คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ในความมืดมิดบางครั้งอาจยังพอมีแสงสว่างส่องนำทาง แต่ในชีวิตของเขาจะมีสักครั้งไหมที่ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจอยู่ นั่นเท่ากับว่าความเจ็บปวดยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เขามีชีวิตรอคอยเพียงวันที่ลมหายใจจะดับสูญ หมดความรู้สึกไปจากโลกอันแสนน่ารังเกียจใบนี้ โลกที่มีแต่คนที่กล่าวหาเขา โลกที่ไม่มีแม้คำว่ายุติธรรม หากแต่ว่าในเวลานี้เขายังตายไม่ได้ เขายังมีคนที่ต้องปกป้อง คนๆ นั้นที่เป็นเพียงคนเดียวที่จะต่อ
ลมหายใจของเขาให้อยู่บทโลกนี้ได้
“คิลนายอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ นายฟื้นขึ้นมาซะทีสิ” เสียงเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายเด็กสาวเร่งเรียกสติเด็กหนุ่มที่ได้รับบาทเจ็บหนักจากการต่อสู้ ผมสีเงินยาวระต้นคอสะบัดปลิวตามสายลม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลทอดมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างห่วงหาอาทร
“ชิวาส.. นายปลอดภัยดีใช่ไหม ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่า” แม้ดวงหน้าของเด็กหนุ่มยามนี้จะอิดโรยเพราะผลจากการต่อสู้ แต่น้ำเสียงและใบหน้าที่มองมายังเพื่อนสนิทกลับแสดงถึงความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งของทั้งคู่ รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ยามเมื่อกวาดสายตาสำรวจไม่พบร่องรอยอาการบาดเจ็บของคนที่ถูกถาม
“ฉันสบายดีนายอดทนอีกหน่อยนะคิล ฉันจะแบกนายกลับไปที่โรงเรียนเอง” เด็กหนุ่มหน้าสวยนามชิวาสประคองเพื่อนสนิทที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาจากปากแผลไม่หยุดหย่อน หากเขาปล่อยเอาไว้อย่างนี้ ไม่นานเขาอาจต้องสูญเสียคิลไปชั่วชีวิตก็ได้
“ฉันไม่เป็นไร นายรีบหนีไปซะชิวาส พวกนั้นมันต้องตามเรามาอีกแน่ ไปซะ!!” คิลผู้ที่มีดวงตาสีแดงเพลิงเอ่ยปากไล่เด็กหนุ่มอีกคน ที่บัดนี้พยายามจะประคองเขาเพื่อหลบหนีการตามล่า ขององค์กรที่เป็นศัตรูกับโรงเรียน
“ไม่!! ถ้าจะตายฉันจะตายพร้อมนาย ฉันจะไม่ยอมทิ้งนายเอาไว้เพียงลำพังเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตนายก็ต้องกลับไปกับฉัน” เด็กหนุ่มยังคงฝืนแบกเพื่อนสนิทที่พยายามผลักเขาให้ออกห่าง ในเมื่อคิลเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้จากเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วเจาจะทิ้งคิลที่กำลังอาการทรุดหนักไปได้อย่างไรกัน
“ตูม...!!!” เสียงระเบิดดังกึกก้องใกล้กับบริเวณที่เด็กหนุ่มสองคนอยู่ แรงระเบิดมีผลทำให้ร่างของเด็กหนุ่มทั้งคู่กระเด็นไปคนละทิศละทาง
“ไป!! ชิวาสนายต้องอยู่รอด นายยังมีคนที่เป็นห่วงนายอีกมาก ทิ้งฉันไว้ที่นี่กลับไปโรงเรียน ที่นั่นปลอดภัยที่สุดในเวลานี้” คิลยังคงไล่ชิวาสที่กำลังฝืนเดินตรงมายังที่ๆ เขากระเด็นมานอนอยู่ แผลที่เลือดไหลซึมเมื่อสักครู่ เริ่มมีเลือดไหลออกมากขึ้นเพราะเขาลอยมากระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่อย่างเต็มแรง
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่มีวันทิ้งนายถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน” ชิวาสเดินตรงเข้ามาแบกคิลที่บัดนี้ไม่เหลือแรงแม้เพียงขยับร่างกาย นัยน์ตาที่เคยเบิกกว้างเริ่มหรี่ลงด้วยความอ่อนล้า
จากการเสียเลือด และการใช้พลังในการต่อสู้
“พวกแก 2 คน คิดจะหนีไปอย่างนั้นเหรอ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือยังไง ไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน แกทำฉันไว้แสบมากเลย โดยเฉพาะไอ้เด็กผมสีดำที่บาดเจ็บหนักนั่น คราวนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตายโทษฐานที่แกฆ่าน้องชายฉัน” บุรุษร่างยักษ์หน้าตาเหี้ยมโหด แววตาเกรี้ยวกราดด้วยความแค้นที่คุกรุ่น ดั่งมีไฟบรรลัยกัลป์แผดเผาจิตใจให้ร้อนรุ่ม
“ช่วยไม่ได้นี่หว่า น้องชายแกอยากโง่เดินเข้ามาในอาณาเขตพลังของฉันทำไม สมควรแล้วที่ต้องจบชีวิตลงในสภาพนั้น” คิลเหยียดรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยันบุรุษเบื้องหน้า พร้อมตั้งท่าเตรียมรับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้า
“แก.. กล้าดีมากนะที่พูดกับฉันแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นจะมาหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กทีหลัง ฉันไม่ยอมรับนะเฟ้ย” บุรุษตรงหน้าเล็งปลายกระบอกปืนชนิดพิเศษ ที่บรรจุลูกกระสุนภายในไว้เกือบ 300 นัด ถึงกระบอกปืนจะใหญ่แต่กลับมีน้ำหนักเบา ด้วยสร้างขึ้นมาจากคนที่มีพลังสายเทคนิค
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นายคิดจะทำอะไรอาร์กอน หัวหน้าใหญ่สั่งให้จับเป็นพวกมันสองคน ไม่ได้สั่งให้ฆ่า” บุรุษอีกคนโผล่มาขัดจังหวะ ขณะที่คนที่ถูกเรียกกำลังเตรียมจะยิงกระสุนเหล่านั้น หวังให้ทะลุร่างเด็กหนุ่มทั้งคู่ เพื่อเป็นการระบายความแค้นที่ฆ่าน้องชายของตนเอง
“แกอย่ามาแส่ เรื่องนี้เดี๋ยวฉันรับผิดชอบเองได้ แต่ตอนนี้ฉันขอฆ่ามันสองคนก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง” บุรุษร่างยักษ์ยังคงเล็งปากกระบอกปืนมายังเด็กหนุ่ม
“ถ้างั้นแกจะมาหาว่าฉันไม่เตือนทีหลังไม่ได้” บุรุษที่โผล่มาทีหลังเริ่มสร้างภาพลวงตาให้บุรุษที่ถือกระบอกปืนเริ่มได้รับความเจ็บปวดจากมโนภาพ ถึงแม้อาจจะดูเหมือนเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันก็ส่งผลกระทบถึงปฏิกิริยาในสมองด้วย ทำให้ร่างกายได้รับความรู้สึกเจ็บปวดนั้นจริง
“ชิวาสไปซะ พวกมันกำลังทะเลาะกันเองอยู่ นายรีบหนีไปตอนนี้อาจจะทัน” คิลหันไปกระซิบกับเพื่อนสนิทที่ยังคงแบกเขาเอาไว้ไม่ปล่อย
“ไม่ เราต้องไปด้วยกัน รูดอร์ฟมานี่” ฉับพลันมังกรร่างใหญ่ยักษ์ก็บินตรงลงมาโฉบเอาร่างของเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนให้ขึ้นนั่งบนหลัง จากนั้นก็โผทะยานขึ้นท้องฝ่าตามคำสั่งของเจ้านายมันทิ้งบุรุษ 2 คนเบื้องล่างเอาไว้ให้ต่อสู้กันต่อไป
“ฉันลืมไปว่านายยังมีเจ้านี่อยู่ด้วย” คิลกล่าวอย่างอารมณ์ดีขณะที่เอามือลูบหลังของเจ้ามังกรรูดอร์ฟเล่น ลืมไปซะสนิทใจว่ามันเป็นพวกมีฟีโรโมนสัตว์ แถมยังมีสัตว์เลี้ยงคู่กายเป็นมังกรน้ำแข็งบินได้อีกด้วย
“อืม.. ทีนี้นายก็เกาะเอาไว้ให้แน่นๆ แล้วกัน รูดอร์ฟกลับโรงเรียนเร่งความเร็วเต็มที่” สิ้นคำสั่งจากผู้เป็นเจ้านาย มังกรน้ำแข็งก็เริ่มเร่งความเร็วจนกระทั่งบินหายไปลับตา
“พี่ครับดูนั่นสิ มีมังกรบินอยู่บนท้องฟ้าด้วย” เด็กชายตัวน้อยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางชี้มือให้พี่สาวของตนเองดู
“คงเป็นพวกนักเรียนในโรงเรียน S.C.C. แล้วมาทำอะไรกันนอกโรงเรียนกัน.. พี่ว่าเรารีบกลับบ้านกันดีกว่านะ ป่านนี้แม่คงทำซุปเห็ดของโปรดนายเอาไว้แล้วล่ะ” เด็กสาวผู้เป็นพี่กล่าวกับน้องชายอย่างเอ็นดู
“ฮะ เรากลับบ้านกัน” เด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน จูงมือน้องชายที่อายุเพียง 4 ขวบพากันเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข หลังจากที่ออกมาขายผักและผลไม้จากสวนที่บ้าน ตลอดสองข้างทางเดินไปยังบ้านของเด็กสาวมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณ และต้นไม้ใหญ่น้อยที่พ่อของเธอเป็นคนปลูกเอาไว้ให้ลูกๆ ทั้งสองคนมานั่งเล่นยามว่าง ทั้งพ่อและแม่ของเธอเคยเป็นนักเรียนของโรงเรียน S.C.C. พ่อสามารถปลูกต้นไม้ปกติให้เป็นต้นไม้ประหลาดได้ จัดอยู่ในสายความสามารถพิเศษ ส่วนแม่มีพลังที่เวลาทำอาหารแล้วจะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ จัดอยู่ในสายเทคนิค
เด็กสาวกับน้องชายชอบนั่งดูแม่เวลาทำอาหารเสมอ เพราะมักจะเกิดเหตุการณ์ประหลาด เช่น เวลาแม่ทำซุปเห็ดที่น้องชายชอบกิน เห็ดในซุปนั้นสามารถแหวกว่ายในชามซุปจนดูเหมือนปลากำลังว่ายน้ำอยู่ ทุกมื้อที่แม่ทำอาหารจึงมีแต่ความสนุกสนานในครอบครัว
“พ่อฮะ แม่ฮะ ผมกับพี่กลับมาแล้วฮะ” เด็กชายตัวน้อยวิ่งตรงรี่เข้าไปภายในบ้าน หวังจะโผเข้ากอดพ่อกับแม่ที่มักจะนั่งรอลูกๆ อยู่ที่ทานข้าว กลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นกลุ่มคนแปลกหน้า 3 คนอยู่ภายในบ้าน
“เป็นอะไรไปพอล มีอะไรเหรอ” เด็กสาวที่เดินตามมาภายหลังเอ่ยถามน้องชายที่วิ่งนำหน้าไปก่อน
“แพททริเซียสินะ พวกเรามารับตัวเธอไปที่โรงเรียน S.C.C. กรุณามากับเราแต่โดยดี” เด็กสาวมองหน้าบุคคลแปลกหน้าทั้ง 3 คนอย่างงุนงง ก็เธอไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรแบบพ่อกับแม่สักหน่อย แล้วจะมารับตัวเธอเข้าเรียนเพื่ออะไร
“นายพูดซะเป็นทางการเลยว่ะเจโรม ต้องพูดแบบฉันนี่ดูตัวอย่าง ขอต้อนรับสาวน้อยน่ารักผู้มีผมสีฟ้า ดวงตาสีน้ำเงินชวนให้หลงใหล” บุรุษที่ใบหน้าสวยราวกับหญิงสาว ผู้มีผมและนัยน์ตาเป็นสีทองเอ่ยคำพูดที่ชวนให้เด็กสาวอยากจะอาเจียน
“หลุยส์แกหยุดพูดอะไรที่ฟังแล้วอยากอาเจียน แล้วหยุดปล่อยฟีโรโมนบ้าๆ ของแกด้วยไม่อย่างนั้นฉันจะจับนายแช่แข็งซะ” บุรุษอีกคนที่มีผมสีน้ำเงินนัยน์ตาสีเทา ที่ดูเย็นชาเวลามองใครก็ตาม ชวนให้บรรยากาศเหมือนอยู่ขั้วโลกยามถูกมอง
“ขอโทษนะคะที่ต้องเสียมารยาท คือฉันไม่มีพลังพิเศษแบบพวกคุณหรอกค่ะ กรุณากลับไปเถอะค่ะ” แพททริเซียกล่าวอย่างสุภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องทำให้คนทั้ง 3 เกิดความไม่พอใจ เพราะเท่าที่ดูแต่ละคนฝีมือไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคงรับมือไม่ไหว
“อย่ามองพวกเราด้วยสายตาที่ประเมินสถานการณ์แบบนั้นจะได้ไหมครับ ทางโรงเรียนสั่งมาไม่ว่าคุณจะมีพลังหรือไม่ก็ตาม พวกเราก็ยังคงต้องพาคุณไปที่โรงเรียนอยู่ดีครับ ผมขอร้องได้โปรดมากับพวกเราด้วยนะครับ” บุรุษผมสีน้ำตาลกล่าวอย่างสุภาพพร้อมโค้งคำนับเป็นการขอร้อง ทำให้เด็กสาวเริ่มวางตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“แพททริเซีย พ่อมีเรื่องที่ยังไม่เคยบอกลูกอยู่เรื่องหนึ่ง พ่ออยากให้ลูกตั้งใจฟังเอาไว้ให้ดี” เด็กสาวหันกลับไปมองพ่อที่นั่งอย่างสงบเคียงข้างกับแม่ ที่มีท่าทางกระวนกระวาย
“คุณคะ ลูกยังเด็กเกินไปอย่าเพิ่งบอกแกเลยนะคะ แพททริเซียแม่ขอให้ลูกไปกับคนพวกนี้ก่อนจะได้ไหมลูก เรื่องอื่นๆ เอาไว้เมื่อลูกกลับมาแม่จะเป็นคนบอกเอง” เด็กสาวไม่เข้าใจในคำพูดที่ผู้เป็นพ่อและแม่เอ่ยออกมาสักนิดเดียว เวลานี้สมองของเธอเริ่มทำงานอย่างหนัก เพื่อคิดใคร่ครวญหาคำตอบในปัญหาที่กำลังเผชิญ
“ตกลงค่ะหนูจะไปกับพวกเขา” เด็กสาวตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ถึงแม้เธอจะไม่ทราบถึงเหตุผลที่เธอต้องไปเรียนที่นั่น เพื่อความสงบสุขของครอบครัวเธอแล้ว เธอก็จำเป็นต้องไป ไม่เช่นนั้นคนพวกนี้คงไม่มีวันเลิกราง่ายๆ แน่
“ไม่เอาผมไม่ให้พี่ไป พ่อกับแม่ใจร้ายไล่พี่ทำไม” เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้ามากอดผู้เป็นพี่สาวอย่างหวงแหน ไม่ยอมให้พี่สาวไปไหนทั้งนั้น
“พอลไม่เอานะครับอย่าร้องไห้ พี่สัญญาว่าสักวันพี่จะต้องกลับมาหาพอลนะครับ ก่อนจะถึงเวลานั้นพอลต้องดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ด้วยนะครับ” เด็กสาวกอดน้องชายของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน คำสัญญาที่เธอให้ไว้ว่าจะกลับมา บัดนี้เธอก็เริ่มไม่แน่ใจในคำสัญญาของตัวเองแล้ว
“ฮึก..ฮึก.. พอลสัญญาฮะแต่พี่ต้องทำตามสัญญาด้วยนะ” เด็กสาวอมยิ้มในท่าทางของน้องชายที่พยายามกลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่ จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมที่จะยอมรับชะตากรรมของชีวิต ที่จะเกิดขึ้นยามต้องไกลบ้าน
“ไปกันเถอะค่ะ..” เด็กสาวที่มีใบหน้าหวานละมุนเอ่ยอย่างเด็ดขาด ทำเอาบุรุษนามเจโรมที่มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่แอบชื่นชมในความกล้าหาญของเธออยู่ไม่น้อย
“นี่เป็นของใช้ที่จำเป็นกับเสื้อผ้าของลูก รักษาตัวดีๆ นะ” พ่อเป็นคนหิ้วกระเป๋ามาให้เธอเอง เวลานี้เด็กสาวแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แต่ยังคงฝืนยิ้มรับโดนนัยน์ตามีแววโศกเศร้าอย่างปิดบังไม่มิด
“เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่านะครับ” หลุยส์เป็นคนยื่นมือออกมารับกระเป๋าใบนั้นเอาไว้แทน นัยน์ตาสีทองแอบเหลือบมองสองพ่อลูกอย่างเข้าใจ เพราะตัวเขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้ว
“หนูไปก่อนนะคะ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมหันหลังเดินออกจากบ้านไปอย่างไม่คิดจะเหลียวหลังกลับมา เพราะหากเธอเพียงแค่หันกลับไปมองน้ำตาที่เธอกลั้นเอาไว้ คงไหลออกมาอย่างแน่นอน เธอไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นทุกข์ใจ รวมถึงไม่อยากร้องไห้ให้กับอนาคตกำลังรอเธออยู่ในโรงเรียนแห่งนั้นด้วย
ดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน เรื่องนี้เป็นแนวที่อยากลองแต่ดูน่ะค่ะ อ่านแล้วช่วยแนะนำด้วยนะคะ
แต่เรื่องยุ่งนักปิ๊งรักนายฝาแฝดสัญญาว่าจะมาอัพเร็วๆนี้คะ
พอดีตอนนี้ต้นฉบับอยู่ที่เพื่อนรออีกหน่อยนะคะ
ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นค่ะ
ความคิดเห็น