คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คำทำนาย
ณ อาณาจักรเอลิคกลาส
“ทันทีที่รัตติกาลมาเยือน แสงเดือนเพ็ญสาดส่อง ณ อาณาเขตของน้ำสีครามจับตัวกันเป็นแผ่นน้ำแข็งหนาและแข็งแรง
ใจกลางของทะเลสาบใหญ่ซึ่งมีปราสาทที่ถูกสร้างจากผลึกน้ำแข็งขนาดยักษ์ดูหรูหราและงดงาม เมื่อต้องกับแสงจันทร์ยามเดือนเพ็ญยิ่งดูแฝงพลังอำนาจและงามนวลตา บรรยากาศโดยรอบมีลมพัดหนาวเย็นยะเยือก ต้นไม้ที่น่าจะมีใบเต็มต้นกลับมีเพียงกิ่งก้านสาขาที่แห้งแล้ง ไร้ใบไม้ปกคลุม ด้วยสภาพช่นนี้จึงไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตจะอยู่อาศัย ทิ้งไว้เพียงความแห้งแล้ง ความรู้สึกว้าเว่ กับแผ่นดินสีขาวโพลน”
“ทายาทแห่งเทพจะถือกำเนิด ณ ที่นั้นตามคำสัญญาที่ให้ไว้ของพระเจ้า”
น้ำเสียงของหญิงชราภายใต้ผ้าคลุมสีขาว เส้นผมสีขาวที่ลอดออกมาจากผ้าคลุม บอกถึงอายุที่มีมานาน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มยังอ่านต่อกับสิ่งที่อยู่ในกระดาษสีน้ำตาลเก่าๆ ถ้อยคำสุดท้ายที่เรียกสายตาของผู้รับฟังนับหมื่นคนถึงกับแตกฮือกันด้วยความตกใจ
“ท่านสูมิค ตัวแทนแห่งเทพ...คำทำนายบทนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันท่าน”
ชายร่างกำยำเรือนผมยาวสีนิลถูกก้าวไว้อย่างลวกๆ ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมแฝงไปด้วยอำนาจที่เกินประมาณ ในชุดผ้าคลุมสีเงินถามอย่างสงสัยมองหน้าหญิงชราพูดอ่านคำทำนาย
“ท่านกษัตริย์เดโคมิล โปรดใจเย็นก่อน คำทำนายนี้ไม่ได้ร้ายแรงแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องน่ายินดีเสียอีก”หญิงชรายังคงกล่าวต่อด้วยยิ้มบนใบหน้าที่เหี่ยวยน
“แล้วมันดีอย่างไรค่ะท่าน ข้าไม่เห็นเข้าใจ”
หญิงสาวอายุประมาณ 30กว่าปี ดวงหน้าหวานเข้ารูป ดวงตาสีทองคู่สวยดูทรงอำนาจแต่เจือความอ่อนโยน เรือนสีน้ำตาลทองยาวถูกปล่อยทิ้งไว้ถึงกลางหลัง สาวงามในชุดกระโปรงยาวกับผ้าคลุมไหลสีเงิน มีเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวคือสร้อยคอจี้เป็นคริสตัลสีน้ำเงินเข้ม หญิงสาวที่นั่งเคียงข้างกษัตริย์เดโคมิล เธอถามแล้วกลับมาดูพลางลูบผมสีน้ำตาลอ่อนเด็กหญิงตัวเล็กๆที่อายุประมาณห้าขวบในอ้อมกอดซึ่งนิทราอยู่
“เรียน ท่านราชินีโอเฟเลีย...เรื่องนี้ข้าไม่สามารถบอกท่านได้ มันคือกำหนดของสวรรค์ บรรพชาของพระเจ้า”
“ถึงกระนั้นก็ไม่มีผลร้ายต่ออาณาจักรและหลานสาวของข้าใช่หรือไม่”
ชายอีกคนในชุดเสื้อสีดำนิล ใบหน้าคล้ายกษัตริย์เดโคมิลแต่อ่อนวัยกว่า ดวงตาสีนิล ผมสีน้ำตาลเข้มถูกซอยสั้นดูดีปกปิด รอยแผลไหม้เป็นรูปนกกลางหน้าผาก น้ำเสียงขุ่นมัว ใบหน้าแสดงถึงความกังวลใจ
“ข้ายังขอยืนยันคำตอบเดิมเจ้าชายลูครอซัส...ข้ามิอาจทราบได้ แต่คงไม่เป็นเช่นนั้น”
“ถ้าเช่นนั้น งานฉลองครบห้าปีของเฟโลคิสจะยังคงดำเนินต่อไป อีกสามวันต่อจากนี้ ข้าต้องการให้พวกท่านปฏิบัติหน้าที่เตรียมงานนี้ให้พร้อมและทันตามกำหนด” ถ้อยดำรัสจากกษัตริย์เดโคมิลที่หันไปพูดกับขุนนาง ข้าราชบริพารในห้องประชุมก่อนจะเสด็จออกจากห้องประชุม
ในค่ำคืนเดียวกันใต้ท้องฟ้ายามราตรี ณ ป่าร้างอันไกลโพ้นห่างออกไป ราตรีที่เคยเงียบสงบ บัดนี้มีกลุ่มชนจำนวนมากตั้งกลุ่มเป็นค่ายขนาดย่อม กองไฟถูกจุดเพื่อให้แสงสว่างและทำอาหาร มีเต็นท์ขนาดใหญ่ห้าถึงหกหลังถูกกางไว้อย่างเรียบร้อย รอบค่ายเต็มไปด้วยทหารเวรยามผลัดเปลี่ยนเฝ้าเวรกันเป็นแห่งๆคอยคุ้มกันภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น
“แซทัว...เจ้าสั่งเตรียมการพร้อมแล้วใช่หรือไม่”เสียงเข้มจากชายในชุดทหารที่มีเข็มกลัดติดเสื้อแสดงยศฐาบันดาศักดิ์ที่สูงกว่าทหารคนอื่นๆเอ่ยกับเด็กหนุ่ม ผมสีดำอายุราวๆย่างเข้าสิบห้าปี ผู้เข้ามาใหม่
“ขอรับกระหม่อม อีกสามวันจะเริ่มตามแผนการ”เสียงหัวเราะอย่างปลื้มปิติยินดีมองเด็กหนุ่มนามแซทัว ดวงตาสีฟ้ายังคงมองแผนผังเมืองด้วยใบหย้าที่เฉยเมย
“ดีมาก เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริง...แซทัว”เสียงหัวเราะยังคงดังเป็นระลอกพลางตบบ่าเด็กหนุ่ม
“ขอบพระทัย ฝ่าบาทที่ทรงไว้ใจกระหม่อม”แซทัวโค้งคำนับผู้เป็นนายตามมารยาท
“ข้าต่างหากที่ต้องขอบใจเจ้า ในไม่ช้าอีกสามวันเท่านั้นพวกชนชั้นต่ำจะได้หมดไปเสียที ข้าขอบใจเจ้ามากจริงๆ”เสียงหัวเราะยังคงดังเป็นระยะไม่ขาดสายภายในเต็นท์หลังใหญ่
“ไง! แซทัว...ได้ความดีความชอบมาอีกล่ะสิ”เสียงทักจากเด็กหนุ่มผมสีแดงส้มทันทีที่แซทัวเข้ามาในเต็นท์ที่พักของสี่ขุนพล
“มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว คูเอส เพราะตอนนี้คงเป็นที่ไว้วางใจของท่านผู้นั้นไปแล้ว”เสียงสนับสนุนจากเด็กหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีเขียว สายตายังคงอ่านหนังสือในมือ แซทัวเมื่อได้ยินถ้อยคำเย้าแย่ของเพื่อนถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้ายังคงเรียบเฉยก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินออกจากเต็นท์ไป
“มันเป็นอะไรของมันอ่ะ เจไต”คูเอสถามกับเพื่อนข้างตัวที่ร่วมวงแกล้งมัน สายตาสีเพลิงของเขายังคงมองเพื่อนที่เดินออกไปจากเต็นท์อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“นายถามฉัน แล้วฉันจะไปรู้ไหม แล้วนายอ่ะ...คาทิล คิดว่าไง”เจไตตอบกลับไปอย่างกวนๆไม่ว่าเปล่าหันไปถามเด็กหนุ่มผมสีเทาดูยุ่ง ดวงหน้าน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง ดวงตาสีม่วงใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทเพื่อพักผ่อน ร่างของเด็กหนุ่มนาม คาทิล ยังคงนอนเอกเขนกบนเตียงของตนก่อนที่จะเอ่ยคำตอบที่เล่นเอาเพื่อนอีกสองคนงงไปตามๆกัน
“มันง่วง...”
ความคิดเห็น