ตอนที่ 5 : คนหลากสี
บทที่ 5
คนหลากสี
‘พี่ขิง ตอนดึก ๆ มาหาชั้นนะ วันเนี้ยทางสะดวก พวกแก่ ๆ ทั้งหลายไม่อยู่บ้าน’
‘จะดีเหรอ...แล้วต้นสนล่ะ ? ถ้าน้องมันเห็น...’ ไอ้ขิงว่าออกมาผ่านสายโทรศัพท์อย่างเห็นค้าน แต่ท่าทางกลับระริกระรี้หูตั้งหางกระดิกที่แฟนสาวให้ท่า ชักนำให้ไปสังวาสถึงที่ส่วนตัว
‘นี่แหละ ที่ฉันกำลังจะพูด เมื่อกี้ฉันกับสนอยู่หน้าปากซอย พี่คงไม่ทันเห็น เนี่ย...แล้วฉันก็แกล้งขอกลับบ้านก่อนเพราะว่าจะไปเอากระเป๋าสตางค์...ทีนี้พี่ลองเดาดูซิ ว่าฉันอยากให้พี่ทำอะไร คิก ๆ’
‘อะไร...ทำอะไรวะ ?’ ไอ้ขิงงงยิ่งนักกับท่าทีอมพะนำของแฟน...หรือเมียมันนั่นแหละ ที่ทำสุ้มเสียงหัวเราะหัวใคร่มีเลศนัย
‘พี่หมูไง พี่เชื่อเถอะ พี่มันรู้ว่าต้องทำยังไง...ฮิ ๆ’
‘แล้ว...จะดีเหรอ ถ้าเกิดอะไรขึ้น น้องมันแจ้งตำรวจขึ้นมา..’ ว่าออกมาอย่างรู้จักเพื่อนตัวเองดีที่คงไม่ปล่อยเหยื่อที่เล็งมานานให้รอดมือไปได้
‘โธ่พี่ ไอ้เด็กนี่ ถ้าเกิดอะไรกับมันขึ้นมาแล้วมันจะแจ้งความ พี่หมูก็ซวยคนเดียวอยู่ดี’
‘อีนี่! ไอ้หมูเพื่อนกูนะโว้ยยย!’ นังเข็มกล่าวออกมาอย่างเห็นแก่ตัวแต่กลับไปกระตุกต่อมรักเพื่อนของไอ้ขิงเข้าอย่างจัง
‘เอ่อ...พะ...พี่ ฉันล้อเล่นนะจ้ะ ฉันหมายถึง ถ้ามันมาฟ้องอะไรต่ออะไรกับใคร ๆ ก็ไม่มีคนสนใจมันหรอก มันเป็นเด็กกำพร้า แถมคุณท่าน...เจ้านายฉันน่ะ เกลียดมันจะตาย ท่านเอามันตายแน่ถ้ามีเรื่องคาว ๆ เกี่ยวกับมันขึ้นมา แล้วอีกอย่างเพื่อนพี่จะได้สมหวังด้วยไง ดีมั้ย ?’
‘เออ ก็จริง ฮึ ๆ ทีนี้แหละ ทางรักของไอ้หมู กูนี่แหละจะเปิดทางให้เอง ฮ่า ๆ’
******************************************************************************
เจ็ดโมงเช้าในฤดูฝนที่ยังไม่มีฝนตกลงมา ต้นสนตัดสินใจเอาไม้กวาดทางมะพร้าวออกมากวาดบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทางที่ติดกับถนน แต่คุณท่านของบ้านก็ไม่ชอบใจนักที่จะเห็นบริเวณบ้านของท่านรอบ ๆ ไม่สมบูรณ์แบบ มันจึงเป็นหน้าที่ที่คนใช้อย่างต้นสนต้องปฏิบัติตาม...
ตุบ! “แม่งเอ้ย...ตื่นสายซะได้...อะ...ชิบหา-!!!” อยู่ ๆ ตอนที่กำลังก้มหน้าก้มตากวาดใบไม้ชื้น ๆ เป็นกอง ๆ เพื่อง่ายต่อการเก็บ ก็มีคนแปลกหน้าปีนรั้วออกมาจากข้างในบ้าน
“...!!!???...” ‘คนนี้มัน...เพื่อนพี่หมู ?’
“เอ่อ...น้อง ไม่ได้อยู่กับไอ้หมูเหรอ ?” หายจากอาการตกใจจึงถามออกไปด้วยความเก้อกระดาก
“ทำไมผมต้องอยู่กับพี่หมูด้วย...” ต้นสนโกรธ รู้สึกถึงความโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ‘รู้เห็นกันหมดเลยซินะ!’
“เอ่อ อะ...เอ่อ ก็เมื่อคืน” ไอ้ขิงรู้สึกไม่ชอบมาพากล ‘ไอ้หมูมันไม่น่า...ปล่อยเหยื่อมาง่าย ๆ อีกอย่างน้องมันก็ดูปกติดีทุกอย่าง ?’
“พี่ไม่ควรทำแบบนี้ ”
“ฮะ!?” ไอ้ขิงงงเมื่อคนตัวเล็กอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง
“พี่ไม่ควรเข้านอกออกในบ้านหลังนี้ตามใจชอบ ที่นี่...ไม่ใช่บ้านของพี่กับพี่เข็ม ถ้าใครเห็นเข้า มันจะไม่ดี ถ้าเจ้าของบ้านรู้เข้า...พี่เข็มอาจถูกไล่ออก”
“เฮ้ย ๆ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรนะ! พี่แค่...แค่แวะมาหาเข็มมัน” ไอ้ขิงแก้ตัวอย่างลนลาน กลัวเรื่องลุกลามใหญ่โต
“ผมรู้...ครั้งหน้าอย่าทำอีกนะครับ ผมขอร้อง” แม้ในใจจะนึกกรุ่นโกรธ แต่ก็ไม่อยากตีโพยตีพายจนเป็นเรื่องใหญ่ ต้นสนรู้ดีว่าพี่เข็มของตนคงไม่กล้าถึงขนาดจะชักศึกเข้าบ้าน อย่างมาก พี่ชา ยคนนี้คงเป็นได้แค่แมว...แมวที่มากินปลาย่าง...แล้วปลาย่าง..ก็คงเต็มใจให้แมวมากิน
“เอ่อ โทษทีนะ พี่จะไม่ทำอีก...ไปละ ๆ” ไอ้ขิงรีบวิ่งไปอย่างลนลานไม่เปิดโอกาสให้ต้นสนได้ตอบกลับอะไรอีก
ต้นสนตัดสินใจไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก ทั้งคนพวกนี้...พวกพี่หมูกับผู้ชายคนเมื่อกี้ที่ต้นสนไม่สนใจจำชื่อแซ่ดูเป็นพวกท่าทางไม่น่าไว้ใจ หากบุ่มบ่ามมีเรื่องด้วยคงไม่ปลอดภัยกับตัวเอง สู้เตือนด้วยความหวังดีจะดีกว่า...
‘แต่เรื่องเมื่อคืน เดาได้ไม่ยาก พี่เข็มจงใจปล่อยเราให้อยู่อย่างนั้นจนพี่หมูพาเราไป ทำไมทำอย่างนั้น เราก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจพี่หมูซักหน่อย แถมยังบอกกับพี่รินไปแบบนั้น...’
‘แอบเสียใจเหมือนกันแหะ...’
******************************************************************************
“อะ...อ้าวสน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” คนพูดถามพลางมองท่าทีของคู่สนทนา เช้านี้เข็มหอมจงใจตื่นสายกว่าปกติเพราะไม่มีทั้งเจ้านาย และแม่บ้านอาวุโสมาอยู่ควบคุม
“ผมกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...พี่เข็มมีอะไรรึเปล่า ?” ตอบพลางได้ทำสีหน้าเรียบเฉยใส่
“เหรอ พี่นึกว่า...” ‘น่าแปลก...ไอ้พี่หมูมันปล่อยมาได้ไง หรือว่า...เรียบร้อยกันแล้ว..’ เข็มหอมคิดพลางลอบประเมินคู่สนทนาด้วยสายตาส่องสำรวจแล้วผุดยิ้มสมใจเมื่อคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์ แต่แล้วก็ก็ต้องยิ้มค้าง เมื่อได้ยินบทสนทนาต่อมา
“พี่นึกว่า...นึกว่าสนจะไปนอนค้างกับพี่หมูเหรอ ? อย่างนั้นใช่มั้ย ? พอดีว่าไม่ใช่อย่างนั้น กับพี่หมู สนไม่ได้สนิทด้วยขนาดนั้น...อีกอย่างคนแบบนั้น มันไม่น่าไว้ใจ...ไม่น่าเชื่อใจเลยสักนิด..พี่เข็มว่ามั้ย ?” ปากว่าอีกคนที่ป่านนี้ยังสลบด้วยฤทธิ์ยาที่เกินขนาด แต่ตากลับจ้องไปที่คู่สนทนาตรงข้าม
“ระ...เหรอ แล้วสนกลับมากี่โมงล่ะ ทำไมกลับมาช้าแบบนี้ คงจะกลับดึกน่าดู...ถ้าไม่ได้ไปทำ...บางอย่างกับไอ้หมูก่อน ว่าไง มันทำอะไรสนรึเปล่า ? ไม่ต้องอายหรอกน่า..พี่ไม่บอกใคร” เข็มหอมยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามไล่ต้อนคนตรงหน้าสุดกำลัง ‘จะบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ได้ยังไง ไอ้พี่หมูมันคงแอบมาส่งตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งล่ะซิ หายไปค่อนคืน คงไม่รอด หึ!’ เข็มหอมค่อนข้างมั่นใจว่าต้นสนไม่ได้กลับมาตอนหัวค่ำแน่ ๆ เพราะเธอยังไม่นอนแถมยังนั่งรอแฟนหนุ่มถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนและบรรเลงเพลงสวรรค์จนเธอตื่นสายเอาป่านนี้
“...สนกลับมาเกือบ ๆ สองทุ่ม ประตูบ้านไม่ได้ล็อก...แล้วเห็นพี่รินกับพี่เข็มดูละครกันอยู่ในห้อง...แต่สนไม่ได้เข้าไปทัก เพราะพี่สองคนท่าทาง...จะคุยเรื่องสำคัญกันอยู่..พี่เข็ม มันอันตรายนะครับ ทำไม่ไม่ล็อกประตูบ้านล่ะ ?”
‘ได้ยินที่เราพูดกับรินเหรอ ? ไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามีคนแอบฟัง โอ้ยย! นังโง่เข็ม มาโป๊ะแตกอะไรตอนนี้!’ “เอ่อ...พี่ พี่ลืมน่ะ สะเพร่าจริง สนจะไม่บอกป้าแหวนใช่มั้ยจ๊ะ ?” เข็มหอมตัดสินใจทำไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน ทำตัวปกติเหมือนไม่เคยว่าร้ายใครใด ๆ มาก่อน
“ครับ สนจะไม่บอก ทุกเรื่อง...” ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพลางเสหน้าหนีคู่สนทนา พลางทำท่าจะเดินจากไปทำหน้าที่ของตนต่อ
แต่ดูท่า...จะมีคนไม่จบเรื่อง “นี่...ยังไม่บอกพี่เลยนะ ว่าไปกับไอ้พี่หมูมา มันทำอะไรเราหรือเปล่า ถ้าทำนะ...ก็..”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่ถ้าพี่อยากรู้ สนบอกก็ได้ ตอนที่พี่บอกจะกลับบ้านมาเอาเงิน สนยืนรอพี่ แต่พี่หมูบอกว่าจะไปส่ง บอกพี่เข็มแล้วพี่เข็มก็รับรู้ แต่พอถึงบ้านพี่หมูกลับขับรถเลยไม่ยอมจอด พี่หมูพาสนไปที่ห้อง สนก็แค่วิ่งหนีกลับมา กว่าจะกลับก็ช้าหน่อยเพราะไม่คุ้นทาง...สนกับพี่หมูไม่ได้มีอะไรกัน ถ้ามีจริง สนก็ไม่มีทางเต็มใจ ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ลองไปถามพี่หมูดูสิ...หรือว่า ลองถามคนที่เพิ่งปีนกำแพงออกจากบ้านไปเมื่อเช้านี้ก็ได้นะ สนว่าพี่เข็มน่าจะสนิทกับเค้าดี...” แม้จะเล่าความจริงไม่ทั้งหมดแต่ต้นสนมั่นใจว่าตนไม่ได้มีอะไรกับพี่หมูแน่นอน
ต้นสนว่าแค่นั้นแล้วตัดสินใจเดินหนีออกมาเพราะไม่อาจทนมองหน้าพี่ที่ตนไว้ใจได้นานกว่านี้ปล่อยให้อีกคนยืนอ้าปากค้างอยู่ที่เดิมเมื่อเจอน้องคนสนิทรู้เห็นการกระทำของตนเองเข้าให้แล้ว...
******************************************************************************
วันปกติที่มีวิชาเรียนเวียนมาถึง ต้นสนมามหาวิทยาลัยในช่วงสาย ๆ ของวัน เจอกับเพื่อนสนิทหน้าเดิม ๆ อย่าง บุ้งกับสร การจะมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายด้วยกันนั้นเป็นเรื่องยากเพราะคณะดันเต็มไปด้วยสาวสวยเต็มอัตราขนาดนี้ พวกผู้ชายที่มีเป็นส่วนน้อยก็จับกลุ่มคบกันอยู่ไม่กี่คนหรือไม่ก็กระจายร่วมวงกับสาว ๆ อย่างเช่นต้นสน
ในช่วงแรกที่เข้ามาเรียนใหม่ ๆ ต้นสนเคยคบเพื่อนผู้ชายและอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันมาก่อน...ชื่ออันดา และอันดาก็พาต้นสนไปรู้จักกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่รู้จักกันอยู่แล้วซึ่งส่วนมากเป็นผู้ชาย เพื่อนทุกคนก็ดีอยู่หรอก แต่มักจะปฏิบัติกับต้นสนแบบอ่อนโยนเป็นพิเศษ ไม่เอะอะด้วย ไม่ยอมพูดคำหยาบด้วยทั้งที่ไม่ได้ถือสาอะไร แถมนานเข้าเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มยังมีท่าทีว่าจะแอบชอบ...
จนเมื่อวันหนึ่งมีวิชาเรียนที่ทำให้ต้องแยกกับเพื่อนในกลุ่มเพื่อไปจับกลุ่มทำงานกับเพื่อนคนอื่นตามคำสั่งอาจารย์ ในกลุ่มนั้นมีบุ้งกับสร พอนานเข้านานเข้า ต้นสนก็เริ่มไปกับบุ้งและสรบ่อยขึ้น ๆ เพื่อนกลุ่มเดิมก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยเลยสักครั้ง เพราะว่าพวกนั้นจะไปกันแต่ที่ที่ต้นสนไม่สะดวกจะไป อย่างเช่นร้านเหล้า...ผิดกับสรและบุ้งที่มักชวนไปห้องสมุดบ้าง เที่ยวห้างกันบ้าง ดูหนัง กินขนม และอื่น ๆ ที่ต้นสนล้วนแล้วแต่สบายใจ
ความสัมพันธ์กับเพื่อนกลุ่มเดิมก็จบลงด้วยเวลาเพียงครึ่งเทอมแรกของการเรียนปีหนึ่ง ต้นสนหายออกไปจากกลุ่มโดยถาวร แต่เป็นการหายจากกลุ่มแบบไม่ลาลับหรือว่าจบไม่ดี ทุกคนในกลุ่มเก่าเข้าใจต้นสนดี และพอใจให้เป็นอย่างนั้น จนถึงทุกวันนี้ต้นสนก็ย้ายมาสนิทกับสองสาวจนถึงปัจจุบันและไปไหนมาไหนด้วยกัน แถมยังสนิทกับเพื่อนกลุ่มเก่าเหมือนเดิน เมื่อไรที่เจอกันก็ทักทาย บางครั้งเจอกันที่โรงอาหารก็เป็นอันเข้าใจกันดีว่าจะต้องนั่งร่วมโต๊ะกันโดยไม่มีใครต้องแยกไปนั่งอีกที่ หรือถ้ามีงานกลุ่มใหญ่ที่ต้องการคนจำนวนมาก เพื่อนกลุ่มเก่าของต้นสนก็จะนึกถึงต้นสนและเพื่อนกลุ่มใหม่เป็นอันดับแรกที่ต้องอยู่ด้วยกันเสมอ...
ต้นสนเคยคิดเสมอว่าตั้งแต่เข้าเรียนมาจนขึ้นปีสอง ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหาเรื่องใคร ทั้งโดยตั้งใจหรือโดยไม่ตั้งใจ มั่นใจมาตลอดจนกระทั่ง...
จีจี้...อยู่คณะเดียวกัน อยู่สาขาเดียวกัน จีจี้โดดเด่นมากตั้งแต่ตอนรับน้อง ความสวยความน่ารัก ทำให้มีหลายคนแอบมองเธออยู่ ต้นสนก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ได้แอบมองแบบชอบพอฉันท์ชู้สาว แต่เป็นการมองแบบ คนนี้สวยจัง...ของสวยงามใคร ๆ ก็ชอบมอง จนเมื่อไม่นานมานี้ต้นสนเริ่มคิดได้ว่าของสวยงามของคณะที่ใคร ๆ ก็ชอบมอง มีความอัปลักษณ์บางอย่างซ่อนอยู่...โดยเฉพาะตอนที่ปราศจากสายตาของคนอื่น ๆ ความอัปลักษณ์ที่แฝงอยู่ในความสวยงามนั้นจะยิ่งฉายชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ต้นสนยืนอยู่หน้าห้องน้ำ รอสองสาวเพื่อนซี้ทำธุระส่วนตัว แล้วเจอกับกลุ่มของจีจี้ กลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มสาวฮอตของแท้ มีแต่คนสวย ถ้าไม่สวยก็น่ารัก ทุกคนมองเมินไม่มีใครทักทายต้นสนยกเว้นแต่จีจี้ที่ส่งเสียงทักขึ้นมา ทุกคนในกลุ่มจึงหันมาให้ความสนใจบ้าง
‘ดีจ้า ชื่อต้นสนใช่มั้ย ? จีจี้นะ ไม่ค่อยได้คุยกับทุกคนเลย เอกเราก็คนเยอะเหลือเกิน’ พอจีจี้พูด ทุกคนในกลุ่มก็พยักหน้าเห็นด้วยแทบจะทันทีแล้วหันมายิ้มให้ต้นสนบ้าง
‘อืม นั่นสิเนอะ’ ตอบเสียงค่อยเพราะรู้สึกเขิน ๆ ที่มีสาวสวยขนาดนี้มาทักทายพลางคิดว่าจีจี้นี่เฟรนด์ลี่จัง น่ารักแล้วยังนิสัยดีด้วย
‘งั้นเค้าไปนะ เจอกันใหม่จ้า’ แทนตัวเองอย่างน่ารักจนต้นสนอดจะรู้สึกดีด้วยไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็น...
ขณะที่ทุกคนในกลุ่มของจีจี้หันหลังกำลังจะจากไป ริมฝีปากของคนน่ารักที่ยิ้มค้างไว้ให้...ต้นสนเห็นว่ามัน...เบะคว่ำลงคล้ายคนเหม็นกลิ่นอะไรสักอย่าง ? หลังจากนั้น ความรู้สึกอัปลักษณ์บางอย่างที่ต้นสนรู้สึกได้จากจีจี้...ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
******************************************************************************
วันนี้เป็นอีกวันที่ต้นสนต้องมาที่ห้องสมุด บุ้งกับสรก็มาด้วย ทั้งสามต่างนั่งทำงานของใครของมันอย่างขะมักเขม้น
“วันนี้พอแค่นี้กันปะ ? เดี๋ยวค่อยมาทำต่อเหอะ อยากเที่ยวแล้ว” สรว่าออกมาอย่างงอแง
“เหมือนกัน ๆ ไปไหนกันดี สนว่าไง ฉันให้แกเลือกในฐานะที่วันนี้แกว่างมาเที่ยวกับพวกฉัน คริ ๆ” บุ้งกล่าวอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้ต้นสนยอมมาเที่ยวด้วยพร้อมกับหัวเราะเสียงแปลก ๆ
“ไปห้าง...อยากดูหนังอะ ไม่ได้ดูนานละ ขอรอบไม่ดึกนะ ยังไงก็ต้องรีบกลับให้ไวที่สุดอยู่ดี”
ต้นสนคิดพลางนึกถึงคนที่อยู่ที่บ้าน สองสาวระรินกับเข็มหอม...พอไม่มีคนคุม พี่ทั้งสองคนก็ยิ่งทำตัวเหมือนเจ้าของบ้าน ถึงตอนนี้ ต้นสนก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับทั้งสองสาวอีก รู้สึกเข้าหน้าไม่ติดและไม่สนิทใจเหมือนเดิม...
“อี๋...อีบุ้งหัวเราะน่าเกลียดมา..ก...อ้าว ใครโทรมาวะ ?” ขณะที่สรกำลังทำท่าจะกัดกับบุ้งก็สัมผัสได้ว่ามีคนโทรมาหา
“เหรอ...ก็มาดิ รออยู่นะที่...” เสียงสนทนาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงเหมือนว่าเจ้าของบทสนทนาจะเขินอาย
“แฟนอะดิสร อิอิ เสียงสองเลยนะ อิๆๆๆ” บุ้งดูสนุกกับการได้ทำเสียงหัวเราะแปลก ๆ พร้อมกับเล่นหน้าเล่นตาล้อเพื่อนสนิท
“เฮ้ยยย มีแฟนตอนไหนอะสร ไม่เห็นบอก” ต้นสนว่าออกมาบ้างอย่างอึ้ง ๆ ปนยินดี
“แหม ก็แกอะ ไม่เคยสนใจฉันเลย อีกหน่อยฉันมีลูกแกก็คงรู้ตอนลูกฉันบวชพอดี”
“เว่อร์ไปละแม่คุณ ฮ่า ๆ” ต้นสนว่าออกมาอย่างเห็นขัน
“ยัยนี่กินเด็ก...ปีหนึ่งเพิ่งเข้าใหม่ อยู่คณะข้างเคียงเรานี่เอง” บุ้งขยายความให้ต้นสนฟังบ้าง
“เค้าจะขอมาหาน่ะ พวกแก...สะดวกใช่มั้ย ?” สรว่าออกมาอย่างเขิน ๆ ปนเกรงใจเพื่อนสนิททั้งสองนิด ๆ
“ก็เอาดิ ไม่เป็นไรหรอกสร”
“แหม...ได้ข่าวว่าแกตกลงกันแล้วว่าจะมา เพิ่งมาถามพวกฉันตอนนี้...?”
“แฮะ ๆ เออลืม...”
บทสรุปของวันนี้จึงจบลงด้วยการไปเที่ยวห้างดูหนังกันสี่คนชายสองหญิงสอง แฟนของสรคนนี้ก็ดูน่ารักดี เป็นผู้ชายผอมสูงหุ่นเกาหลีหน้าตาค่อนไปทางหล่อขี้เล่น แถมยังคุยเก่งทำให้ทุกคนในกลุ่มสบายใจและเข้ากันได้ในที่สุด
“พี่สนชอบดูหนังผีเหรอครับ ?” ปั้นจั่น แฟนของแสงสรเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพังสองคนระหว่างที่รอสองสาวเดินดูหนังสือฆ่าเวลารอหนังฉาย
“ก็...ดูได้ทุกแนวนะ” ‘ความจริงแล้วดูไว้ศึกษานะ...พูดไปเดี๋ยวหาว่าเราแปลก’
“ส่วนผมนะ เห็นสภาพโหด ๆ อย่างนี้ชอบดูหนังรักมาก ๆ เลย ยิ่งมาดูกับแฟนด้วยแล้ว...” คนพูดว่าพลางหันไปมองแฟนสาวจากข้างหลังด้วยสายตาใฝ่ฝันหยาดเยิ้ม
“แฮ่ม ๆ งั้นพี่คงทำลายโอกาสการดูหนังรักของจั่นกับสรแล้วแหละ ฮ่า ๆ สองคนนั้นแม้จะกลัวผีแต่รับปากว่าจะตามใจพี่ บอกว่าดูเรื่องอะไรจะก็ดูด้วย”
“หึ ๆ ไม่มีปัญหาครับ”
เมื่อถึงเวลาภาพยนตร์ฉาย ทั้งหมดจึงเข้าไปนั่งประจำที่พร้อมนั่งชมไปเรื่อย ๆ พอมีฉากที่ผีร้ายโผล่ออกมา ก็มีเสียงร้องตกใจดังออกมาจากผู้ชมหลาย ๆ คนดังเป็นระยะ ๆ
‘แค่ศึกษาไว้น่ะ ดูหนังผีบ่อยก็ไม่ได้ชอบอะไรมากมาย แต่แค่อยากจะรู้ ว่าผี...มีเหตุผลอะไรที่ติดตามคนเป็น ๆ...แทบจะตลอดเวลา...’
‘พวกเค้า...ต้องการอะไร ?’
******************************************************************************
“อ๊ะ!!!...เฮ้ย...ไอ้สั-!...ใครวะ!” หลังแยกจากกลุ่มของแฟนสาวเดินมาได้สักพัก ก็มีมือปริศนามาคว้าคอเสื้อดึงเข้าไปที่มุมลับตาด้วยแรงประชากมหาศาลราวกับโกรธกันมาแต่ชาติปางไหน
“กูเอง” เสียงปริศนาตอบกลับมาด้วยโทนเย็นเยียบ
“อ๊ะ...พี่! มาทำไรวะ กระชากกันซะแรง เกือบสวนหมัดใส่พี่รหัสตัวเองแล้วมั้ยล่ะ” ปั้นจั่นเกือบจะทำอย่างนั้นไปแล้วจริง ๆ แต่โชคดีที่เห็นซะก่อนว่าเป็นคนรู้จักกัน
“มาเที่ยว...แล้วมึงล่ะ...มาทำไร ?”
“โฮ่...นี่ถามหรือขู่วะ ไปโกรธใครมา ? ผมมาดูหนังกับแฟน” ตอบพี่รหัสคนสนิทออกไปพลางปัดมือคนพี่ออกจากการดึงคอเสื้อตนเอง
“ไม่จริง...มึงโกหก คนนั้นไม่ใช่แฟนมึง”
“โกหกอะไรล่ะ นี่พี่เป็นอะไรเนี่ย ? อย่าบอกนะ ว่าหึงผม...”
“ไอ้! หึงส้นตี-มึงสิ บอกกูมา มึงรู้จักต้นสนได้ไง เค้าเป็นแฟนมึงได้ยังไง ก็ในเมื่อกู..”
“เฮ้ย! พี่ คนนั้นไม่ใช่แฟนผม นั่น ‘เพื่อนแฟน’ ครับ อย่าเข้าใจผิดดิ”
“แล้วมึงมากันสองคนได้ไง ทำไมไม่มากับแฟนมึง แล้วทำไมยืนคุยกันตั้งนานสองนาน แล้ว...” เสียงคนพูดกลับมานุ่มหูขึ้นมาบ้างหลังจากได้ทราบความจริง แต่ก็ถามออกมาแก้เก้อที่ทำโมโหใหญ่โตกับน้องรหัส
“โห่...เค้ามากันตั้งสามสี่คนพี่ดันไม่เห็นเอง แฟนผมเค้าไปเลือกของกันแบบผู้หญิงผู้หญิงกับเพื่อนเค้า ผมเลยยืนเม้าท์กับพี่ต้นสนรอ แล้วพี่โมโหอะ...ไร...อ๋อ คนนี้อ่อออ” ไอ้น้องรหัสตัวดี อยู่ ๆ ก็ทำหน้ารู้ทัน
“ไม่ต้องมาแซวกู กูไม่เขิน...เออ! เป็นอย่างที่มึงคิดนั่นล่ะ” ตอบเสียงกระโชกโฮกฮากเพื่อกลบเกลื่อนความอาย ฉับพลัน คนเขินอายก็คิดบางอย่างได้ขึ้นมา จึงยิ้มมุมปากสมใจ
“...อะไรของพี่ ?...”
“กูมีเรื่องให้ช่วย...”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
