ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เอาไงดีเกิดใหม่เป็นเจ้าหญิงแห่งบริทาเนีย

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 อีก 1 ที่มาสู่โลกใบนี้

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 60


    "ปั๊บ!!! เห้อ~ มึงนี้ก็น่าคุยกันซักนิดก่อนก็ได้มั้ง"เมื่อฉันพูดจบแล้วฉันก็เอาโทรศัพย์เก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่ฉันปลดทุกข์เสร็จ

    "อ๊ะ... (ปึก!!!)"

    "กะ... เกิดอะไรขึ้นน่ะ!!!"

    "มีคนลื่นหัวแตกน่ะ!!! รีบเข้าไปช่วยก่อนเร็ว!!!"เสียงพูดของคนในมหาลัยพูดขึ้นมาก่อนที่จะรีบวิ่งมาหาร่างอันไร้วิญญาณของนักศึกษาปีสองคนหนึ่ง

    "งืม~ ที่นี้มันที่ไหนกันเนี่ย? ที่นี้มัน... รู้สึกไม่คุ้นเลยแฮะโรงพยาบาลรึป่าวนะ?"

    "หืม~ ตื่นแล้วงั้นหรอ รัฐกาล เกิดปราง(สะกดผิด) ดูเหมือนว่านายเนี่ยจะลื่นหัวแตกซินะ... เป็นการตายที่น่าอนาถจริงๆเลยนะ..."

    ".... นี้เธอเป็นใครกัน? ทำไมถึงรู้ชื่อของฉันได้หล่ะ..."ในระหว่างที่ฉันกำลังพูดอยู่นั้น ฉันก้เงยหน้าไปมองหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับดื่มชาไปด้วย

    "ชั้นน่ะหรอ... ชั้นคือไม่ซิ... ข้าคือเซริ เซริ เทพผู้อยู่เหนือการเวลายังไงหล่ะ"

    "ซะ... เซริ? เทพผู้อยู่เหนือกาลเวลา!?"เมื่อผมพูดจบผมก็เอามือไปจับหน้าผากของตัวเองเหมือนกำลังปวดหัวอยู่ ซึ่งก็ปวดหัวจริงๆนั้นหล่ะ แถม... เทพเซริ... ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

    "ในโลกของนายพวกเราไม่มีตัวตนหรอกนะ เพราะพวกเราไม่ใช่เทพของมิตินี้แต่เป็นเทพที่คอยเดินทางไปยังโลกต่างๆ เดินทางไปในจักรวาลต่างๆ และมิติพิภพต่างๆ"

    "เดินทางไปในจักรวาลแะลมิติภพต่างๆงั้นหรอ? หมายความว่า เธอเป็นเทพที่อยู่เหนือทุกสิ่งเลยซินะ"

    "จะพูดแบบนั้นก็ถูก แต่ชั้นจะขออธิบายสถาณที่ๆนายอยู่ในตอนนี้หล่ะกันนะ ที่นี้คือ เส้นทางดวงดาว แห่งทางช้างเผือกและที่นี้คือถนนแห่งความตายหรือจะเรียกให้ถูกสำหรับดวงดาวที่อยู่ในเขตทางช้างเผือกคนต้องเรียกว่าเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ซินะ..."

    "เส้น... ทางแห่งการเกิดใหม่?"ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่ แต่ที่นี้คงจะเป็นสวรรค์สำหรับคนตายแล้วซินะ.... ถึงจะไม่เข้าใจแต่มันน่าจะทำนองนั้นหล่ะนะ

    "แล้ว... เธอต้องการอะไรจากฉันกันหล่ะ?""ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ชั้นอยากจะมอบชีวิตใหม่ให้กับนายเป็นชีวิตที่ 2 ของโลกใบใหม่ร่างใหม่ให้กับนายน่ะ ว่าไงจะรับมันไว้หรือจะตายไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไรน่ะ"

    "เห้อ... ให้เลือกซินะ... เอาตามจริงมาตายตอนนี้ก่อนที่จะได้วาดมังงะลงซี่รี่มันก้น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าไปเกิดใหม่ก็ต้องเสียความสามารถไปอีก ถ้างั้น... ขอรับชีวิตที่ 2 ไปเลยหล่ะกันนะ!!!"

    "ตัดสินใจได้ดีนี้นา รัฐกาล แต่ชั้นจะขอบอกนายไว้ก่อนเรื่องนึงนะว่า นายคือคนที่ 2 แล้วที่ชั้นหยิบยื่นโอกาสนี้ให้"

    "หืม!? มันหมายความว่าไงกันแน่!!?"

    "ถึงเวลาแล้วนายจะได้รู้เอง"เมื่อเซริพูดจบร่างกายของฉันก็ได้สลายหายไปในทันที เมื่อถึงเวลาแล้วนายจะได้รู้เอง... งั้นหรอ? มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    "งืม~ ที่นี้มัน... ที่ไหนกันเนี่ย... บรรยากาศด้านนอกมืดจัง..."

    "หืม~... เจ้าตื่นแล้วงั้นรึ มารีแอน"เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฉันก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งพูดถึงฉัน... แต่ว่าฉันนี้ที่หมายถึง มารีแอน? นั้นคือชื่อของฉันในโลกใบนี้ซินะ...

    "แล้ว... นาย... เป็นใครกัน? อืม... ปวดหัวจัง รู้สึกว่าลืมอะไรไปไม่รู้ แล้ว... ฉันเป็นใครกัน?"

    "นะ... นี้เธอ... ความจำเสื่อมงั้นหรอ!?"

    "อะ... อ่า... ประมาณนั้นหล่ะ"เมื่อฉันพูดจบชยคนนั้นก็มานั่งข้างๆฉัน แล้ว... ทำไมต้องมานั่งข้างๆฉันด้วยหล่ะเนี่ย? แต่หมอนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรแต่เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่น่าจะเกี่ยวกับตัวตนใหม่ของฉันให้ได้รู้

    "อ่า~ เรื่องมันเป็นแบบนี้เองซินะ... แล้วที่นี้มัน... แดนปีศาจงั้นหรอ? ดูยังไงๆมันก็ไม่ใช่นี้นา?"

    "เห้อ~ นี้เธอยังไม่ได้ดูด้านนอกหน้าต่างเลยไม่ใช่รึ? งั้นก็ดีซะซิ"เมื่อเจ้านั้นพูดจบ เจ้านั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดม่านหน้าต่างออก เผยให้เห็นสภาพภายนอกห้องที่ฉันอยู่ ด้านนอกท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้าปกติๆ บนพื้นดินก็เป็นสีเขียวอ่อนด้านหน้านั้นก้เป้นผืนทะเลอันกว้างใหญ่... ที่นี้มัน... เป็นเกาะงั้นหรอ!?

    "ดูไม่เหมือนดินแดนของปีศาจเลยนะ..."

    "ก็แน่อยู่แล้วซิ เพราะตั้งแต่รุ่นของฉันมาไอปีศาจที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าบนเกาะนี้ก็หายไปหมดเลย ทำให้แสงมันเข้ามาในเกาะแล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็นนี้หล่ะ"

    "อืมๆ~ มันเป็นแบบนี้เองซินะ... แล้ว... นาย? รุ่น? นายเป็นจอมมารงั้นหรอ?"เมื่อฉันพูดจบ ฉันก็รีบลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจในทันที จะ... จอมมารจริงๆงั้นหรอ!?

    "หืม!? จอมมาร เอ่อ... ไม่ใช่งั้นหรอก ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาๆน่ะ แต่ฉันมีสายเลือดของจอมมารเลยมีชีวิตได้ประมาณ 3 ร้อยปีน่ะ"

    "หืม? นี้นาย... เป็นแค่มนุษย์แต่อายุยืนไปรึป่าว?"

    "ก็เหมือนกับเธอนั้นหล่ะ ที่เป็นฮาร์ฟเอลฟ์ อายุยืนยาวกว่าเอลฟ์ปกติ ถึง 4 ร้อยกว่าปี"เมื่อพูดจบฉันก็เดินเข้าไปใกล้กับหมอนั้นใกล้กันจนหน้าแทบจะใกล้ชิดติดกันเลยด้วยซ้ำ

    "แล้วตอนนี้ นายไม่คิดจะขยายดินแดนมั้งเลยงั้นหรอ?"

    "อ่าๆ~ เรื่องนี้งั้นหรอ? ฉันเข้าใจว่าเธอมีความแค้นกับพวกบริทาเนียกับพวกเอลฟ์แต่ว่า ตอนนี้คงไม่ได้หรอก"

    "หืม!? ทำไมถึงไม่ได้หล่ะ?"เมื่อฉันพูดจบ ฉันก้ทำหน้าแปลกใจในทันที พร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเตียงนอนอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเอามือกุมหัวขมับ

    "ถ้าจะให้ฉันพูดในตอนนี้หล่ะก็ พวกเราไม่มีกำลังมากพอที่จะขยายดินแดนไงหล่ะ กองทัพที่ฉันมีอยู่ก็มีแต่ปีศาจที่บินได้ แค่ไม่ถึงเหมื่นเลยด้วยซ้ำไป แล้วอีกอย่างหนึ่งฉันเป็นคนเดียวที่สามารถใช้เอลบัน ไนร์ได้เธอเองก็ใช้มันได้เหมือนกันและยังมีอีก 3 คนที่ใช้มันได้"

    "แล้ว... ไอ้เอลบัน ไนร์ นี้มัน... อะไรกัน?"ฉันพูดถามหมอนั้นในทันทีหลังจากที่หมอนั้นพูดจบ เอลบัน ไนร์ๆอะไรกัน? ไม่เคยเห็นจะรู้จักเลย

    "เอลบัน ไนร์คือเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างจากชิ้นส่วนของมังกรหรือก็คือ มีโครงสร้างคล้ายๆกับ ซิลูเอส ไนร์เมื่อกาลนานก่อนไงหล่ะ แต่เอลบัน ไนร์ มีพลังและความสามารถเหนือกว่าซูลูเอส ไนร์ทุกอย่างไงหล่ะ"

    "อืมๆ~ มันเป็นแบบนั้นเองซินะ... น่าสนใจจริงๆนั้นหล่ะ"ซิลูเอส ไนร์ ที่มาจากมังงะเรื่อง Knight & Magic ซินะ... แต่ว่า... โลกใบนี้มันเป็นยังไงกันแน่นะ?

    "เอ่อ... แผนที่โลกใบนี้มีรึป่าวหล่ะ?"

    "เอ๋? แผนที่โลกงั้นหรอ? ถ้างั้นก็... มหาเวทย์ World Maps On"เมื่อหมอนั้นพูดจบก็ร่ายเวทย์อะไรๆซักอย่างออกมาเป็นแผนที่โลกลอยบนอากาศให้ฉันดู ก่อนที่หมอนั้นจะมานั่งลงบนเตียงข้างๆฉันและชี้นิ่วไปที่แผนที่นั้นๆ

    "ด้านบนของเกาะปีศาจ นั้นคือดินแดนของพวกเผ่าคาออส พวกมันเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนๆ... ถึงจะบอกว่าเป็นชนเผ่าแต่พวกมันก็สร้างระบบจัดการแบบขุนนางขึ้นมาเมืองหลวงของพวกมัน มีชื่อว่า มหานครคาเอนเดีย มีกำลังทหารถึง 5 แสนถึงพวกมันจะไม่มีเอลดัน ไนร์ก็ตามแต่พวกมันนับถือปีศาจเป็นเทพของพวกมัน ดังนั้นแล้วพวกที่กลายร่างเป็นปีศาจจะมีพลังและอนุภาคเทียบเท่าเอลบัน ไนร์ 300 เครื่องเห็นจะได้หล่ะมั้งนะ"

    "เห้อ~ นี้นายจะอธิบายระเอียดไปรึป่าวน่ะ"

    "ก็ต้องละเอียดขนาดนั้นหล่ะ เพื่อที่จะให้เข้าใจถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมพวกเราถึงไม่ขยายดินแดนไงหล่ะ"เมื่อเจ้านั้นพูดจบ ในหัวของฉันก็มีความคิดอยู่มากมายสับสนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้

    "เอาหล่ะ ต่อไปก็ ตรงนี้คืออาณาจักรบริทาเนียตอนนี้ อาณาจักรนี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เจ้าหญิงอลิสได้ขึ้นเป็นกษัตริของอาณาจักรส่วนน้องสาวอย่างทาเนีย ตอนนี้กลายเป็น อาร์สดยุคผู้ครองแคว้นใหญ่ทางตอนเหนือของ บริทาเนียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและก็ ไอร่า อาร์ส ไบรเซ็นไทร ตอนนี้เป็น อาร์สดยุคทางตอนใต้ของบริทานียปกครองดินแดนและดูแลชายแดนของบริทาเนียและบิสคร็อตตี้และดูเหมือนว่ากำลังมีศึก 2 ทางอยู่ซินะ..."

    "หืม~? ศึก 2 ทางงั้นหรอ?"

    "ก็ประมาณนั้นหล่ะ... ตอนนี้บริทาเนียกำลังโดนทัพอ็อคแดงบุกอยู่เจ้าหญิงทาเนียกำลังยันทัพของพวกออร์คแดงอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ป้อมปราการคาร์มไลร์ ส่วนอีกทางนึงก็ทางทิศตะวันตกที่ป้อมปราการ FYCK(ย่อมาจากอะไรนี้คือคำถาม) น่ะ"เมื่อหมอนั้นพูดจบ หมอนั้นก็แสดงภาพฉายตามเวลาจริงๆให้ฉันได้ดูแสดงให้เห็นสงครามที่เสียเลือดเสียเนื้อรวมถึงการศูนณ์เสียอีกด้วย

    "ส่วนตรงแหลมนี้คืออาณาจักรคาร์มเป็นอาณาจักรเดียวที่เป็นศัตรูกับ บิสคร็อตตี้และ บริทาเนีย แต่ทั้งสองอาณาจักรก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่หรอกก็เพราะมันเล็กน่ะ.... แต่ตอนนี้ทางนั้นกำลังระดมพลโจมตีอาณาจักรเพื่อนบ้านของ บริทาเนียอยู่ น่าจะอีกไม่นานหรอกมั้ง?"

    "มันก็.... งั้นๆหล่ะพวกอาณาจักรเล็กๆน่ะต้องทำทุกสิ่งเพื่อที่จะอยู่รอดต่อไปไม่ใช่รึไงหล่ะ?"

    "ก็ประมาณนั้นหล่ะ ส่วนบิสคร็อตตี้ตอนนี้กำลังโจมตีแดนอ็อคเขียวอยู่น่าจะใช้เวลาซัก 2 ปีก็น่าจะยึดได้หมดแล้วหล่ะมั้งนะ? แล้วก็อีกอาณาจักรนึงคือโรมใต้ตอนนี้ยกทัพตีโรมเหนือแล้วหล่ะปีหน้าก็คงจะรวมแผ่นดินกันกลายเป็นโรมันแล้วหล่ะมั้ง?"เมื่อหมอนั้นพูดจบอีกแล้ว ผมก็เริ่มเข้าใจมาอย่างนึงคือ ทางด้านขวาของอาณาจักร บริทาเนียและบิสคร็อตตี้นั้นมีอาณาจักรนึงที่ใหญ่เอามากๆ แต่โดน ดราฟราเกซิส คนเคราะและเอลฟ์ขวางเอาไว้.... นั้นคืออาณาจักรอะไรกันแน่นะ...

    "หืม~? อาณาจักรใหญ่ๆนี้คือ จักรวรรดิอัคเครเดีย เมื่อครั้งหนึ่งประมาณ 80 ปีที่แล้วได้มั้งตอนนั้นจักรวรรดิ์นี้ได้ทำการขยายดินแดนเพื่อที่จะเป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว แต่กษัตริอาเธอร์ที่ 2 แห่งบริทาเนียได้นำทัพทหารนับเรือนแสนและกองทัพ เอลดัน ไนร์ร่วม 5 ร้อยเครื่องเข้าสู่การรบ ถึงแม้ว่ากษัตริอาเธอร์ที่ 2 จะเสียเปรียบในด้านกำลังรบแต่เนื่องด้วยว่า กษัตริอาเธอร์ที่ 2 นั้นถือครอง เอลดัน ไนร์ที่มีชื่อว่า เอ็มเดลเข้าสู้รบทำให้บริทาเนียได้ชัยชนะในสงครามครั้งนั้นและหลังจากนั้น 6 ปีได้ร่างสนธิสัญญาแวร์ซายขึ้นมาทำให้อัคเครเดียไม่สามารถทำการรบได้ถึง 74 ปีและสนธิสัญญานี้จะหมดในอีก 6 ปีข้างหน้านี้"

    "หืม~? ดูเหมือนว่า 6 ปีข้างหน้าจะเกิดศึกครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งซินะ...."เมื่อฉันพูดจบเจ้านั้นก็พยักหน้าอย่างนั้นก่อนที่จะปิด World Maps ลงไปและเดินออกจากห้องในทันที หลังจากที่ได้ฟังจกาเจ้านั้นแล้ว... ฉันรู้สึกได้เลยว่าในอีกไม่นานนัก ในอนาคตข้างหน้านี้ จะมีศึกนองเลือดน่าดู

    หมายเหตุ ตอนนี้จะเป็นเรื่องราวหลังจากที่ทาเนียได้เป็นดยุคแล้วซึ่งเนื้อเรื่องก่อนทาเนียจะไปกำศึกที่คาร์มไลรืตะเป็นตอนที่ 10 แทนหล่ะกัน อ่านดีๆนะผมใส่คำถามไว้ในตอนนี้ด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×