ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter I
Bird’s Cage
Chapter I
สาวน้อยร่างเล็กในชุดกระโปรงค่อยๆเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด และเงียบสงัด มือเล็กกำตุ๊กตายัดนุ่นเก่าๆแน่น มันถูกลากไปกับพื้นจนมอมแมม หากแต่เธอก็มิได้สนใจจะยกมันขึ้นมาให้พ้นจากทางเดิน
เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองไปเบื้องหน้า ขาเล็กๆพาเธอก้าวเดินต่อไปจนกระทั่งมาถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง มันตั้งสูงตระง่าน ท่ามกลางสวนดอกกุหลาบสีเดียวกับท้องฟ้าในยามนี้ที่ดูน่าสะพรึงกลัวมากกว่างดงาม เธอก้าวเท้าเข้าไปก่อนจะหยุดนิ่งสนิท...ตลอดกาล
“ยังมีคีเอนหลงมาอีกเหรอเนี่ย ก็ว่าเก็บกวาดไปจนหมดเขต “สวนปิศาจ” แล้วนา” ชายหนุ่มที่ยืนเวรยามอยู่หน้ารั้วเอ่ยขึ้นก่อนจะเอาเท้าเขี่ยศีรษะของเด็กสาวที่กลิ้งอยู่บนพื้น
“ท่าเรืออุปซ์มันก็ไม่ใช่แคบๆนี่นะ ก็คงมีหลงหูหลงตาไปบ้างล่ะ” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยขัด แล้วลากร่างไร้วิญญาณนั้นออกไปทิ้งอีกทาง
“นั่นสินะ ช่างเถอะ แค่ป้องกันไม่ให้มีอะไรย่างกรายเข้าไปถึงท่านผู้นั้นได้ก็พอแล้วล่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์สูงตระหง่านที่อยู่เบื้องหลังตน ที่ๆท่านผู้นั้นอาศัยอยู่ หน้าต่างสูงยังคงมีแสงไฟเล็ดลาดผ่านผ้าม่านสีดำออกมาบ่งบอกว่าผู้เป็นเจ้าของยังมิได้เข้าสู่นิทรา
นิ้วเรียวยาวลูบไล้ไปตามลูกแก้วสีนิลด้วยความหลงใหล ดวงตาเรียวสวยสีน้ำเงินเข้มจับจ้องภาพที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้วอย่างไม่วางตา แม้จะเป็นภาพของคนสองคน แต่ก็แทบไม่แตกต่างกับเห็นเพียงแค่คนๆเดียว
“ฟาทัล ดูนี่สิ” ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางในชุดเสื้อคลุม เรียกองครักษ์ข้างกายให้ก้มลงมาดูภาพที่สะท้อนอยู่ในลูกแก้ว
“ครับ?”
องครักษ์หนุ่มขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนจะเพ่งมองผู้ชาย 2 คนในลูกแก้วที่กำลังตบตีกับอะโพซิซ คนหนึ่งรูปร่างสูง บุคลิกดี มีเขาสีขาวแหลมอยู่บนศีรษะ กับอีกคนตัวเล็กๆ ผมฟูไม่เป็นทรง ท่าทางซนๆ มีหูสีน้ำตาลอยู่บนหัวด้วย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองลูกแก้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยไม่เข้าใจว่าจะให้เขาดูอะไรกันแน่
...ก็เป็นแค่สิงโตกับกระบืออย่างละ 1 ตัว ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
“ก็ไลอ้อนน้อยนี่ไง ...น่ารัก” ผู้เป็นเจ้านายพูดราวกับว่าไม่เห็นมีอะไรต้องงง ทำเอาคนเป็นลูกน้องถึงบางอ้อว่าดูอะไรอยู่กันแน่ ท่าทางเจ้านายเขาจะมองไม่เห็นชายหนุ่มที่จูงมือเป้าหมายเดินอยู่ข้างๆในสายตาเลยสินะนั่น
“ครับ แล้วทำไมเหรอครับท่านเลซ?” ฟาทัลเอ่ยถาม เพราะแค่อยู่ดีๆก็เจอเด็กน่ารัก ไม่เห็นต้องเรียกเขามาดูด้วยเลย หรือเป็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้ชอบพวกเด็กๆ ด้วย ก็เลยไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรน่าดูมากมาย
“ฉันอยากได้...” เลซพูดขึ้นมาดื้อๆ สายตายังจับจ้องอยู่ที่ลูกแก้ว จึงไม่ทันเห็นสีหน้าคนฟัง
“ครับ... ห้ะ?” ฟาทัลตอบรับด้วยความเคยชินก่อนจะนึกได้ว่าเจ้านายสุดที่รักพูดอะไรออกมา
“อือ ก็นั่นแหละ พามาให้หน่อยสิ”
“เห?”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหูสีน้ำตาลเข้มบนหัวตัวเอง ด้วยเกรงว่าจะหูฝาดไป คนออกคำสั่งเห็นไม่มีเสียงตอบรับจึงค่อยเงยหน้าขึ้น
“มีอะไรไม่เข้าใจเหรอฟาทัล” เลซเอ่ยถาม เขาว่าเขาก็พูดชัดเจนดีนี่นา “หรือว่าไม่รู้ที่?... อืม ท่าทางกำลังไปที่แอสทีก้ากันนะ”
“มะ...ไม่ใช่ครับ แค่ผมสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆก็ให้ไปลักพาตัวเขามาดื้อๆเลย” ฟาทัลรีบบอกปฏิเสธก่อนที่เจ้านายของตนจะสาธยายยาวมากกว่านี้ เขาแสร้งทำเป็นถามเหตุผลเพื่อที่จะได้หาข้อโต้แย้ง มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องหา กขค มาให้ตัวเองด้วยเล่า
“แหม ไม่เห็นมีอะไรไม่สมเหตุสมผลซักหน่อย ก็ในเมื่อฉันเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ จะให้ลดตัวลงไปชวนหนูน้อยมาเที่ยวบ้าน จิบน้ำชาก็กระไรอยู่ มันต้องลักพาตัวเซ่ ฮะ ฮะ ฮะ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างชั่วร้าย จนคนข้างกายต้องกุมขมับให้กับความเอาแต่ใจตัวเองสุดยอดของเลซ ในเมื่อไม่มีเหตุผลมา แล้วลูกน้องอย่างเขาจะเอาเหตุผลอะไรไปแย้งได้ล่ะ
ใครจะเชื่อล่ะว่าคนแบบนี้จะเป็นถึงหัวหน้าองค์กรใหญ่ที่แผ่ขยายอำนาจมืดไปทั่วทั้งเกาะ “องค์กรอเกต” และยังเตรียมโครงการจะยึดครองโลกต่ออีกต่างหาก มีหลายครั้งที่ชาวเมืองรวมตัวกันเป็นสมาคมผู้กล้าช่วยกันปราบปรามกวาดล้าง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป ด้วยแพ้ความภักดีของเหล่าลูกสมุนที่มีต่อลูกพี่ชนิคยอมตายถวายหัวเพื่อปกป้อง ซึ่งก็ยังเป็นปริศนาต่อไปว่าเพราะเหตุใดจึงเทิดทูนกันได้ขนาดนั้น
“ครับ แล้วผมจะหาฟอกซ์ฝีเท้าเร็วๆ ไปจัดการให้” แรคคูนหนุ่มตอบรับ ทั้งที่ในใจคิดตรงกันข้าม “ท่าทางเชริสน่าจะใช้ได้”
“ฉันจะรอข่าวดีนะ~” เลซยิ้มหวาน ก่อนจะดึงคอเสื้อชายหนุ่มลงมาหอมแก้ม “ฟาทัลใจดีที่สุดเลย”
เลซมองตามหลังองครักษ์หนุ่มที่เดินหน้าแดงออกจากห้องพร้อมประกายตาที่ฉายแววมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำตามประสงค์ของผู้เป็นเจ้านายให้สำเร็จจงได้ เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นแสยะยิ้มแทนทันทีที่อีกฝ่ายพ้นประตูออกไป
นี่สินะ...สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมลูกน้องถึงทำงานกันถวายหัว...
ในขณะที่จอมวายร้ายกำลังวางแผนลักพาตัวเด็ก โนเอลกับเบลดก็เดินทางมาถึงเมืองแอสทีก้าแล้ว บรรยากาศเมืองเก่าๆ ที่อาคารตึกรามบ้านช่องล้วนทำมาจากหิน ช่างดูสวยงามประทับยิ่งนักในยามเย็นแสงสลัวๆ
ทั้งสองเดินไปยังโรงแรมตามที่เขียนไว้ในใบปลิว “ประกาศรับสมัครผู้กล้าเข้าสมาคม (อีกแล้ว)” เมื่อเข้าไปรายงานตัวอย่างลับๆ กับคณะผู้บริหารสมาคมเรียบร้อยแล้ว ก็ไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย
“พี่เบลดว่าจะมีคนมากันเยอะมั้ยฮะ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล เพราะได้ยินเรื่องความแข็งแกร่งขององค์กรอเกตมามากมาย มีตั้งแต่ความใหญ่โตของกองกำลัง ยันความสามารถเหนือมนุษย์ จนไม่รู้ว่าไหนเรื่องจริงไหนข่าวลือ ที่พอจะเชื่อถือได้หน่อยก็คงเป็นเรื่องความชั่วร้ายของหัวหน้าองค์กรนี้นี่แหละ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นบุคคลไหนโดนดุด่าว่ากล่าวสาดเสียเทเสียมันได้ทุกด้านทุกมุมขนาดนี้เลย ถึงขนาดว่าใครมองเจ้านั่นในด้านดีขึ้นมานิดเดียวก็โดนรุมสหบาทา เพราะแปลว่าต้องเป็นคนในองค์กรนั้นแน่นอน
“ก็ได้แต่หวังว่าจะมากพอที่จะโค่นล้มมันได้นะ ตอนนี้ก็ได้แต่รอสมาคมรวบรวมคนล่ะ ไม่ต้องกังวลไปนะ งานนี้เราต้องทำสำเร็จแน่นอน” เบลดลูบผมยุ่งๆสีทองของโนเอลด้วยความเอ็นดูก่อนจะจูงมือกันเข้าห้องพักที่จัดเตรียมไว้ให้
เวลาผ่านไปอีกคืน และอีกคืนอย่างรวดเร็ว เริ่มมีคนมาสมัครเข้าร่วมหนาตาขึ้นบ้างแล้วแต่ถ้าเทียบกับพวกองค์กรอเกตยังถือว่าน้อยนิดนัก พวกเขาก็ได้แต่รอคอย และหวังว่าวันต่อไปคงจะดีกว่าวันก่อนเป็นแน่
“ราตรีสวัสดิ์ฮะ พี่เบลด” หนุ่มน้อยหน้ามนบอกร่างสูงที่ดึงผ้าห่มขึ้นก่อนจะเลื่อนตัวมานอนข้างๆ บนเตียงนุ่ม
“อือ ฝันดีนะโนเอล” ชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผากเล็กๆนั่นก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่นิทรา
วิ้วว~
ลมเย็นๆยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้างจนผ้าม่านปลิวไสว ร่างๆหนึ่งกระโดดเข้ามาอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนที่หลับใหลอยู่ตื่นขึ้น ฟอกซ์สาวมองคนทั้งคู่ก่อนจะค่อยๆเลิกผ้าห่มขึ้น
“คนนี้สินะ... ง่ายกว่าที่คิดแฮะ” เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าไปที่หน้าของโนเอล เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะหลับลงไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ของยาสลบ เธอทำเช่นเดียวกันกับเบลด แล้วจึงเตรียมลากโนเอลออกมาจากเตียง
ควับ!
เชริสก้มลงมองขาของเบลดที่ยกขึ้นมาก่ายทับโนเอลพอดี เธอส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะออกแรงยกขาของเขาออกไป แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จ เบลดก็ขยับมือมากอดเจ้าตัวเล็กไว้อีก
“ขนาดหลับแล้วยังฤทธิ์เยอะอีกนะยะ...ออกไป๊ ชิ้วๆ” เชริสยกขาเตะก้นจอมละเมอไปทีด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะออกแรงแงะตัวโนเอลออกมาจนเกือบเช้ากว่าจะลากเด็กหนุ่มออกมาได้ เธอปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยอ่อน
“ร้ายกาจจริงๆ นับถือเลย” หญิงสาวพลิกตัวโนเอลคว่ำหน้าก่อนจะจับมัดมือไพล่หลัง เธอหันหลังเตรียมจะหิ้วหนูน้อยหนีกลับองค์กรเพื่อไปรับรางวัล โดยไม่ได้สนใจร่างที่ยังนอนอยู่บนเตียงแต่อย่างใด
หมับ!
มือหนายื่นมาคว้าเอวของเธอจนหงายหลังลงไปบนเตียงนอนเหมือนโดนสต๊าฟอยู่ตรงนั้น
พลิกซ้าย
ไม่ปล่อย...
พลิกขวา
ไม่หลุด...
“ปล่อยช้านนนนน!!!!” เชริสดิ้นๆอาละวาดด้วยลืมไปแล้วว่ายาสลบใกล้หมดฤทธิ์ ร่างที่วางแขนทับเธออยู่ค่อยๆดึงแขนกลับก่อนจะปรือตาขึ้นมอง
“โนเอ... เฮ้ยยยยยยยย!!!” เบลดที่กำลังสลึมสลือตาสว่างทันควันเมื่อเห็นว่าร่างที่นอนอยู่โดนแทนที่ด้วยคนแปลกหน้า แถมเจ้าตัวที่ควรจะอยู่ดันโดนมัดอยู่บนพื้น ในเมื่อหลักฐานชี้ชัดขนาดนี้แล้ว จะรอช้าอยู่ไย ต้องเอาดาบกะซวกก่อนแล้วค่อยถาม แต่มือยังไม่ทันจับด้ามดาบที่วางข้างเตียงถนัดดีก็โดนเจ้าหล่อนเอาผ้าเช็ดหน้าอุดปากอุดจมูกสลบเหมือดรอบ 2 ซะเสียภาพพจน์พระเอก
“ไว้เจอกันชาติหน้าตอนบ่ายๆเถอะย่ะ” เชริสปาผ้าเช็ดหน้าใส่เป็นของแถมก่อนจะหิ้วโนเอลกระโดดหนีออกหน้าต่างไป
เลซเดินไปเดินมา จากซ้ายไปขวา จากขวากลับมาซ้ายในห้องโถง จนหนุ่มแว่นเวียนหัวแทน หลายวันแล้วที่ชายหนุ่มได้ออกคำสั่งไป ซึ่งดูจากระยะทางแล้ว วันนี้หากทำงานสำเร็จ “เหยื่อ” ก็น่าจะมาถึงมือแล้ว
“เอ่อ ท่านเลซครับ ผมว่าท่านนั่งรอเฉยๆดีกว่านะครับ” ฟาทัลเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดีต่อสายตาตนเอง ซึ่งเป็นโชคดีของเขาที่เลซทำตามคำแนะนำ
“วันนี้น่าจะมาถึงแล้วนี่นา แอสทีก้าอยู่แค่นี้เอง ทำไมชักช้าจริงนะ นี่นายส่งพวกป้าๆไปทำงานรึเปล่าเนี่ย” เลซบ่นยังไม่ทันขาดคำป้าที่ว่าก็โผล่หน้าขึ้นที่ประตู ในมือลากเด็กหนุ่มติดมาด้วย
“อ้ะ มาแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยรึเปล่า เด็กๆ เอาน้ำเย็นๆมาเสิร์ฟหน่อยซิ” เขาเข้าไปพยุงร่างของหญิงสาวเข้ามาในห้องโถงทันที สาวใช้หูแมวกลุ่มหนึ่งยกโต๊ะเล็กและเก้าอี้มาวางให้เสร็จสรรพ พร้อมเสิร์ฟน้ำเย็นฉ่ำชื่นใจ ราวกับเชริสเป็นขุนนางชั้นสูงก็มิปาน
...อย่าให้รู้สรรพนามเบื้องหลังเลยเชียว...
ฟาทัลยกมือขึ้นกุมขมับเป็นรอบที่ล้าน ลูกน้องไม่รักตายก็ให้มันรู้ไปสิ ขนาดเขาเองรู้ทั้งรู้ว่านายท่านนิสัยแสนดีออกปานไหน ยังหลงเข้าไปได้เลยนี่นะ
“แล้วนี่...” เลซหันไปมองร่างที่ทั้งโดนมัดมือ ทั้งโดนปิดตาบนพื้น หญิงสาวลดถ้วยน้ำลงก่อนจะรายงานการทำงาน
“...แล้วก็ที่ผูกตาไว้ก็เผื่อถ้าหนีไปยังไงก็จะได้จำทางไม่ได้ด้วยน่ะคะ” เชริสจบการรายงาน
“ดีมาก ขอบคุณนะ รางวัลไปเบิกกับต้นสังกัดละกัน” เลซยิ้มหวานบาดจิตชนิดผู้หญิงชิดซ้ายส่งแขก ก่อนจะรีบเรียกสาวใช้เหมียวๆทั้งหลายมาจับเด็กหนุ่มไปไว้ที่ห้องใต้หลังคา ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของเจ้าตัวเล็ก ที่แม้จะโดนลากถูลู่ถูกังมาไกลหลายวันก็ยังแรงไม่ตก
โนเอลรู้สึกว่าเชือกที่ข้อมือเริ่มคลายออกก่อนจะหลุดร่วงลงปล่อยเขาเป็นอิสระ เขารีบดึงผ้าผูกตาออกเพื่อดูว่าตนถูกพามาที่ไหน
ห้องกว้างอย่างหรูออกโทนน้ำตาลแดงด้วยวอลเปเปอร์สีแดงเข้มตัดเป็นตารางด้วยเส้นสีทอง พื้นสีไวน์แดงดูมีรสนิยม ปูทับด้วยพรมหนังสัตว์สีน้ำตาลตัวใหญ่เกือบจะกินที่ทั้งห้อง มีมุมนั่งพื้นจิบน้ำชาเล็กๆ และมุมสำหรับแต่งตัว ทั้งตู้และโต๊ะล้วนเป็นไม้สีน้ำตาลฉลุลายอย่างประณีต ที่ผนังอีกด้านมีโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือ ซึ่งมีแสงส่องมารำไรจากหน้าต่างเพียงบานเดียวในห้อง และข้างๆหน้าต่างนั้นคือ...เตียง
...ห้องนอน...
โนเอลกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ คงไม่ใช่ว่าเขาโดยจับมาขายให้พวกเสี่ยรวยๆ หรือที่ขายบริการอะไรพรรคนั้นหรอกนะ
“นะ...นี่มันที่แบบไหนกันน่ะ” เขาหันไปถามสาวใช้ทั้ง 2 คน ซึ่งเขาเพิ่งเห็นว่าเป็นฝาแฝด คนนึงผมดำยาวปล่อยสยาย ดวงตาสีดำสนิท ส่วนอีกคนผมสีดำเช่นเดียวกันแต่มัดรวบไว้ ดวงตาสีทอง เธอทั้งสองส่ายหน้ากลับมาให้แทนคำตอบ
“บอกไม่ได้ค่ะ”
“แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
สาวใช้ทั้งสองยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพอทำให้โนเอลเบาใจลงไปได้บ้าง บางทีเรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคิดก็ได้ คงจะมีใครต้องการต่อรองอะไรกับเขาอยู่ ไม่ก็สงสัยว่าพี่เบลดไปทำอะไรให้ใครไว้รึเปล่าเลยมาลักพาตัวเขาแทน คงจะเป็นอะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง
แอ๊ด~
ประตูห้องเปิดออกก่อนจะปรากฏร่างชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหวีเรียบร้อย บนศีรษะมีหูสีเข้มบ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ชัดเจนเดินนำเข้ามา เขาขยับกรอบแว่นเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกกว้างขึ้น
“เชิญครับ”
โนเอลมองร่างที่เดินตามเข้ามาด้วยความตกตะลึง ดูราวกับทุกย่างก้าวที่เหยียบย่างนั้นทำให้เวลาค่อยๆหยุดนิ่งไป ร่างสูงโปร่งงดงามราวกับภาพวาด ผิวขาวเนียนดุจไข่มุกที่เพียงมองดูก็รู้ว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ผมสีน้ำเงินอมม่วงยาวสลวยคลอเคลียใบหน้าสวยรับกับปีกสีอมฟ้าบนศีรษะ ดวงตาเรียวสีน้ำเงินเข้มประหนึ่งแซฟไฟร์เลอค่าใต้แพขนตายาวที่ยิ่งขับให้ใบหน้าดูสวยคมยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มบางๆ ที่ตราตรึงทุกสายตาจนแทบลืมหายใจได้
...ดราก้อน...
“ขอโทษนะที่รุนแรงไปหน่อย” เสียงหวานนุ่มเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางนั่นแทบจะทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้มไปกับลมปากได้
“อ่ะ...ฮะ” โนเอลยังคงมองร่างนั้นด้วยสายตาเลื่อนลอยประหนึ่งยังไม่ตื่นจากนิทรา
“เธอชื่ออะไรล่ะ” ชายหนุ่มผู้งดงามไม่แพ้อิสตรีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มละมุน
“โนเอลฮะ โนเอล เวียร์...แล้วคุณเป็นใครฮะ?” ไลอ้อนน้อยเอ่ยถามเสียงใส
“เลซ อเกตหัวหน้าองค์กรที่เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างนะ” เลซเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูจะเป็นรอยยิ้มเคลือบยาพิษสำหรับโนเอลไปแล้ว เด็กหนุ่มชักปืนขึ้นมาลั่นไกทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
เลซไม่ขยับหลบแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะกระพริบตา ทำเพียงแค่เผยอปากออกแสยะยิ้มเล็กน้อยยามมีมือหนึ่งยื่นมากำอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อมือนั้นคลายออก กระสุนปืนนัดเมื่อครู่ก็ร่วงหล่นลงกระทบพื้น ไม่ต่างกับหัวใจของโนเอลที่ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เก็บของแบบนั้นไปเถอะ ไม่มีประโยชน์หรอก” ชายหนุ่มผู้เป็นองครักษ์ขยับกรอบแว่นราวกับจะเย้ยหยันพลางปัดมือเข้ากับกางเกง
“วันนี้ฉันจะยังไม่มากวนเธอก็แล้วกัน อาบน้ำแล้วพักผ่อนให้สบายนะ” เลซชี้นิ้วไปที่ประตูห้องน้ำในห้องนอน ก่อนจะหันไปหาสาวใช้ทั้งสอง
“ลารีส ลาเรล พวกเธอคอยดูแลอยู่หน้าห้องก็แล้วกัน”
“ค่ะนายท่าน” ทั้งคู่ก้มคำนับก่อนจะเดินออกไป
“อ้อ โนเอล ขาดเหลืออะไรตะโกนบอกเขาได้เลยนะ... ยกเว้นกุญแจห้อง” เลซทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหัวเราะเสียงบาดจิตบั่นทอนประสาทออกไปจากห้อง มีโนเอลถอดรองเท้าปาใส่ประตูไล่หลังเป็นการส่งแขก ด้วยความหมั่นไส้เหลือคณา หน้าก็สวยเกินหน้าเกินตาผู้หญิงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำตัวกระแดะตามหน้าก็ได้โว้ย
เขาหยิบหมอนมาฟาดลงกับเตียงด้วยความหงุดหงิด มีอย่างที่ไหน อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาสมัครเข้าสมาคมผู้กล้าเพื่อกวาดล้างองค์กรนี้ แต่ดันโดนลักพาตัวมาซะเอง แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน
โนเอลมองผ้าปูเตียงที่เลอะเทอะเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองตัวเองที่สภาพมอมแมมดูไม่จืด เขาถอนหายใจยาวพลางถอดเสื้อผ้าออกกองๆแล้วดันส่งผ่านประตูแมวออกไปนอกห้อง
“ขอผ้าปูเตียงใหม่ กับชุดใหม่ด้วยฮะ” โนเอลตะโกนบอก ในเมื่ออยากได้อะไรก็ให้บอก งั้นเขาก็ไม่เกรงใจล่ะ จะล้างผลาญงบประมาณองค์กรให้สนุกเลยคอยดูสิ
“ซักครู่ค่ะ ส่วนชุดมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วค่ะ” ลารีสตอบกลับมา
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วลองเปิดตู้เสื้อผ้าดู มีชุดขนาดตัวเขาแขวนเรียงไว้จำนวนหนึ่ง ราวกับจัดเตรียมไว้ต้อนรับเขาโดยเฉพาะ
...วางแผนกันล่วงหน้าเลยเหรอเนี่ย...
เขาหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดใหม่เข้าไปในห้องน้ำ มีอ่างอาบอย่างดี พร้อนแชมพู สบู่ โลชั่น แป้งและเครื่องใช้อื่นๆ นี่ถ้ามีพี่สาวหุ่นดีมานวดตัวให้ด้วยคงกลายเป็นสปาขนาดย่อมโดยแน่แท้ รู้สึกว่าต้อนรับดีเกินจนจะสยองแทน แน่ใจเรอะว่านี่มันแก๊งลักพาตัวเด็กน่ะ มันไม่หรูเกินไปหน่อยเรอะ
โนเอลเปิดน้ำลงอ่างพร้อมเอามือวัดอุณหภูมิน้ำไปด้วย พอได้ที่กำลังดีแล้วจึงค่อยก้าวลงไป
ซ่า ซ่า~
สายน้ำอุ่นๆพร่างพรมลงบนร่างเล็กที่นอนอยู่ในอ่าง ปล่อยให้สายน้ำชำระล้างคราบสกปรกออกจากตัว เขาหลับตาลงหวนนึกไปถึงผู้ที่อยู่ห่างออกไป สัมผัสอบอุ่นของมือนั้นยังคงค้างอยู่บนมือที่เคยจับจูง แผ่นหลังกว้างที่มักจะปกป้องเขายามอันตรายยังคงติดตา ป่านนี้คงกำลังเป็นห่วงเขาแย่แล้วสินะ
...พี่เบลดฮะ...
End of Chapter I
Chapter I
สาวน้อยร่างเล็กในชุดกระโปรงค่อยๆเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด และเงียบสงัด มือเล็กกำตุ๊กตายัดนุ่นเก่าๆแน่น มันถูกลากไปกับพื้นจนมอมแมม หากแต่เธอก็มิได้สนใจจะยกมันขึ้นมาให้พ้นจากทางเดิน
เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองไปเบื้องหน้า ขาเล็กๆพาเธอก้าวเดินต่อไปจนกระทั่งมาถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง มันตั้งสูงตระง่าน ท่ามกลางสวนดอกกุหลาบสีเดียวกับท้องฟ้าในยามนี้ที่ดูน่าสะพรึงกลัวมากกว่างดงาม เธอก้าวเท้าเข้าไปก่อนจะหยุดนิ่งสนิท...ตลอดกาล
“ยังมีคีเอนหลงมาอีกเหรอเนี่ย ก็ว่าเก็บกวาดไปจนหมดเขต “สวนปิศาจ” แล้วนา” ชายหนุ่มที่ยืนเวรยามอยู่หน้ารั้วเอ่ยขึ้นก่อนจะเอาเท้าเขี่ยศีรษะของเด็กสาวที่กลิ้งอยู่บนพื้น
“ท่าเรืออุปซ์มันก็ไม่ใช่แคบๆนี่นะ ก็คงมีหลงหูหลงตาไปบ้างล่ะ” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยขัด แล้วลากร่างไร้วิญญาณนั้นออกไปทิ้งอีกทาง
“นั่นสินะ ช่างเถอะ แค่ป้องกันไม่ให้มีอะไรย่างกรายเข้าไปถึงท่านผู้นั้นได้ก็พอแล้วล่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์สูงตระหง่านที่อยู่เบื้องหลังตน ที่ๆท่านผู้นั้นอาศัยอยู่ หน้าต่างสูงยังคงมีแสงไฟเล็ดลาดผ่านผ้าม่านสีดำออกมาบ่งบอกว่าผู้เป็นเจ้าของยังมิได้เข้าสู่นิทรา
นิ้วเรียวยาวลูบไล้ไปตามลูกแก้วสีนิลด้วยความหลงใหล ดวงตาเรียวสวยสีน้ำเงินเข้มจับจ้องภาพที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้วอย่างไม่วางตา แม้จะเป็นภาพของคนสองคน แต่ก็แทบไม่แตกต่างกับเห็นเพียงแค่คนๆเดียว
“ฟาทัล ดูนี่สิ” ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางในชุดเสื้อคลุม เรียกองครักษ์ข้างกายให้ก้มลงมาดูภาพที่สะท้อนอยู่ในลูกแก้ว
“ครับ?”
องครักษ์หนุ่มขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนจะเพ่งมองผู้ชาย 2 คนในลูกแก้วที่กำลังตบตีกับอะโพซิซ คนหนึ่งรูปร่างสูง บุคลิกดี มีเขาสีขาวแหลมอยู่บนศีรษะ กับอีกคนตัวเล็กๆ ผมฟูไม่เป็นทรง ท่าทางซนๆ มีหูสีน้ำตาลอยู่บนหัวด้วย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองลูกแก้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยไม่เข้าใจว่าจะให้เขาดูอะไรกันแน่
...ก็เป็นแค่สิงโตกับกระบืออย่างละ 1 ตัว ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
“ก็ไลอ้อนน้อยนี่ไง ...น่ารัก” ผู้เป็นเจ้านายพูดราวกับว่าไม่เห็นมีอะไรต้องงง ทำเอาคนเป็นลูกน้องถึงบางอ้อว่าดูอะไรอยู่กันแน่ ท่าทางเจ้านายเขาจะมองไม่เห็นชายหนุ่มที่จูงมือเป้าหมายเดินอยู่ข้างๆในสายตาเลยสินะนั่น
“ครับ แล้วทำไมเหรอครับท่านเลซ?” ฟาทัลเอ่ยถาม เพราะแค่อยู่ดีๆก็เจอเด็กน่ารัก ไม่เห็นต้องเรียกเขามาดูด้วยเลย หรือเป็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้ชอบพวกเด็กๆ ด้วย ก็เลยไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรน่าดูมากมาย
“ฉันอยากได้...” เลซพูดขึ้นมาดื้อๆ สายตายังจับจ้องอยู่ที่ลูกแก้ว จึงไม่ทันเห็นสีหน้าคนฟัง
“ครับ... ห้ะ?” ฟาทัลตอบรับด้วยความเคยชินก่อนจะนึกได้ว่าเจ้านายสุดที่รักพูดอะไรออกมา
“อือ ก็นั่นแหละ พามาให้หน่อยสิ”
“เห?”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหูสีน้ำตาลเข้มบนหัวตัวเอง ด้วยเกรงว่าจะหูฝาดไป คนออกคำสั่งเห็นไม่มีเสียงตอบรับจึงค่อยเงยหน้าขึ้น
“มีอะไรไม่เข้าใจเหรอฟาทัล” เลซเอ่ยถาม เขาว่าเขาก็พูดชัดเจนดีนี่นา “หรือว่าไม่รู้ที่?... อืม ท่าทางกำลังไปที่แอสทีก้ากันนะ”
“มะ...ไม่ใช่ครับ แค่ผมสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆก็ให้ไปลักพาตัวเขามาดื้อๆเลย” ฟาทัลรีบบอกปฏิเสธก่อนที่เจ้านายของตนจะสาธยายยาวมากกว่านี้ เขาแสร้งทำเป็นถามเหตุผลเพื่อที่จะได้หาข้อโต้แย้ง มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องหา กขค มาให้ตัวเองด้วยเล่า
“แหม ไม่เห็นมีอะไรไม่สมเหตุสมผลซักหน่อย ก็ในเมื่อฉันเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ จะให้ลดตัวลงไปชวนหนูน้อยมาเที่ยวบ้าน จิบน้ำชาก็กระไรอยู่ มันต้องลักพาตัวเซ่ ฮะ ฮะ ฮะ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างชั่วร้าย จนคนข้างกายต้องกุมขมับให้กับความเอาแต่ใจตัวเองสุดยอดของเลซ ในเมื่อไม่มีเหตุผลมา แล้วลูกน้องอย่างเขาจะเอาเหตุผลอะไรไปแย้งได้ล่ะ
ใครจะเชื่อล่ะว่าคนแบบนี้จะเป็นถึงหัวหน้าองค์กรใหญ่ที่แผ่ขยายอำนาจมืดไปทั่วทั้งเกาะ “องค์กรอเกต” และยังเตรียมโครงการจะยึดครองโลกต่ออีกต่างหาก มีหลายครั้งที่ชาวเมืองรวมตัวกันเป็นสมาคมผู้กล้าช่วยกันปราบปรามกวาดล้าง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป ด้วยแพ้ความภักดีของเหล่าลูกสมุนที่มีต่อลูกพี่ชนิคยอมตายถวายหัวเพื่อปกป้อง ซึ่งก็ยังเป็นปริศนาต่อไปว่าเพราะเหตุใดจึงเทิดทูนกันได้ขนาดนั้น
“ครับ แล้วผมจะหาฟอกซ์ฝีเท้าเร็วๆ ไปจัดการให้” แรคคูนหนุ่มตอบรับ ทั้งที่ในใจคิดตรงกันข้าม “ท่าทางเชริสน่าจะใช้ได้”
“ฉันจะรอข่าวดีนะ~” เลซยิ้มหวาน ก่อนจะดึงคอเสื้อชายหนุ่มลงมาหอมแก้ม “ฟาทัลใจดีที่สุดเลย”
เลซมองตามหลังองครักษ์หนุ่มที่เดินหน้าแดงออกจากห้องพร้อมประกายตาที่ฉายแววมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำตามประสงค์ของผู้เป็นเจ้านายให้สำเร็จจงได้ เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นแสยะยิ้มแทนทันทีที่อีกฝ่ายพ้นประตูออกไป
นี่สินะ...สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมลูกน้องถึงทำงานกันถวายหัว...
ในขณะที่จอมวายร้ายกำลังวางแผนลักพาตัวเด็ก โนเอลกับเบลดก็เดินทางมาถึงเมืองแอสทีก้าแล้ว บรรยากาศเมืองเก่าๆ ที่อาคารตึกรามบ้านช่องล้วนทำมาจากหิน ช่างดูสวยงามประทับยิ่งนักในยามเย็นแสงสลัวๆ
ทั้งสองเดินไปยังโรงแรมตามที่เขียนไว้ในใบปลิว “ประกาศรับสมัครผู้กล้าเข้าสมาคม (อีกแล้ว)” เมื่อเข้าไปรายงานตัวอย่างลับๆ กับคณะผู้บริหารสมาคมเรียบร้อยแล้ว ก็ไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย
“พี่เบลดว่าจะมีคนมากันเยอะมั้ยฮะ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล เพราะได้ยินเรื่องความแข็งแกร่งขององค์กรอเกตมามากมาย มีตั้งแต่ความใหญ่โตของกองกำลัง ยันความสามารถเหนือมนุษย์ จนไม่รู้ว่าไหนเรื่องจริงไหนข่าวลือ ที่พอจะเชื่อถือได้หน่อยก็คงเป็นเรื่องความชั่วร้ายของหัวหน้าองค์กรนี้นี่แหละ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นบุคคลไหนโดนดุด่าว่ากล่าวสาดเสียเทเสียมันได้ทุกด้านทุกมุมขนาดนี้เลย ถึงขนาดว่าใครมองเจ้านั่นในด้านดีขึ้นมานิดเดียวก็โดนรุมสหบาทา เพราะแปลว่าต้องเป็นคนในองค์กรนั้นแน่นอน
“ก็ได้แต่หวังว่าจะมากพอที่จะโค่นล้มมันได้นะ ตอนนี้ก็ได้แต่รอสมาคมรวบรวมคนล่ะ ไม่ต้องกังวลไปนะ งานนี้เราต้องทำสำเร็จแน่นอน” เบลดลูบผมยุ่งๆสีทองของโนเอลด้วยความเอ็นดูก่อนจะจูงมือกันเข้าห้องพักที่จัดเตรียมไว้ให้
เวลาผ่านไปอีกคืน และอีกคืนอย่างรวดเร็ว เริ่มมีคนมาสมัครเข้าร่วมหนาตาขึ้นบ้างแล้วแต่ถ้าเทียบกับพวกองค์กรอเกตยังถือว่าน้อยนิดนัก พวกเขาก็ได้แต่รอคอย และหวังว่าวันต่อไปคงจะดีกว่าวันก่อนเป็นแน่
“ราตรีสวัสดิ์ฮะ พี่เบลด” หนุ่มน้อยหน้ามนบอกร่างสูงที่ดึงผ้าห่มขึ้นก่อนจะเลื่อนตัวมานอนข้างๆ บนเตียงนุ่ม
“อือ ฝันดีนะโนเอล” ชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผากเล็กๆนั่นก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่นิทรา
วิ้วว~
ลมเย็นๆยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้างจนผ้าม่านปลิวไสว ร่างๆหนึ่งกระโดดเข้ามาอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนที่หลับใหลอยู่ตื่นขึ้น ฟอกซ์สาวมองคนทั้งคู่ก่อนจะค่อยๆเลิกผ้าห่มขึ้น
“คนนี้สินะ... ง่ายกว่าที่คิดแฮะ” เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าไปที่หน้าของโนเอล เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะหลับลงไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ของยาสลบ เธอทำเช่นเดียวกันกับเบลด แล้วจึงเตรียมลากโนเอลออกมาจากเตียง
ควับ!
เชริสก้มลงมองขาของเบลดที่ยกขึ้นมาก่ายทับโนเอลพอดี เธอส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะออกแรงยกขาของเขาออกไป แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จ เบลดก็ขยับมือมากอดเจ้าตัวเล็กไว้อีก
“ขนาดหลับแล้วยังฤทธิ์เยอะอีกนะยะ...ออกไป๊ ชิ้วๆ” เชริสยกขาเตะก้นจอมละเมอไปทีด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะออกแรงแงะตัวโนเอลออกมาจนเกือบเช้ากว่าจะลากเด็กหนุ่มออกมาได้ เธอปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยอ่อน
“ร้ายกาจจริงๆ นับถือเลย” หญิงสาวพลิกตัวโนเอลคว่ำหน้าก่อนจะจับมัดมือไพล่หลัง เธอหันหลังเตรียมจะหิ้วหนูน้อยหนีกลับองค์กรเพื่อไปรับรางวัล โดยไม่ได้สนใจร่างที่ยังนอนอยู่บนเตียงแต่อย่างใด
หมับ!
มือหนายื่นมาคว้าเอวของเธอจนหงายหลังลงไปบนเตียงนอนเหมือนโดนสต๊าฟอยู่ตรงนั้น
พลิกซ้าย
ไม่ปล่อย...
พลิกขวา
ไม่หลุด...
“ปล่อยช้านนนนน!!!!” เชริสดิ้นๆอาละวาดด้วยลืมไปแล้วว่ายาสลบใกล้หมดฤทธิ์ ร่างที่วางแขนทับเธออยู่ค่อยๆดึงแขนกลับก่อนจะปรือตาขึ้นมอง
“โนเอ... เฮ้ยยยยยยยย!!!” เบลดที่กำลังสลึมสลือตาสว่างทันควันเมื่อเห็นว่าร่างที่นอนอยู่โดนแทนที่ด้วยคนแปลกหน้า แถมเจ้าตัวที่ควรจะอยู่ดันโดนมัดอยู่บนพื้น ในเมื่อหลักฐานชี้ชัดขนาดนี้แล้ว จะรอช้าอยู่ไย ต้องเอาดาบกะซวกก่อนแล้วค่อยถาม แต่มือยังไม่ทันจับด้ามดาบที่วางข้างเตียงถนัดดีก็โดนเจ้าหล่อนเอาผ้าเช็ดหน้าอุดปากอุดจมูกสลบเหมือดรอบ 2 ซะเสียภาพพจน์พระเอก
“ไว้เจอกันชาติหน้าตอนบ่ายๆเถอะย่ะ” เชริสปาผ้าเช็ดหน้าใส่เป็นของแถมก่อนจะหิ้วโนเอลกระโดดหนีออกหน้าต่างไป
เลซเดินไปเดินมา จากซ้ายไปขวา จากขวากลับมาซ้ายในห้องโถง จนหนุ่มแว่นเวียนหัวแทน หลายวันแล้วที่ชายหนุ่มได้ออกคำสั่งไป ซึ่งดูจากระยะทางแล้ว วันนี้หากทำงานสำเร็จ “เหยื่อ” ก็น่าจะมาถึงมือแล้ว
“เอ่อ ท่านเลซครับ ผมว่าท่านนั่งรอเฉยๆดีกว่านะครับ” ฟาทัลเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดีต่อสายตาตนเอง ซึ่งเป็นโชคดีของเขาที่เลซทำตามคำแนะนำ
“วันนี้น่าจะมาถึงแล้วนี่นา แอสทีก้าอยู่แค่นี้เอง ทำไมชักช้าจริงนะ นี่นายส่งพวกป้าๆไปทำงานรึเปล่าเนี่ย” เลซบ่นยังไม่ทันขาดคำป้าที่ว่าก็โผล่หน้าขึ้นที่ประตู ในมือลากเด็กหนุ่มติดมาด้วย
“อ้ะ มาแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยรึเปล่า เด็กๆ เอาน้ำเย็นๆมาเสิร์ฟหน่อยซิ” เขาเข้าไปพยุงร่างของหญิงสาวเข้ามาในห้องโถงทันที สาวใช้หูแมวกลุ่มหนึ่งยกโต๊ะเล็กและเก้าอี้มาวางให้เสร็จสรรพ พร้อมเสิร์ฟน้ำเย็นฉ่ำชื่นใจ ราวกับเชริสเป็นขุนนางชั้นสูงก็มิปาน
...อย่าให้รู้สรรพนามเบื้องหลังเลยเชียว...
ฟาทัลยกมือขึ้นกุมขมับเป็นรอบที่ล้าน ลูกน้องไม่รักตายก็ให้มันรู้ไปสิ ขนาดเขาเองรู้ทั้งรู้ว่านายท่านนิสัยแสนดีออกปานไหน ยังหลงเข้าไปได้เลยนี่นะ
“แล้วนี่...” เลซหันไปมองร่างที่ทั้งโดนมัดมือ ทั้งโดนปิดตาบนพื้น หญิงสาวลดถ้วยน้ำลงก่อนจะรายงานการทำงาน
“...แล้วก็ที่ผูกตาไว้ก็เผื่อถ้าหนีไปยังไงก็จะได้จำทางไม่ได้ด้วยน่ะคะ” เชริสจบการรายงาน
“ดีมาก ขอบคุณนะ รางวัลไปเบิกกับต้นสังกัดละกัน” เลซยิ้มหวานบาดจิตชนิดผู้หญิงชิดซ้ายส่งแขก ก่อนจะรีบเรียกสาวใช้เหมียวๆทั้งหลายมาจับเด็กหนุ่มไปไว้ที่ห้องใต้หลังคา ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของเจ้าตัวเล็ก ที่แม้จะโดนลากถูลู่ถูกังมาไกลหลายวันก็ยังแรงไม่ตก
โนเอลรู้สึกว่าเชือกที่ข้อมือเริ่มคลายออกก่อนจะหลุดร่วงลงปล่อยเขาเป็นอิสระ เขารีบดึงผ้าผูกตาออกเพื่อดูว่าตนถูกพามาที่ไหน
ห้องกว้างอย่างหรูออกโทนน้ำตาลแดงด้วยวอลเปเปอร์สีแดงเข้มตัดเป็นตารางด้วยเส้นสีทอง พื้นสีไวน์แดงดูมีรสนิยม ปูทับด้วยพรมหนังสัตว์สีน้ำตาลตัวใหญ่เกือบจะกินที่ทั้งห้อง มีมุมนั่งพื้นจิบน้ำชาเล็กๆ และมุมสำหรับแต่งตัว ทั้งตู้และโต๊ะล้วนเป็นไม้สีน้ำตาลฉลุลายอย่างประณีต ที่ผนังอีกด้านมีโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือ ซึ่งมีแสงส่องมารำไรจากหน้าต่างเพียงบานเดียวในห้อง และข้างๆหน้าต่างนั้นคือ...เตียง
...ห้องนอน...
โนเอลกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ คงไม่ใช่ว่าเขาโดยจับมาขายให้พวกเสี่ยรวยๆ หรือที่ขายบริการอะไรพรรคนั้นหรอกนะ
“นะ...นี่มันที่แบบไหนกันน่ะ” เขาหันไปถามสาวใช้ทั้ง 2 คน ซึ่งเขาเพิ่งเห็นว่าเป็นฝาแฝด คนนึงผมดำยาวปล่อยสยาย ดวงตาสีดำสนิท ส่วนอีกคนผมสีดำเช่นเดียวกันแต่มัดรวบไว้ ดวงตาสีทอง เธอทั้งสองส่ายหน้ากลับมาให้แทนคำตอบ
“บอกไม่ได้ค่ะ”
“แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
สาวใช้ทั้งสองยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพอทำให้โนเอลเบาใจลงไปได้บ้าง บางทีเรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคิดก็ได้ คงจะมีใครต้องการต่อรองอะไรกับเขาอยู่ ไม่ก็สงสัยว่าพี่เบลดไปทำอะไรให้ใครไว้รึเปล่าเลยมาลักพาตัวเขาแทน คงจะเป็นอะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง
แอ๊ด~
ประตูห้องเปิดออกก่อนจะปรากฏร่างชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหวีเรียบร้อย บนศีรษะมีหูสีเข้มบ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ชัดเจนเดินนำเข้ามา เขาขยับกรอบแว่นเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกกว้างขึ้น
“เชิญครับ”
โนเอลมองร่างที่เดินตามเข้ามาด้วยความตกตะลึง ดูราวกับทุกย่างก้าวที่เหยียบย่างนั้นทำให้เวลาค่อยๆหยุดนิ่งไป ร่างสูงโปร่งงดงามราวกับภาพวาด ผิวขาวเนียนดุจไข่มุกที่เพียงมองดูก็รู้ว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ผมสีน้ำเงินอมม่วงยาวสลวยคลอเคลียใบหน้าสวยรับกับปีกสีอมฟ้าบนศีรษะ ดวงตาเรียวสีน้ำเงินเข้มประหนึ่งแซฟไฟร์เลอค่าใต้แพขนตายาวที่ยิ่งขับให้ใบหน้าดูสวยคมยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มบางๆ ที่ตราตรึงทุกสายตาจนแทบลืมหายใจได้
...ดราก้อน...
“ขอโทษนะที่รุนแรงไปหน่อย” เสียงหวานนุ่มเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางนั่นแทบจะทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้มไปกับลมปากได้
“อ่ะ...ฮะ” โนเอลยังคงมองร่างนั้นด้วยสายตาเลื่อนลอยประหนึ่งยังไม่ตื่นจากนิทรา
“เธอชื่ออะไรล่ะ” ชายหนุ่มผู้งดงามไม่แพ้อิสตรีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มละมุน
“โนเอลฮะ โนเอล เวียร์...แล้วคุณเป็นใครฮะ?” ไลอ้อนน้อยเอ่ยถามเสียงใส
“เลซ อเกตหัวหน้าองค์กรที่เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างนะ” เลซเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูจะเป็นรอยยิ้มเคลือบยาพิษสำหรับโนเอลไปแล้ว เด็กหนุ่มชักปืนขึ้นมาลั่นไกทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
เลซไม่ขยับหลบแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะกระพริบตา ทำเพียงแค่เผยอปากออกแสยะยิ้มเล็กน้อยยามมีมือหนึ่งยื่นมากำอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อมือนั้นคลายออก กระสุนปืนนัดเมื่อครู่ก็ร่วงหล่นลงกระทบพื้น ไม่ต่างกับหัวใจของโนเอลที่ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เก็บของแบบนั้นไปเถอะ ไม่มีประโยชน์หรอก” ชายหนุ่มผู้เป็นองครักษ์ขยับกรอบแว่นราวกับจะเย้ยหยันพลางปัดมือเข้ากับกางเกง
“วันนี้ฉันจะยังไม่มากวนเธอก็แล้วกัน อาบน้ำแล้วพักผ่อนให้สบายนะ” เลซชี้นิ้วไปที่ประตูห้องน้ำในห้องนอน ก่อนจะหันไปหาสาวใช้ทั้งสอง
“ลารีส ลาเรล พวกเธอคอยดูแลอยู่หน้าห้องก็แล้วกัน”
“ค่ะนายท่าน” ทั้งคู่ก้มคำนับก่อนจะเดินออกไป
“อ้อ โนเอล ขาดเหลืออะไรตะโกนบอกเขาได้เลยนะ... ยกเว้นกุญแจห้อง” เลซทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหัวเราะเสียงบาดจิตบั่นทอนประสาทออกไปจากห้อง มีโนเอลถอดรองเท้าปาใส่ประตูไล่หลังเป็นการส่งแขก ด้วยความหมั่นไส้เหลือคณา หน้าก็สวยเกินหน้าเกินตาผู้หญิงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำตัวกระแดะตามหน้าก็ได้โว้ย
เขาหยิบหมอนมาฟาดลงกับเตียงด้วยความหงุดหงิด มีอย่างที่ไหน อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาสมัครเข้าสมาคมผู้กล้าเพื่อกวาดล้างองค์กรนี้ แต่ดันโดนลักพาตัวมาซะเอง แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกัน
โนเอลมองผ้าปูเตียงที่เลอะเทอะเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองตัวเองที่สภาพมอมแมมดูไม่จืด เขาถอนหายใจยาวพลางถอดเสื้อผ้าออกกองๆแล้วดันส่งผ่านประตูแมวออกไปนอกห้อง
“ขอผ้าปูเตียงใหม่ กับชุดใหม่ด้วยฮะ” โนเอลตะโกนบอก ในเมื่ออยากได้อะไรก็ให้บอก งั้นเขาก็ไม่เกรงใจล่ะ จะล้างผลาญงบประมาณองค์กรให้สนุกเลยคอยดูสิ
“ซักครู่ค่ะ ส่วนชุดมีอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วค่ะ” ลารีสตอบกลับมา
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วลองเปิดตู้เสื้อผ้าดู มีชุดขนาดตัวเขาแขวนเรียงไว้จำนวนหนึ่ง ราวกับจัดเตรียมไว้ต้อนรับเขาโดยเฉพาะ
...วางแผนกันล่วงหน้าเลยเหรอเนี่ย...
เขาหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดใหม่เข้าไปในห้องน้ำ มีอ่างอาบอย่างดี พร้อนแชมพู สบู่ โลชั่น แป้งและเครื่องใช้อื่นๆ นี่ถ้ามีพี่สาวหุ่นดีมานวดตัวให้ด้วยคงกลายเป็นสปาขนาดย่อมโดยแน่แท้ รู้สึกว่าต้อนรับดีเกินจนจะสยองแทน แน่ใจเรอะว่านี่มันแก๊งลักพาตัวเด็กน่ะ มันไม่หรูเกินไปหน่อยเรอะ
โนเอลเปิดน้ำลงอ่างพร้อมเอามือวัดอุณหภูมิน้ำไปด้วย พอได้ที่กำลังดีแล้วจึงค่อยก้าวลงไป
ซ่า ซ่า~
สายน้ำอุ่นๆพร่างพรมลงบนร่างเล็กที่นอนอยู่ในอ่าง ปล่อยให้สายน้ำชำระล้างคราบสกปรกออกจากตัว เขาหลับตาลงหวนนึกไปถึงผู้ที่อยู่ห่างออกไป สัมผัสอบอุ่นของมือนั้นยังคงค้างอยู่บนมือที่เคยจับจูง แผ่นหลังกว้างที่มักจะปกป้องเขายามอันตรายยังคงติดตา ป่านนี้คงกำลังเป็นห่วงเขาแย่แล้วสินะ
...พี่เบลดฮะ...
End of Chapter I
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น