ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท
Blue Romance
By Blue Planet
ปฐมบท
แม่มดสาวก้มลงมองสิ่งที่ทอประกายแสงอย่างบริสุทธิ์งดงามตรงหน้า เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าที่แม้จะดูอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง
“แฮ่ก... สำเร็จแล้ว”
เธอใช้เวทมนตร์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดส่งคริสตัลทรงกลมที่เต็มไปด้วยพลัง แห่งชีวิตออกสู่จุดหมายปลายทาง คริสตัลนับร้อยพุ่งตัวออกช่องหน้าต่างไปยังฟากฟ้ายามรัตติกาล ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ทั่วทุกหนทุกแห่งบนเกาะรูปจันทร์เสี้ยว
ราวกับสายฝนที่พร่างพรมลงบนพื้นโลก
ชโลมชะล้างความแห้งแล้งอันเกินเยียวยา
ฟื้นคืนชีวิตชีวาสู่เกาะแห่งความฝันอีกครา
...
และแล้วตำนานอันยิ่งใหญ่ก็ได้ปิดฉากลงอย่างงดงาม ท่ามกลางความสุขสงบตลอดกาล
...
จริงหรือ?
...
ปัง!!!!
“พี่คาร์ดี้ค้าาาาาาาาาาาา!!!!!!!!~~~~”
เสียงเปิดประตูอย่างรุนแรงประกอบกับเสียงเรียกแหลมบาดหู ทำเอาแม่มดสาวคาร์ดี้สะดุ้ง พิธีกรรมอันมีชีวิตของคนทั้งเกาะเป็นเดิมพันพังครืนในพริบตา
“...ทิ...กิ...” คาร์ดี้เค้นเสียงเรียกชื่อผู้เป็นน้องสาว ราวกับว่าชื่อเธอนั้นออกเสียงยากเย็นเหลือเกิน
“หนูได้ยินมาว่าสร้างบอลแอซเทคสำเร็จแล้วเหรอคะ ดีจังเลยนะคะ ที่นี้เกาะปังย่าของเราก็จะได้กลับมางดงามเหมือนเดิมเสียที ...ว่าแต่แล้วไหนล่ะคะบอล?”
ทิกิพูดรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นระคนปลาบปลื้ม เธอมองไปรอบๆห้องแห่งพิธีกรรมที่มีเพียงแสงเทียนวูบไหวดูริบหรี่คล้ายแสง แห่งชีวิตของเกาะนี้ ไร้วี่แววของคริสตัลเวทมนตร์
“ทิกิ ...เธอทำอะไรลงไป รู้มั้ย...?” คาร์ดี้กัดฟันถามอีกครั้งอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่คุกกรุ่นยิ่งกว่า ภูเขาไฟที่ดีฟ อินเฟอโน ดินแดนที่ร้อนระอุราวกับขุมนรก
“เอ๋?” แม่มดน้อยเอียงคอทำตาแป๋วอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ ท่าทางแบบนั้นทำเอาผู้เป็นพี่หมดแรงทั้งกายและใจทรุดฮวบลงกับเก้าอี้
“จบ...จบกัน มันจบแล้วล่ะทิกิ” คาร์ดี้ถอดหมวกแม่มดทรงสูงออก ก่อนจะเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“หมายความว่ายังไงคะพี่?” ทิกิก้าวเข้าไปใกล้ผู้เป็นพี่สาว แต่ยังไม่ทันจะได้ซักถามอะไร ก็มีเสียงฝีเท้านับสิบข้างตรงมายังห้องพิธี
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกอีกครั้งจากผู้มาเยือน ทุกคนล้วนมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความสุขเต็มเปี่ยม ซึ่งยิ่งทำให้คาร์ดี้ปวดใจ
“หนูเห็นแล้วล่ะพี่คาร์ดี้ เหมือนฝนดาวตกเลย” เด็กสาวผู้มีหน้าตาเหมือนทิกิเปี๊ยบเอ่ยขึ้นอย่างยินดี
“ใช่ สวยมากเลยล่ะคุณคาร์ดี้” ผู้มาเยือนอีกคนกล่าวขึ้นบ้างด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอคือเทพธิดาโครโรส โครโรโนสแห่งเกาะปังย่า
“ให้เจ้าพวกมารร้ายมันรู้ซะบ้างว่าพวกเราเก่งกาจแค่ไหน” เจ้าตัวกลมปุ๊กลุกที่กลิ้งตามเข้ามายิ้มกว้างอวดฟันที่มีเพียงสองซี่ในปาก ตามมาด้วยคนอื่นๆที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดี
“ว่าแต่ทำไมเธอดูแย่จัง บู~~” หมีขาวตัวใหญ่เบียดร่างเข้ามาในประตูที่ดูเล็กไปถนัดตา เขาเดินเข้าไปดูคาร์ดี้ที่โบกมือบอกว่าไม่เป็นไร
“เรื่องดิฉันน่ะช่างก่อนเถอะ เรามีเรื่องใหญ่กว่านั้นต้องจัดการกันแล้วล่ะ บงดาริปิดประตูที หน้าต่างด้วย” คาร์ดี้บอกกับถุงที่ลอยไปลอยมาแต่ไม่พูดไม่จาซักคำ มันทำตามคำสั่งเธออย่างรวดเร็ว
“บอลแอซเทคก็ถูกส่งออกไปแล้ว แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ต้องจัดการอีกเหรอคะ ด้วยพลังของคริสตัลแห่งเวทมนตร์ พวกปีศาจก็ไม่น่าจะทำอะไรเราได้แล้วนี่นา” หญิงสาวผู้มีปีกบนศีรษะดูแปลกตาถามขึ้นท่ามกลางบรรยากาศวังเวง สีหน้าเป็นกังวลค่อยๆผุดขึ้นแทนที่สีหน้าเปี่ยมสุขเมื่อครู่
คาร์ดี้กัดริมฝีปากจนห้อเลือดก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ได้ยินทั่วถึงกัน
“ดิฉัน... พลาดค่ะ”
“ห๊า!!!!”
“ขณะที่ดิฉันกำลังทำพิธีมีตัวป่วนมาทำให้เทคนิคขัดข้องเล็กน้อย...” เธอเหล่น้องสาวตัวดี ที่ก้มหน้าหงอยเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรผิด “...แต่ก็ยังดีที่พอแก้ไขได้”
ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกขึ้น ต่างชำเลืองแลทิกิกันเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครว่ากล่าวซ้ำเติมอะไร ด้วยรู้วีรกรรมความซุ่มซ่ามของหล่อนดี สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเอาเรื่องคนผิดคือการแก้ปัญหาตอนนี้
“ทำไงล่ะ” ชายหนุ่มผิวเข้มยืนกอดอกพิงขอบหน้าต่างถามเสียงเรียบ
“ถึงบอลแอซเทคจะไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะตกไกลค่ะ ถ้าไล่เก็บไปวางไว้ในม่านพลังที่เราเคยสำรวจเจอกันก่อนหน้านี้ ก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน” คาร์ดี้ชี้แจง
“ต้องมี ...แต่... ด้วยสินะคะ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นท่านจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่คาร์ดี้ คงไม่กลัดกลุ้มขนาดนี้” โลโล่ หญิงสาวผู้มีปีกบนศีรษะกล่าวอย่างรู้ทัน
“หึ นั่นล่ะปัญหา บอลแอซเทคน่ะ หากถูกสัมผัสก็จะสูญเสียพลังไป และสิ่งที่เราต้องการตอนนี้ก็คือไม้กายสิทธิ์ที่มีพลังบริสุทธิ์ทัดเทียมกับ บอล แต่พลังเวทย์ของดิฉันไม่เหลือพอจะสร้างมันได้แล้ว จอมเวทย์คนอื่นๆก็คงทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการสร้างบอลแอซเทคแล้วเหมือนกัน” คาร์ดี้พูดอย่างเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนเธอจะใช้เวทมนตร์หยาดสุดท้ายไปกับการส่งบอลแอซเทคสู่ม่านพลังทั่ว เกาะนี้ไปแล้ว
“ขอแค่วิธีทำก็พอค่ะ ถึงพลังเวทย์ของหนูจะไม่มากเท่าพี่คาร์ดี้ แต่ก็น่าจะทำได้ซัก6-7ชุด” มินตี้พี่สาวฝาแฝดของทิกิขันอาสา คาร์ดี้พยักหน้าให้อย่างเชื่อมั่นในฝีมือ
“หนูด้วยๆ” ทิกิยกมือขึ้นอาสาบ้าง แต่พี่สาวทั้งสองของเธอ (และอาจรวมถึงคนอื่นในห้องด้วย) พร้อมใจกันปฏิเสธความหวังดีทันที
“พี่มีอย่างอื่นที่ไม่น่าจะเกินความสามารถให้เธอทำ” คาร์ดี้เอ่ยอย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจน้องสาวปล่อยให้ไปนั่งจิ้มดินมุมห้องกับ มจจิ สิ่งมีชีวิตที่เหมือนตุ๊กตาสีขาวตัวจิ๋วซึ่งเกาะอยู่บนหัวเธอตลอด
“เอาล่ะ ดูท่าเราคงต้องพึ่งพลังของคุณแล้วล่ะพิพพิน พลังที่จะพาเราไปสู่โลกภายนอก” คาร์ดี้หันไปทางเทพธิดาตัวน้อย โครโรส โครโรโนส
“เอ๋ เกาะเราเป็นแบบนี้แล้ว คงยังไม่เหมาะจะเปิดให้คนภายนอกได้เข้ามาท่องเที่ยวมั้งคะ” พิพพินมีสีหน้าแปลกใจกับคำขอนั้น
“แน่นอน เราคงไม่ได้ให้พวกเขามาท่องเที่ยวหรอก แต่เราจะยืมแรงพวกเขามาช่วยเกาะของเราต่างหาก ถ้าเรื่องที่ว่าบอลแอซเทคกระจัดกระจายหลุดออกไปล่ะก็ ไม่เพียงแต่ชาวเกาะปังย่าจะสูญเสียความเชื่อมั่น แต่ยังเป็นโอกาสให้พวกปีศาจเข้ามาโจมตีเราได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราต้องตามหาผู้แข็งแกร่งจากโลกต่างมาทำให้ภารกิจนี้สำเร็จ ลุล่วงยังไงล่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่หลากหลาย แม้ว่าภารกิจครั้งนี้จะมีความเสี่ยงที่จะพลาดสูง แต่ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นที่จะกอบกู้เกาะแห่งนี้คืนมาอีกแล้ว
“ถ...ถ้างั้น เราไปแต่งตัวกันดีกว่า ...นะคะ” พิพพินเอ่ยทำลายความเงียบงัน เธอเดินนำคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ในโลกภายนอกออกไปเตรียมตัว ส่วนคนที่เหลือต่างก็ออกไปป่าวประกาศว่ากว่าบอลแอซเทคจะออกฤทธิ์ฟื้นฟูสภาพ เกาะได้ต้องใช้เวลา ทำให้ชาวเกาะไม่นึกสงสัยติดใจในความผิดปกตินั้น
คาร์ดี้ถอนหายใจยาวหลังจากทุกคนออกไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงมินตี้ที่ยังอยู่ข้างๆเธอ ถึงแม้หนทางข้างหน้าจะดูมืดมน แต่ก็ใช่จะไม่มีแสงสว่างแห่งความหวังเสียเลย
“ไปเวสต์วิซกันเถอะมินตี้ ที่มั่นสุดท้ายของเราน่าจะยังมีนักเรียนจอมเวทย์ฝีมือดีอยู่บ้าง”
...ต่อให้แสงนั้นจะริบหรี่เพียงไรก็ตาม...
จบปฐมบท
By Blue Planet
ปฐมบท
แม่มดสาวก้มลงมองสิ่งที่ทอประกายแสงอย่างบริสุทธิ์งดงามตรงหน้า เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าที่แม้จะดูอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง
“แฮ่ก... สำเร็จแล้ว”
เธอใช้เวทมนตร์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดส่งคริสตัลทรงกลมที่เต็มไปด้วยพลัง แห่งชีวิตออกสู่จุดหมายปลายทาง คริสตัลนับร้อยพุ่งตัวออกช่องหน้าต่างไปยังฟากฟ้ายามรัตติกาล ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ทั่วทุกหนทุกแห่งบนเกาะรูปจันทร์เสี้ยว
ราวกับสายฝนที่พร่างพรมลงบนพื้นโลก
ชโลมชะล้างความแห้งแล้งอันเกินเยียวยา
ฟื้นคืนชีวิตชีวาสู่เกาะแห่งความฝันอีกครา
...
และแล้วตำนานอันยิ่งใหญ่ก็ได้ปิดฉากลงอย่างงดงาม ท่ามกลางความสุขสงบตลอดกาล
...
จริงหรือ?
...
ปัง!!!!
“พี่คาร์ดี้ค้าาาาาาาาาาาา!!!!!!!!~~~~”
เสียงเปิดประตูอย่างรุนแรงประกอบกับเสียงเรียกแหลมบาดหู ทำเอาแม่มดสาวคาร์ดี้สะดุ้ง พิธีกรรมอันมีชีวิตของคนทั้งเกาะเป็นเดิมพันพังครืนในพริบตา
“...ทิ...กิ...” คาร์ดี้เค้นเสียงเรียกชื่อผู้เป็นน้องสาว ราวกับว่าชื่อเธอนั้นออกเสียงยากเย็นเหลือเกิน
“หนูได้ยินมาว่าสร้างบอลแอซเทคสำเร็จแล้วเหรอคะ ดีจังเลยนะคะ ที่นี้เกาะปังย่าของเราก็จะได้กลับมางดงามเหมือนเดิมเสียที ...ว่าแต่แล้วไหนล่ะคะบอล?”
ทิกิพูดรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นระคนปลาบปลื้ม เธอมองไปรอบๆห้องแห่งพิธีกรรมที่มีเพียงแสงเทียนวูบไหวดูริบหรี่คล้ายแสง แห่งชีวิตของเกาะนี้ ไร้วี่แววของคริสตัลเวทมนตร์
“ทิกิ ...เธอทำอะไรลงไป รู้มั้ย...?” คาร์ดี้กัดฟันถามอีกครั้งอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่คุกกรุ่นยิ่งกว่า ภูเขาไฟที่ดีฟ อินเฟอโน ดินแดนที่ร้อนระอุราวกับขุมนรก
“เอ๋?” แม่มดน้อยเอียงคอทำตาแป๋วอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ ท่าทางแบบนั้นทำเอาผู้เป็นพี่หมดแรงทั้งกายและใจทรุดฮวบลงกับเก้าอี้
“จบ...จบกัน มันจบแล้วล่ะทิกิ” คาร์ดี้ถอดหมวกแม่มดทรงสูงออก ก่อนจะเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“หมายความว่ายังไงคะพี่?” ทิกิก้าวเข้าไปใกล้ผู้เป็นพี่สาว แต่ยังไม่ทันจะได้ซักถามอะไร ก็มีเสียงฝีเท้านับสิบข้างตรงมายังห้องพิธี
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกอีกครั้งจากผู้มาเยือน ทุกคนล้วนมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความสุขเต็มเปี่ยม ซึ่งยิ่งทำให้คาร์ดี้ปวดใจ
“หนูเห็นแล้วล่ะพี่คาร์ดี้ เหมือนฝนดาวตกเลย” เด็กสาวผู้มีหน้าตาเหมือนทิกิเปี๊ยบเอ่ยขึ้นอย่างยินดี
“ใช่ สวยมากเลยล่ะคุณคาร์ดี้” ผู้มาเยือนอีกคนกล่าวขึ้นบ้างด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอคือเทพธิดาโครโรส โครโรโนสแห่งเกาะปังย่า
“ให้เจ้าพวกมารร้ายมันรู้ซะบ้างว่าพวกเราเก่งกาจแค่ไหน” เจ้าตัวกลมปุ๊กลุกที่กลิ้งตามเข้ามายิ้มกว้างอวดฟันที่มีเพียงสองซี่ในปาก ตามมาด้วยคนอื่นๆที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดี
“ว่าแต่ทำไมเธอดูแย่จัง บู~~” หมีขาวตัวใหญ่เบียดร่างเข้ามาในประตูที่ดูเล็กไปถนัดตา เขาเดินเข้าไปดูคาร์ดี้ที่โบกมือบอกว่าไม่เป็นไร
“เรื่องดิฉันน่ะช่างก่อนเถอะ เรามีเรื่องใหญ่กว่านั้นต้องจัดการกันแล้วล่ะ บงดาริปิดประตูที หน้าต่างด้วย” คาร์ดี้บอกกับถุงที่ลอยไปลอยมาแต่ไม่พูดไม่จาซักคำ มันทำตามคำสั่งเธออย่างรวดเร็ว
“บอลแอซเทคก็ถูกส่งออกไปแล้ว แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ต้องจัดการอีกเหรอคะ ด้วยพลังของคริสตัลแห่งเวทมนตร์ พวกปีศาจก็ไม่น่าจะทำอะไรเราได้แล้วนี่นา” หญิงสาวผู้มีปีกบนศีรษะดูแปลกตาถามขึ้นท่ามกลางบรรยากาศวังเวง สีหน้าเป็นกังวลค่อยๆผุดขึ้นแทนที่สีหน้าเปี่ยมสุขเมื่อครู่
คาร์ดี้กัดริมฝีปากจนห้อเลือดก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ได้ยินทั่วถึงกัน
“ดิฉัน... พลาดค่ะ”
“ห๊า!!!!”
“ขณะที่ดิฉันกำลังทำพิธีมีตัวป่วนมาทำให้เทคนิคขัดข้องเล็กน้อย...” เธอเหล่น้องสาวตัวดี ที่ก้มหน้าหงอยเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรผิด “...แต่ก็ยังดีที่พอแก้ไขได้”
ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกขึ้น ต่างชำเลืองแลทิกิกันเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครว่ากล่าวซ้ำเติมอะไร ด้วยรู้วีรกรรมความซุ่มซ่ามของหล่อนดี สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเอาเรื่องคนผิดคือการแก้ปัญหาตอนนี้
“ทำไงล่ะ” ชายหนุ่มผิวเข้มยืนกอดอกพิงขอบหน้าต่างถามเสียงเรียบ
“ถึงบอลแอซเทคจะไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะตกไกลค่ะ ถ้าไล่เก็บไปวางไว้ในม่านพลังที่เราเคยสำรวจเจอกันก่อนหน้านี้ ก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน” คาร์ดี้ชี้แจง
“ต้องมี ...แต่... ด้วยสินะคะ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นท่านจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่คาร์ดี้ คงไม่กลัดกลุ้มขนาดนี้” โลโล่ หญิงสาวผู้มีปีกบนศีรษะกล่าวอย่างรู้ทัน
“หึ นั่นล่ะปัญหา บอลแอซเทคน่ะ หากถูกสัมผัสก็จะสูญเสียพลังไป และสิ่งที่เราต้องการตอนนี้ก็คือไม้กายสิทธิ์ที่มีพลังบริสุทธิ์ทัดเทียมกับ บอล แต่พลังเวทย์ของดิฉันไม่เหลือพอจะสร้างมันได้แล้ว จอมเวทย์คนอื่นๆก็คงทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการสร้างบอลแอซเทคแล้วเหมือนกัน” คาร์ดี้พูดอย่างเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนเธอจะใช้เวทมนตร์หยาดสุดท้ายไปกับการส่งบอลแอซเทคสู่ม่านพลังทั่ว เกาะนี้ไปแล้ว
“ขอแค่วิธีทำก็พอค่ะ ถึงพลังเวทย์ของหนูจะไม่มากเท่าพี่คาร์ดี้ แต่ก็น่าจะทำได้ซัก6-7ชุด” มินตี้พี่สาวฝาแฝดของทิกิขันอาสา คาร์ดี้พยักหน้าให้อย่างเชื่อมั่นในฝีมือ
“หนูด้วยๆ” ทิกิยกมือขึ้นอาสาบ้าง แต่พี่สาวทั้งสองของเธอ (และอาจรวมถึงคนอื่นในห้องด้วย) พร้อมใจกันปฏิเสธความหวังดีทันที
“พี่มีอย่างอื่นที่ไม่น่าจะเกินความสามารถให้เธอทำ” คาร์ดี้เอ่ยอย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจน้องสาวปล่อยให้ไปนั่งจิ้มดินมุมห้องกับ มจจิ สิ่งมีชีวิตที่เหมือนตุ๊กตาสีขาวตัวจิ๋วซึ่งเกาะอยู่บนหัวเธอตลอด
“เอาล่ะ ดูท่าเราคงต้องพึ่งพลังของคุณแล้วล่ะพิพพิน พลังที่จะพาเราไปสู่โลกภายนอก” คาร์ดี้หันไปทางเทพธิดาตัวน้อย โครโรส โครโรโนส
“เอ๋ เกาะเราเป็นแบบนี้แล้ว คงยังไม่เหมาะจะเปิดให้คนภายนอกได้เข้ามาท่องเที่ยวมั้งคะ” พิพพินมีสีหน้าแปลกใจกับคำขอนั้น
“แน่นอน เราคงไม่ได้ให้พวกเขามาท่องเที่ยวหรอก แต่เราจะยืมแรงพวกเขามาช่วยเกาะของเราต่างหาก ถ้าเรื่องที่ว่าบอลแอซเทคกระจัดกระจายหลุดออกไปล่ะก็ ไม่เพียงแต่ชาวเกาะปังย่าจะสูญเสียความเชื่อมั่น แต่ยังเป็นโอกาสให้พวกปีศาจเข้ามาโจมตีเราได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นพวกเราต้องตามหาผู้แข็งแกร่งจากโลกต่างมาทำให้ภารกิจนี้สำเร็จ ลุล่วงยังไงล่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่หลากหลาย แม้ว่าภารกิจครั้งนี้จะมีความเสี่ยงที่จะพลาดสูง แต่ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นที่จะกอบกู้เกาะแห่งนี้คืนมาอีกแล้ว
“ถ...ถ้างั้น เราไปแต่งตัวกันดีกว่า ...นะคะ” พิพพินเอ่ยทำลายความเงียบงัน เธอเดินนำคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ในโลกภายนอกออกไปเตรียมตัว ส่วนคนที่เหลือต่างก็ออกไปป่าวประกาศว่ากว่าบอลแอซเทคจะออกฤทธิ์ฟื้นฟูสภาพ เกาะได้ต้องใช้เวลา ทำให้ชาวเกาะไม่นึกสงสัยติดใจในความผิดปกตินั้น
คาร์ดี้ถอนหายใจยาวหลังจากทุกคนออกไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงมินตี้ที่ยังอยู่ข้างๆเธอ ถึงแม้หนทางข้างหน้าจะดูมืดมน แต่ก็ใช่จะไม่มีแสงสว่างแห่งความหวังเสียเลย
“ไปเวสต์วิซกันเถอะมินตี้ ที่มั่นสุดท้ายของเราน่าจะยังมีนักเรียนจอมเวทย์ฝีมือดีอยู่บ้าง”
...ต่อให้แสงนั้นจะริบหรี่เพียงไรก็ตาม...
จบปฐมบท
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น