ตอนที่ 19 : คนอ่อนแอ
บทที่ 19
คนอ่อนแอ
“ต้นสนไม่มาเรียนแหละแก...มันบอกว่าไม่สบาย..” บุ้งบอกด้วยเสียงหงอย ๆ
“อ้าว มันเป็นไรมากปะ...เมื่อวานเหมือนยังดี ๆ อยู่เลย” สรกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน ทั้งสองเดินลงมาจากตึกเรียนพร้อมกัน แล้วก็เจอกับ...
“บุ้ง สร..” เสียงทุ้มต่ำเรียกรั้งคนทั้งสองไว้
“อะ...อ้าว พี่เสกข์เองเหรอคะ” ไม่ต้องถามก็รู้ว่าคนคนนี้มาที่นี่ทำไม ก็เพื่อนของเธอทั้งสองคนนั่นแหละที่เป็นเหตุผล...
“คือว่า...ต้นสนละ ? พี่โทรหาแล้ว...ไม่ยอมรับโทรศัพท์พี่เลย” คนตัวสูงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หลังจากที่กระหน่ำโทรหาต้นสนเกือบ ๆ ร้อยสาย..
“สนไม่สบายนะค่ะ...คงอยากพักผ่อน เมื่อวานมีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ ทำไมสนไม่กลับมาเรียนช่วงบ่ายเลย..” สรถามอย่างงุนงง เมื่อวานเพื่อนของเธอหายเงียบไปเลยไม่กลับมาเรียน พอวันต่อมาก็กลับไม่สบายไปซะอีก
“มีคนทำไม่ดีนะซิ...” หนึ่งในเรื่องที่ไม่ดีก็คือเสกข์ด้วยที่เป็นหนึ่งในนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ขณะที่พูด เสกข์ก็ปรายสายตาไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับเพื่อนของเธอ...ทำเป็นไม่สนใจ แต่เสกข์คิดว่าตัวเองเห็น สายตาน่ารังเกียจที่คอยแอบซ่อนมองมาตั้งแต่ที่ตนก้าวเข้ามาที่คณะนี้แล้ว...
บุ้งกับสรเลื่อนสายตาตามรุ่นพี่ไป...จีจี้ ผู้หญิงคนนี้มีส่วนเกี่ยวกับการที่ต้นสนหายไปทั้งวันอย่างนั้นหรือ ? เมื่อพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว สองสาวก็เริ่มส่งสายตาไม่พอใจไปที่คนที่ตอนนี้กำลังนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อนอยู่
เมื่อเห็นสองสาวทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาเรื่อง เสกข์จึงรีบห้ามไว้
“ไม่ต้อง...เรื่องนี้ พี่จัดการเอง..”
ว่าแล้ว คนที่มีดวงตาคมกล้าก็เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวคนดังกล่าวทันท่วงที...
คนที่นั่งอยู่กับเพื่อนแม้มีท่าทีไม่สนใจ แต่สายตาแอบเหลือบมองคนที่เป็นเจ้าของหัวใจมาแสนนาน
“จี้! พี่เขาเดินมาทางนี้แหละ คิก ๆ” เพื่อนที่รายล้อมคอยเป็นลูกคู่แซวหญิงสาวให้ได้อาย
“พี่เขาคงมาหาคนอื่นละมั้ง” คนพูดพูดอย่างไว้ตัว แสดงออกว่าไม่สนใจมากนักทั้งที่ภายในเต้นริกด้วยความดีใจ...เพื่อนคนอื่นลอบเบ้ปากมองบนกับความดัดจริตของเพื่อนสาว
เสกข์ก้าวอย่างมั่งคงแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงสวยคนหนึ่ง...
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยซิ ตามพี่มา...” ว่าแล้วก็ก้าวนำออกไปโดยไม่สนว่าฝ่ายนั้นจะตามมาทันหรือเปล่า
“รีบไปซิแก...สะใจฉันจริง ๆ ไอ้สนคงตกกระป๋องแล้วเป็นแน่ คิก ๆ” แม้จะไม่พอใจที่มีหนุ่มหล่อหน้าตาดีมาหลงเสน่ห์เพื่อนของตนที่สวยแต่รูปอีกเช่นเคยแต่ก็ยังรู้สึกสะใจอยู่ดีที่คนที่ไม่มีอะไรแบบต้นสนโดนเขี่ยทิ้งในเวลาอันรวดเร็ว
“เดี๋ยวฉันมานะ” จีจี้กล่าวออกมาอย่างสาสมใจ รีบเดินตามคนที่ออกเดินไปก่อนอย่างรวดเร็ว หายลับจากสายตาไปทั้งสองคน...
“อีตอแหล! ฮ่า ๆๆๆ” เสียงกล่าวไล่หลังดังตามไปติด ๆ โดยที่คนโดนว่าไม่มีวันได้ยิน
มิตรภาพเหรอ...มันปลอมด้วยกันทั้งนั้น...
******************************************************************************
จีจี้มองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าด้วยแววตาหลงใหล มันกว้าง...ดูอบอุ่น คนที่ได้พึ่งพาแผ่นหลังนี้ จะต้องอบอุ่น ปลอดภัย ตลอดไป...
พอมาถึงที่ลับตา เสกข์ก็หันหลังกลับมา...แล้วจ้องมองหญิงสาว ด้วยดวงตาที่จะเป็นฝันร้ายของหญิงสาวไปตลอดชีวิต...
“เธอ...ทำร้ายแฟนฉันทำไม...”
ดวงตาแสนเย็นชา มองเธอไม่ต่างอะไรกับเศษเสี้ยวฝุ่นละออง...บีบให้หัวใจเจ็บร้าวทรมาน
“เอ่อ...พี่ พูดอะไรคะ ?” แม้จะใจเสียไปกว่าครึ่ง แต่การปั้นหน้าให้เป็นปรกติเป็นเรื่องที่เธอถนัด...แฟนเหรอ ? หมายถึงไอ้สน ?
“ไอ้พล...มันแฟนเพื่อนเธอไม่ใช่เหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอ ? ฮ่า ๆ” จู่ ๆ คนตัวสูงก็เอ่ยเปลี่ยนมาเป็นอีกเรื่อง แต่คนฟังรู้ดี...รู้ดีแก่ใจ
ดวงหน้าสวยเริ่มปั้นไม่อยู่เมื่อรู้ว่าชายในดวงใจรู้ว่าเธอมีอะไรอะไรกับใคร ไม่สวย ไม่สง่า...อย่างที่เธอพยายามปั้นแต่ง...หลอกตาคนอื่นมาตลอด
“เอาเถอะ...ทำไขสือเข้าไป ทำให้ได้ตลอดละ ฉันกับเพื่อนจับตาดูเธออยู่..” กล่าวเหมือนเป็นเรื่องเรื่อยเปื่อยแล้วเดินชนไหล่หญิงสาวจากไป...
“อ้อ...แล้วก็เลิกตามฉันได้แล้ว ทีแรกก็สงสัยว่าใคร เห็นว่าเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าหรอกนะ...แต่รู้ไว้ โคตรน่ารำคาญเลยว่ะ หึ!”
จากไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นจากไปแล้ว...เอาหัวใจของเธอไปด้วย
เอาหัวใจของเธอที่แหลกละเอียด...ติดปลายเท้าคู่นั้นไปด้วย...
******************************************************************************
“ผู้ป่วยมีอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงครับ” เสียงของแพทย์ผู้วินิจฉัยบอกกล่าวแก่หญิงวัยกลางคน
“หะ! แล้ว...แล้วไอ้โรคนี่มันอันตรายมากเหรอคะหมอ หลานฉัน หลานฉัน...จะ..”
“อย่าเพิ่งกังวลครับ ผู้ป่วยยังรักษาทัน...น้องเพิ่งเป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น คุณป้าไม่ต้องตกใจนะครับ...” หมอหนุ่มเริ่มเอ่ยให้กำลังใจกับญาติผู้ป่วยที่เริ่มตีโพยตีพาย
“แต่อย่างไร เมื่อน้องฟื้นแล้ว ผมจะสอบถามอาการอีกทีหนึ่งนะครับ โชคดีจริง ๆ ที่มารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ”
“ขอบคุณมากนะคะหมอ”
ต้นสนป่วยหนัก...ป้าแหวนนึกโทษตัวเองที่รู้ทั้งรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่สบาย แต่กลับไว้ใจ คิดวางใจให้เด็กหนุ่มอาการแย่ไปกว่าเดิม...เมื่อเช้า ต้นสนตื่นสายจนต้องเดินไปตามถึงที่ห้อง แต่กลับไม่มีการตอบรับผ่านไปนานเข้าก็เริ่มใจไม่ดี รีบไปหากุญแจสำรองมาเปิดประตู และพบกับ...ต้นสนที่นอนสลบไม่ได้สติ คราบอาเจียนเลอะเปรอะเต็มเตียงไปหมด...
ทุกคนในบ้านตื่นตกใจกันไปหมด แม้กระทั่งคุณท่านที่แสนเย็นชากับต้นสนยังไม่อาจระงับอาการ ถึงกับเป็นคนโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลด้วยตนเอง...
ไม่มีใครรู้ว่าจู่ ๆ เด็กหนุ่มที่แม้จะดูตัวเล็กไปสักหน่อย เงียบขรึมไปบ้าง แต่โดยรวมก็ดูสุขภาพดีจะป่วยแบบปัจจุบันทันด่วนขนาดนี้ ในบ้านมีแต่ผู้หญิงอยู่เป็นหลัก มีผู้ชายก็แค่นายสันต์คนขับรถกับลูกจ้างหนุ่มอีกคนที่ไป ๆ มา ๆ คุณติกับคุณไววิทย์...กลับเมืองนอกไปแล้ว..
ป้าแหวนที่อาสามาเฝ้าไข้ต้นสนต้องกลับไปก่อนเพื่อเตรียมเสื้อผ้าสำหรับอยู่เฝ้า เด็กหนุ่มฟื้นแล้ว...พบว่าตนนอนอยู่เพียงคนเดียว
ไม่ช้าไม่นาน พยาบาลสาวสวยคนหนึ่งก็เข้ามาในห้อง
“อ้าว ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ เป็นไงบ้าง ?”
ต้นสนแม้จะยังมึนงงแต่ก็ตอบกลับไปตามประสาคนมีมารยาท
“ครับ...ก็ ดีขึ้นแล้ว” ต้นสนดีขึ้นแล้วจริง ๆ แต่รู้สึกว่ายังอ่อนแรงอยู่มาก...
“ดีจ๊ะ นอนพักเยอะ ๆ นะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจนะจ๊ะ” พยาบาลตรวจร่างกายของต้นสนเบื้องต้นแล้วก็จากไป ปล่อยต้นสนนอนนิ่ง ๆ อยู่เพียงคนเดียว
ไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ ที่มหาลัยจะว่ายังไง หายมาไม่บอกใครสักคน...ดวงตาของคนนอนอยู่พลันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของตนเอง จึงหยิบมาและโทรออกไปหาเพื่อนทั้งสอง...เลือกเมินเฉยสายที่ไม่ได้รับก่อนหน้านี้...
หลังจากวางโทรศัพท์ได้ไม่นานก็มีคนเปิดประตูเข้ามาก่อน...เป็นผู้ชาย หน้าตาท่าทางดูอ่อนโยน จนคนมองรู้สึกไว้วางใจ...มาพร้อมกับพยาบาลคนก่อนหน้า..
“เป็นไงบ้างคนเก่ง...ยังปวดหัวไหมครับ คลื่นไส้หรือเปล่า ?” ปากถามมือไม้ก็จับชีพจร ใช้เครื่องมือฟังหัวใจอย่างคล่องแคล่ว
“พี่หมอถามตามตรงนะ ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่พยาบาลก็ใจดี...” หมอหนุ่มเริ่มเกริ่นหลอกล่อประหนึ่งว่าต้นสนเป็นเด็กเล็ก ๆ จึงได้แต่ทำหน้าสงสัยกลับไป..
“พี่หมอตรวจพบสารเสพติดตกค้างในทางเดินหายใจ มันทำให้ร่างกายเรารับไม่ไหว ส่งผลต่อระบบประสาทของเราทำให้ร่างกายเรามีอาการอ่อนแรง...อีกอย่าง ร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์...ต้นสน ถูกใครทำร้ายมาหรือเปล่า บอกพี่หมอได้นะ” ที่หมอหนุ่มถามเช่นนี้เพราะตรวจพบว่าคนไข้ของตนมีคลื่นหัวใจที่เต้นถี่มาก...แสดงถึงความเครียดอย่างหนัก จนส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงขึ้นมา...
“ผม...” ต้นสนไม่รู้จะเรียบเรียงเรื่องราวอย่างไรดี เรื่องราวมันสับสนวุ่นวายไปหมด...
“หมออย่าบอกใครนะครับ...”
“ครับ พี่หมอสัญญา พี่พยาบาลใจดีก็ด้วย จริงไหมครับ” หมอหนุ่มทำท่าดีใจราวกับว่าฝ่ายที่ตนหลอกล่อเป็นเด็กเล็ก ๆ ทำให้ต้นสนหลุดยิ้มออกมา...นี่ละมั้ง เรียกว่าจิตวิทยา สามารถทำให้คนสบายใจได้...
พี่พยาบาลก็ยิ้มรับคำพูดของคุณหมอเป็นอย่างดี ต้นสนจึงตัดสินใจเล่าให้ฟัง...
“คือว่า...ตอนอยู่ที่มหาลัย มีคนเอาบางอย่างให้ผมสูดดม กลิ่นมันฉุนในตอนแรก...แล้วก็หวานหอมแปลก ๆ ผมรู้สึกหมดแรง ไม่มีแรงเลยตอนนั้น...แต่ว่ามีคนมาช่วยผม เขาเป็น...แฟนผมเอง..” คนตัวเล็กก้มหน้าลงเมื่อได้กล่าวคำสุดท้าย...มันคงดีที่สุดแล้ว
“เขาไม่ได้ทำรุนแรงใช่ไหม รู้สึกว่าโดนบังคับหรือเปล่าครับ...แล้วคนพวกนั้น ต้นสนต้องการเอาเรื่องไหม พี่หมอจะแจ้งตำรวจให้ ไม่มีใครรู้...จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก..”
“แต่ผม...แต่ผมจำคนคนนั้นไม่ได้...ผมไม่อยากยุ่งอีกแล้ว เอ่อ...แต่ว่า แฟนผม...เขา...เอ่อ ผมเต็มใจ...” ต้นสนกล่าวออกมาอย่างกระดากอายเป็นที่สุด เรื่องแรก...การบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟน เรื่องที่สอง เรื่องที่ตัวเอง...เต็มใจ ?
“ครับ...พี่หมอเชื่อ เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า...ได้เวลาทานข้าวแล้ว ดูซิ น่ากินทั้งนั้นเลย...” คุณหมอชี้ชวนให้คนไข้ของตนมองดูอาหารของโรงพยาบาลซึ่งเป็นอาหารอ่อนก่อนจะขอตัวจากไป
มาดอบอุ่นอ่อนโยนถูกโยนทั้งไปเมื่อพ้นจากห้องพักของผู้ป่วย...ชายหนุ่มหันมากล่าวเอาการเอางานกับพยาบาลคนเก่ง
“เดี๋ยวคนไข้กินข้าวกินยาเสร็จ...ก็ให้ยาคลายเครียดด้วยนะครับ คนไข้จะได้หลับสบาย..”
“ค่ะคุณหมอ”
เต็มใจเหรอ...คนไข้คนนี้โกหกได้ไม่เนียนเลย คนเป็นหมอดูออกทุกอย่าง ร่างกายที่แข็งเกร็ง คิ้วที่ขมวดตลอดเวลา...
มันมีอะไรมากกว่านั้น...ระหว่างคนไข้อยู่ที่นี่ หมออย่างตนคงต้องเฝ้าดูต่อไป..
ทำได้แค่เฝ้าดูต่อไป...
******************************************************************************
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ต้นสนก็โดนจับฉีดยาเข็มใหญ่แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้...เสียงเปิดประตูเพียงแผ่วเบา พร้อมกับการก้าวเข้ามาของคนคนหนึ่ง...
“นี่เหรอ สิ่งที่แกเหลือไว้ให้ฉัน ?” แววตาคนมองจับจ้องไปที่คนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง...ด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชัง...
“อ่อนแอ...น่าสมเพช แต่แกก็ไม่มีสิทธิ์เอามันไปจากฉัน...” มืออบอุ่นค่อย ๆ ลูบโลมใบหน้าคนนอนหลับอย่างทะนุถนอม
“แกไม่มีสิทธิ์...”
กล่าวจบแค่นั้นก็เดินจากมา ระหว่างทางก็สวนกับคนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี...
“อะ อ้าว คุณท่า-!...”
“เงียบนะ!...มีอะไรค่อยไปคุยกันที่บ้าน...” ว่าแล้วก็เดินจากไปไม่ยอมหันกลับมาอีก ปล่อยคนที่มาเฝ้าไข้ได้แต่ยืนงงอยู่ที่หน้าประตูห้องคนป่วย...
“อะไรของคุณท่านกันนะ ?”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
