตรงนั้นเลยนั่นแหละ” ฟรานซิสก้าชี้แจงมาถึงบอสใหญ่ เธอปรายตามองปฏิกิริยาของคนในห้องประชุม ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    “สงสัยคงจะหน้าตาอัปลักษณ์ระดับ 5 ดาวแน่ๆ ว่างั้นมั้ย”

    “ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ…” สมาชิกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา แต่ก็เงียบไปเมื่อเห็นบันนี่สาวหันมาฉีกยิ้มให้ ดวงตาเป็นประกายวิบวับเหมือนเจอเศษเงินบนพื้น

    “จับมัน!” หลังจากการตะลุมบอนจบลง หัวหน้าสมาคมก็เดินมายืนค้ำหัว “หนอน” ที่จับได้สดๆร้อนๆ

    “คนที่นี่น่ะ เกลียดหมอนี่กันทั้งนั้นแหละ ไม่มีทางมาพูดแก้ตัวให้อยู่แล้ว ข้อสอง ไม่เคยมีใครเห็นหน้าหมอนี่เว้นแต่จะเป็นพวกในองค์กร ข้อ 3 พวกแกบูชาหัวหน้ากันอย่างกับอะไรดี โดนแหย่เข้าหน่อยก็โผล่หางออกมาแล้ว”

    “เอาล่ะ เอาจดหมายนี่ไปส่งให้เจ้านายแกซะ” เธอยัดจดหมายใส่มือผู้ต้องหา ก่อนจะให้สมาชิกช่วยกันจับโยนออกหน้าต่างไป

    “น...นี่มันอะไรกันน่ะ” เบลดมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความงุนงง

    “ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ทิ้งโนเอลหรอก จดหมายนั่นกว่าจะไปถึงมือเลซ แล้วกว่าทางนั้นจะตอบกลับมา เอาเวลาไปหารครึ่ง ก็รู้แล้วว่ามันน่าจะอยู่แถวๆเมืองไหนบ้าง แล้วฉันบอกให้โนเอลเขียนจดหมายแนบติดมาด้วย ทีนี้ก็จะได้รู้กันล่ะว่าอยู่หรือตาย” ฟรานซิสก้าเล่ารายละเอียดให้เบลดถึงบางอ้อเสียที

    “แล้วคิดว่ามันจะทำตามเหรอ” เขาไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้มันจะใจดีกันปานนั้นหรอกนะ

    “ฉันเขียนแช่งไปที่ท้ายกระดาษแล้วว่าถ้าไม่ทำตามขอให้จู๊ดๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นา” เธอทำเก็กเข้มด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มที่ แต่เบลดไม่เล่นด้วย คนเครียดจะตายอยู่แล้วยังมีอารมณ์ไปล้อเล่นอีกเรอะ

    “ถ้าไงผมก็ขอบคุณละกัน...” ฟรานซิสกาโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แล้วชี้ไปที่คนข้างๆแทน

    “ถ้าจะขอบคุณไปขอบคุณริลฟี่ ริเนียรอน เลขาฯฉันดีกว่านะ นั่นน่ะคนคิดทั้งหมดเลย” เธอชี้ไปที่ชีพสาวในชุดกระโปรงระบายลูกไม้

    “...เอ่อ ด้วยความยินดีค่ะ” ริลฟี่ก้มๆหน้าขอบคุณอายๆเมื่อถูกชม ท่าทางเรียบร้อยน่ารักผิดกับหัวหน้าสมาคมโดยสิ้นเชิง

    “เอาล่ะ ไหนๆมันก็รู้แล้ว แปะประกาศรับสมัครทั่วราชอาณาจักรโลด ไม่ต้องมาทำลับๆล่อๆแล้ว” ฟรานซิสก้าตะโกนก้องให้ได้ยินกันทั่วห้อง เรียกเสียงเฮจากเหล่าสมาชิก

    “คอยก่อนนะ โนเอล” เบลดยกมือขึ้นมากำแน่น รู้สึกเริ่มมีใจจะทำงานขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากหดหู่มาหลายวัน



    แคว่ก!

    เสียงซองจดหมายถูกฉีกออกอ่าน ชายหนุ่มไล่สายตาอ่าน ก่อนจะหัวเราะออกมา ชนิดที่เหล่าแม่มดตามนิทานหลอกเด็กยังต้องคารวะ กับเสียงบั่นทอนสุขภาพคนฟัง เขาพับกระดาษเขียนจดหมายแล้วส่งให้ผู้ติดตาม

    “เดี๋ยวส่งจดหมายโนเอลกลับไป บอกที่สาขาเมกาโลโพลิส กับบึงลึกลับให้เตรียมต้อนรับผู้กล้าด้วย อ้ะไม่สิ เตรียมทำพิธีศพให้ผู้กล้าที่เสียชีวิตในหน้าที่ดีกว่ามั้ง ฮะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เลซออกคำสั่งสบายๆ ไม่มีท่าทีหวั่นวิตกต่อภัยคุกคามแม้แต่น้อย ฟาทัลก้มลงอ่านจดหมายในมืออีกรอบก่อนจะท้วง

    “แต่ท่านเลซ ถ้าส่งจดหมายกลับไปทันที พวกมันจะรู้ระยะทางเอาได้นะ” เขาบอกผู้เป็นเจ้านายที่ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    “ก็ให้รู้ว่าอยู่แถวนี้นั่นแหละฮ่ะ ฮ่ะ” เลซตอบทำเอาฟาทัลกระดาษหลุดมือ นี่มันชี้โพรงให้กระรอกชัดๆไม่ใช่หรือไงกัน เขาคิดจะทำอะไรของเขานะ

    “แต่...”

    “ทำตามที่ฉันจะบอกก็พอ หึหึหึ” ชายหนุ่มบงการแจกแจงรายละเอียดทุกอย่างเสร็จสรรพก็ลุกขึ้น คว้าจดหมายคืนแล้วเดินไปที่ห้องใต้หลังคา ทิ้งฟาทัลให้ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

    ...คิดได้ไงน่ะท่าน...



    ก๊อกๆ!

    เลซเปิดประตูเข้าไปเห็นโนเอลกำลังเกาะลูกกรงที่หน้าต่าง มองลงไปเบื้องล่างเหมือนคาดคะเนความสูงอยู่ เขาสะดุ้งหันกลับมาทันที

    “ม...มีอะไรฮะ” โนเอลพูดเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย ทว่ายังไงก็ไม่พ้นสายตาเลซ แต่เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แทน

    “สมาคมติดต่อมา บอกให้เธอเขียนจดหมายส่งกลับไป” เลซยื่นกระดาษกับปากกาให้ เด็กหนุ่มคิ้วขมวดด้วยความสงสัยขึ้นมา

    “ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงไม่ทำแบบนี้แน่” โนเอลมองกระดาษอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก เลซถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะชี้ที่บรรทัดล่างสุดของจดหมายให้โนเอลดู

    “พรืดดด ฮะ ฮะ นี่คุณกลัวพวกคำแช่งต๊องๆแบบนี้ด้วยเหรอฮะ ไม่น่าเชื่อเลย” โนเอลอดหัวเราะไม่ได้ แต่หันมองหน้าเลซแล้วก็ต้องแปลกใจที่ชายหนุ่มทำหน้าตาซีเรียส

    “ฉันเป็นผู้ใช้เวทย์ เรื่องแบบนี้ฉันไม่มองข้ามอยู่แล้ว ถ้าคนที่เขียนจดหมายนี่เป็นผู้ใช้เวทย์ล่ะก็ คำพูดเล่นๆแบบนั้นก็ถือเป็นคำสาปชนิดหนึ่งได้เหมือนกันนะ ถ้ามันใส่ความอาฆาตแค้นมาอย่างแรงกล้าลงในคำพูดด้วยน่ะ” เลซชี้แจง แม้จะไม่รู้ว่าใครเขียน แต่พวกในสมาคมไม่มีหวังดีกับเขากันหรอก กันไว้ดีกว่าแก้ล่ะ

    “อาฮะ แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าจดหมายจะถึงมือคนรับ เขาไม่ได้แช่งมานี่นาว่าถ้าปลอมลายมือผมแล้วจะจู๊ดๆน่ะ” โนเอลยังไม่ยอมปักใจเชื่อดีนักทำเอาเลซปวดหัวขึ้นมานิดๆ เพราะชินกับการสั่งคนนู้นคนนี้มากกว่าที่จะต้องมานั่งคุยถกเถียงอธิบายกันแบบนี้

    “โอเค...โอเค... ฉันจะให้เธอได้เห็นกับตาเลยว่าไม่ได้สับเปลี่ยนจดหมาย แต่...” เลซทิ้งเสียงไปเล็กน้อย มองดูโนเอลที่มีทีท่าสนอกสนใจขึ้นมา

    “...ถ้าเธออยากเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ฉันต้องมานอนที่นี่”

    “ว่าไงนะฮะ!!!”

    “หึ ตกลงมั้ยล่ะ”



    End of Chapter II
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×