ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic PangYa] Blue Romance

    ลำดับตอนที่ #5 : ไม้กายสิทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 52


    Blue Romance

    By Blue Planet



    Hole 4 ไม้กายสิทธิ์

    ท้องฟ้าสีหม่นเต็มไปด้วยเมฆมืดครึ้ม ลมพัดผ่านยอดไม้ไร้ใบเสียงดังหวีดหวิว กับพื้นหญ้าสีเหลืองปนน้ำตาลดูน่าสงสาร จนแทบไม่กล้าเหยียบย่ำซ้ำเติม รองเท้าสีดำค่อยๆเขย่งก้าวผ่านดอกไม้เล็กๆที่มีเหลืออยู่น้อยนิดไปอย่าง ระมัดระวัง

    ตอนนี้ทั้งคณะล้วนอยู่ในชุดเครื่องแบบสีดำของหน่วยรบพิเศษซิลเวีย (SSAF) แต่ไม่มีตราบอกตำแหน่งยศ เพราะเพียงแค่ขอยืมชุดมาใส่เฉยๆ เนื่องจากไม่มีใครติดกระเป๋าเสื้อผ้ามาเลย ทั้งหมดมายังตัวหมู่บ้านด้วยเครื่องบินรบขนาดเล็ก แน่นอนว่าแม็กซ์ก็ยังอุตส่าห์ดันทุรังตามมาด้วย

    “แทบจำไม่ได้เลยแฮะว่านี่คือหมู่บ้านลิเบอร์ร่า หมู่บ้านที่มีชายหาดงดงามที่สุดของเกาะ” เซซิเลียมองไปรอบๆ แม้แต่ตัวหมู่บ้านก็ยังดูเงียบเหงาราวกับป่าช้า

    “ขอโทษที่อาจจะต้อนรับไม่ค่อยดีนะตัวเอง แบบว่า... อย่างที่เห็นล่ะ” โลโล่ซึ่งออกมารับหน้าหมู่บ้าน เอ่ยขอโทษแทนพวกชาวบ้านที่ทำเพียงเงยหน้ามองพวกเขา ส่งยิ้มที่ดูเศร้าๆให้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงไม่ได้เข้ามาพูดคุยเชื้อเชิญกัน แบบเมื่อก่อนยามมีคนจากโลกต่างมาเยี่ยมเยือน

    “นี่ก็ฝีมือพวกฝั่งเดมอนสินะ” เสียงเล็กๆของผู้ที่อายุน้อยที่สุดดังขึ้นมาจากปลายแถวที่ดูจะเรียกความสนใจ จากชาวบ้านได้มากที่สุด ด้วยปืนใหญ่วางด้วยเทียนที่ปักบนหัวกระโหลก ซึ่งเธอลากมันมาด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ

    “อื้อ... ว่าแต่โจรสลัดมากับพวกเราได้ไงอ่ะ” ประโยคหลังโลโล่หันไปกระซิบกับคาดี้ ถึงคูห์จะโดนจับใส่เครื่องแบบ SSAF มาด้วย แต่ปืนใหญ่ที่ลากมามันก็บ่งบอกยี่ห้อเกินพอ

    “เห็นฝีมือดีน่ะ ก็เลยให้มาด้วย ยังไงก็คงไปทางเดียวกันอยู่แล้วล่ะนะ” คาดี้ตอบ

    ทั้งหมดเดินไปตามทางจนกระทั่งเจอกับคุม่ายืนอยู่ใกล้ๆ บ้านหลังหนึ่งที่ดูใหญ่กว่ากระท่อมอื่นๆเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินตามมาเฉยๆ

    “ท่านพ่อยังไม่กลับเหรอ” โลโล่ถามคุม่าที่ส่งเสียงในลำคอตอบกลับมา พวกเขาเดินไปยังทางออกหมู่บ้านอีกทางสู่สนามหญ้าที่เปิดโล่ง

    “ที่นี่เรียกว่าบลูลากูน ต้นไม้ไม่เยอะมาก เหมาะแก่การใช้ทำกิจกรรมร่วมกันของคนในหมู่บ้าน ถ้าเลยออกไปตรงนั้นจะเป็นเขตบลูวอเตอร์ ต้นไม้เคยเยอะมาก แล้วก็ทางนั้นจะเป็นทางไปบลูมูน ตอนกลางคืนจะมองเห็นพระจันทร์เป็นสีฟ้าล่ะ....เมื่อก่อนน่ะนะ...” โลโล่ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นแนะนำสถานที่ก่อนจะลดเสียงเบาลงเมื่อมองเห็นความเป็น จริงรอบๆตัว

    พิพพินกับมินตี้ที่มีสัมภาระห้อยติดไม้กวาดมาเต็มรออยู่ก่อนแล้ว แม่มดน้อยแนะนำตัวแล้วเดินเข้ามาก่อนจะยื่นวัตถุทรงยาว ที่ปลายมีรูปทรงเป็นกระเปาะผ่าครึ่ง ขนาดแตกต่างกัน 4 ไม้ ดูแปลกตาสำหรับชาวปังย่า แต่กลับดูคุ้นตาเหลือเกินสำหรับผู้ที่มาจากโลกต่าง

    “ไม้กายสิทธิ์ค่ะ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้รึเปล่านะคะ” มินตี้บอก อารินที่กลายเป็นพยาบาลจำเป็นปล่อยแม็กซ์ให้นั่งอยู่บนพื้นหญ้า แล้วเดินเข้ามารับมันไว้พลางลองโบกๆไปในอากาศ เป็นภาพที่ดูขัดตายิ่งนัก...อย่างน้อยก็ในสายตาคนที่มาจากโลกภายนอกล่ะนะ

    “บอลแอซเทคอยู่ทางนี้ค่ะ” พิพพินเดินนำไปอีกทาง จนเห็นประกายแสงแวบวับของคริสตัลเวทมนตร์ เนื่องจากบรรยากาศชวนหดหู่ยังไม่จางหายไป จึงไม่มีใครสนใจจะออกมาสำรวจนอกหมู่บ้านนัก บอลแอซเทคเลยยังไม่ถูกพบเข้า

    เทพธิดาตัวน้อยชี้หลุมม่านพลังให้อารินดู มันอยู่ห่างออกไปไกลพอตัว แต่ออร่าที่เรืองรองอยู่รอบปากหลุมทำให้ใช้เป็นจุดสังเกตได้ดี อารินโบกไม้กายสิทธิ์รุ่นทดลองไปยังบอลแอซเทค ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอยื่นไม้คืนให้มินตี้ แล้วเรียกฮาโตะมาแทน

    ทันทีที่อารินดีดนิ้ว ฮาโตะก็กลายเป็นกลุ่มขนนกปลิวว่อน พร้อมกับมีไม้กายสิทธิ์รูปทรงคล้ายๆกับของมินตี้หมุนควงลงมาอยู่ในมือของเธอ เป็นไม้กายสิทธิ์สีขาวอมชมพู (ดูสุขภาพดี?) เป็นเงาวาว ประดับด้วยแถบคล้ายขนนกสีรุ้ง

    “ไม้กายสิทธิ์Duel Feather ฉันเคยลองทำดูน่ะค่ะ แต่ก็ไม่เคยได้เอามาใช้เลย” อารินบอกก่อนจะโบกไม้ Duel Feather ไปยังบอลแอซเทคอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “สงสัยความบริสุทธิ์ของพลังจะน้อยเกินไปสินะคะ” มินตี้พูดเสียงเศร้า เธออุตส่าห์อดหลับอดนอนนั่งทำมันทั้งคืน แถมยังต้องให้อารินกับคาดี้มาหาวัตถุดิบเพิ่มให้ แล้วให้พิพพินเอาไปส่งอีก แต่ความพยายามของทุกคนกลับต้องมาสูญเปล่าเสียนี่

    นูริที่มองภาพเหตุการณ์นั้นอยู่เงียบๆ เห็นแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเสนอความเห็นบ้าง บางทีคงเป็นเพราะรูปร่างของไม้กายสิทธิ์นั้นล่ะมั้งที่ทำให้เขานึกอะไรขึ้น ได้

    “เอ่อ ขอโทษนะครับ แต่ผมสงสัยว่ามันไม่ได้เอาไว้ใช้หวดลูกหรอกเหรอ?” นูริบอก ทำเอาเหล่าชาวปังย่ามีสีหน้าแปลกใจกันหมด ตรงข้ามกับเหล่าคนจากนอกเกาะที่ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย


    “ทำไมว่างั้นล่ะคะ” มินตี้ถามกลับ คิดยังไงให้เอาไม้กายสิทธิ์ไปหวดบอลล่ะนี่

    “ก็... ไม้กายสิทธิ์ของพวกคุณเหมือนคลับเซ็ทที่ไว้ตีกอล์ฟเปี๊ยบเลยน่ะสิ ลูกก็มี หลุมก็พร้อมด้วย” นูริกล่าวอย่างมั่นใจ ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนคลับเซ็ทที่เขาเคยเห็น แต่รูปทรงแบบนั้นมันต้องเอาไว้หวดกอล์ฟแน่ๆ แต่สาวๆก็ยังทำหน้าเหมือนเขากำลังบอกว่าส้อมเอาไว้หวีผมอยู่ก็ไม่ปาน

    “งั้น...มีลูกอะไรกลมๆ แบบนี้มั่งมั้ยฮะ เดี๋ยวผมทำให้ดู” นูริชี้ไปที่บอลแอซเทคซึ่งมีขนาดๆพอๆกับลูกกอล์ฟเลยทีเดียว มินตี้หันไปคุ้ยกล่องอุปกรณ์ก่อนจะหยิบเอาลูกบอลกลมใสด้านในมีน้ำใส่่ไว้ออก มายื่นให้ ด้วยสีหน้าที่ยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่

    นูริวางบอลแอซเทคจำลองลงบนพื้นใกล้ๆ บอลแอซเทคของจริง แล้วหยิบไม้กายสิทธิ์รุ่นทดลองของมินตี้มาถือไว้ เขาเล็งหัวไม้ไปยังลูกบอลแล้วหวดวงสวิงอย่างงดงาม ส่งลูกลอยออกไปไกล 200 กว่าหลา

    “แบบนี้หวดซัก 3-4 ทีก็น่าจะลงหลุมแล้วล่ะ ถ้าไม่ชนประภาคารตรงนั้นน่ะนะ” นูริมองตามลูกที่กลิ้งไปกับพื้นก่อนจะค่อยๆหยุดลง

    “หึหึ ยังอ่อนหัดนักเจ้าหนู หวดไม้แรกน่ะ มันต้องหวดอย่างมีเทคนิคหน่อย ...เอ่อมีลูกกลมๆแบบนี้อีกมะ?” อาเธอร์เดินเข้ามาแจมด้วยดึงไม้กายสิทธิ์ที่กลายเป็นไม้กอล์ฟไปแล้วมาจากนู ริ

    เขาตั้งท่าเล็งด้วยตำแหน่งที่ต่างจากนูริ ก่อนจะวาดวงสวิงออกไป ลูกกอล์ฟจำเป็นลอยละลิ่วไปยังตำแหน่งใกล้เคียงกับของเด็กหนุ่ม แล้วหมุนควงไถหญ้าเป็นรอยยาวไปข้างหน้าอีก

    “นี่แหละ ลูกพาวเวอร์สปินของถนัดฉันล่ะ” อาเธอร์พูดอย่างภาคภูมิใจ

    “หูย สุดยอด ลุงสอนผมมั่งดิ” นูริมองตามด้วยดวงตาเป็นประกาย ดูเหมือนโรคคลั่งไคล้กอล์ฟจะเริ่มออกอาการซะแล้ว แต่แล้วก็มีมือมาสะกิดไหล่นูริ

    “ของแบบนั้นน่ะ แค่ตีแบบกดลูกหน่อยก็ใช้ได้แล้ว เทคนิคสุดยอดจริงๆมันต้องแบบนี้ นายน่ะ ไปยืนตรงนั้นหน่อยซิ” เซซิเลียดึงไม้จากอาเธอร์ไปถึงไว้มั่ง แล้วขอลูกมาตั้งอีก

    “อยู่นิ่งๆล่ะ” เซซิเลียกำชับอาเธอร์ที่โดนสั่งให้ไปยืนขวางทางลูกพอดี เขาพยายามยืนให้นิ่งที่สุดทั้งที่ใจก็เต้นตุ๊มๆต่อมๆ ไม่รู้ว่าบอลมันจะกระแทกเข้าเบ้าตาเมื่อไร

    เซซิเลียหวดวงสวิงออกไปบ้าง แต่แทนที่ลูกจะลอยไปตรงๆ มันกลับลอยอ้อมอาเธอร์ไปเป็นวิถีโค้งก่อนจะตกลงข้างหลังเขา

    “เคิร์ฟได้ซะอย่าง ต่อให้ประภาคารตรงนู้นขวางแค่ไหนก็ไม่มีหวั่น” เซซิเลียโยนไม้ใส่มืออาเธอร์ที่ยังหันมองลูกบอลอย่างทึ่งๆ แต่คนที่ทึ่งที่สุดคงจะไม่พ้นชาวปังย่า ที่ชักจับต้นชนปลายไม่ถูก

    “จ...จะ...จะเอาไม้กายสิทธิ์ไปหวดบอลแอซเทคจริงๆเหรอคะ” มินตี้พูดอย่างเกรงๆ เธอล่ะกลัวจริงๆว่าบอลมันจะเสื่อมพลังก่อนถึงหลุม

    “ถ้าคิดตามหลักทฤษฏีแล้ว การใช้ไม้กายสิทธิ์ซึ่งมีความเข้มข้นของเวทมนตร์สูง ตีบอลแอซเทค บอลก็อาจจะเสื่อมพลังลงบ้าง แต่น่าจะน้อยที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกับการใช้อย่างอื่นยกมันไปน่ะนะ” คาดี้เอ่ยวิเคราะห์ สีหน้าเธอก็ดูไม่อยากให้บอลแอซเทคถูกหวด แต่ในเมื่อเสกให้มันลอยไปเองไม่ได้ ก็คงได้แต่ใช้วิธีที่ทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

    “อีกอย่าง เราไม่รู้ว่าต้นตอไม้กายสิทธิ์จริงๆมาจากที่ไหนกันแน่ แต่ในเมื่อที่โลกภายนอกก็มีเหมือนกัน แล้วเขาใช้แบบนี้กันล่ะก็... บางทีมันอาจจะเอาไว้ตีจริงๆก็ได้นะ” คาดี้เอ่ยเสริม แม้ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อที่ตัวเองพูดเท่าไรก็ตาม ฮานะที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับหลบไปนั่งกอดเข่าอยู่มุมต้นมะพร้าวเหี่ยวๆ เธออุตส่าห์ฝันว่าจะได้ใช้ไม้กายสิทธิ์แบบสาวน้อยเวทมนตร์ แต่ดันได้เอาไว้หวดลูกแทนซะนี่

    ...ฮือๆ ความฝันฉันป่นปี้หมดแล้ว...

    “มีแผนที่มั้ย?” ลูเซียที่มองๆอยู่ซักพักเอ่ยปากขึ้นบ้าง เธอค่อนข้างขี้เบื่อเลยคิดจะหาอะไรทำแก้เซ็งดูซะหน่อย มินตี้หยิบหนังสือแผนที่ขึ้นมาจากกล่องอุปกรณ์ที่ขนมาจากบ้านอารินส่งให้

    “หลุมอยู่ไหนบ้างล่ะ ลูกกอล์ฟด้วย” เธอถามต่อ โลโล่ที่กำลังจะทำสัญลักษณ์บนแผนที่ให้เงยหน้าขึ้นมองลูเซียก่อนจะเอ่ยแก้

    “ต้องเรียกว่าม่านพลัง กับ บอลแอซเทคนะจ้ะ” เธอบอกยิ้มๆราวกับกำลังสอนเด็กหัดพูด แต่ดูเหมือนลูเซียจะไม่รับมุก

    “ดูยังไงก็ลูกกอล์ฟ”

    “บอลแอซเทคจ้ะ”

    “ลูกกอล์ฟ”

    “บอลแอซเทค"

    เปรี๊ยะ!!!

    ทั้งสองเริ่มส่งประกายไฟฟ้าใส่กันจนพิพพินต้องเข้ามาช่วยห้ามทัพ ต่างคนต่างก็มีนิสัยคล้ายๆ เจ้าหญิงเอาแต่ใจทั้งคู่ พอเจอคนประเภทเดียวกันเลยเกิดอาการไม่ถูกชะตาขึ้นมาดื้อๆ

    ในที่สุดลูเซียก็ได้แผนที่ม่านพลังไปโดยที่ยังไม่มีรายการตบตีเยี่ยงละคร หลังข่าวเกิดขึ้น เธอเหลือบมองนูริที่กำลังสอนชาวปังย่าจับไม้กายสิทธิ์(?)อย่างถูกวิธี ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมามองแผนที่ในมือแทน นิ้วเรียวที่เล็บตัดแต่งเคลือบสีเงาวาวลากไปตามหน้ากระดาษ

    “อืม.... ถ้าแบ่งหลุมแบบนี้ ก็จะต้องตีไปทางนี้ แล้วก็ทางนี้” เธอลากนิ้วไปมาอย่างครุ่นคิด ในที่สุดก็หยิบปากกาออกมานั่งขีดๆเขียนๆ จนคนอื่นเริ่มแปลกใจที่เห็นลูเซียขมักเขม้นกับแผนที่ผิดปกติ

    “คุณลูเซียทำอะไรอยู่เอ่ย” อารินชะโงกหน้ามาเอ่ยถาม พอลูเซียเห็นมีคนสนใจก็ยิ้มอย่างที่ได้รับการปรุงแต่งมาอย่างดี แล้วหันแผนที่ให้ดู

    บนแผนที่ถูกลูเซียลากเส้นจับคู่ม่านพลังกับบอลแอซเทคเข้าด้วยกันจนได้เขตล่ะ 18 คู่ แต่ล่ะคู่มีคำว่า Par 3-5 เขียนกำกับไว้ และในแต่ละเขตยังโดนวงแบ่งส่วนย่อยลงไปอีก มีสัญลักษณ์เล็กๆเขียนกำกับไว้แต่ละเขตย่อยด้วย

    “เอ่อ...แล้วมันคืออะไรเหรอคะ” อารินมองมันอย่างไม่เข้าใจ เธออ่านหนังสือมาก็มาก แต่กลับไม่เคยเจอสัญลักษณ์เหล่านี้เลย

    “ให้เจ้าพวกนั้นดูน่าจะรู้เรื่องนะ” ลูเซียโยนแผนที่ให้นูริ ที่รับมามองปราดเดียวก็เข้าใจทันทีว่าเธอเขียนอะไรลงไป

    “นี่มันคอร์สนี่นา คุณลูเซียเล่นกอล์ฟด้วยเหรอฮะเนี่ย” นูริมองแผนที่ในมือราวกับมันเป็นลายแทงขุมทรัพย์ก็ไม่ปาน

    “เปล่า แต่พอดีฉันมีคิวต้องถ่ายโฆษณาสนามกอล์ฟเปิดใหม่ด้วยน่ะ เลยต้องไปหัดเล่นของจริงนิดหน่อยเวลาถ่ายออกมาจะได้ดูสมจริง ...พวกบังเกอร์นั่นฉันวงตามแผนที่นะ ของจริงสงสัยจะเยอะกว่านั้น” ลูเซียหันมองสภาพแวดล้อมที่ดูราวกับเป็นคนล่ะโลกกับในแผนที่

    “ตีเฉยๆก็น่าเบื่อแย่ เพราะงั้นมาแข่งกันหน่อยมะ”



    คาดี้และเหล่าเพื่อนๆชาวปังย่าที่ไม่มีหน้าที่อะไร ต้องทำ ต่างช่วยกันนั่งตีตารางสกอร์ หูก็ฟังที่นูริอธิบายไปด้วย มีเซซิเลียกับอาเธอร์ช่วยเสริม ให้คนที่เล่นกอล์ฟไม่เป็นฟัง ส่วนลูเซียก็ยึดแผนที่ส่วนอื่นๆของเกาะไปนั่งขีดเล่นแก้ว่างเป็นที่เรียบ ร้อย

    “ได้แล้วค่า~” มินตี้ที่นั่งประกอบไม้กายสิทธิ์อยู่ร้องขึ้น คราวนี้เธอประดิษฐ์ได้เร็วขึ้นเพราะเตรียมชิ้นส่วนมาพร้อมแล้ว เหลือเพียงแค่เอามันประกอบเข้าด้วยกันเท่านั้น

    “ใครจะเอาก่อนเอ่ย” เธอถามขึ้น ฮานะยกมือคนแรก เธอเข้ามารับไม้กายสิทธิ์สีขาวเรียบๆ ไปถือ มันดูเบาๆลอยๆพิกล ราวกับเป็นวัตถุไร้มวลสาร

    “ทำไมมันดูเหมือนไม่มีน้ำหนักเลยล่ะคะ” ฮานะเหวี่ยงมันไปมารู้สึกหวิวๆ แปลกๆ

    “อ๋อ ไม้กายสิทธิ์จะเปลี่ยนรูปร่างไปตามคนใช้น่ะค่ะ แต่พวกคุณไม่ได้ฝึกใช้เวทมนตร์มาแบบพวกเรา เพราะฉะนั้นมันอาจจะตอบสนองช้าหน่อยนะคะ” มินตี้อธิบาย

    ไม่นานนักมินตี้ก็ทำไม้กายสิทธิ์ให้ครบทุกคนยกเว้นนูริที่บอกว่าถูกใจไม้ กายสิทธิ์รุ่นทดลองแล้ว เลยจะขอใช้เซ็ทนั้นแหละ หลังจากทุกคนรับไม้กายสิทธิ์ไปถือแล้ว ก็ยังไม่มีของใครเปลี่ยนแปลงรูปร่างเลยสักคน

    “ที่บอกให้พยายามสื่อกับไม้มันต้องทำยังไงล่ะครับ” แม็กซ์มองวัตถุยาวๆในมือจะว่าขาวก็ขาว จะว่าใสก็ใส แต่ดูจะเข้าข่ายไร้รูปร่างมากกว่า เหมือนเป็นก้อนพลังงานอะไรซักอย่าง

    “กับคนที่ไม่รู้จักเวทมนตร์เลยนี่อธิบายยากน่าดูเลยแฮะ” มินตี้เกาหัวแกรกๆ อย่างไม่รู้จะบอกยังไงให้เข้าใจดี

    “แต่คนที่รู้จักมาตั้งแต่เกิดบางคน กว่าจะเข้าใจก็ล่อซะเป็นปีๆเลยเหมือนกันนะ” คาดี้เอ่ยพลางมองทิกิที่นอนตีตารางสกอร์เบี้ยวๆอยู่ ท่าทางจะไม่รู้เลยว่าหมายถึงตัวเอง

    “เหอะๆ งั้นหนูฝากพี่คาดี้ด้วยละกัน ของีบหน่อยล่ะ ไม่ได้นอนมาเกือบ 2 วันแล้ว” ว่าจบมินตี้ก็อุ้มตัวมจจิบนหัวซึ่งเหมือนของทิกิเปี๊ยบวางลงบนพื้นหญ้า แล้วล้มตัวลงนอนหนุนปลายไม้กวาดข้างๆ

    “อืมม... ถ้างั้นลองแบบนี้ดูละกัน ถือไม้กายสิทธิ์ไว้ แล้วนึกภาพว่าเรากำลังถ่ายทอดจิตวิญญาณของเราลงไปในไม้ เชื่อมต่อเรากับไม้กายสิทธิ์เข้าด้วยกัน ให้รู้สึกเหมือนไม้เป็นส่วนหนึ่งของเรา...” คาดี้พยายามพูดให้แต่ละคนจินตนาการนึกตามได้ง่ายๆ

    ...เหมือนไม้เป็นส่วนหนึ่งของเรา...

    แม็กซ์นึกถึงตอนที่โค้ชของเขาพูดแบบเดียวกันนี้เมื่อตอนเขาซ้อมเทนนิส บางทีมันอาจจะเป็นความรู้สึกคล้ายๆกันก็ได้ เขาลองยกไม้ขึ้นเหวี่ยง รู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่างที่กำลังไหลเวียนอยู่ที่แขนและค่อยๆส่งต่อไป ยังไม้กายสิทธิ์ในมือ

    ไม้กายสิทธิ์ที่เคยไร้รูปร่างค่อยๆ เปล่งแสงสีเงินยวง กลายเป็นท่อนเหล็กตั้งแต่ปลายด้ามลงไปถึงหัวไม้ แสงสีแดงคล้ายไอพ่นยามยานรบพุ่งทะยาน ปรากฏขึ้นที่หัวไม้ ทรงหกเหลี่ยม ดูแปลกตา

    “อ้ะ! ได้แล้ว” เขาร้องอย่างดีใจ พลางพลิกมันไปมา รู้สึกถึงน้ำหนักที่กำลังเหมาะมือเขาเลยทีเดียว อารินปรบมือแสดงความยินดีกับเขาเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้เขายิ่งเป็นปลื้ม

    ...เสียฟอร์มมาหลายรอบ จะได้กู้หน้าคืนบ้างก็คราวนี้ล่ะน่า...

    เขามองไม้กายสิทธิ์ในมืออย่างสำนึกในบุญคุณ พลางคิดว่าจะตั้งชื่อเท่ห์ๆให้มันเสียหน่อย

    “งั้นฉันจะให้แกชื่อว่า SY After Burner ก็แล้วกัน”

    “คุณแม็กซ์ทำได้แล้วเหรอ ฮึ่ม! หนูไม่ยอมแพ้หรอกน่า” ฮานะกำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่นจนกลัวว่ามันจะหักคามือหรือเปล่า

    “เรียกพี่ก็ได้น่า” แม็กซ์บอกยิ้มๆ ปนเหงื่อตกที่เห็นฮานะทำท่าเหมือนกำลังจะบีบคอคน แต่กลับเป็นไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือแทน ฮานะหลับตาลงพยายามนึกถึงนิยายที่เคยอ่านมา

    ...เอ คงเหมือนเวลาผู้กล้าชาร์จพลัง แล้วซัดใส่จอมมารล่ะมั้ง...

    เธอรวมรวบสมาธิแล้วเพ่งจิตไปที่ไม้กายสิทธิ์ในมือซึ่งเปล่งแสงสีขาวน้อยๆ ตอบรับพลังของเธอ มันค่อยๆกลายเป็นคทาสีชมพูหวาน ผูกด้วยริบบิ้น ที่หัวคทาเป็นสีทอง ดูคล้ายกับพวกคทาแปลงร่างของเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ในอนิเมะ (การ์ตูนอนิเมชั่นของญี่ปุ่น)

    “น...น่ารักจังเลย อย่างกับคทาของพวกแม่มดน้อยแน่ะ ไม้กายสิทธิ์น่ะมันต้องแบบนี้! งั้นต้องเรียกว่า Magical Stick สินะ” ฮานะแกว่งไม้กายสิทธิ์ที่หน้าตาสมเป็นไม้กายสิทธิ์ไปมาอย่างชอบใจ

    “หืม ทำยังไงกันน่ะ” เซซิเลียถามทั้งสองคน ซึ่งก็ได้คำตอบกลับมาคนล่ะอย่าง

    “ผมนึกถึงตอนเวลาตีเทนนิสน่ะ เวลาต้องควบคุมไม้ไปตามการเคลื่อนไหวของเรา มันก็คงเป็นอะไรคล้ายๆอารมณ์แบบนั้นล่ะมั้ง” แม็กซ์บอก

    “หนูนึกภาพเวลาพวกผู้กล้าเขาปล่อยพลังใส่ตัวร้าย อารมณ์ประมาณเหมือนอยากซัดอะไรซักอย่างออกไปมั้งคะ” ฮานะบอกบ้าง

    “ออ... ก็แค่ใส่ความเป็นตัวของตัวเองลงไปในไม้เองนี่นา” เซซิเลียเอ่ยสรุปให้

    “ถ้าแบบนั้นก็ไม่ยากเท่าไร” คูห์ที่จ้องไม้ในมือตัวเองอยู่นาน โยนไม้ขึ้นในอากาศ มันหมุนควงกลับลงมาในมือของเด็กสาวอีกครั้งด้วยรูปร่างที่เปลี่ยนไป จากไม้ไร้รูปร่างกลายเป็นไม้สีดำ ตรงปลายเต็มไปด้วยหนามแหลม มีออร่าสีดำห่อหุ้มน้อยๆก่อยจะล่องลอยหายไป

    เหล่าผู้ใช้เวทย์ต่างจ้องมองไม้กายสิทธิ์ของคูห์ที่ไม่ทอประกายแสงสีขาว เหมือนคนอื่น แต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจอะไรเท่าไร ต่างจากคนอื่นๆที่ล้วนงุนงงว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

    “ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะ เวทมนตร์ที่นี่น่ะ มีทั้งมนต์ขาว และมนต์ดำ ในกรณีพวกคุณก็คงแล้วแต่ว่าไม้กายสิทธิ์จะตอบสนองกับพลังแบบไหน แต่ถ้าหากฝึกฝนดีๆแล้วก็จะใช้ได้ทั้งสองประเภทอย่างดิฉัน” คาดี้เอ่ย ทำให้คลายความสงสัย เธอก้มลงตีตารางสกอร์ต่อ โดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรเพิ่มเติม อารินหันมองผู้เป็นแม่มดรุ่นพี่ด้วยสีหน้ากังวล แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรต่อหน้าคนอื่น

    “Spike Hammer ชัดๆ ของแบบนี้มันไว้ใช้ทุบ มากกว่าใช้ร่ายเวทย์แล้วมั้ง” คูห์ควงไม้กายสิทธิ์ในมือไปมาราวกับมันเป็นอาวุธเบาๆ พอผนวกเข้ากับปืนใหญ่หัวกระโหลกที่อยู่ข้างหลัง ก็ทำเอาชาวบ้านรู้สึกหวาดผวาไม่กล้าเข้าใกล้ตะหงิดๆ

    ไม้กายสิทธิ์ของเซซิเลียกับอาเธอร์ก็ตามมาติดๆ ทั้งสองเปล่งแสงสว่างสีขาว ของเซซิเลียมีหน้าตาคล้ายๆของแม็กซ์แต่เป็นสีฟ้า ส่วนของอาเธอร์เป็นกระบองตำรวจที่ดูละม้ายคล้ายไม้เบสบอลมากกว่า

    “หืมม์ ดูๆไปไอ้นี่มันก็คล้ายๆพวกยานรบด้วยสิ ท่าทางเราจะรสนิยมเหมือนกันนะ” เซซิเลียหันไปมองไม้กายสิทธิ์ของแม็กซ์ที่ยิ้มรับ บ่งบอกว่าเธอนั้นเดาไม่ผิด

    “งั้นชื่อ SE After Burner ไปละกัน ขี้เกียจคิดใหม่” เธอลอกชื่อไม้ของชายหนุ่มมาดื้อๆ ก่อนจะเดินไปเหวี่ยงเล่น มีแม็กซ์ที่อ้าปากค้างแต่ไม่กล้าเถียงนั่งอยู่ข้างหลัง

    “ของฉันดูยังไงก็ Baseball Bat แฮะ เอาไว้ไบ่หวดพวกผู้ร้ายท่าจะเหมาะมือ” อาเธอร์มองไม้ในมือตัวเองเทียบกับของคนอื่นแล้วดูกิ๊กก๊อกไปเลย อันที่ดูธรรมดาๆพอกันก็คงจะมีแต่ของนูริซึ่งเป็นรุ่นทดลอง

    “แล้วของผมต้องจัดการอะไรกับมันรึเปล่าฮะ?” นูริชี้ไม้หน้าตาเบสิก คาดี้นิ่งคิดอยู่ครู่ก็พยักหน้าให้

    “ลองส่งพลังให้มันหน่อยก็ดีค่ะ จะได้ซิงโครกับผู้ใช้ได้ดีขึ้น” เธอตอบ

    นูริลองส่งพลังให้ไม้กายสิทธิ์รุ่นทดลอง มันค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีบรอนซ์ แต่ยังคงหน้าตาแบบเดิมไว้ เขาลองหวดอากาศดู รู้สึกควบคุมทิศทางไม้ได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว

    “ต้องแบบนี้สิ อัศวินแห่งสายลม Air Knight เอ่อ...ต้องเรียกหมายเลขสองสินะ จะมากอบกู้เกาะปังย่าแล้ว” เขาชูไม้ขึ้นฟ้า กล่าวอย่างฮึกเหิม แต่ทว่ายังมีอีกคนที่ไม้กายสิทธิ์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย

    ...ถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นตัวของตัวเองลงไปอย่างงั้นหรือ... ฉันมีของแบบนั้นที่ไหนกันเล่า...

    ลูเซียที่ยืนหันหลังให้คนอื่นๆ มองไม้กายสิทธิ์ไร้รูปร่างตรงหน้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็มีแต่ไอดอลสาวแสนสวย ผู้เพอร์เฟ็ค เบื้องหลังเครื่องสำอางที่เติมแต่งมาอย่างดีแล้วเท่านั้นแหละ

    ...จริงสิ สิ่งที่พอจะใช้สื่อได้ก็คงมีแค่...

    “ลา...ล้า...ลา...ลัล...ลา...”

    เสียงเพลงแสนหวานดังขึ้นเบาๆผสานไปกับเสียงของสายลม เสียงที่ขับกล่อมให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม จนต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเพื่อที่จะฟังเสียงของเธอ แต่ว่า...

    พลังแห่งเสียงเพลงแสนไพเราะนั้น กลับกลายเป็นออร่าดำทะมึน...

    “ง่ะ... ดูสิพี่คาดี้ เจ้าลัทธิมนต์ดำจริงๆด้วย” ทิกิเห็นดังนั้นก็เอ่ยเถียงพี่สาว ออร่าที่แผ่ออกมารอบตัวลูเซียนั้นทำให้เธอรู้สึกขนลุก

    พลังแห่งมนตราที่เอ่อล้นออกมานั้นราวกับมันถูกเก็บงำไว้มานานแสนนานจนหลั่ง ไหลออกมามากมายตามท่วงทำนองที่ขับขาน ออร่าสีดำคล้ายหมอกควันที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้หมุนวนรอบตัวก่อนจะถูกดูด เข้าสู่ไม้กายสิทธิ์ที่กลายเป็นไมโครโฟน

    “หึ Microphone งั้นเรอะ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเล้ย” ลูเซียมองของที่คุ้นหน้าคุ้นตาในมือ นักร้องกับไมค์ ยังไงก็ของคู่กันสินะ

    นอกจากเหล่าผู้ใช้เวทย์ในเกาะปังย่าแล้ว คนอื่นๆก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรกับมนต์ดำที่ลูเซียเพิ่งปล่อยออกมาเมื่อครู่ คิดแต่ว่าคงเป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่คาดี้บอก

    “คูห์ยังไม่เท่าไร แต่คุณลูเซีย...” อารินกระซิบกับคาดี้ที่เผลอมองตาค้างไปครู่หนึ่ง เธอส่งสีหน้าเคร่งเครียดมาทางอาริน

    “พลังแห่งธรรมชาติหรือก็คือเวทมนตร์ จะตอบสนองกับจิตใจของคนใช้ ต่อให้เป็นคนจากโลกต่างซึ่งไม่มีเวทมนตร์ แต่ถ้าเข้ามาอยู่ในเกาะนี้ สิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างพลังชีวิตก็จะกลายเป็นรูปธรรมได้เหมือนกัน มนต์ดำจะตอบรับคูห์ที่มีความแค้นกับพวกปีศาจก็ไม่แปลก ถ้าเธอควบคุมความรู้สึกนั้นได้ ไม้กายสิทธิ์ที่ได้มาก็จะทรงพลังมหาศาลเชียวล่ะ” คาดี้เอ่ยวิเคราะห์ ความจริงแล้วมนต์ดำเป็นพลังที่พวกปีศาจใช้กัน น้อยนักที่จะเห็นมันในเกาะปังย่า การที่มันปรากฏขึ้นแสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างดึงดูดมันมา

    “...ส่วนคุณลูเซีย... ดูเหมือนทิกิของเราจะไปเก็บตัวอันตรายมาซะแล้วล่ะ ออร่ามนต์ดำที่มากมายขนาดนั้น ถ้าคุมไม่อยู่ล่ะก็... อาจจะได้กลายเป็นปีศาจในร่างมนุษย์ไปเลยแน่ๆ... คนอะไรทำไมถึงมีจิตใจที่ตอบสนองกับพลังแห่งความมืดได้มากขนาดนั้นกันนะ” แม่มดสาวเอ่ยเสียงเบาอย่างเกรงๆ ที่จริงเธอก็คิดไว้แล้วว่าคนที่ไม่ค่อยจะสนใจใครเลย แถมยังจะมาที่นี่เพื่อทรัพย์สมบัติอีกอย่างลูเซีย คงไม่ได้รับเวทมนตร์แห่งแสงไปเป็นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปได้ดีกับความมืดขนาดนี้

    ...สงสัยที่ทิกิบอกว่าเป็นเจ้าลัทธิมนต์ดำจะไม่ผิดซะแล้วแฮะ...

    “คุณคาดี้คะ” ฮานะร้องเรียก ทำให้การสนทนาหยุดชะงักไป

    “มีอะไรเหรอคะ” คาดี้พยายามทำสีหน้าปกติเอ่ยถาม ฮานะมองคนอื่นๆที่กำลังเห่อไม้กายสิทธิ์ของตัวเองกันอยู่อย่างลำบากใจก่อนจะเอ่ย

    “คือ... ไม้หน้าตาแบบนั้นน่ะ มันจะใช้ตีได้เหรอคะ”

    คาดี้มองเหล่าไม้กายสิทธิ์ที่รูปร่างห่างไกลจากคลับเซ็ทที่นูริว่าไว้ไป หลายขุม ดูเหมือนว่า พวกเขาจะต้องผจญกับปัญหาบ้าๆบอๆชวนปวดหัวเข้าอีกแล้วสิเนี่ย

    End of Hole 4

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×