ตอนที่ 10 : คน ? ปริศนา
บทที่ 10
คน ? ปริศนา
‘ทำไม...วันนี้ถึง...’ ต้นสนหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ข้อความในโทรศัพท์ และเหลือบมองคนที่นั่งจ้องหน้าตนอยู่ตรงข้ามของโต๊ะ
สน ฉันกลับก่อนนะ รีบเลยไม่ได้เดินมาบอก อย่าโกรธเด้อ...
ข้อความของบุ้งที่ส่งมาให้บอกแค่นั้น สำหรับสรแล้ว อีกฝ่ายก็หายไปกับแฟนหนุ่มรุ่นน้องตั้งแต่เรียนวิชาสุดท้ายอย่างเร่งรีบ...
‘แล้วทำไม...เจอคนคนนี้อีกแล้ว’ คิดพลางก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ พยายามทำตัวเหมือนไม่อยากให้มีใครรบกวน
พักนี้ต้นสนรู้สึกเหมือนตัวเองหลงเข้าไปอยู่ในแผนการอะไรบางอย่างของใครบางคน คนที่รู้สึกว่าช่วงนี้จะเจอหน้าบ่อยยิ่งกว่าเพื่อน ๆ ที่คณะเสียอีก
‘สนไปตรงนู้นกัน ๆ’
‘แกจะให้ฉันเดินอ้อมไปทำไมตั้งไกล ไปทางนี้แหละ’
‘เอ่อ...ฉันอยากดูวิวไง กินลมชมวิวเสียบ้าง...’ ต้นสนทำตามคำขอของเพื่อน...แล้วก็บังเอิญเจอกับผู้ชายคนนั้น...
‘นี่สน...นั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวพวกฉันมา’ ว่าแล้วก็วิ่งไปกันทั้งสองคน
นั่งอยู่สักครู่เห็นว่านานมากแล้วก็ให้เผอิญหันไปแล้วเจอกับคนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ส่งยิ้มมาให้เหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว...
เจออีกแล้ว ?
กลับมาสู่ปัจจุบัน ผู้ชายคนที่ว่า วันนี้ก็...บังเอิญเจออีกแล้ว แถมยังมานั่งร่วมโต๊ะ ยิ้มให้อย่างกับคนไม่ค่อยเต็มทั้ง ๆ ที่หน้าตาก็ดีมากแท้ ๆ
“เอ่อ...พี่ ไปทำธุระเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้ เดี๋ยวเพื่อนก็มา” โกหก...ต้นสนโกหกเพื่อให้คนคนนี้เผลอก่อนแล้วจะรีบเผ่นไป
“ไม่เป็นไรครับพี่อยู่เป็นเพื่อน...หายป่วยดีแล้วเหรอครับ ?” คนดื้อนั่งยิ้มกริ่มเพราะรู้ว่าเวลานี้ ให้ตายยังไงก็ไม่มีใครมาขัดจังหวะได้...
“ครับ ผมหายดีแล้วจริง ๆ” ‘ทำไมตื้ออย่างนี้นะ...อึดอัด’
ต้นสนรู้ รู้ว่าคนคนนี้เข้ามาพัวพันกับตนบ่อย ๆ เพราะอะไร...มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก อาจจะยังไม่วางใจเพราะเหตุการณ์วันนั้น...แต่คนตรงหน้าก็บอกออกมาด้วยท่าทางจริงจังว่าทำไปเพราะเมา...แล้วก็...เพราะว่ารัก
รัก รักตอนไหน...ต้นสนค่อนข้างแน่ใจว่าไม่เคยพบผู้ชายคนนี้มาก่อน ‘คนอย่างเรามีอะไรให้น่ารักเหรอ...’
“กลับบ้านยังไงครับ พี่ไปส่งนะ” ยังไม่ละความพยายามที่จะชวนคุย
“...เดี๋ยวกลับเองครับ” ‘ไม่เอาหรอก ใครจะยอมให้ไปส่ง...กลัวเหมือนตอนพี่หมู...’
เสกข์รู้สึกได้เลยว่าคนตัวเล็กยังไม่ไว้ใจตนเอง แต่ก็ไม่คิดยอมแพ้ ‘รักไปแล้ว...รักไปแล้วทั้งใจ’
“พี่เดินไปส่งก็ได้...นะ นะครับ”
อยู่ ๆ ต้นสนก็รู้สึกสงสารผู้ชายตรงหน้าอย่างสุดหัวใจ ความรู้สึกนี้มันเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกที่ว่า...ผู้ชายคนนี้จะสูญเสียบางอย่าง...เหมือนจะได้มาแต่ก็ไม่เคยได้เลย...
“ก็ได้ครับ” ว่าออกมาด้วยความใจอ่อนทำให้ผู้ชายตรงหน้าค่อยยิ้มกว้างขึ้นเป็นลำดับ
******************************************************************************
ต้นสนรู้สึกว่าตัวเองพลาดมาก ๆ ที่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เดินมาส่งตัวเองที่ป้ายรถเมล์...สายตาทุกคนตั้งแต่ห้องสมุดจนจะถึงข้างหน้ามหาวิทยาลัยต่างจับจ้องมองมาเป็นระยะ ๆ
‘ลืมไปได้ยังไงนะ...ตอนนั้นมีคนถ่ายคลิปไปลง...ต้องเคยเห็นหน้าเราแน่ ๆ’
ต้นสนคิดได้ขึ้นมาก็รู้สึกอยากหายตัวไปจากสายตาที่พุ่งตรงมาหา...
“คบกันแล้วแน่เลยอะแก...”
“เออ...พี่เสกข์ทำขนาดนั้น ต้องมีใจอ่อน”
“เบา ๆ สิ เดี๋ยวเขาได้ยินพอดี...”
ต้นสนอยากบอกว่า ได้ยินแล้วครับ...เต็มสองหูเลยครับ...
‘คนเข้าใจผิดกันหมดแล้ว...’
แต่คนข้าง ๆ นี่สิ ยิ้มหน้าเป็นอย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังมีหน้าหันมาฉีกยิ้มชวนคุยเสียอีก..
ต้นสนได้แต่เดินก้มหน้านิด ๆ พอผู้ชายตรงหน้าถามอะไร ก็ตอบเพียงสั้น ๆ พยายามลดความเร็วลงเพื่อไม่ให้เหมือนคนเดินด้วยกัน แต่ผู้ชายคนนี้...พี่เสกข์ก็ไม่รู้ไม่ชี้ พอคนน้องเดินช้า คนพี่ก็เดินช้าด้วย
พอทั้งสองเดินมาเรื่อย จนมาเดินตามหลังกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่ง มีคนหลายคนจนเดินแทรกไปข้างหน้าไม่ได้...เสียงคนสนทนาบางอย่างลอยเข้าหูของต้นสน...เป็นเรื่องที่สะกิดใจจนเผลอตั้งหน้าตั้งตาแอบฟัง
“...!?...” ‘เรื่องของ...คนนั้นรึเปล่านะ ? ไม่สิ...ตอนนี้ไม่ใช่คนแล้ว..’
“มันบอกว่ามันเจอ...ผีผู้หญิงที่ตึกสี่” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ไร้สาระ มันอำมึงรึเปล่า ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ท่าทางมันกลัวมากจริง ๆ มันลงมาจากชั้นสิบเอ็ดแล้วหน้าซีดมากเลยแล้วก็กลับบ้านไปไม่มาเข้าเรียน กูเลยห่วงมันเลยโทรไปถาม...มันก็บอกว่ามันเจอ...”
“ไอ้เหี้-! ขนลุกเลย กูก็มีเรียนที่ชั้นนั้นนะ แต่ยังไม่เคยเจอ”
“มันมีคนตาย...เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่เค้าก็ต้องปิดข่าวไว้ปะวะ ?”
เสียงเล่าค่อย ๆ จางลงไปเมื่อกลุ่มคนข้างหน้าเริ่มเดินห่างเรื่อย ๆ
‘ไม่เห็นเคยได้ยิน...แล้วมาหาเราทำไม ผีตนนั้น...เราไปทำอะไรให้ ?’
เมื่อเดินมาใกล้ถึงป้ายรถเมล์ จู่ ๆ คนตัวเล็กก็หยุดเดิน...
“พี่ครับ...พี่เสกข์” เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่คนตัวเล็กเอ่ยปากเรียกชื่อคนด้านข้าง...ซึ่งมันทำให้คนถูกเรียกหัวใจพองโต...
“คะ...ครับ ว่าไง ๆ” รีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น
“ที่คณะพี่...แบบว่า...เอ่อ มีเรื่องเล่าอะไรมั้ย ?” ถามออกไปอ้อม ๆ กลัวคนตรงหน้าหาว่าตัวเองเป็นคนงมงาย
“ครับ ? เรื่องเล่า ?” คนตัวสูงว่าออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องเล่า...เรื่องผีนะครับ”
******************************************************************************
“มึงเล่ามา...เอาละเอียด ๆ” คนตัวสูงใหญ่ที่ช่วงนี้มีความรัก ทำตัวแอ๊บแบ้วกับคนที่ชอบ...แต่ทำโหดเหี้ยมกับเพื่อนฝูง
“กูก็รู้แค่เท่าที่มึงรู้นั่นแหละ...แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไม ?”
“น้องอยากรู้...” เสกข์ว่าออกมาเสียงค่อยอย่างเขินอาย
เพื่อน ๆ ที่เหลือต่างเหลือบตามองกันอย่างหมั่นไส้ ถ้าไม่เกรงใจคงจูงมือพากันไปอ้วกนานแล้ว...
“มึงนี่ก็จีบกันแปลก ๆ นะ...เรื่องน่ารัก ๆ มีตั้งมากทำไมไม่สรรหามาพูดกัน...จะอยากรู้เรื่องผีสางเทวดาไปทำไม ?”
“ก็น้องสนอยากรู้ กูก็ต้องตอบให้ได้...อีกอย่าง เรื่องอื่นน้องแทบถามคำตอบคำ...แต่พอกูพูดเรื่องนี้...กลับยืนตาแป๋ว ตั้งใจฟังอย่างกะอะไรดี..”
“อยากให้น้องสนใจมึงมากขึ้น...ว่างั้น ?” คนพูดถามพลางเลิกคิ้วอย่างต้องการกวนอารมณ์
“เสียใจ พวกกูก็รู้แค่นี้...มึงลองไปถามแม่บ้านเก่า ๆ ดูดิ เขาน่าจะรู้นา...” เพื่อนคนหนึ่งเสนอความคิดขึ้นมา
“เออ...จริง งั้นพวกมึงรอนี่...เดี๋ยวกูมา” ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ร่างสูงสง่ารีบวิ่งไปหาคนที่เป็นแม่บ้านทันที ตั้งใจว่าจะถามให้หมดทุกคน เอาให้เรื่องกระจ่างไปเลย จะได้ไปเล่าให้น้องฟัง...
****************************************************************************** ต้นสนจำได้ว่ามันนานมากแล้ว...ที่ตนไม่ได้เห็นวิญญาณ ที่จริงแล้ว ก็เห็นบ้าง...หรือเห็นตลอดเวลานั่นแหละ เพียงแต่ผีพวกนั้น มักปะปนไปกับหมู่คนจริง ร่อนเร่ไปพร้อมกับการก้าวเดินของคนจนต้นสนแยกแยะไม่ออก...
ความกลัวต่อวิญญาณพวกนั้นไม่เคยจางหาย...คนที่ตายไปแล้วพวกนั้น...ไม่เคยมาดี ต้นสนไม่เคยเชื่อว่าคนที่มีสัมผัสเกี่ยวกับเรื่องลึกลับต่าง ๆ วิญญาณจะมาหาเพื่อขอให้ช่วย...สำหรับต้นสนมันไม่จริงเลย...
คนที่ตายไปแล้วจะมาให้ต้นสนเห็น...เพื่อระบายแค้น...
ต้นสนเคยเจอมากับตัว...หลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ที่พ่อจากไป...มัน...ก็ปรากฏตัวออกมา...เฝ้าหลอกหลอน รังควาญ และกลั่นแกล้ง...พร้อมมองด้วยดวงตาที่...สาแก่ใจ
แล้วนี่ก็อีกครั้ง...ต้นสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่รู้วิธีจัดการ จะบอกกับใครก็ไม่ได้...ได้แต่รอให้มัน...พอใจ และจากไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในครั้งอดีต
แต่ต้นสนไม่อยากรออีกแล้ว...อยากอยู่อย่างสงบ มีความสุขกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย...และอาจจะเริ่ม...มีความรัก...กับใครสักคน
ถ้ามันยังตามอยู่...ยังคงมองอยู่อย่างนี้ มันก่อความไม่สบายใจบางอย่าง...ให้รู้สึกหดหู่ เศร้า...ต้องจัดการ...ต้นสนต้องจัดการอะไรสักอย่าง...
เป็นผู้หญิง...ต้องมีอะไรเกี่ยวกับที่นั่น ตึกสี่ของวิศวะ...มองไปทีไร...ก็ยืนอยู่ตรงนั้นตลอด
‘เป็นใคร ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร’
******************************************************************************
“โอ้ย! ป้าก็ไม่รู้หรอกไอ้หนุ่ม มาถามอะไรตอนเย็น ๆ แบบนี้ เดี๋ยวป้าต้องขึ้นไปบนชั้นนั้นด้วย...เอ็งก็มาพูดเรื่องน่ากลัว...” แม่บ้านวัยกลางคนว่าพลางทำท่าขนลุกขนพอง
“โถ่...ก็ผมเห็นป้าอยู่มานานเลยนึกว่าจะรู้อะไรบ้าง” คนตัวสูงว่าออกมาอย่างแสนเสียดาย ถามมาจนจะหมดทุกคนอยู่แล้ว...ก็ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย
‘มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่านะ มีคนตายจริง ๆ รึเปล่า ? หรือแค่เล่าต่อกันมาเฉย ๆ’
ตอนแรกเสกข์ก็แค่อยากมาถามเรื่องราวให้ละเอียดเพื่อไปเล่าให้น้องฟัง แต่ไป ๆ มา ๆ มันกลับมีอะไรบางอย่างที่แปลก ๆ จนตั้งใจสืบหาจริงจัง
มือใหญ่ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับทรุดนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกสี่...
‘คดีคนเสียชีวิตที่มหาวิทยาลัย...’ มือพิมพ์รัวเร็วที่โทรศัพท์
“ไม่มี ? แต่ทำไมถึง...” มันน่าแปลกจริงด้วย...เสกข์ไม่เข้าใจว่าทำไมที่นี่ ตึกสี่ที่ตนนั่งอยู่ถึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณเฮี้ยน ทั้ง ๆ ที่ถ้ามีคนตาย...ที่นี่ ก็น่าจะมีข่าว...ที่สำคัญ มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงมาก...เรื่องไม่น่าเงียบขนาดนั้น
“หรือมีคนกุเรื่อง...?”
สันนิษฐานความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นได้...แต่มีคนเคยบอก...ว่ามีคนตายจริง ๆ เลยเป็นที่มาของเรื่องผี...
‘หรือข่าวจะเก่าไปแต่...พวกรุ่นพี่ก่อน ๆ ก็บอกว่าเรื่องมันไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ ทำไมนะ...เรื่องถึงเงียบไป’
เสกข์นั่งสงสัยจนเริ่มปวดหัว พลางคิดได้ว่าตนจะอยากรู้ไปทำไม แค่เอาไปเล่าแค่บางส่วน เพิ่มเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนเจอน้องครั้งหน้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว...
‘คิดเรื่องต้นสนดีกว่า’ คนตัวสูงคิดพลางเดินผิวปากออกไปจากตึกสี่...ไม่แน่นะ ถ้าเสกข์จะมีสัมผัสในเรื่องนี้สักนิด คงจะเห็นแล้ว...
เห็นแล้วว่าใคร...มองมาจากที่ชั้นสิบเอ็ด..
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
