ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กองเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์
Blue Romance
By Blue Planet
Hole 3 กองเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์
เสียงเคาะประตูเบาๆ เข้ามาพร้อมกับกลิ่นอาหารหอมๆ เรียกให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้น เขากระพริบตาปรับสายตาให้เข้ากับแสงไฟในห้อง
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ แต่ฉันคิดว่ากินข้าวให้ครบมื้อน่าจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่านอนเฉยๆ” อารินที่ถือถ้วยข้าวต้มเข้ามายื่นชามให้แม็กซ์ที่ค่อยๆยันตัวขึ้น ฮาโตะที่บินตามมาด้วยร่อนลงเกาะบนหัวเตียง
“อูย” เขางอตัวลงเมื่อแผลที่สีข้างโดนกระทบกระเทือน อารินเห็นดังนั้นก็รีบวางถ้วยไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน แล้วเข้าไปช่วยพยุง
“แหะๆ หมดสภาพเลยเรา” แม็กซ์เอ่ยอย่างเขินๆ เพิ่งเจอหน้าสาวน้อยน่ารักเข้าทั้งที ก็ดันเจอกันตอนสภาพดูไม่จืดสุดๆซะได้
“แหม คนกำลังบาดเจ็บนี่นา ไว้หายดีแล้วค่อยไปทำเท่ห์ทีหลังก็ยังไม่สายหรอกค่ะ” อารินพูดขำๆ เธอเห็นสภาพแม็กซ์แบบนั้นเลยตัดสินใจเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วยก ข้าวต้มขึ้นมาเป่าให้
“อ้ามม~~ม”
ช้อนที่พูนด้วยข้ามต้มอุ่นๆ ถูกยื่นมาจ่อตรงปากชายหนุ่มที่หน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าข้าวต้ม สีแดงเรื่อถูกระบายไปถึงใบหู เขาค่อยๆอ้าปากรับอย่างขัดเขิน รู้สึกว่าข้าวต้มมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในโลก
พอเห็นอาการแม็กซ์แบบนั้น อารินก็พลอยหน้าแดงตามไปด้วย เธอมองซ้ายมองขวาพยายามหาเรื่องคุยกลบเกลื่อนบรรยากาศแปลกๆ
“เอ่อ... คุณแม็กซ์”
“เรียกแม็กซ์เฉยๆก็ได้ครับ ดูเราอายุก็น่าจะพอๆกัน” แม็กซ์ตอบ พยายามให้ดูสบายๆ
“อ่ะค่ะ แม็กซ์มาที่เกาะปังย่าได้ยังไงเหรอคะ” อารินเริ่มบทสนทนา ทั้งคู่ได้คุยกันบ้างแล้ว แต่ถามกันแต่เรื่องบาดแผล เลยไม่ได้สอบถามอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“อืมมม... พอดีผมมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็เลยขับเครื่องบินมาเพลินๆ แล้วอยู่ดีๆทิวทัศน์รอบๆตัวผมก็เปลี่ยนไป กลายเป็นที่ๆผมไม่รู้จัก พอรู้ตัวอีกทีผมก็โดนปืนใหญ่ยิงเข้าซะแล้ว ดีที่เบี่ยงหลบได้ทันเลยโดนแค่ตรงปีก แล้วผมก็ทิ้งเครื่องแล้วตกลงน้ำได้หวุดหวิดเลยครับ” แม็กซ์อธิบายให้ฟัง พอนึกถึงช่วงวินาทีเสี่ยงตายก็ยังอดเสียววาบขึ้นมาในช่องท้องไม่ได้
“น่ากลัวจัง... แม็กซ์โชคดีมากๆเลยนะคะที่รอดมาได้ อืม...สงสัยว่าตอนนั้นจะเป็นตอนที่คุณพิพพินวาร์ปกลับมาที่เกาะพอดี แม็กซ์ก็เลยโดนพ่วงมาด้วยแน่ๆเลย ...น่าเสียดายนะคะเครื่องบินลำนั้นคงจะแพงน่าดูเลย” อารินป้อนข้าวต้มให้แม็กซ์อีกคำ รู้สึกขัดเขินน้อยลงบ้าง
พอพูดถึงเครื่องบิน แม็กซ์ก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย เขาไม่ได้เศร้าที่เสียเครื่องบินสุดรักไป แต่พอหวนนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับมันแล้วก็อดเศร้าไม่ได้ เขามองอารินที่กำลังก้มหน้าก้มตาเป่าข้าวต้มร้อนๆให้เย็นลง ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขารู้สึกแบบนั้น แต่บางทีการระบายอะไรให้เธอฟังบ้าง อาจจะทำให้เขาสบายใจขึ้นก็ได้
“อารินรู้แล้วสินะครับว่าผมเป็นนักเทนนิสมือโปร...” เขาเกริ่น อารินเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทางแปลกใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็รอเป็นผู้ฟังที่ดี
“ฉันไม่เคยออกไปยังโลกภายนอก แต่ได้ยินว่านักกีฬาเก่งๆที่นั่น จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก แล้วก็ค่อนข้างร่ำรวยด้วยค่ะ” เธอบอกอย่างตรงไปตรงมา
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิดนักหรอกครับ แต่ว่า... ก่อนที่ผมจะมาถึงจุดนี้ ฐานะผมไม่ค่อยดีนักหรอก ผมก็เลยหันมาทุ่มเทให้กับเทนนิส เพื่อใช้มันเป็นบันไดสู่ชื่อเสียงเงินทอง ทั้งที่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ชอบมันเท่าไรหรอกนะ” เขาเหม่อมองเพดาน หวนระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ
“...ตอนเด็กๆผมเคยไปดูเขาซ้อมเครื่องบินรบกันด้วย เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะรู้สึกดีขนาดไหนนะ ที่ได้โบยบินอย่างอิสระไปบนฟากฟ้า พอผมมีเงินเก็บมากพอแล้วผมก็เลยซื้อเครื่องบินส่วนตัวเล็กๆมา ถึงมันจะไม่ใช่เครื่องบินรบอย่างที่หวังไว้ก็เถอะ
มันรู้สึกดีอย่างที่คิดจริงๆ ละทิ้งทุกอย่างไว้บนพื้น แล้วทะยานสู่ก้อนเมฆเบื้องบน แต่ว่า... ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ทั้งที่ผมก็ได้ทุกอย่างที่ผมเคยเฝ้าฝันแล้ว แต่มันก็ยังเหมือนขาดอะไรไป และแล้ววินาทีที่รู้สึกว่าตัวเองอาจจะต้องตายผมก็ได้รู้ ว่าชีวิตของผมมันไร้ค่าขนาดไหน”
เขาเบนสายตากลับมายังอาริน แววตานั้นมีประกายความมุ่งมั่นบางอย่างแฝงอยู่ ราวกับคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
“จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าหากผมจะขอเดินทางไปกับพวกคุณด้วย ผมไม่อยากตายไปโดยได้รับการจารึกชื่อว่าเป็นเพียงผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งและ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ผมอยากจะได้ใช้ชีวิตของผมให้มีคุณค่ามากกว่านั้นโดยการทำประโยชน์อะไรให้ โลกนี้บ้าง”
“...ได้ยิน...ด้วยเหรอคะ” อารินเอ่ยอย่างแปลกใจ เธอคิดว่าเขาสลบอยู่เสียอีก
“ครับ ตอนนั้นผมยังมีสติอยู่ลางๆ แต่ยังขยับตัวไม่ได้ ถึงที่นี่จะไม่ใช่โลกของผม แต่ก็ได้คนจากโลกนี้ช่วยชีวิตไว้ ถ้าหากช่วยอะไรได้บ้างผมก็อยากทำครับ” แม็กซ์พูดอย่างจริงจัง อารินนิ่งคิดอยู่ครู่ แล้วเอาข้าวต้มใส่ปากแม็กซ์
“ไว้หายป่วยก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยว่ากัน” เธอกล่าวยิ้มๆ เอาผ้าเช็ดปากให้เขาเหมือนเด็กๆ “...แต่เดี๋ยวจะคุยกับคุณคาร์ดี้ดูให้ละกันนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ อาริน ...เอ่อ...ว่าแต่...ทรงผมของผมมันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” แม็กซ์ถามเสียงหงอยๆ ท่าทางจะโดนคำพูดของลูเซียเสียดแทงใจอย่างสาหัสเอาการ
“คิกๆ มันก็...ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ” อารินหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแม็กซ์ทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง “...เอ้า ถ้าฉันโกหกขอให้ฟ้าผ่าเลยค่ะ”
ตูมมมม!!!!!
สวรรค์บัญชาเร็วทันใจ จนแม็กซ์มีสีหน้าแหยเกกว่าเดิม ทว่าอารินกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดเข้ามาแทน เธอไม่แน่ใจนักว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่เสียงฟ้าผ่าแน่นอน ในพริบตาที่สัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้ายที่ตรงเข้ามา เธอก็โผเข้าไปกอดร่างของชายหนุ่มที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกไว้ทันที
“ฮาโตะ!!!”
นกสีชมพูออกบินอย่างรู้หน้าที่ ละอองเวทย์สีฟ้าขาวทอแสงรอบปีกของมัน แล้วขยายใหญ่ออกโอบอุ้มร่างของทั้งสองไว้ ก่อนลูกปืนใหญ่จะพุ่งผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที
“อ...อาอิน” แม็กซ์พูดเสียงอู้อี้เมื่อใบหน้าโดนกดลงไปบนเนินอกของหญิงสาวเต็มที่ เศษเหล็ก และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆปลิวว่อน แต่ไม่มีอะไรลอยมาโดนพวกเขาเลย แต่เขาว่าเขาต้องตายเพราะขาดอากาศหายใจก่อนแน่ๆ ถึงจะเป็นการตายที่เป็นความสุขสูงสุดของเหล่าชายหนุ่มก็เหอะ
“เกือบไปแล้วเชียว” อารินปล่อยแม็กซ์ที่อยากจะพูดคำนั้นเหมือนกันออก เธอหันมองกำแพงห้องที่กลายเป็นรู ดีที่ว่านี่เป็นเรือรบ จึงค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าเรือทั่วไป แต่สภาพโคลงเคลงแบบนี้ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าปลอดภัยเต็มร้อย
“เราขึ้นไปที่ดาดฟ้าดีกว่าค่ะ อีกไม่นานน้ำคงท่วมขึ้นมาแน่ๆ ...ลุกไหวมั้ยคะ แม็กซ์” อารินเข้าไปช่วยพยุงร่างที่สูงใหญ่กว่าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็พยายามจะประคองไว้อย่างสุดกำลัง โดยมีฮาโตะที่กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว พยายามช่วยงับเสื้อแม็กซ์ที่ไหล่ขึ้นมา
แม้จะเจ็บปวด แต่แม็กซ์ก็พยายามกัดฟันทน เห็นเธอพยายามช่วยเขาขนาดนี้แล้ว จะมาทำร้องโอดโอยสำออยอยู่ก็คงไม่ดี ทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากห้อง จนออกมาอยู่ในที่โล่ง เสียงปืนใหญ่ยังคงยิงกันตูมตามราวกับหนังสงครามฟอร์มยักษ์
ขณะที่อารินจุดประกายแสงด้วยเวทมนตร์ให้สัญญาณเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ไม่ไกล แม็กซ์ก็เห็นเงาตะคุ่มปรากฏขึ้นมาตรงหางตา
“ระวัง!!!” ชายหนุ่มกระโจนเข้าใส่หญิงสาวที่พยุงเขาอยู่จนล้มกลิ้งไปด้วยกัน ความรู้สึกเจ็บแปลบค่อยๆแล่นริ้วขึ้นมาบนต้นแขน ซึ่งปรากฏรอยแผลเป็นทางยาว
“...แม็กซ์” อารินมองร่างที่คร่อมเธออยู่อย่างตกใจ เลือดอุ่นๆสีแดงสดหยดลงมาบนแขนขาวๆของเธอ “คุณบาดเจ็บอยู่นะ!!”
เธอกล่าวต่อว่าเขา แต่น้ำเสียงแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน เธอออกแรงดันร่างเขาออกไปข้างๆ เมื่อเห็นชายในชุดสีขาวสลับดำเงื้อดาบขึ้นเหนือศีรษะ คมดาบที่เปรอะเปื้อนเลือดจากแขนแม็กซ์ถูกฟันลงบนร่างของอาริน
ทว่าไม่มีโลหิตไหลรินออกมาสักหยด...
“ทางนี้ค่ะคุณโจร” นิ้วเรียวเคาะเบาๆบนไหล่ แต่กลับทำคนโดนเรียกผวาตกใจสุดขีด มองร่างที่ตัวเองเพิ่งฟันไปก็พบแต่ความว่างเปล่า ส่วนคนที่น่าจะตายไปแล้วกลับกำลังยิ้มหวานอยู่ข้างหลัง แม้เธอจะมีสีหน้าเช่นนั้น แต่อะไรบางอย่างบ่งบอกว่าเธอกำลังโกรธ โกรธมากเสียด้วย
“ว...เหวอ!!!” ดาบโค้งถูกตวัดใส่อารินอีกครั้ง แต่ร่างนั้นก็ทำเพียงเอียงคอสงสัยแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้โจรสลัดเสียหลักฟันลม เธอปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหลังแล้วผลักหน้าทิ่มลงน้ำไป
เธอกลับมาอีกรอบก็เห็นแม็กซ์ที่ทำหน้าช็อกโลกแบบลืมเจ็บไปแล้วนั่งนิ่งอยู่ กับที่ พอเขาเห็นอารินตัวเป็นๆเดินตรงมาหาก็หุบปากที่อ้ากว้างของตนลงพร้อมกับสูด หายใจลึกๆเรียกสติ
“อย่างที่เห็นแหละค่ะ ว่าฉันเป็นแม่มด เพราะฉะนั้นห่วงตัวเองก่อนเถอะค่ะ” อารินลูบไปบนแผลยาวบนแขนของแม็กซ์เบาๆ ละอองเวทย์หลั่งไหลออกมาจากปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน
“ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่ผู้ชายที่โลกของผมมีหน้าที่ต้องปกป้องสาวๆนี่นา ต่อให้ผมบาดเจ็บปางตาย ผมก็ยืนดูคุณเฉยๆไม่ได้หรอก” แม็กซ์คลี่ยิ้มที่คิดว่าดูเท่ห์ที่สุด ซึ่งก็ทำเอาอารินหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ แต่เพราะมืดๆเลยเห็นไม่ชัดนัก เธอแกล้งกดที่แผลเขา ทำเอาชายหนุ่มหลุดร้องเสียงหลงหมดมาด
“บอกแล้วไงคะ ไว้หายป่วยแล้วค่อยทำเท่ห์ก็ยังไม่สายหรอก” อารินพูดทั้งที่ก็แอบยิ้มอยู่นิดๆ เธอส่งแม็กซ์ให้ทหารจากเฮลิคอปเตอร์รับไป ก่อนจะหายตัวไปยังเรือใหญ่ของเซซิเลีย
เสียงยิงปืนใหญ่มาเป็นระลอกปลุกเหล่าผู้ที่หลับใหล ให้ตื่นขึ้นรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่กับผู้ที่ไม่เคยได้รับการฝึกมา การที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่ารับมือได้ยากยิ่งนัก
“มายิงปืนใหญ่บอกเวลาอะไรกันแต่เย็นเลย คนกำลังเคลิ้มๆ ชิ” หญิงสาวที่กำลังหลับอยู่บนเตียงสองชั้น พลิกตัวไปอีกทางพลางดึงหมอนมาปิดหู
รับมือได้ยากจริงๆ...
“เฮ้อ~” ฮานะที่นอนอยู่ชั้นล่างถอนหายใจอย่างปลงๆ เนื่องจากที่นี่เป็นโลกที่แตกต่างจากโลกของเธอ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอกับเรื่องแบบนี้ อาจเป็นเพราะฮานะมีความสนใจในเรื่องแฟนตาซีแบบนี้อยู่ด้วยจึงคาดเดาไว้อยู่ แล้วว่ามันต้องมีอะไรมาให้ตกใจเล่นแน่ๆ ถึงมันจะมาเร็วกว่าที่เคยจินตนาการไว้ไปเยอะก็เถอะ
แต่กับคนไร้ความฝันที่นอนอยู่ข้างบน เสียงยิงปืนของโจรสลัดก็คงไม่มีความหมายมากไปกว่าการนอนให้เต็มอิ่มเพื่อ รักษาขอบตาเธอไม่ให้ดำคล้ำหรอก
“คุณลูเซียค้า เราถูกโจมตีแล้วนะคะ” ฮานะเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อคนที่นอนหนีความจริง แต่กลับโดนปัดมือทิ้งอย่างหงุดหงิด เด็กสาวลูบๆหลังมือตัวเอง
...เอาน่ะ อย่างน้อยก็ตื่นแล้ว...เดี๋ยวคงตามมมาเอง...
ฮานะกำลังจะจับกลอนประตูก็ได้ยินเสียงกลอนประตูกำลังขยับได้เอง เธอผงะถอยหลังออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆหาของที่จะใช้เป็นอาวุธได้ และแล้วเธอก็หยิบไอเท็มปริศนาขึ้นมาได้ชิ้นหนึ่ง
โครม!
ประตูถูกผลักออกอย่างแรง มีชายร่างไม่สูงมาก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นน่ากลัว แต่งตัวเหมือนเอาเศษผ้าขี้ริ้วขาวๆดำๆมาห่ม ในมือถือดาบโค้งเป็นเงาวาววับ
“จ...โจรสลัด” ฮานะที่ตั้งท่าอยู่ พอต้องเผชิญหน้าเจริงๆก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้าวถอยหลังไป
ทันใดนั้นผ้าห่มเก่าๆกันหนาวแบบพอเพียงตามแบบฉบับทหารก็คลุมลงมาบนร่าง ผู้บุกรุก เขาดึงทึ้งพลางบิดตัวไปมาเพื่อหาปลายผ้าให้เจอ ซึ่งกว่าจะได้ทำแบบนั้น ฮานะก็รวบรวมความกล้าทุ่มสิ่งที่อยู่ในมือใส่บริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นศีรษะ ของเป้าหมายสุดแรง
“เข้าใจหาของดีนี่” ลูเซียที่ตาสว่างแล้วนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงชั้นสอง มองโจรสลัดห่อผ้าห่มที่แน่นิ่งไปแล้ว ข้างๆมีพจนานุกรมเล่มหนากองอยู่ ถ้าเธอไม่ตาพร่าเพราะความมืด รู้สึกว่าจะเป็นแบบฉบับปกแข็งเสียด้วยสิ
“เพิ่งรู้ว่ามันมีประโยชน์มากก็คราวนี้นี่แหละ” ฮานะก้มลงหยิบพจนานุกรมขึ้นมาปัดฝุ่นบนปก แต่แล้วมือหยาบกร้านก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากกองผ้าห่มอย่างสั่นๆราวกับคนใกล้ตาย จับเข้าที่ข้อเท้าของฮานะ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้หวีดร้อง ลูเซียก็กระโดดลงมาจากเตียงพอดี ส้นเท้ากระแทกเข้าที่ร่างของโจรสลัดผู้เคราะห์ร้ายอย่างน่าสงสัยว่าไม่ได้ ตั้งใจแน่รึ จนร่างนั้นสงบนิ่งอีกรอบ ทั้งสองรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปสมทบกับคนอื่นๆ
“เมื่อกี้ได้ยินเสียงตึงตัง เกิดอะไรขึ้น?” อาเธอร์กับนูริที่อยู่ห้องข้างๆ ถามทันทีที่เจอหน้ากันบนทางเดิน
“โจรสลัดบุกค่ะ ว้าย!” ฮานะตอบก่อนจะเซไปทางนูริเมื่อเรือโคลงตามแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงของน้ำ
“เป็นไรเปล่า” นูริจับไหล่เธอไว้พลางเอ่ยถาม
“อ่ะ โทษที” ฮานะรีบผละออกมาก่อนแล้วเดินนำออกไปหาเซซิเลีย ทั้งฮานะและนูริต่างก็เรียนมาจากที่เดียวกัน แต่กลับไม่เคยเจอหน้ากันเลย จึงดูไม่ต่างจากคนแปลกหน้าของกันและกันนัก
เมื่อทั้งหมดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือก็ต้องพบกับภาพสงครามที่ดูขัดตาในเรื่องมิติ แห่งกาลเวลาอย่างที่สุด คือการปะทะกันระหว่างกองเรือรบ และกองเรือโจรสลัด ซึ่งมาจากยุคสมัยที่ต่างกันสุดขั้ว
“อ้ะ พวกเธอหลบไปก่อนดีกว่า” เซซิเลียที่ยืนสั่งการอยู่หันมาตะโกนแข่งกับเสียงปืนใหญ่ ในมือเธอถือปืนพก ตั้งท่าเตรียมเล็ง พวกเขามองไปรอบๆก็เห็นเหล่าโจรสลัดเหวี่ยงตัวลงมาบนเรือลำต่างๆ และยังมีที่ว่ายน้ำแล้วปีนขึ้นมาอีกด้วย
“มาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย” นูริเอ่ยขึ้น แม้จะกลัวๆอยู่บ้าง แต่ก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ ตามประสาเด็กผู้ชาย ผิดกับเหล่าสาวๆที่กลับลงไปข้างล่างแต่โดยดี
เซซิเลียไม่ได้ตอบคำถามนั้น เธอเบนสายตาออกไปยังท้องทะเลกว้าง สุดสายตาของเธอคือแสงจากคบเพลิงบนเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้มาเพียงลำเดียว แต่มาเป็นกองทัพขนาดพอๆกับกองเรือราชนาวีต่อสู้ลาดตระเวนซิลเวีย ทุกลำมีปืนใหญ่เรียงอยู่ข้างลำเรือ ยิงโจมตีจนควันขโมง
“กองเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์ที่แสนจะเลื่องลือ มาหาเราถึงที่เลยแฮะ” เซซิเลียกล่าวอย่างรู้จักดี แม้จะเพิ่งเคยเห็นกับตาตัวเอง เธอไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังโดนท้าทายอำนาจ
“ไหนขอดูหน้ากัปตันหน่อยซิ” หญิงสาวยิงปืนไปที่ขาโจรสลัดคนหนึ่งที่กำลังปีนขึ้นมาตกน้ำไป แล้วก้าวขึ้นไปยังแท่นตั้งกล้องส่องทางไกลด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างคล่องแคล่ว
เธอซูมเข้าไปยังเรือลำกลาง เหนือแม่ย่านางที่แกะสลักอย่างปราณีต บนนั้นเธอเห็นหมวกลายหัวกระโหลกใบใหญ่ บ่งบอกว่าผู้สวมใส่เป็นกัปตันเรือ กล้องส่องทางไกลแบบโบราณถูกร่างนั้นยกมาทางเธอเช่นเดียวกัน
“อ่ะฮ่า~ กำลังหาตัวฉันอยู่เหมือนกันซะด้วย แน่จริงก็มาเจอกันหน่อยซี่” เซซิเลียยกมือขึ้น ดูเหมือนร่างที่มองเธอผ่านกล้องอยู่จะชะงักไปเล็กน้อย เธอกำมือเข้าจนเหลือแต่นิ้วชี้แล้วกระดิกนิ้วอย่างเชิญชวน
กล้องส่องทางไกลแบบโบราณถูกดึงเก็บ เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาววัยไม่เกิน 11 ขวบ ภายใต้หมวกใบใหญ่เกินตัว ดวงตาสีแดงเพลิงลุกวาว สะท้อนประกายไฟจากลูกปืน ประหนึ่งจะแผดเผาผู้ที่ถูกจ้องมองให้สิ้นซาก
...เด็ก!!!...
เซซิเลียมองภาพนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ กัปตันเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์ที่เพียงแค่เอ่ยถึงแม้เด็กทารกก็ยังร้องไห้ กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเองงั้นหรือ ทว่าเธอก็ไม่มีเวลาให้ตกใจนานนัก เมื่อเด็กสาวดึงดาบโค้งยาวจากลูกเรือ ขึ้นคาบในปากแล้วปีนขึ้นโหนเชือก เหวี่ยงตัวลงมาบนเรือรบบรรทุกเครื่องบิน และกระโดดข้ามเรือที่จอดเรียงกันอยู่พุ่งมาหาผู้บังคับบัญชาสาวอย่างว่องไว ประหนึ่งลูกปืนใหญ่
“ยุขึ้นซะด้วย...แต่ขอโทษนะมันเป็นหน้าที่น่ะ” เซซิเลียยิ้มเครียดๆ ยกปืนพกในมือขึ้นลั่นไก โดยพยายามเลี่ยงเล็งจุดตาย แต่กัปตันตัวน้อยไวกว่าที่เธอประเมินไว้มาก ขาเล็กๆพาร่างนั้นหลบหลีกไปตามหลังเครื่องบินรบที่จอดนิ่งอยู่ และเหล่าป้อมปืน ทำให้กระสุนเธอพลาดไปเสียทุกนัด
“กระสุนหมดอีก ชิ” หญิงสาวกัดฟันอย่างเจ็บใจ เธอเก็บปืนลงซอง ก่อนจะก้าวถอยหลักไปตั้งหลัก ตรงข้ามกับร่างเล็กที่กระโดดตีลังกาลงมาบนพื้นดาดฟ้าเรือตรงหน้าเธอแล้ว
“แกเป็นตัวหัวหน้าสินะ” เด็กสาวตวัดดาบโค้งลงข้างตัวราวกับสิ่งนั้นเป็นเพียงแท่งโฟมเบาๆ ร่างนั้นค่อยๆก้าวเข้ามาหาเซซิเลียที่เป็นฝ่ายเดินถอยหลังช้าๆ
“ถ้านั่นหมายถึงผู้บังคับบัญชาล่ะก็ ใช่ ฉันคือเซซิเลีย ผู้บังคับบัญชานาวิกโยธิน แห่งกองเรือราชนาวีต่อสู้ลาดตระเวนซิลเวีย ...ถามเขาแล้วก็ต้องแนะนำตัวเองด้วยสิเด็กน้อย” เธอเอ่ยตอบ ดวงตากวาดมองหาทางแก้สถานการณ์เสียเปรียบตรงหน้า
“บอกไปก็เสียเวลาเปล่า” ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิง ที่ค่อนข้างน่ารักเสียด้วย แต่กลับมีท่าทางและลักษณะการพูดราวกับเด็กผู้ชาย ถ้าพวกลุงแก่ชอบเต๊าะเด็กมาเห็นเข้า คงได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เสียของ” เป็นแน่
“แหม... พวกโจรนี่ไร้มารยาทกันจริงๆเลย” เซซิเลียก้มหลบดาบคมที่ตวัดเข้าใส่ แล้วรีบพุ่งตัวไปยังกลางเรือ เธอดึงดาบเรียวยาวที่แขวนประดับอยู่บนนั้นลงมา พลางสะบัดรองเท้าส้นสูงทิ้งไป รู้สึกโชคดีจริงๆที่ไม่ได้โดดตอนเข้าโรงฝึกอาวุธระยะประชิด สมัยสอบเข้ามาเป็นทหารใหม่ๆ
สองสาวต่างวัยต่างเข้าห่ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หนึ่งฟาดฟันดาบโค้งใหญ่อย่างหนักหน่วงเปี่ยมด้วยพลังรุนแรง หนึ่งรุกรับตวัดดาบเรียวยาวอย่างมีชั้นเชิงมากด้วยลีลาอันงดงาม โลหะมันปลาบเปล่งประกายวาววับล้อแสงประกายจากปากกระบอกปืน กระทบกันดังกังวานไปทั่วทั้งดาดฟ้าเรือใหญ่
ทว่าความเจนจัดในการต่อสู้จริงกลับค่อยๆแสดงผลของมันออกมาทีละน้อย จากที่สู้กันอย่างสูสี ฝ่ายที่ผ่านการรบจริงมาอย่างโชกโชนตั้งแต่เกิดก็ย่อมแก้ทางได้ดีกว่าฝ่ายที่ ฝึกมาแต่กับสถานการณ์จำลอง ในที่สุดเซซิเลียก็เริ่มพลี่ยงพล้ำ
...ร้ายกาจจริงๆ...สมแล้วที่เป็นกัปตันเรือโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเกาะนี้...
คมดาบปะทะกันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้หญิงสาวถึงกับเสียหลักทรุดตัวลง เป็นโอกาสให้ดาบโค้งราวกับเคียวมัจจุราชตวัดลงหมายจะลิ้มรสโลหิตของเธอ
ปัง!!
กระสุนนัดหนึ่งแล่นเข้ากระทบด้ามดาบเฉียดมือเล็กไปเพียงเส้นผมคั่น ส่งผลให้เด็กสาวปล่อยดาบในมือกระเด็นออกไป
“รู้สึกฝีมือจะยังไม่ขึ้นสนิมนะเรา” อาเธอร์ที่โผล่หัวขึ้นมาจากบันไดทางลงใต้เรือ พยายามเก็กท่าที่คิดว่าดูเท่ห์ที่สุด ด้วยการเป่าปากกระบอกปืนตำรวจที่พกติดมาด้วย
เซซิเลียตวัดขาเข้าที่ขาของเด็กสาวจนเสียหลักล้มลง ขณะที่ทั้งคู่ต่างพยายามตั้งหลักพุ่งเข้าไปหาอาวุธของตัวเอง ก็ปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้นคั่นระหว่างทั้งสองคน
“เอ๋ เอ๋” อารินมองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ เซซิเลียที่ตั้งสติได้ก่อนรีบชี้ไปทางเด็กสาวพลางออกคำสั่งทันที
“จัดการยัยนั่นที!!!”
อารินหันมองตามแล้วรีบดีดนิ้วทันที ประกายเวทย์ถูกส่งไปยังกองเชือกหนาที่อยู่ไม่ห่าง มันขยับไปมาราวกับงูตัวใหญ่แล้วพุ่งเข้ารัดร่างเล็กไว้อย่างแน่นหนา เซซิเลียที่คว้าเอาด้ามดาบได้พอดีก็ตวัดมันจ่อเข้าที่คอระหง พลางส่งสายตาข่มขู่ไปยังพวกโจร
เหล่าโจรสลัดเห็นหัวหน้าตัวเองโดนจับดังนั้นก็รีบส่งสัญญาณบอกต่อๆกันไป ไม่นานปืนใหญ่ที่ยิงโจมตีกันอยู่ก็ค่อยๆสงบลง
“เอาไงกับกัปตันจิ๋วนี่ดีนะ” คนอื่นๆที่เห็นว่าเหตุการณ์สงบแล้ว เดินเข้ามารุมล้อมเด็กสาวที่ยังส่งสายตาอาฆาตแค้นมาให้อยู้ แม้ว่าจะโดนมัดแน่นจนแทบขยับไม่ได้แล้วก็ตามที
“เดี๋ยวก่อน เซซิเลีย!!!”
เสียงร้องดังขึ้นเหนือศีรษะ เรียกความสนใจจากทุกคน คาร์ดี้บินร่อนลงมาขวางไว้ รีบดึงดาบออกจากมือเซซิเลียที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์
“หมายความว่ายังไงคาร์ดี้ ยัยเด็กนี่มาโจมตีเราก่อนนะ” เธอชี้ไปยังคนที่โดนมัดอยู่ ซึ่งดูจะสงบเสงี่ยมขึ้นเมื่อเห็นคาร์ดี้
“ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ ...คูห์ พวกเขามาช่วยเกาะปังย่านะ ไม่ใช่ศัตรูหรอก” คาร์ดี้หันไปเรียกชื่อเด็กสาวที่มีแววตาอ่อนลง ตอนที่เธอได้ยินว่ามีโจรสลัดบุก เธอก็รีบบินไปยังเรือของคูห์เพื่อห้ามทัพทันที แต่คูห์กลับหายตัวไปแล้วตอนที่เธอไปถึง เลยสังหรณ์ว่าจะต้องมีเรื่องกันที่ซิลเวียแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงเสียด้วย
“แล้วก็นะเซซิเลีย โจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์น่ะ เป็นโจรสลัดที่ตามหาพวกขุมทรัพย์ในตำนาน ไม่มาระรานชาวบ้านถ้าไม่จำเป็นหรอก” คาร์ดี้หันมาบอกคู่กรณีอีกคน
“...หนูได้ข่าวว่าพ่อของหนูหายไปที่แถวทางใต้ของเกาะปังย่า หายไปนานกว่าครั้งไหนๆ จนที่เกาะโจรสลัดเขาลือกันให้แซ่ด ว่าพ่อของหนูทรยศ หอบสมบัติหนีไปแล้ว หนูยอมไม่ได้ที่เขาว่าพ่อของหนูแบบนั้น หนูก็เลยออกมาตามหา ...แล้วกองเรือพิลึกๆ กับคนแปลกหน้าพวกนี้ก็น่าสงสัยชะมัด” คูห์หันไปมองเหล่าคนแปลกหน้าทั้งหลายที่ต่างก็คิดว่า เรือโจรสลัดของเด็กสาวต่างหากที่ดูพิลึก
“แต่ถ้าคุณคาร์ดี้ว่าอย่างนั้น ...หนูก็ขอโทษด้วย แล้วจะให้พวกลูกเรือมาช่วยซ่อมแซมละกัน” คูห์เอ่ยกับเซซิเลีย แม้จะไม่ใช่คำขอโทษที่ฟังดูสวยหรู แต่สำหรับจอมโจรสลัดตัวน้อย นั่นก็คงเป็นคำขอโทษที่จริงใจที่สุดแล้ว พอเห็นอีกฝ่ายเอ่ยขอโทษพร้อมบอกจะชดใช้แล้วเซซิเลียก็ไม่รู้จะคาดคั้นเอาผิด อะไรต่อ
“ในเมื่อเป็นแบบนั้นงั้นก็... ช่างมันเถอะ ถึงจะเล่นซะเกือบตาย แต่คงยังไม่มีใครตายจริงๆหรอก” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่เอาความ อารินดีดนิ้วขึ้นปลดเชือกที่มัดคูห์อยู่ออก
“ว่าแต่ คุณคาร์ดี้เคยได้ยินข่าวพ่อของหนูบ้างรึเปล่า” คูห์ถามแม่มดสาวผู้ดูจะรอบรู้ไปทุกเรื่อง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง คาร์ดี้สะอึกไปกับคำถามนั้นพลางหลบสายตาที่จ้องมองมา แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของหนู พ่อของหนูไม่ได้หนีไปใช่มั้ย แล้วพ่อหายไปได้ยังไง คุณคาร์ดี้รู้ใช่มั้ย คุณคาร์ดี้บอกหนูมาสิ” คูห์จับแขนคาร์ดี้เขย่าแรงๆ เธอเม้มปากแน่นก่อนจะหันมองบีบไหล่เล็กเบาๆ
“ฉันก็ตอบไม่ได้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่า... เมื่อไม่นานมานี้ มีคนค้นพบหีบสมบัติถูกฝังอยู่แถวหมู่บ้านโอเรียนซ์ บริเวณพื้นที่ที่กลายเป็นทะเลไปตั้งแต่ตอนที่พวกปีศาจบุกเข้ามา จอมเวทย์มาชูน่าเลยเข้าไปสลายมนต์ทำให้แผ่นดินกลับคืนมาอีกครั้ง และก็ได้พบกับ.....” คาร์ดี้กลืนน้ำลายลงคอ อย่างลำบากใจที่จะเอ่ยมันออกมา
“...ซากเรือล่มจำนวนมาก ที่คาดว่าจะเป็น...เรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์”
สิ้นคำนั้นร่างเล็กก็ชาวาบไปทั้งร่าง ดวงตาสีเพลิงเบิกกว้างกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง ความคาดหวัง ความเชื่อมั่น ถูกสั่นคลอนจนแทบพังทลาย ข่าวคราวที่พยายามตามหามาตลอด กลับกลายเป็นดั่งคำอำลาครั้งสุดท้ายของผู้ที่เคารพรักที่สุด
“ไม่... มันต้องไม่เป็นแบบนั้นสิ คุณคาร์ดี้ล้อเล่นใช่มั้ย ล้อเล่นแรงๆแบบนี้มันไม่ดีนะ” คูห์เงยหน้ามองแม่มดสาวด้วยรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา เธอมองเด็กสาวอย่างสะเทือนใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเบาๆ แต่คูห์กลับผละตัวออก ยกมือปาดน้ำตาที่ยังไม่ทันจะได้ไหลริน
“หนูไม่ยอมหรอก หนูต้องตามหาคุณพ่อให้เจอให้ได้...” คูห์กำมือแน่น กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็งของเธอ
“ต้องพากลับไปให้ได้ ต่อให้เหลือแต่โครงกระดูก หนูก็จะพากลับไป!!!”
ระหว่างที่บรรยากาศสุดจะดราม่ากำลังดำเนินไปบนเรือซิลเวียนั้น ก็ยังคงมีคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่ในห้องพักใต้ท้องเรือ ร่างเล็กพลิกตัวกลับไปมาพลางอ้าปากงับมจจิ สัตว์เลี้ยงสีขาวตัวน้อยที่กำลังพยายามดิ้นหนี
“อา มาชเมลโล่ในงานเทศกาลอร่อยจัง งืมๆ” มจจิที่ดิ้นหลุดกระดึ๊บๆออกไปแล้วโดนทิกิคว้ากลับมางับต่อแบบไม่รู้ตัวอีก ครั้งอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด
ดูเหมือนว่า จะไม่มีใครนึกถึงเธอเลย สักคน......
End of Hole 3
By Blue Planet
Hole 3 กองเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์
เสียงเคาะประตูเบาๆ เข้ามาพร้อมกับกลิ่นอาหารหอมๆ เรียกให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้น เขากระพริบตาปรับสายตาให้เข้ากับแสงไฟในห้อง
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ แต่ฉันคิดว่ากินข้าวให้ครบมื้อน่าจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่านอนเฉยๆ” อารินที่ถือถ้วยข้าวต้มเข้ามายื่นชามให้แม็กซ์ที่ค่อยๆยันตัวขึ้น ฮาโตะที่บินตามมาด้วยร่อนลงเกาะบนหัวเตียง
“อูย” เขางอตัวลงเมื่อแผลที่สีข้างโดนกระทบกระเทือน อารินเห็นดังนั้นก็รีบวางถ้วยไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน แล้วเข้าไปช่วยพยุง
“แหะๆ หมดสภาพเลยเรา” แม็กซ์เอ่ยอย่างเขินๆ เพิ่งเจอหน้าสาวน้อยน่ารักเข้าทั้งที ก็ดันเจอกันตอนสภาพดูไม่จืดสุดๆซะได้
“แหม คนกำลังบาดเจ็บนี่นา ไว้หายดีแล้วค่อยไปทำเท่ห์ทีหลังก็ยังไม่สายหรอกค่ะ” อารินพูดขำๆ เธอเห็นสภาพแม็กซ์แบบนั้นเลยตัดสินใจเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วยก ข้าวต้มขึ้นมาเป่าให้
“อ้ามม~~ม”
ช้อนที่พูนด้วยข้ามต้มอุ่นๆ ถูกยื่นมาจ่อตรงปากชายหนุ่มที่หน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าข้าวต้ม สีแดงเรื่อถูกระบายไปถึงใบหู เขาค่อยๆอ้าปากรับอย่างขัดเขิน รู้สึกว่าข้าวต้มมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในโลก
พอเห็นอาการแม็กซ์แบบนั้น อารินก็พลอยหน้าแดงตามไปด้วย เธอมองซ้ายมองขวาพยายามหาเรื่องคุยกลบเกลื่อนบรรยากาศแปลกๆ
“เอ่อ... คุณแม็กซ์”
“เรียกแม็กซ์เฉยๆก็ได้ครับ ดูเราอายุก็น่าจะพอๆกัน” แม็กซ์ตอบ พยายามให้ดูสบายๆ
“อ่ะค่ะ แม็กซ์มาที่เกาะปังย่าได้ยังไงเหรอคะ” อารินเริ่มบทสนทนา ทั้งคู่ได้คุยกันบ้างแล้ว แต่ถามกันแต่เรื่องบาดแผล เลยไม่ได้สอบถามอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“อืมมม... พอดีผมมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็เลยขับเครื่องบินมาเพลินๆ แล้วอยู่ดีๆทิวทัศน์รอบๆตัวผมก็เปลี่ยนไป กลายเป็นที่ๆผมไม่รู้จัก พอรู้ตัวอีกทีผมก็โดนปืนใหญ่ยิงเข้าซะแล้ว ดีที่เบี่ยงหลบได้ทันเลยโดนแค่ตรงปีก แล้วผมก็ทิ้งเครื่องแล้วตกลงน้ำได้หวุดหวิดเลยครับ” แม็กซ์อธิบายให้ฟัง พอนึกถึงช่วงวินาทีเสี่ยงตายก็ยังอดเสียววาบขึ้นมาในช่องท้องไม่ได้
“น่ากลัวจัง... แม็กซ์โชคดีมากๆเลยนะคะที่รอดมาได้ อืม...สงสัยว่าตอนนั้นจะเป็นตอนที่คุณพิพพินวาร์ปกลับมาที่เกาะพอดี แม็กซ์ก็เลยโดนพ่วงมาด้วยแน่ๆเลย ...น่าเสียดายนะคะเครื่องบินลำนั้นคงจะแพงน่าดูเลย” อารินป้อนข้าวต้มให้แม็กซ์อีกคำ รู้สึกขัดเขินน้อยลงบ้าง
พอพูดถึงเครื่องบิน แม็กซ์ก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย เขาไม่ได้เศร้าที่เสียเครื่องบินสุดรักไป แต่พอหวนนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับมันแล้วก็อดเศร้าไม่ได้ เขามองอารินที่กำลังก้มหน้าก้มตาเป่าข้าวต้มร้อนๆให้เย็นลง ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขารู้สึกแบบนั้น แต่บางทีการระบายอะไรให้เธอฟังบ้าง อาจจะทำให้เขาสบายใจขึ้นก็ได้
“อารินรู้แล้วสินะครับว่าผมเป็นนักเทนนิสมือโปร...” เขาเกริ่น อารินเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทางแปลกใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็รอเป็นผู้ฟังที่ดี
“ฉันไม่เคยออกไปยังโลกภายนอก แต่ได้ยินว่านักกีฬาเก่งๆที่นั่น จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก แล้วก็ค่อนข้างร่ำรวยด้วยค่ะ” เธอบอกอย่างตรงไปตรงมา
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิดนักหรอกครับ แต่ว่า... ก่อนที่ผมจะมาถึงจุดนี้ ฐานะผมไม่ค่อยดีนักหรอก ผมก็เลยหันมาทุ่มเทให้กับเทนนิส เพื่อใช้มันเป็นบันไดสู่ชื่อเสียงเงินทอง ทั้งที่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ชอบมันเท่าไรหรอกนะ” เขาเหม่อมองเพดาน หวนระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ
“...ตอนเด็กๆผมเคยไปดูเขาซ้อมเครื่องบินรบกันด้วย เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะรู้สึกดีขนาดไหนนะ ที่ได้โบยบินอย่างอิสระไปบนฟากฟ้า พอผมมีเงินเก็บมากพอแล้วผมก็เลยซื้อเครื่องบินส่วนตัวเล็กๆมา ถึงมันจะไม่ใช่เครื่องบินรบอย่างที่หวังไว้ก็เถอะ
มันรู้สึกดีอย่างที่คิดจริงๆ ละทิ้งทุกอย่างไว้บนพื้น แล้วทะยานสู่ก้อนเมฆเบื้องบน แต่ว่า... ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ทั้งที่ผมก็ได้ทุกอย่างที่ผมเคยเฝ้าฝันแล้ว แต่มันก็ยังเหมือนขาดอะไรไป และแล้ววินาทีที่รู้สึกว่าตัวเองอาจจะต้องตายผมก็ได้รู้ ว่าชีวิตของผมมันไร้ค่าขนาดไหน”
เขาเบนสายตากลับมายังอาริน แววตานั้นมีประกายความมุ่งมั่นบางอย่างแฝงอยู่ ราวกับคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
“จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าหากผมจะขอเดินทางไปกับพวกคุณด้วย ผมไม่อยากตายไปโดยได้รับการจารึกชื่อว่าเป็นเพียงผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งและ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ผมอยากจะได้ใช้ชีวิตของผมให้มีคุณค่ามากกว่านั้นโดยการทำประโยชน์อะไรให้ โลกนี้บ้าง”
“...ได้ยิน...ด้วยเหรอคะ” อารินเอ่ยอย่างแปลกใจ เธอคิดว่าเขาสลบอยู่เสียอีก
“ครับ ตอนนั้นผมยังมีสติอยู่ลางๆ แต่ยังขยับตัวไม่ได้ ถึงที่นี่จะไม่ใช่โลกของผม แต่ก็ได้คนจากโลกนี้ช่วยชีวิตไว้ ถ้าหากช่วยอะไรได้บ้างผมก็อยากทำครับ” แม็กซ์พูดอย่างจริงจัง อารินนิ่งคิดอยู่ครู่ แล้วเอาข้าวต้มใส่ปากแม็กซ์
“ไว้หายป่วยก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยว่ากัน” เธอกล่าวยิ้มๆ เอาผ้าเช็ดปากให้เขาเหมือนเด็กๆ “...แต่เดี๋ยวจะคุยกับคุณคาร์ดี้ดูให้ละกันนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ อาริน ...เอ่อ...ว่าแต่...ทรงผมของผมมันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” แม็กซ์ถามเสียงหงอยๆ ท่าทางจะโดนคำพูดของลูเซียเสียดแทงใจอย่างสาหัสเอาการ
“คิกๆ มันก็...ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ” อารินหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแม็กซ์ทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง “...เอ้า ถ้าฉันโกหกขอให้ฟ้าผ่าเลยค่ะ”
ตูมมมม!!!!!
สวรรค์บัญชาเร็วทันใจ จนแม็กซ์มีสีหน้าแหยเกกว่าเดิม ทว่าอารินกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดเข้ามาแทน เธอไม่แน่ใจนักว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่เสียงฟ้าผ่าแน่นอน ในพริบตาที่สัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้ายที่ตรงเข้ามา เธอก็โผเข้าไปกอดร่างของชายหนุ่มที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกไว้ทันที
“ฮาโตะ!!!”
นกสีชมพูออกบินอย่างรู้หน้าที่ ละอองเวทย์สีฟ้าขาวทอแสงรอบปีกของมัน แล้วขยายใหญ่ออกโอบอุ้มร่างของทั้งสองไว้ ก่อนลูกปืนใหญ่จะพุ่งผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที
“อ...อาอิน” แม็กซ์พูดเสียงอู้อี้เมื่อใบหน้าโดนกดลงไปบนเนินอกของหญิงสาวเต็มที่ เศษเหล็ก และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆปลิวว่อน แต่ไม่มีอะไรลอยมาโดนพวกเขาเลย แต่เขาว่าเขาต้องตายเพราะขาดอากาศหายใจก่อนแน่ๆ ถึงจะเป็นการตายที่เป็นความสุขสูงสุดของเหล่าชายหนุ่มก็เหอะ
“เกือบไปแล้วเชียว” อารินปล่อยแม็กซ์ที่อยากจะพูดคำนั้นเหมือนกันออก เธอหันมองกำแพงห้องที่กลายเป็นรู ดีที่ว่านี่เป็นเรือรบ จึงค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าเรือทั่วไป แต่สภาพโคลงเคลงแบบนี้ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าปลอดภัยเต็มร้อย
“เราขึ้นไปที่ดาดฟ้าดีกว่าค่ะ อีกไม่นานน้ำคงท่วมขึ้นมาแน่ๆ ...ลุกไหวมั้ยคะ แม็กซ์” อารินเข้าไปช่วยพยุงร่างที่สูงใหญ่กว่าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็พยายามจะประคองไว้อย่างสุดกำลัง โดยมีฮาโตะที่กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว พยายามช่วยงับเสื้อแม็กซ์ที่ไหล่ขึ้นมา
แม้จะเจ็บปวด แต่แม็กซ์ก็พยายามกัดฟันทน เห็นเธอพยายามช่วยเขาขนาดนี้แล้ว จะมาทำร้องโอดโอยสำออยอยู่ก็คงไม่ดี ทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากห้อง จนออกมาอยู่ในที่โล่ง เสียงปืนใหญ่ยังคงยิงกันตูมตามราวกับหนังสงครามฟอร์มยักษ์
ขณะที่อารินจุดประกายแสงด้วยเวทมนตร์ให้สัญญาณเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ไม่ไกล แม็กซ์ก็เห็นเงาตะคุ่มปรากฏขึ้นมาตรงหางตา
“ระวัง!!!” ชายหนุ่มกระโจนเข้าใส่หญิงสาวที่พยุงเขาอยู่จนล้มกลิ้งไปด้วยกัน ความรู้สึกเจ็บแปลบค่อยๆแล่นริ้วขึ้นมาบนต้นแขน ซึ่งปรากฏรอยแผลเป็นทางยาว
“...แม็กซ์” อารินมองร่างที่คร่อมเธออยู่อย่างตกใจ เลือดอุ่นๆสีแดงสดหยดลงมาบนแขนขาวๆของเธอ “คุณบาดเจ็บอยู่นะ!!”
เธอกล่าวต่อว่าเขา แต่น้ำเสียงแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน เธอออกแรงดันร่างเขาออกไปข้างๆ เมื่อเห็นชายในชุดสีขาวสลับดำเงื้อดาบขึ้นเหนือศีรษะ คมดาบที่เปรอะเปื้อนเลือดจากแขนแม็กซ์ถูกฟันลงบนร่างของอาริน
ทว่าไม่มีโลหิตไหลรินออกมาสักหยด...
“ทางนี้ค่ะคุณโจร” นิ้วเรียวเคาะเบาๆบนไหล่ แต่กลับทำคนโดนเรียกผวาตกใจสุดขีด มองร่างที่ตัวเองเพิ่งฟันไปก็พบแต่ความว่างเปล่า ส่วนคนที่น่าจะตายไปแล้วกลับกำลังยิ้มหวานอยู่ข้างหลัง แม้เธอจะมีสีหน้าเช่นนั้น แต่อะไรบางอย่างบ่งบอกว่าเธอกำลังโกรธ โกรธมากเสียด้วย
“ว...เหวอ!!!” ดาบโค้งถูกตวัดใส่อารินอีกครั้ง แต่ร่างนั้นก็ทำเพียงเอียงคอสงสัยแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้โจรสลัดเสียหลักฟันลม เธอปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหลังแล้วผลักหน้าทิ่มลงน้ำไป
เธอกลับมาอีกรอบก็เห็นแม็กซ์ที่ทำหน้าช็อกโลกแบบลืมเจ็บไปแล้วนั่งนิ่งอยู่ กับที่ พอเขาเห็นอารินตัวเป็นๆเดินตรงมาหาก็หุบปากที่อ้ากว้างของตนลงพร้อมกับสูด หายใจลึกๆเรียกสติ
“อย่างที่เห็นแหละค่ะ ว่าฉันเป็นแม่มด เพราะฉะนั้นห่วงตัวเองก่อนเถอะค่ะ” อารินลูบไปบนแผลยาวบนแขนของแม็กซ์เบาๆ ละอองเวทย์หลั่งไหลออกมาจากปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน
“ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่ผู้ชายที่โลกของผมมีหน้าที่ต้องปกป้องสาวๆนี่นา ต่อให้ผมบาดเจ็บปางตาย ผมก็ยืนดูคุณเฉยๆไม่ได้หรอก” แม็กซ์คลี่ยิ้มที่คิดว่าดูเท่ห์ที่สุด ซึ่งก็ทำเอาอารินหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อ แต่เพราะมืดๆเลยเห็นไม่ชัดนัก เธอแกล้งกดที่แผลเขา ทำเอาชายหนุ่มหลุดร้องเสียงหลงหมดมาด
“บอกแล้วไงคะ ไว้หายป่วยแล้วค่อยทำเท่ห์ก็ยังไม่สายหรอก” อารินพูดทั้งที่ก็แอบยิ้มอยู่นิดๆ เธอส่งแม็กซ์ให้ทหารจากเฮลิคอปเตอร์รับไป ก่อนจะหายตัวไปยังเรือใหญ่ของเซซิเลีย
เสียงยิงปืนใหญ่มาเป็นระลอกปลุกเหล่าผู้ที่หลับใหล ให้ตื่นขึ้นรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่กับผู้ที่ไม่เคยได้รับการฝึกมา การที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่ารับมือได้ยากยิ่งนัก
“มายิงปืนใหญ่บอกเวลาอะไรกันแต่เย็นเลย คนกำลังเคลิ้มๆ ชิ” หญิงสาวที่กำลังหลับอยู่บนเตียงสองชั้น พลิกตัวไปอีกทางพลางดึงหมอนมาปิดหู
รับมือได้ยากจริงๆ...
“เฮ้อ~” ฮานะที่นอนอยู่ชั้นล่างถอนหายใจอย่างปลงๆ เนื่องจากที่นี่เป็นโลกที่แตกต่างจากโลกของเธอ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอกับเรื่องแบบนี้ อาจเป็นเพราะฮานะมีความสนใจในเรื่องแฟนตาซีแบบนี้อยู่ด้วยจึงคาดเดาไว้อยู่ แล้วว่ามันต้องมีอะไรมาให้ตกใจเล่นแน่ๆ ถึงมันจะมาเร็วกว่าที่เคยจินตนาการไว้ไปเยอะก็เถอะ
แต่กับคนไร้ความฝันที่นอนอยู่ข้างบน เสียงยิงปืนของโจรสลัดก็คงไม่มีความหมายมากไปกว่าการนอนให้เต็มอิ่มเพื่อ รักษาขอบตาเธอไม่ให้ดำคล้ำหรอก
“คุณลูเซียค้า เราถูกโจมตีแล้วนะคะ” ฮานะเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อคนที่นอนหนีความจริง แต่กลับโดนปัดมือทิ้งอย่างหงุดหงิด เด็กสาวลูบๆหลังมือตัวเอง
...เอาน่ะ อย่างน้อยก็ตื่นแล้ว...เดี๋ยวคงตามมมาเอง...
ฮานะกำลังจะจับกลอนประตูก็ได้ยินเสียงกลอนประตูกำลังขยับได้เอง เธอผงะถอยหลังออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆหาของที่จะใช้เป็นอาวุธได้ และแล้วเธอก็หยิบไอเท็มปริศนาขึ้นมาได้ชิ้นหนึ่ง
โครม!
ประตูถูกผลักออกอย่างแรง มีชายร่างไม่สูงมาก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นน่ากลัว แต่งตัวเหมือนเอาเศษผ้าขี้ริ้วขาวๆดำๆมาห่ม ในมือถือดาบโค้งเป็นเงาวาววับ
“จ...โจรสลัด” ฮานะที่ตั้งท่าอยู่ พอต้องเผชิญหน้าเจริงๆก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้าวถอยหลังไป
ทันใดนั้นผ้าห่มเก่าๆกันหนาวแบบพอเพียงตามแบบฉบับทหารก็คลุมลงมาบนร่าง ผู้บุกรุก เขาดึงทึ้งพลางบิดตัวไปมาเพื่อหาปลายผ้าให้เจอ ซึ่งกว่าจะได้ทำแบบนั้น ฮานะก็รวบรวมความกล้าทุ่มสิ่งที่อยู่ในมือใส่บริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นศีรษะ ของเป้าหมายสุดแรง
“เข้าใจหาของดีนี่” ลูเซียที่ตาสว่างแล้วนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงชั้นสอง มองโจรสลัดห่อผ้าห่มที่แน่นิ่งไปแล้ว ข้างๆมีพจนานุกรมเล่มหนากองอยู่ ถ้าเธอไม่ตาพร่าเพราะความมืด รู้สึกว่าจะเป็นแบบฉบับปกแข็งเสียด้วยสิ
“เพิ่งรู้ว่ามันมีประโยชน์มากก็คราวนี้นี่แหละ” ฮานะก้มลงหยิบพจนานุกรมขึ้นมาปัดฝุ่นบนปก แต่แล้วมือหยาบกร้านก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากกองผ้าห่มอย่างสั่นๆราวกับคนใกล้ตาย จับเข้าที่ข้อเท้าของฮานะ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้หวีดร้อง ลูเซียก็กระโดดลงมาจากเตียงพอดี ส้นเท้ากระแทกเข้าที่ร่างของโจรสลัดผู้เคราะห์ร้ายอย่างน่าสงสัยว่าไม่ได้ ตั้งใจแน่รึ จนร่างนั้นสงบนิ่งอีกรอบ ทั้งสองรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปสมทบกับคนอื่นๆ
“เมื่อกี้ได้ยินเสียงตึงตัง เกิดอะไรขึ้น?” อาเธอร์กับนูริที่อยู่ห้องข้างๆ ถามทันทีที่เจอหน้ากันบนทางเดิน
“โจรสลัดบุกค่ะ ว้าย!” ฮานะตอบก่อนจะเซไปทางนูริเมื่อเรือโคลงตามแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงของน้ำ
“เป็นไรเปล่า” นูริจับไหล่เธอไว้พลางเอ่ยถาม
“อ่ะ โทษที” ฮานะรีบผละออกมาก่อนแล้วเดินนำออกไปหาเซซิเลีย ทั้งฮานะและนูริต่างก็เรียนมาจากที่เดียวกัน แต่กลับไม่เคยเจอหน้ากันเลย จึงดูไม่ต่างจากคนแปลกหน้าของกันและกันนัก
เมื่อทั้งหมดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือก็ต้องพบกับภาพสงครามที่ดูขัดตาในเรื่องมิติ แห่งกาลเวลาอย่างที่สุด คือการปะทะกันระหว่างกองเรือรบ และกองเรือโจรสลัด ซึ่งมาจากยุคสมัยที่ต่างกันสุดขั้ว
“อ้ะ พวกเธอหลบไปก่อนดีกว่า” เซซิเลียที่ยืนสั่งการอยู่หันมาตะโกนแข่งกับเสียงปืนใหญ่ ในมือเธอถือปืนพก ตั้งท่าเตรียมเล็ง พวกเขามองไปรอบๆก็เห็นเหล่าโจรสลัดเหวี่ยงตัวลงมาบนเรือลำต่างๆ และยังมีที่ว่ายน้ำแล้วปีนขึ้นมาอีกด้วย
“มาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย” นูริเอ่ยขึ้น แม้จะกลัวๆอยู่บ้าง แต่ก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ ตามประสาเด็กผู้ชาย ผิดกับเหล่าสาวๆที่กลับลงไปข้างล่างแต่โดยดี
เซซิเลียไม่ได้ตอบคำถามนั้น เธอเบนสายตาออกไปยังท้องทะเลกว้าง สุดสายตาของเธอคือแสงจากคบเพลิงบนเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้มาเพียงลำเดียว แต่มาเป็นกองทัพขนาดพอๆกับกองเรือราชนาวีต่อสู้ลาดตระเวนซิลเวีย ทุกลำมีปืนใหญ่เรียงอยู่ข้างลำเรือ ยิงโจมตีจนควันขโมง
“กองเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์ที่แสนจะเลื่องลือ มาหาเราถึงที่เลยแฮะ” เซซิเลียกล่าวอย่างรู้จักดี แม้จะเพิ่งเคยเห็นกับตาตัวเอง เธอไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังโดนท้าทายอำนาจ
“ไหนขอดูหน้ากัปตันหน่อยซิ” หญิงสาวยิงปืนไปที่ขาโจรสลัดคนหนึ่งที่กำลังปีนขึ้นมาตกน้ำไป แล้วก้าวขึ้นไปยังแท่นตั้งกล้องส่องทางไกลด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างคล่องแคล่ว
เธอซูมเข้าไปยังเรือลำกลาง เหนือแม่ย่านางที่แกะสลักอย่างปราณีต บนนั้นเธอเห็นหมวกลายหัวกระโหลกใบใหญ่ บ่งบอกว่าผู้สวมใส่เป็นกัปตันเรือ กล้องส่องทางไกลแบบโบราณถูกร่างนั้นยกมาทางเธอเช่นเดียวกัน
“อ่ะฮ่า~ กำลังหาตัวฉันอยู่เหมือนกันซะด้วย แน่จริงก็มาเจอกันหน่อยซี่” เซซิเลียยกมือขึ้น ดูเหมือนร่างที่มองเธอผ่านกล้องอยู่จะชะงักไปเล็กน้อย เธอกำมือเข้าจนเหลือแต่นิ้วชี้แล้วกระดิกนิ้วอย่างเชิญชวน
กล้องส่องทางไกลแบบโบราณถูกดึงเก็บ เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาววัยไม่เกิน 11 ขวบ ภายใต้หมวกใบใหญ่เกินตัว ดวงตาสีแดงเพลิงลุกวาว สะท้อนประกายไฟจากลูกปืน ประหนึ่งจะแผดเผาผู้ที่ถูกจ้องมองให้สิ้นซาก
...เด็ก!!!...
เซซิเลียมองภาพนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ กัปตันเรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์ที่เพียงแค่เอ่ยถึงแม้เด็กทารกก็ยังร้องไห้ กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเองงั้นหรือ ทว่าเธอก็ไม่มีเวลาให้ตกใจนานนัก เมื่อเด็กสาวดึงดาบโค้งยาวจากลูกเรือ ขึ้นคาบในปากแล้วปีนขึ้นโหนเชือก เหวี่ยงตัวลงมาบนเรือรบบรรทุกเครื่องบิน และกระโดดข้ามเรือที่จอดเรียงกันอยู่พุ่งมาหาผู้บังคับบัญชาสาวอย่างว่องไว ประหนึ่งลูกปืนใหญ่
“ยุขึ้นซะด้วย...แต่ขอโทษนะมันเป็นหน้าที่น่ะ” เซซิเลียยิ้มเครียดๆ ยกปืนพกในมือขึ้นลั่นไก โดยพยายามเลี่ยงเล็งจุดตาย แต่กัปตันตัวน้อยไวกว่าที่เธอประเมินไว้มาก ขาเล็กๆพาร่างนั้นหลบหลีกไปตามหลังเครื่องบินรบที่จอดนิ่งอยู่ และเหล่าป้อมปืน ทำให้กระสุนเธอพลาดไปเสียทุกนัด
“กระสุนหมดอีก ชิ” หญิงสาวกัดฟันอย่างเจ็บใจ เธอเก็บปืนลงซอง ก่อนจะก้าวถอยหลักไปตั้งหลัก ตรงข้ามกับร่างเล็กที่กระโดดตีลังกาลงมาบนพื้นดาดฟ้าเรือตรงหน้าเธอแล้ว
“แกเป็นตัวหัวหน้าสินะ” เด็กสาวตวัดดาบโค้งลงข้างตัวราวกับสิ่งนั้นเป็นเพียงแท่งโฟมเบาๆ ร่างนั้นค่อยๆก้าวเข้ามาหาเซซิเลียที่เป็นฝ่ายเดินถอยหลังช้าๆ
“ถ้านั่นหมายถึงผู้บังคับบัญชาล่ะก็ ใช่ ฉันคือเซซิเลีย ผู้บังคับบัญชานาวิกโยธิน แห่งกองเรือราชนาวีต่อสู้ลาดตระเวนซิลเวีย ...ถามเขาแล้วก็ต้องแนะนำตัวเองด้วยสิเด็กน้อย” เธอเอ่ยตอบ ดวงตากวาดมองหาทางแก้สถานการณ์เสียเปรียบตรงหน้า
“บอกไปก็เสียเวลาเปล่า” ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิง ที่ค่อนข้างน่ารักเสียด้วย แต่กลับมีท่าทางและลักษณะการพูดราวกับเด็กผู้ชาย ถ้าพวกลุงแก่ชอบเต๊าะเด็กมาเห็นเข้า คงได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เสียของ” เป็นแน่
“แหม... พวกโจรนี่ไร้มารยาทกันจริงๆเลย” เซซิเลียก้มหลบดาบคมที่ตวัดเข้าใส่ แล้วรีบพุ่งตัวไปยังกลางเรือ เธอดึงดาบเรียวยาวที่แขวนประดับอยู่บนนั้นลงมา พลางสะบัดรองเท้าส้นสูงทิ้งไป รู้สึกโชคดีจริงๆที่ไม่ได้โดดตอนเข้าโรงฝึกอาวุธระยะประชิด สมัยสอบเข้ามาเป็นทหารใหม่ๆ
สองสาวต่างวัยต่างเข้าห่ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หนึ่งฟาดฟันดาบโค้งใหญ่อย่างหนักหน่วงเปี่ยมด้วยพลังรุนแรง หนึ่งรุกรับตวัดดาบเรียวยาวอย่างมีชั้นเชิงมากด้วยลีลาอันงดงาม โลหะมันปลาบเปล่งประกายวาววับล้อแสงประกายจากปากกระบอกปืน กระทบกันดังกังวานไปทั่วทั้งดาดฟ้าเรือใหญ่
ทว่าความเจนจัดในการต่อสู้จริงกลับค่อยๆแสดงผลของมันออกมาทีละน้อย จากที่สู้กันอย่างสูสี ฝ่ายที่ผ่านการรบจริงมาอย่างโชกโชนตั้งแต่เกิดก็ย่อมแก้ทางได้ดีกว่าฝ่ายที่ ฝึกมาแต่กับสถานการณ์จำลอง ในที่สุดเซซิเลียก็เริ่มพลี่ยงพล้ำ
...ร้ายกาจจริงๆ...สมแล้วที่เป็นกัปตันเรือโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเกาะนี้...
คมดาบปะทะกันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้หญิงสาวถึงกับเสียหลักทรุดตัวลง เป็นโอกาสให้ดาบโค้งราวกับเคียวมัจจุราชตวัดลงหมายจะลิ้มรสโลหิตของเธอ
ปัง!!
กระสุนนัดหนึ่งแล่นเข้ากระทบด้ามดาบเฉียดมือเล็กไปเพียงเส้นผมคั่น ส่งผลให้เด็กสาวปล่อยดาบในมือกระเด็นออกไป
“รู้สึกฝีมือจะยังไม่ขึ้นสนิมนะเรา” อาเธอร์ที่โผล่หัวขึ้นมาจากบันไดทางลงใต้เรือ พยายามเก็กท่าที่คิดว่าดูเท่ห์ที่สุด ด้วยการเป่าปากกระบอกปืนตำรวจที่พกติดมาด้วย
เซซิเลียตวัดขาเข้าที่ขาของเด็กสาวจนเสียหลักล้มลง ขณะที่ทั้งคู่ต่างพยายามตั้งหลักพุ่งเข้าไปหาอาวุธของตัวเอง ก็ปรากฏร่างๆหนึ่งขึ้นคั่นระหว่างทั้งสองคน
“เอ๋ เอ๋” อารินมองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ เซซิเลียที่ตั้งสติได้ก่อนรีบชี้ไปทางเด็กสาวพลางออกคำสั่งทันที
“จัดการยัยนั่นที!!!”
อารินหันมองตามแล้วรีบดีดนิ้วทันที ประกายเวทย์ถูกส่งไปยังกองเชือกหนาที่อยู่ไม่ห่าง มันขยับไปมาราวกับงูตัวใหญ่แล้วพุ่งเข้ารัดร่างเล็กไว้อย่างแน่นหนา เซซิเลียที่คว้าเอาด้ามดาบได้พอดีก็ตวัดมันจ่อเข้าที่คอระหง พลางส่งสายตาข่มขู่ไปยังพวกโจร
เหล่าโจรสลัดเห็นหัวหน้าตัวเองโดนจับดังนั้นก็รีบส่งสัญญาณบอกต่อๆกันไป ไม่นานปืนใหญ่ที่ยิงโจมตีกันอยู่ก็ค่อยๆสงบลง
“เอาไงกับกัปตันจิ๋วนี่ดีนะ” คนอื่นๆที่เห็นว่าเหตุการณ์สงบแล้ว เดินเข้ามารุมล้อมเด็กสาวที่ยังส่งสายตาอาฆาตแค้นมาให้อยู้ แม้ว่าจะโดนมัดแน่นจนแทบขยับไม่ได้แล้วก็ตามที
“เดี๋ยวก่อน เซซิเลีย!!!”
เสียงร้องดังขึ้นเหนือศีรษะ เรียกความสนใจจากทุกคน คาร์ดี้บินร่อนลงมาขวางไว้ รีบดึงดาบออกจากมือเซซิเลียที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์
“หมายความว่ายังไงคาร์ดี้ ยัยเด็กนี่มาโจมตีเราก่อนนะ” เธอชี้ไปยังคนที่โดนมัดอยู่ ซึ่งดูจะสงบเสงี่ยมขึ้นเมื่อเห็นคาร์ดี้
“ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ ...คูห์ พวกเขามาช่วยเกาะปังย่านะ ไม่ใช่ศัตรูหรอก” คาร์ดี้หันไปเรียกชื่อเด็กสาวที่มีแววตาอ่อนลง ตอนที่เธอได้ยินว่ามีโจรสลัดบุก เธอก็รีบบินไปยังเรือของคูห์เพื่อห้ามทัพทันที แต่คูห์กลับหายตัวไปแล้วตอนที่เธอไปถึง เลยสังหรณ์ว่าจะต้องมีเรื่องกันที่ซิลเวียแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงเสียด้วย
“แล้วก็นะเซซิเลีย โจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์น่ะ เป็นโจรสลัดที่ตามหาพวกขุมทรัพย์ในตำนาน ไม่มาระรานชาวบ้านถ้าไม่จำเป็นหรอก” คาร์ดี้หันมาบอกคู่กรณีอีกคน
“...หนูได้ข่าวว่าพ่อของหนูหายไปที่แถวทางใต้ของเกาะปังย่า หายไปนานกว่าครั้งไหนๆ จนที่เกาะโจรสลัดเขาลือกันให้แซ่ด ว่าพ่อของหนูทรยศ หอบสมบัติหนีไปแล้ว หนูยอมไม่ได้ที่เขาว่าพ่อของหนูแบบนั้น หนูก็เลยออกมาตามหา ...แล้วกองเรือพิลึกๆ กับคนแปลกหน้าพวกนี้ก็น่าสงสัยชะมัด” คูห์หันไปมองเหล่าคนแปลกหน้าทั้งหลายที่ต่างก็คิดว่า เรือโจรสลัดของเด็กสาวต่างหากที่ดูพิลึก
“แต่ถ้าคุณคาร์ดี้ว่าอย่างนั้น ...หนูก็ขอโทษด้วย แล้วจะให้พวกลูกเรือมาช่วยซ่อมแซมละกัน” คูห์เอ่ยกับเซซิเลีย แม้จะไม่ใช่คำขอโทษที่ฟังดูสวยหรู แต่สำหรับจอมโจรสลัดตัวน้อย นั่นก็คงเป็นคำขอโทษที่จริงใจที่สุดแล้ว พอเห็นอีกฝ่ายเอ่ยขอโทษพร้อมบอกจะชดใช้แล้วเซซิเลียก็ไม่รู้จะคาดคั้นเอาผิด อะไรต่อ
“ในเมื่อเป็นแบบนั้นงั้นก็... ช่างมันเถอะ ถึงจะเล่นซะเกือบตาย แต่คงยังไม่มีใครตายจริงๆหรอก” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่เอาความ อารินดีดนิ้วขึ้นปลดเชือกที่มัดคูห์อยู่ออก
“ว่าแต่ คุณคาร์ดี้เคยได้ยินข่าวพ่อของหนูบ้างรึเปล่า” คูห์ถามแม่มดสาวผู้ดูจะรอบรู้ไปทุกเรื่อง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง คาร์ดี้สะอึกไปกับคำถามนั้นพลางหลบสายตาที่จ้องมองมา แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของหนู พ่อของหนูไม่ได้หนีไปใช่มั้ย แล้วพ่อหายไปได้ยังไง คุณคาร์ดี้รู้ใช่มั้ย คุณคาร์ดี้บอกหนูมาสิ” คูห์จับแขนคาร์ดี้เขย่าแรงๆ เธอเม้มปากแน่นก่อนจะหันมองบีบไหล่เล็กเบาๆ
“ฉันก็ตอบไม่ได้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่า... เมื่อไม่นานมานี้ มีคนค้นพบหีบสมบัติถูกฝังอยู่แถวหมู่บ้านโอเรียนซ์ บริเวณพื้นที่ที่กลายเป็นทะเลไปตั้งแต่ตอนที่พวกปีศาจบุกเข้ามา จอมเวทย์มาชูน่าเลยเข้าไปสลายมนต์ทำให้แผ่นดินกลับคืนมาอีกครั้ง และก็ได้พบกับ.....” คาร์ดี้กลืนน้ำลายลงคอ อย่างลำบากใจที่จะเอ่ยมันออกมา
“...ซากเรือล่มจำนวนมาก ที่คาดว่าจะเป็น...เรือโจรสลัดลูน่าร์ ทอมบ์”
สิ้นคำนั้นร่างเล็กก็ชาวาบไปทั้งร่าง ดวงตาสีเพลิงเบิกกว้างกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง ความคาดหวัง ความเชื่อมั่น ถูกสั่นคลอนจนแทบพังทลาย ข่าวคราวที่พยายามตามหามาตลอด กลับกลายเป็นดั่งคำอำลาครั้งสุดท้ายของผู้ที่เคารพรักที่สุด
“ไม่... มันต้องไม่เป็นแบบนั้นสิ คุณคาร์ดี้ล้อเล่นใช่มั้ย ล้อเล่นแรงๆแบบนี้มันไม่ดีนะ” คูห์เงยหน้ามองแม่มดสาวด้วยรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา เธอมองเด็กสาวอย่างสะเทือนใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเบาๆ แต่คูห์กลับผละตัวออก ยกมือปาดน้ำตาที่ยังไม่ทันจะได้ไหลริน
“หนูไม่ยอมหรอก หนูต้องตามหาคุณพ่อให้เจอให้ได้...” คูห์กำมือแน่น กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว ทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็งของเธอ
“ต้องพากลับไปให้ได้ ต่อให้เหลือแต่โครงกระดูก หนูก็จะพากลับไป!!!”
ระหว่างที่บรรยากาศสุดจะดราม่ากำลังดำเนินไปบนเรือซิลเวียนั้น ก็ยังคงมีคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่ในห้องพักใต้ท้องเรือ ร่างเล็กพลิกตัวกลับไปมาพลางอ้าปากงับมจจิ สัตว์เลี้ยงสีขาวตัวน้อยที่กำลังพยายามดิ้นหนี
“อา มาชเมลโล่ในงานเทศกาลอร่อยจัง งืมๆ” มจจิที่ดิ้นหลุดกระดึ๊บๆออกไปแล้วโดนทิกิคว้ากลับมางับต่อแบบไม่รู้ตัวอีก ครั้งอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด
ดูเหมือนว่า จะไม่มีใครนึกถึงเธอเลย สักคน......
End of Hole 3
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น