คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Intro
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยามค่ำคืนของเมืองหลวง เปรียบเสมือนแดนสวรรค์ของเหล่าผู้คนที่หลงใหลในแสงสี หากผู้ใดที่หลงเข้ามาสู้โลกแห่งนี้ คงยากที่จะถอนความหลงใหลให้ออกไป
สถานบันเทิงนับได้ว่าเป็นศูนย์รวมของบรรดานักเที่ยวกลางคืน ทุกคนที่มาเที่ยวต่างหาความสุขไปกับเสียงเพลง ได้พบปะกับคนมากหน้าหลายตาต่างเพศ ต่างวัย ที่มาเก็บเกี่ยวความสุขไม่เว้นแม้แต่ที่นี่ "Flower road" ย่านบันเทิงชื่อดัง ศูนย์รวมของสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อ นับได้ว่าใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ใครๆที่มาเที่ยวล้วนไม่พบกับความผิดหวัง
"เฮ้ย เอ็งว่าร้านไหนดีวะ?"
" จะไปรู้ได้ไงวะ ก็พึ่งมาครั้งแรกเนี่ยกับแกเนี่ย"
เสียงของชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินหาร้านที่ถูกใจ
"นี่ๆ ร้านนี้ๆ สาวๆเพียบเลยว่ะ"
"ข้าว่าไม่น่าจะถูกใจว่ะ" อีกคนแย้งขึ้น
"แล้วเอ็งจะเอาร้านไหน เรื่องมากจริงนะ"
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเลือกร้านอยู่นั้น พวกเขาก็ต้องพบกับร้านๆหนึ่งที่มีคนค่อนข้างที่จะมากกว่าร้านอื่นๆ ทำไมร้านนี้ถึงมีคนเข้ามากขนาดนี้นะ ทั้งๆที่ร้านก็ไม่ใหญ่ไปกว่าร้านอื่นๆมากมาย
"Voice ?"
"Voice เหรอ? ชื่อเข้าท่าแฮะ ร้านนี้แล้วกัน"
แล้วทั้งสองก็เลือกที่จะเข้าร้านนี้ โดยไม่มีข้อถกเถียงใดๆ
"ขอดูบัตรประชาชนด้วยครับ" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น
"อ๊ะ นี่ครับ"
ชายหนุ่มทั้งสองคนยื่นบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าทั้งสองได้มีอายุเกินกว่าที่กำหนด
"ขอต้อนรับสู่ความบันเทิงครับ"
ทันทีที่ทั้งสองก้าวผ่านพ้นประตูไป พวกเขาก็ได้พบกับความแปลกใหม่ที่หาได้ยาก
ร้านนี้ได้จัดสรรโต๊ะที่นั่งได้อย่างลงตัว ทางด้านข้างจะมีบาร์เครื่องดื่มแอลกอฮอลก์มากมาย โดยมีบาร์เทนเดอแสดงท่วงท่าผสมเครื่องดื่มคอยเรียกความสนใจ ตรงกลางจะมีบูทดีเจเป็นชั้นลอยอยู่ทางด้านบน ส่วนทางด้านหน้ามีเวทีเล็กๆ ที่บนเวทีมีกลองชุดตั้งไว้แสดงให้เห็นว่าที่นี่ต้องมีการเล่นดนตรีสดอย่างแน่นอน
ถึงแม้ร้านนี่จะค่อนข้างเล็กกว่าร้านอื่น แต่กลับมีเสน่ห์ชวนให้เที่ยวเสียเหลือเกิน ทั้งสองไม่รอช้ารีบเข้าจับจองโต๊ะที่ค่อนข้างเหลือน้อยเต็มที
"มากี่คนพี่?"พนักงานถามทั้งสองด้วยลีลาท่าทางกวนใช่เล่น
"สองครับ"
"เอาอะไรบ้างครับ"
"เอาเหล้าหนึ่งมิกเซอร์สาม"
"รอแป้บพี่" แล้วเขาก็จากไป
"ขอต้อนรับแขกทุกท่านเข้าสู่ Voice ผมรับรองว่าทุกท่านที่มาต้องติดใจร้านของเรา เข้าสู่ช่วง warm up กันก่อนเลย โดยผม DJ Power "
ทันทีที่เสียงของเขาจบลงเสียงเพลงในจังหวะพอโยกได้ก็เริ่มขึ้น เพลงที่เปิดนั้นเป็นเพลงทั่วๆไป แต่ที่น่าสนใจคือการใช้ลูกเล่นในการเล่นแผ่นของ DJ คนนี้แพรวพราวเสียจนคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เหนือจินตนาการเลยทีเดียว
"เฮ้ย เจ๋งว่ะเพื่อน ข้าว่าโชคดีแล้วแหละที่เลือกร้านนี้ DJ โครตเก่งเลย"
"ข้าว่างั้นแหละว่ะ"
"มาแล้วพี่"เสียงของพนักงานคนเก่าดังขึ้น พร้อมกับบรรดาเครื่องดื่มที่พวกเขาทั้งสองได้สั่งไว้
"เชียสสส"
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ทั้งสองคนได้รับความสนุกไปอย่างเต็มที่จากเพลงที่เปิด แต่ความสนุกของทั้งสองคนต้องหยุดลง เพราะพนักงานในร้านได้มาเก็บเงินจากเขาทั้งสอง พวกเขาสังเกตว่าพนักงานในร้านได้เก็บโต๊ะออกไปหลายตัวแล้ว ตอนนี้ก็เพียงเที่ยงคืนกว่าเท่านั้น ทำไมจึงรีบเก็บโต๊ะนัก
"เฮ้ยน้อง พี่ยังไม่สั่งเช็คบิล"
"รู้แล้วครับ แต่ว่าต่อไปนี้จะเป็นช่วงแสดงดนตรีสด พวกเราจะเก็บโต๊ะทุกตัวหน้าเวทีเพื่อให้ทุกคนที่มาได้สนุกไปกับการแสดงครับ"
"ขนาดนั้นเลยเหรอวะน้อง"
"แสดงว่าพี่พึ่งจะมาครั้งแรกนะครับ ใครๆที่มาที่นี่ก็เพื่อมาดูการแสดงสดนี่โดยเฉพาะเลยนะครับ นี่พี่ยังโชคดีนะที่มีโต๊ะนั่ง ที่จริงแล้วร้านนี้เต็มตั้งแต่สามทุ่มแล้ว"
"ที่นี่เอาดารามาร้องเพลงทุกวันเลยเหรอน้อง"
"ไม่หรอกพี่....เอางี้ดีกว่า...ผมว่าพี่คอยดูเอาเองแล้วกัน ผมจะรีบไปเก็บเงินโต๊ะอื่น"
"เดี๋ยว !!" ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะถาม เขาก็จากไปเสียแล้ว
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะตั้งคำถามกันเอง เสียงเพลงก็หยุดลง
"เอาล่ะครับ หมดเวลาของผม DJ Power แล้ว ต่อไปก็ถึงช่วงเวลาที่ทุกๆท่านรอคอย ผมขอมอบช่วงเวลาต่อไปนี้ให้กับวงดนตรีร็อควงเดียวของร้าน คนที่มาที่นี่คงไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา พบกับพวกเขากันเลย Thunder Morning!!! "
ไฟในร้านก็ดับลง ไม่นานนัก ก็มีเสียงเปียโนบรรเลงขึ้นมา เสียงของท่วงทำนองของมันทำให้ทุกคนในร้านนิ่ง ราวกับโดนสะกด
"สวัสดี เราคือ Thunder Morning " เสียงของชายหนุ่มคนนึงพูดขึ้นพร้อมกับไฟที่เวทีที่เปิดขึ้นมาอย่างสว่างไสว บทเพลงแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว !
จากแสงไฟทำให้พบว่าวงนี้มีด้วยกันห้าคน นักร้องเป็นวัยรุ่นชาย ผมสีทอง หน้าตาหล่อขนาดที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้เลยทีเดียว มือเบสเป็นชายหนุ่ม ผมยาวตรง มือกลองเป็นชายตัวเล็กๆ เห็นหน้าไม่ค่อยชัดนัก มือกีตาร์คนแรก เป็นชายร่างบึกบึน หัวโล้น ลักษณะอย่างเขาทุกคนคิดว่าน่าจะไปชกมวยได้สบายๆ
แต่ที่เด่นที่สุดคือ มือกีต้าร์อีกคนหนึ่ง ผมสีน้ำเงิน ใส่หน้ากากสีขาว ทำให้เดาอายุของเขาไม่ได้ แต่น่าจะเป็นวัยรุ่น เพราะดูจากรูปร่างแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ
".....เนิ่นนานเท่าใดที่ฉัน หาทางเดินออกไป จากที่ที่เต็มไปด้วยน้ำตา...."
บทเพลงที่พวกเขาเล่นนั้น ช่างไม่คุ้นหูกับชายหนุ่มผู้มาเป็นครั้งแรกเอาเสียเลย หนึ่งในนั้นได้สะกิดถามกับผู้ชายที่ร้องเพลงนี้ตามได้
"เป็นเพลงที่พวกเขาแต่งเองน่ะ พวกเขาจะเล่นเพลงที่เขาแต่ง ควบคู่ไปกับเพลงดังทั่วๆ ไปน่ะ"
จากคำตอบที่ได้ มันทำให้เขาสงสัยว่า ทำไมวงที่เล่นเพลงของตัวเองถึงมีคนฟังขนาดที่ว่า ติดตามการเล่นของเขาจนร้องเพลงได้ขนาดนี้
บทเพลงแรกจบลงไปแล้ว ผู้เป็นนักร้องก็กล่าวทั้งทายผู้คนที่มาชมเขา
"สวัสดีครับ พวกเรา Thunder Morning ขอบคุณทุกคนที่มาอุดหนุนร้าน Voice ของเรานะครับ เอาล่ะ...เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา พบกับเพลงต่อไปของเรากันเลย....."
วันเวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่รู้ แต่ชายทั้งสองคนที่มาเที่ยวร้านนี้นั้น มีความสุขที่ได้มาร้องและเต้นไปกับบทเพลงที่พวกเขารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ที่รู้ก็คือ วันนี้พวกเขาได้เข้าถึงความสนุกที่พวกเขาระบายอย่างเต็มที่ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกในตัวทั้งหมด ไปกับวงดนตรีที่พวกเขาไม่รู้จักจนเวลาได้หมดลง
"หมดเวลาแล้วสำหรับค่ำคืนนี้ ทางร้าน Voice ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสนุกกับเราในคืนนี้ พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ !!!"
ชายหนุ่มสองคนเดินออกจากร้านด้วยสภาพที่เหงื่อชุ่ม สารเอนโดรฟีนของพวกเขาได้หลั่งออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งแขกกลุ่มอื่นๆ ที่เดินออกมาก็มีสภาพไม่ต่างกัน แล้วพวกเขาก็ได้พบพนักงานร้านคนเดิมยืนอยู่หน้าร้าน
"เป็นไงบ้างพี่ หนุกมั้ย"
ชายสองคนนั้นได้แต่ยิ้ม แล้วก็เดินผ่านเด็กพนักงานโดยไม่พูดอะไร ชายคนหนึ่งพูดกับอีกคนว่า
"จะมาที่นี่อีกมั้ย?"
"ถามได้ มันแน่อยู่แล้ว"
.........................................................................................................................................................................
ณ หลังเวที
"วันนี้เยี่ยมมากทุกคน" ชายผู้เป็นนักร้องกล่าว
"เห็นด้วยเลย ฟิวส์"เสียงของชายผู้เป็นมือกลองพูดเห็นด้วย
"เอ็งก็เออออห่อหมกไปตลอดเลยนะ เน็ค" มือเบสผมยาวขอพูดแทรกขึ้น
"วันนี้เล่นผิดไปตั้งเยอะ เลยโดยเฉพาะไอ้โล้น กีต้าร์ ท่อนโซโล่ที่เอ็งเล่นโน้ตผิดทำเอาข้าเหวอไปเลยนะเว้ย"
"เออข้าขอโทษ" ชายที่ถูกอ้างถึงพูดขึ้น
"แต่ว่าข้าชื่อ เมล์ เว้ย ไม่ใช่ไอ้โล้น !!! "
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ....." เสียงหัวเราะดังขึ้น
"พวกพี่ๆ นี่ทะเลาะกันได้กันดีนะ" เสียงของหนุ่มหน้ากากนี่เอง
"ไม่ต้องไปหัวเราะพี่ๆ เขาเลยไอ้ฟลุ๊ต แล้วเมื่อไรเอ็งจะถอดหน้ากากออกวะ ให้ถอดให้มั้ย" ฟิวส์พูดแกมขู่
"โถ่พี่ ดุจังอ่ะ ถอดก็ได้"
ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นเด็กชายอายุประมาณ 17 ผิวขาว ตาโต หน้าหวานเหมือนผู้หญิง ถ้าถอดหน้ากากเวลาเล่นคงเรียกเสียงจากสาวๆ ได้ไม่แพ้ผู่เป็นพี่ได้เลยทีเดียว
"ไอ้เจ้าฟิวส์ ดุน้องอีกแล้วนะ" เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันไปทางต้นเสียงนั้น
ต้นเสียงคือชายแก่อายุประมาณหกสิบ ใส่เสื้อสูทดูภูมิฐาน ลักษณะท่าทางของเขาดูแล้วมีสง่าราศีมากกว่าคนในวัยเดียวกันมาก
"พ่อก็ลำเอียงตลอดเลยนะ" ผู้เป็นพี่พูดด้วยเสียงน้อยใจ
"เออน่า ก็มันเป็นน้องนิ" ชายแก่เขาพูดพลางลูบหัวผู้เป็นน้องอย่างเอ็นดู
"เรื่องของเอ็งสองคนจบไปแล้ว"
"..เอาล่ะ..วันนี้ขอบใจมากเลยนะทุกคน เงินที่ได้วันนี้มีใครไม่พอใจมั้ย?" เขาถามทุกคนในวงต่อ
"ไม่มีครับป๋า" เสียงของทุกคนในวงพูดขึ้นเกือบพร้อมๆกัน ทำเอาผู้ที่ถามยิ้ม
"โอเค งั้นวันนี้ก็แยกย้ายกลับบ้านพักผ่อนกันให้เรียบร้อยนะ ขับรถกลับบ้านก็ระวังๆ นะ โดยเฉพาะไอ้เน็ค ระวังปากจะไปชนเท้าใครเข้าล่ะ เหอๆ"
"ค้าบ..บ.....ป๋า ขอบคุณมากเลย ไม่ว่าผมซักวันจะได้มั้ยเนี่ย?"
"เหอๆ"เขาได้รับแค่เพียงเสียงหัวเราะตอบกลับไปเท่านั้น
เมื่อสมาชิกวงคนอื่นๆ แยกย้ายกลับแล้วก็เหลือแค่ ครอบครัวของป๋า สามคนเท่านั้น
"เหนื่อยมั้ยลูก"
"ไม่หรอกครับพ่อ" เด็กหนุ่มทั้งสองพูดขึ้น
"เหนื่อยก็บอกมาน่า พ่อรู้.....ไปๆ กลับกันได้แล้ว"
.............................................................................................................................................
ระหว่างที่ทั้งสามขับรถกลับบ้าน ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น
"ฟิวส์เอ้ย.....เราเปิดร้านมากี่ปีแล้วเนี่ย"
"อืม....เปิดหลังจากผมเรียนจบมาสามปี รวมๆแล้ว.....ห้าปีครับพ่อ"
"ไอ้ฟลุ๊ต....เอ็งจำได้มั้ย ว่าก่อนเราจะมาเปิดร้านนี้เราผ่านอะไรมาบ้าง"
"............." ผู้ถูกถามไม่ตอบอะไร แต่กลับมองออกไปนอกหน้าต่าง
"ตอนที่แม่เอ็งตาย พ่อก็ต้องดิ้นรนหาเงินตัวคนเดียว ทำให้เอ็งทั้งสองคนลำบาก โชคดีที่ฟิวส์มันเรียนจบแล้ว แต่ที่สำคัญไอ้เจ้าฟลุ๊ต พ่อต้องปล่อยให้เอ็งลาออกจากโรงเรียนเพื่อที่เราจะได้มีเงินเหลือมาเลี้ยงชีวิต จนเรามีเงินเปิดร้านนี้ พ่อก็ได้พวกเอ็งสองคนมาช่วยดูแลเป็นเด็กเสิร์ฟ ล้างจาน ทำทุกอย่างที่เอ็งทำได้ จนพ่อได้ส่งพวกเอ็งเรียนดนตรีเพื่อที่จะมาเล่นให้ร้านพ่อได้ ไม่นานหลังจากนั้นชีวิตของเราก็ดีขึ้น จนมาถึงวันนี้......ครอบครัวเราจึงมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งบ้านราคาหลายล้าน รถราคาแพงหลายๆคัน จนพ่อคิดว่าชีวิตพ่อมาถึงจุดสูงสุดในชีวิตแล้ว "
เด็กทั้งสองคนไม่พูดไม่จา ฟิวส์ผู้เป็นพี่ได้แต่มองน้องชายผู้น่าสงสารที่กำลังเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างทั้งน้ำตา
"พ่อมาคิดๆ ดู ถึงเวลาแล้วที่พ่อจะได้ให้สิ่งดีๆ กับพวกเอ็งในส่วนที่ขาดหายไป"
เด็กหนุ่มหยุดร้องไห้ด้วยความตกใจ เพราะเขาเดาสิ่งที่พ่อจะพูดออก
"พ่อจะส่งเอ็งทั้งสองไปเรียน ไอ้ฟิวส์ไปเรียนปริญญาโทต่อไม่รู้ว่าตอนไหน แต่ไอ้ฟลุ๊ตเอ็งไปเรียนต่อม.ปลาย"
พี่น้องทั้งสองมองผู้เป็นพ่อแล้วอุทานพร้อมกัน
"ไปเรียน !?"
"แล้วใครจะเล่นดนตรีล่ะพ่อ"
"ก็พวกเอ็งนั่นแหละ เพียงแต่ว่าไม่เล่นทุกวันแค่นั้นเอง"
"แล้วพ่อจะส่งผมไปเรียนที่ไหน?"
"โรงเรียนเอกชนฟาสติสส์"
"โห โรงเรียนหรูเลยนะเนี่ย" ผู้เป็นพี่แซว
"แล้วเมื่อไรที่ผมจะไปเรียนครับพ่อ?"
ชายแก่ยิ้ม แล้วพูดสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองตกใจ
"เช้านี้สิบโมง พ่อเตรียมของทุกอย่างไว้ให้แล้ว เซอร์ไพร้ส์ !!!"
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น