ตอนที่ 13 : คนแปลก
บทที่ 13
คนแปลก
‘เขาคงจะเกลียดผม...เหมือนที่แม่ของเขา...เกลียด..’ ต้นสนเดินตามหลังผู้ชายตัวสูงใหญ่ตรงหน้าไปอย่างเงียบ ๆ ความไม่คุ้นชินทำให้รู้สึกเกร็งเป็นพิเศษ...
หลังจากที่ได้รับคำพูดเชิงตักเตือนจากคนตรงหน้า คุณติ หรือ ติยศ เจ้านายคนหนึ่งของบ้านหลังนี้ ลูกชายคนเล็กของคุณมรกต เจ้าของบ้าน...ทำธุรกิจอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลานาน และวันนี้เป็นวันที่เจ้าตัวกลับมาบ้านที่เมืองไทย...หลังจากหายหน้าหายตาไปหลายปี...
“ตามฉันมา...” หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ผู้ใหญ่ตรงหน้าต้นสนก็กล่าวออกมาเป็นเชิงออกคำสั่ง แล้วหันหลังเดินจากไปอย่างไม่สนใจว่าคนเบื้องหลังจะเข้าใจหรือเปล่า
ต้นสนต้องรวบรวมสติอยู่นาน แล้วก็ได้ฤกษ์ทำตามคำสั่งของคนตัวสูงตรงหน้า...
ผู้ชายคนนี้...คุณติ ต้นสนไม่ได้พบหน้าค่าตาผู้ชายคนนี้มาจะสิบกว่าปีได้แล้ว แต่ต้นสนจำได้เสมอ...ถ้าถามถึงคุณติ ภาพของผู้ชายวัยรุ่นตัวสูงใหญ่หน้าตาคมคายและเย็นชาจะปรากฏชัดเจนในหัวสมอง เป็นภาพที่ต้นสนเห็นอยู่จนเจนตาเมื่อตอนที่ต้นสนยังเด็ก ๆ
จนมาตอนนี้ ผ่านมาหลายปี คุณติดูเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น...เค้าของวัยเยาว์ผ่านพ้นไป กลายเป็นชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ความเคร่งขรึมเย็นชาที่เคยเห็นมายังคงอยู่เสมอ...
เมื่อเดินตามแผ่นหลังกว้างมาจนถึงบันไดโอ่โถงที่ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ต้นสนหยุดชะงักอยู่เพียงแค่นั้น...
ดูเหมือนคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าจะสัมผัสได้ว่าเด็กที่เดินตามมาอยู่เบื้องหลังหยุดยืนอยู่กับที่...
“ทำไมไม่ขึ้นมา ?” เสียงดุเข้มเอ่ยถามคนข้างหลังด้วยท่าทางที่ผินหน้าแล้วเบนสายตามาเพียงเล็กน้อย
“เอ่อ...คือว่า คุณท่านไม่อนุญาต...ให้ผมขึ้นไปข้างบนครับ” ต้นสนอธิบายเสียงค่อยกับคนหน้าดุที่ยืนค้างอยู่ที่บันไดขั้นที่สาม...
“ขึ้นมา” ว่าออกมาสั้น ๆ แล้วทำท่าจะก้าวเดินต่อ
“เอ่อ...คุณติมีอะไรจะให้...”
“ขึ้นมา...ฉันสั่ง..” เพียงแค่นั้น แค่เสียงเรียบเย็นเอ่ยออกมานิ่ง ๆ ต้นสนก็หนาวไปถึงไขสันหลัง
‘เมื่อก่อนก็น่ากลัวแบบนี้...ยิ่งอายุมากก็ยิ่งน่ากลัวสินะ’ ต้นสนได้แต่รำพึงในใจแล้วต้องยอมทำตามอย่างว่าง่ายแม้ว่าจะกลัวคุณท่านของบ้านนี้แค่ไหน...
“ครับ” ตอบรับแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามผู้ใหญ่ตรงหน้าไปเงียบ ๆ
ชั้นสองของบ้านเป็นสถานที่ต้องห้ามของต้นสน จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยตามป้าแหวนขึ้นมาช่วยทำความสะอาด...พอเสร็จจากทำงานก็มายืนจ้องรูปที่ติดไว้กลางโถงอย่างโดดเด่นเป็นสง่า...
วันนั้นคุณท่านเพิ่งออกมาจากห้องแล้วผ่านมาเห็นเข้า...ต้นสนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่จำได้ว่าคุณท่านคว้าด้ามไม้กวาดขึ้นมาแล้วฟาดต้นสนไม่ยั้งจนได้ป้าแหวนมาห้าม...
ต้นสนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของป้าแหวน แหงนมองหน้าคุณท่านอย่างหวาดกลัว...คุณท่านจ้องหน้าต้นสนอย่างคนโกรธจัดแล้วร้องไห้น้ำตานองหน้า
“แหวน...อย่าให้มันขึ้นมาอีก ไม่ต้องให้มันขึ้นมาเหยียบบนนี้อีก!!!”
ยิ่งก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้น...ภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ย้อนกลับมาอย่างชัดเจนจนอดที่จะหน้าซีดขึ้นเป็นลำดับไม่ได้...
เมื่อมาถึงชั้นสองแล้ว ต้นสนก็อดที่จะแอบมองภาพครอบครัวที่อบอุ่นที่แขวนบนกำแพงอย่างโดดเด่นเป็นสง่าเพียงแวบเดียวไม่ได้...ใจคิดอยากจะมองให้เต็มตาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าคนดุข้างหน้าจะไม่พอใจเช่นเดียวกับที่แม่ของเขาเป็น
“รออยู่ตรงนี้...” กล่าวจบก็ไม่รีรอ ปล่อยต้นสนยืนรออยู่หน้าห้องแล้วคนตัวสูงก็หายเข้าไปในห้องของตัวเอง
ต้นสนยืนรออย่างว่าง่ายแม้จะไม่เข้าใจว่าคนคนนี้จะให้ตัวเองขึ้นมาทำอะไร...
ไม่เกินสิบนาที คนที่หายเข้าไปในห้องก็กลับออกมา...แล้วยื่นบางอย่างมาให้ต้นสน
“รับไป”
“ครับ ?” ต้นสนงงไปหมด อยู่ ๆ คนตรงหน้าก็ยื่นกล่องอะไรบางอย่างที่ดู...ราคาแพงมาตรงหน้า
“ผู้ใหญ่ให้ของ...ไม่มีใครสั่งสอนเหรอ ว่าต้องทำอย่างไร ?” คนตรงหน้าถามออกมาอย่างดูถูกพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย
“เอ่อ...ขอโทษครับ แต่ผมรับไม่ได้...มัน..” ยังไม่ทันพูดให้จบ คนตัวสูงก็กล่าวตัดบทด้วยท่าทางเหมือนรำคาญและหงุดหงิดเต็มที...
“เอาไป ถ้าไม่เอา...ก็ฝากโยนทิ้งด้วย” ว่าแล้วก็ยัดของใส่มือหันหลังเข้าห้องไปทันที
ต้นสนได้แต่ยืนนิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก มองของที่อยู่ในมือนิ่งนาน “ขอบคุณครับ...”
ต้นสนตัดสินใจว่าจะรับของไว้ในที่สุด ก่อนจากมาก็กล่าวขอบคุณคนให้ของอย่างมีมารยาท...แม้ว่าจะช้าไปสักหน่อยก็ตาม...
เมื่อได้อยู่คนเดียวบนชั้นสองของบ้าน ต้นสนมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่...ดวงตาหวานซึ้งจึงค่อยมองไปทางรูปครอบครัว...อย่างคิดถึงสุดหัวใจ
“ต้นหม่อน...”
******************************************************************************
วันนี้ต้นสนมามหาวิทยาลัยแต่เช้า เหตุการณ์เมื่อวานทำให้รู้สึกหัวใจเต้นตูมตามกลัวว่าคุณท่านของบ้านจะดุด่าหรือเฉดหัวตัวเองออกจากบ้านหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...คุณท่านดูอารมณ์ดีกว่าในทุก ๆ วันเพราะว่าลูกชายคนเล็กและหลาน...กลับมาอยู่ที่บ้าน
ต้นสนถูกคนในบ้านสั่งอย่างชัดเจนว่า ถ้าไม่จำเป็น ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องขึ้นไปรับใช้อะไรที่ในตัวบ้านของคุณท่านอีก...หลังจากที่เข็มหอมถูกไล่ออกไป คุณท่านก็รับคนเข้ามาใหม่อีกสองคน เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แว่วมาว่าเป็นคนรู้จักกันของป้าแหวน...
“สน! เหม่ออะไรวะ ?”
ขณะที่กำลังนั่งนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ต้นสนก็หลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสาวที่กล่าวทักเสียงดัง
“อ้าว...บุ้ง สร ทำไมมาพร้อมกัน ?” ถามแล้วก็ส่งยิ้มให้น้อย ๆ
“ก็เพิ่งเจอกันที่หน้าห้องเนี่ยแหละ...ว่าแต่แก เมื่อวาน..” บุ้งว่าออกมาแล้วทำหน้าตากรุ้มกริ่มพร้อมกับยิ้มล้อเลียน
“อะไร ?” ต้นสนทำหน้าไม่เข้าใจในอากัปกิริยาของเพื่อน
“ก็แกกับพี่เสกข์ไง พวกฉันเห็นนะ ว่าไปต่อกันสองคน..” สรว่าออกมาบ้าง แล้วทำหน้าทำตาล้อเลียนอีกคนร่วมกับบุ้ง
“ไหนบอกกลับไปแล้วไง ทำไมเห็น...” ต้นสนว่าออกมาแล้วทำท่าจับผิด แม้จะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าเพื่อนทั้งสองต้องรู้เห็นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่เมื่อเห็นทั้งสองทำท่าลนลานก็อยากจะแกล้งขึ้นมา...
“เอ่อ...ก็ กำลังจะกลับไง แต่มันเห็นพอดี...” บุ้งว่าออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาหลุกหลิก
“เหรอ ?” ต้นสนแกล้งว่าออกมาเสียงยาว แล้วเลิกคิ้วพร้อมจ้องจับผิด
“ใช่! ๆ บังเอิญเห็น จริง ๆ นะ!” สรรีบยืนยันเสียงดัง พยักหน้าจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจนต้นสนหลุดขำออกมาแล้วจึงเลิกแกล้งสองสาว
“เออ เชื่อพวกแกแล้ว ฮ่า ๆ”
หลังเรียนเสร็จ ทุกอย่างก็เป็นไปตามรูปแบบเดิม ๆ คือ ต้นสนถูกทิ้งให้อยู่กับพี่ชายต่างคณะ...พี่เสกข์
แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง ต้นสนไม่เกร็งแล้วที่จะต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสอง มันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่าง...ค่อย ๆ ถักทอขึ้นเป็นเยื่อใยบาง ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ไปนานวัน ต้นสนก็นึกภาพไม่ออกว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป...มีหลายครั้งในยามฝัน นอกจากหน้าตาของภูตผีปีศาจที่มักวนเวียนอยู่เสมอ ๆ แล้ว บางครั้ง...หน้าของผู้ชายคนนี้ ก็แวบเข้ามาในห้วงฝันเป็นบางที...
“วันนี้เรียนเป็นไงบ้างครับ ? มีอะไรยากไหม...เฮ้อ พี่เหนื่อยจัง เรียนใกล้จะจบแล้ว...งานเยอะมาก ๆ เลย” คนตัวสูงว่าออกมาแล้วแกล้งบิดขี้เกียจ วาดแขนออกกว้างแล้วทำเป็นวางไว้หลังพนักเก้าอี้ที่คนตัวเล็กนั่งอยู่...
วันนี้ต้นสนไม่ได้แกล้งว่าทำเป็นยุ่งกับงานหรือแกล้งอ่านหนังสืออย่างวันก่อน ๆ เมื่อพี่ชายคนนี้ถามอะไร ก็ยอมคุยด้วยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“ผมก็เรื่อย ๆ ครับ ของพี่คงจะยากกว่า...” ต้นสนกล่าวออกมาอย่างเห็นใจคนที่ท่าทางน่าจะเหนื่อยกับการเรียนจริง ๆ ดูจากสีหน้าท่าทาง บวกกับใต้ตาที่ดำคล้ำ...
“ครับ...ต้นสน คือว่าเรื่องเมื่อวาน...” คนพูดมีสีหน้ากลุ้มใจขึ้นมา...
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ...เราอย่า...พูดถึงมันอีกเลย” ต้นสนกลัว กลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับคนคนนี้ คิดแล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมาว่าตัวเองไม่น่าลากพี่ชายคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย...
เสกข์มองคนที่บอกว่าอย่าพูดถึงเรื่องเมื่อวันนั้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แต่หน้าตาของคนตัวเล็กกลับ...วิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ‘ทำไมละ ? ทั้ง ๆ ที่อันตรายขนาดนั้น...น้องจะรับมือคนเดียวเหรอ ไม่ยอมหรอก!’
“ก็ได้ครับ เราจะไม่พูดถึงมันอีก...” รับปากออกไป แต่ภายในใจไม่ได้คิดอย่างนั้น เสกข์คิดว่าหลังจากนี้ ตนจะต้องสืบหาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังเสียแล้ว...
“งั้นเย็นนี้...เรา” เสกข์เกริ่นออกมาอย่างคาดหวังเต็มที่ อาหารสักมื้อ...ดูหนัง หรืออาจจะ...ที่ลับตาแค่เพียงสองคน..
“ผมจะรีบกลับครับ...ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว..” ทุกอย่างอาจจะเป็นอย่างที่เสกข์ต้องการ ถ้าคนตัวเล็กไม่เอ่ยขัดออกมาอย่างดับฝัน
“เหรอครับ...” คนพี่ว่าออกมาด้วยใบหน้าเจื่อน ๆ คิดว่าหลังจากที่น้องยอมให้...ตัวเองจะทำอะไร ๆ ได้ง่ายมากขึ้นซะอีก...
“ขอโทษนะครับ ผมเป็นแค่คนอาศัย...ถ้าเข้าออกบ้านคนอื่นตามใจชอบ...มันจะไม่ดี...”
“ครับ...ให้พี่ไปส่งนะ” เสกข์ยังไม่ยอมแพ้ อยากจะอยู่กับคนที่ปรารถนาให้นานที่สุด
ต้นสนเข้าใจคนตรงหน้าว่าต้องการอะไร...แต่เวลานี้ ไม่ได้จริง ๆ ต้นสนทำคนที่บ้านไม่พอใจอยู่พอสมควรแล้ว...
“ไม่ต้องครับ ผมขอกลับเองนะครับ” รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่ปฏิเสธความหวังดีของคนตรงหน้า จึงรีบกล่าวเพื่อหวังให้คนพี่รู้...ว่าต้นสนก็ห่วง...
“พรุ่งนี้ผม...จะมากินข้าวเช้าที่มหาลัย ถ้าพี่เสกข์ว่าง...”
“วะ...ว่างครับ ว่างมาก ๆ เลยครับ กี่โมงดี...เจอกันที่ไหน พี่เดินไปรับที่คณะดีไหม ? แล้ว...”
ต้นสนถึงกับอมยิ้มให้กับท่าทางน่าขันของผู้ชายคนนี้...ในอกพลันรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
‘พี่เสกข์...เป็นผมจริง ๆ เหรอ..’
“พี่เดินไปส่งนะครับ” คราวนี้ต้นสนไม่ปฏิเสธ เพียงยืนมองคนตัวสูงกวาดทุกอย่างบนโต๊ะแล้วนำมาถือด้วยตัวเองอย่างเกรงใจ แล้วทั้งสองก็เริ่มเดินออกไปพร้อม ๆ กัน
ต้นสนคงไม่รู้ ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังวาดฝันถึงอนาคตอันไกลโพ้นอย่างตั้งใจมากกว่าครั้งไหน ๆ เสกข์พอรู้มาบ้างว่า ต้นสนเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ที่บ้านของคุณมรกต เสกข์รู้จักหน้าค่าตาของคุณมรกตมาบ้างตามงานสังคมต่าง ๆ ต้นสนคงจะลำบากมาก...ที่ต้องอาศัยอยู่กับคนอื่นมานานแบบนี้...
‘รอพี่นะ รออีกไม่นาน...พี่จะสร้างบ้าน แล้วเรา...มาอยู่ด้วยกันนะ..คนดี’ เสกข์หมายมาดไว้ในใจเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรเสีย กว่าต้นสนจะเรียนจบ...เวลานั้น เสกข์ก็คงจะมีเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง สร้างบ้าน...บ้านแบบที่ต้นสนชอบ และบ้านนั้นจะมีเพียงแค่เราสองคน แค่สองคน...อยู่ด้วยกัน
******************************************************************************
ต้นสนกลับมาถึงบ้านแล้วเลยมาช่วยงานป้าแหวนในครัว
“ไม่ต้องลูก ไม่ต้อง ๆ ไปทำการบ้านเถอะ ป้าบอกแล้ว เลิกเรียนมาก็ไปอ่านหนังสือหนังหาหรือพักผ่อนเถอะอย่ามาเกะกะป้า” ป้าแหวนว่าออกมาอย่างรวบรัด พลางทำนั่นนู่นนี่ไปเรื่อย
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้สนไม่มีการบ้าน...เดี๋ยวสนช่วยเก็บครัวก็ได้ครับ ป้าแหวนจะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเก็บครัว” ต้นสนอาสาออกไปเพื่อที่ว่าป้าแหวนจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเมื่อต้องขึ้นไปรับใช้คุณท่านเป็นการใกล้ชิด
“เอางั้นเหรอลูก...ขอบใจ ๆ” ว่าแล้วตบบ่าต้นสนสองสามทีแล้วเดินจากไป
ใช้เวลาไม่นาน ต้นสนก็เก็บล้างทำความสะอาดห้องครัวอย่างรวดเร็ว เพราะป้าแหวนเป็นคนมีระเบียบอยู่แล้วจึงไม่ยุ่งยากเมื่อต้องสานงานต่อจากป้าแหวน...
“อุ้ย!...ขอโทษครับ!” ฉับพลัน ขณะที่กำลังหันหลังเพื่อออกไปจากห้องครัว ก็ต้องตกใจเมื่อมีคนยืนอยู่ข้างหลังแล้วต้นสนก็เหยียบเท้าคนข้างหลังเต็ม ๆ
คนที่มาเงียบ ๆ เพียงแต่ยืนจ้องหน้าเฉย ๆ ไม่กล่าวอะไร สายตาเหลือบมองมาที่ข้อมือเล็กบางของเด็กตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วไม่พอใจ...
“ทำไมไม่ใส่...หรือทิ้งของที่ฉันให้ไปแล้ว ?”
ต้นสนทำหน้าไม่เข้าใจชั่วครู่ก่อนที่จะเข้าใจ ว่าเจ้านายอีกคนของบ้านกล่าวถึงอะไร
“เอ่อ...ปะ เปล่านะครับ ผมไม่ได้ทิ้ง” ‘ใครจะกล้าทิ้ง ของแพงขนาดนั้น’
“แล้วทำไมไม่ใส่” ว่าแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อคำพูดของคนตรงหน้า
“ผมไม่ได้ทิ้งจริง ๆ นะครับ...เพียงแต่ผม กลัวหายนะครับ...เลยเก็บไว้ดีกว่า” หลังจากที่ต้นสนเปิดของในกล่องออกมาแล้วพบว่าเป็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง ต้นสนไม่มีความรู้เรื่องนาฬิกาว่ามีราคาค่างวดอย่างไรจึงลองสืบค้นจากชื่อยี่ห้อที่อยู่ข้างกล่อง ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส...แล้วพบว่ามันเป็นนาฬิการุ่นหนึ่งของยี่ห้อนี้ ราคากว่าห้าแสน...
“ไปเอามาใส่ซะ ฉันไม่อยากซื้อมาเสียเปล่า” พูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปเงียบ ๆ เหมือนตอนมาไม่มีผิด
“ใครจะกล้าใส่...” ต้นสนได้แต่เถียงกับความเงียบ เฝ้าค้านกับตัวเองในใจว่าจะใส่ดีหรือเปล่า...ไม่ดีหรอก วัน ๆ ทำแต่งานบ้าน...แต่ก็กลัวโดนดุเหมือนกัน
ลูกชายของคุณท่านคงจะไม่รู้ ว่าคืนนี้ทำให้ใครบางคนนอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน...
“ใส่ ไม่ใส่...” เสียงพูดพร่ำแบบนี้ยังดังต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน คนตัวเล็กได้แต่นอนนับนิ้วมือทั้งสิบ...พอได้คำตอบกลับไม่พอใจ แล้วเริ่มนับใหม่ เป็นอย่างนั้น...วนเวียนไปจนฟ้าสว่างตอนไหนก็ไม่รู้...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5 ความคิดเห็น
-
#3 EARN-34 (จากตอนที่ 13)วันที่ 25 ธันวาคม 2561 / 06:40โอ้ยยเอ็นดูต้นสนอะ#30