คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : มีสิทธิ์โกรธได้รึเปล่า
ตอนที่ 5 มีสิทธิ์โกรธได้รึเปล่า
BY BLACKAPPLE
“SKY”
หลังจากที่ทะเลกลับไปแล้วผมก็ใช้เวลาปลอบใบพลูอยู่นานเพราะนักเรียนของผมเขาคิดว่าผมเป็นอะไรเลยร้องไห้ไปกับผมด้วยเดือดร้อนไปจนถึงครูผู้พันที่ต้องมาช่วยปลอบใบพูลอีกแรง
“ครูฟ้ารู้จักกับคุณสองคนนั้นหรอครับ”
“ไม่หรอกครับ ผมเคยรู้จักแค่คนเดียว”
ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านพักครูกันแล้วครับและกำลังจะเตรียมเข้านอนแต่ผมนอนไม่หลับไปออกมานั่งเล่นตรงริมระเบียงหน้าห้อง
“เคยรู้จัก?”
“ครับ เคยรู้จัก”
“แล้วตอนนี้ไม่รู้จักแล้วหรอครับ”
“ไม่รู้สิครับ เมื่อก่อนอาจจะอยากรู้จักแต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรทั้งๆที่เคยคิดว่าถ้าเจอทะเลจริงๆผมต้องดีใจมากแน่ๆแต่วันนี้ทุกอย่างกลับไปเป็นอย่างที่คิดผมไม่ได้ดีใจขนาดนั้นกลับกันผมกลับรู้สึกน้อยใจและโกรธทะเลที่หายไปมากกว่าหรือว่าความรู้สึกตอนเด็กกับตอนโตมันต่างกันนะ
“ครูฟ้าพูดจาแปลกๆนะครับ”
“ช่างมันเถอะครับ”
ผมว่าพรางฝืนยิ้มให้ครูผู้พันเอาตรงๆตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครทั้งนั้นแต่ด้วยความที่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นเรื่องมารยาทผมก็ควรมีถูกมั้ย
“แล้วนี่คิดออกรึยังครับว่าจะให้พวกเขาช่วยอะไรบ้าง”
“ของผมคงเป็นพวกอุปกรณ์ไอทีหละมั้งครับ ขนาดเด็กๆมีไม่ถึงร้อยยังมีกันไม่เพียงพอเลย”
สิ่งที่ผมอยากได้คงไม่พ้นพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆรวมถึงสื่อการสอนหรืออะไรก็ได้ที่ช่วยให้เด็กเข้าถึงทางการศึกษามากที่สุดถึงโรงเรียนจะอยู่ห่างไกลแต่การมีความรู้ติดตัวไว้มันไม่ดีกว่าหรอใช่มั้ยหละ
“เห็นครูมะปรางบอกว่าพวกเขาจะช่วยเต็มที่เท่าที่เราต้องการเลยนะครับ คงรวยน่าดู”
“คงงั้นมั้งครับ”
ผมยกยิ้มให้ครูผู้พันอีกครั้งก่อนจะทอดสายตามองออกไปยังความมืดที่ต่อให้เพ่งเล็งยังไงก็ไม่เห็นปลายทางมันก็เหมือนกับความรู้สึกผมตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อถ้าพรุ่งนี้ต้องเจอกับทะเลอีกผมควรทำตัวยังไงดีจะทำเหมือนคนไม่รู้จักกันเลยมั้ยหรือจะทำเหมือนว่าเราสนิทกันเหมือนเมื่อก่อน
เช้าวันต่อมา....
เช้านี้มันเป็นเช้าที่ค่อนข้างจะไม่สดใสเอาซะเลยเมื่อคืนผมนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนเพราะในหัวมันเอาแต่คิดเรื่องของทะเลผมควรทำยังไงดีนะเมื่อวานก็ตัดพ้อทะเลไปยกใหญ่วันนี้ผมควรทำตัวยังไงดีและดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมคิดหนักมันจะเดินทางมาหาผมไวมากขณะที่ผมยืนรอเด็กๆที่หน้าโรงเรียนอย่างเช่นทุกวันก็มีรถตู้คันหรูขับเลี้ยวเข้ามาซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครแต่แทนที่รถคันนี้จะขับผ่านผมไปกลับจอดตรงหน้าผมพร้อมกับประตูผู้โดยสารถูกเปิดออกมาและคนที่อยู่ตรงหน้าผมกลับเป็นผู้ชายคนนั้นคนที่มากับทะเล
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณครู”
เขาพูดทักทายผมด้วยรอยยิ้มจนผมเองอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้คนตรงหน้าดูท่าทางเฟรนลี่ รูปร่างสูงโปร่งสูงพอๆกับทะเลส่วนผมก็น่าจะเตี้ยกว่าเขาเกือบสิบเซนเลยหละมั้งเพราะเวลามองหน้าเขาผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาเลยหละ
“สวัสดีคระ...ครับ”
“ไอ้เลมันอยู่บนรถแหละครับ”
เหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรแต่มันก็คงไม่ต้องเดาอะไรหรอกเพราะสายตาเจ้ากรรมของผมมันดันมองเข้าไปในรถตู้คันนั้นเพราะหวังว่าจะได้เห็นอีกคน
“แล้วยังไงหรอครับ”
“หึหึ พ่อมันยังไม่ให้มันลงมาเดี๋ยวก็เจอกันครับ”
“...”
เขายังคงพูดกับผมด้วยรอยยิ้มแม้จะโดนผมทำหน้านิ่งใส่ตอนที่เขารู้ทันผมเรื่องทะเล
“ผมว่าคุณเข้าไปรอข้างในดีกว่านะครับครูมะปรางอยู่ที่นั่น”
“ซีโร่ครับ”
“หื้ม?”
“ผมชื่อซีโร่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณท้องฟ้า”
“...”
“หรือจะเรียกซีเฉยๆก็ได้นะครับเพื่อนไอ้เลก็เหมือนเพื่อนผม”
อึก
ทำไมผมรู้สึกจุกกับคำว่าเพื่อนของเขาขนาดนี้กันนะแต่ก็คงเถียงไม่ได้ก็ผมมันเป็นเพื่อนทะเลจริงๆนี่นาเพื่อนที่เขาไม่รู้เลยว่ารู้สึกยังไงกับเขาแล้วแบบนี้ผมจะมีสิทธิ์โกรธทะเลรึเปล่าที่หายไปนานขนาดนี้
“แล้วนี่คุณครูกำลังรอนักเรียนอยู่หรอครับ”
“ครับ”
“งั้นผมยืนเป็นเพื่อนดีกว่าจะได้เห็นเด็กๆเวลามาโรงเรียนด้วย”
“แต่ตรงนี้มันร้อนนะครับผมว่าพวกคุณเข้าไปรอที่ห้องพักครูดีกว่า”
“ขนาดครูฟ้ายังทนได้ทำไมผมจะทนไม่ได้หละครับ”
เขายังคงพูดกับผมด้วยรอยยิ้มจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกอย่างสายตาเขาที่มองมามันสื่อความหมายแปลกๆซึ่งผมก็เดาไม่ออกว่าเขาจะสื่ออะไร
“เอางั้นก็ได้ครับ”
ผมมันปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่งแม้จะเกรงใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่กล้าไล่เขาตรงๆอีกอย่างเขาก็เป็นแขกที่จะมาช่วยเหลือโรงเรียนด้วย ผมกับคุณซีโร่รอรับนักเรียนกันจนเกือบถึงเวลาเข้าแถวก่อนจะเดินมาในโรงเรียนเพื่อดูเด็กๆเข้าแถวเคารพธงชาติและจังหวะที่ผมเดินเข้าไปผมก็เผลอไปสบตาเข้ากับทะเลไม่สิทะเลมองผมอยู่ก่อนแล้วมองนิ่งๆและทำเหมือนจะเดินเข้ามาหาผมด้วยแต่มีอีกคนที่ส่วนสูงพอกับทะเลและมีท่าทีนิ่งขรึมกว่าดึงแขนเอาไว้ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะเมื่อวานเขาไม่ได้มาไหนจะผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆรูปร่างผอมบางผิวขาวใสหน้าตาน่ารักนั่นอีก
“เด็กๆเข้าแถวที่นี่หรอครับ”
เขาถามพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆทั่วบริเวณด้วยท่าทางเรียบนิ่งคนคนนี้เวลาพูดเวลายิ้มนั้นดูเข้าถึงง่ายมากแต่พอตีหน้านิ่งกลับน่ากลัวและดูเข้าถึกยากเหมือนกัน
“ใช่ครับ”
“น่าจะมีโดมไว้เข้าแถวนะครับจะได้สะดวกๆ”
“เด็กๆที่นี่อยู่ตามยถากรรมแหละครับ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ต่อไปมันจะไม่ใช่แบบนั้นแล้วอยากได้อะไรบอกพวกผมเดี๋ยวจัดการให้ทุกอย่าง”
“ทำไมถึงอยากมาช่วยที่นี่หรอครับ”
อันนี้ผมอยากรู้จริงๆนะว่าทำไมพวกเขาถึงอยากมาช่วยที่นี่นักทั้งๆที่โรงเรียนแห่งนี้มันห่างไกลและไม่เป็นที่สนใจเท่าไหร่โดยเฉพาะบริษัทเอกชนแบบพวกเขา
“ไม่รู้สิครับ มันอาจจะเป็นโชคชะตาที่มั้งครับที่พอผมเห็นรูปโรงเรียนนี้ผมก็อยากมาเลย”
พอเขาพูดริมฝีปากสวยของเขามันก็ยกยิ้มตลอดเวลามันทำให้ผมรู้สึกสบายใจไปด้วยเวลาที่ได้คุยกับเขานี่เพื่อนของทะเลใจดีทุกคนเลยงั้นหรอ
“อยากให้ช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับเรื่องงบไม่ใช่ปัญหา”
“เรื่องนี้แหละครับที่ผมเกรงใจ”
“หึ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกครับคุณครู เห็นอย่างนี้บริษัทผมมีกำไรต่อไตรมาสหลักหมื่นล้านเลยนะครับส่วนไอ้เลก็พอๆกันและไอ้หน้าโหดที่ยืนข้างๆมันนั่นหลักแสนล้านแล้วมั้ง”
ผมอึ้งกับความรวยของพวกเขาไม่น้อยไม่คิดว่าคนระดับนี้จะมองเห็นโรงเรียนเล็กอย่างที่นี่ต้องขอบคุณฟ้าแล้วแหละที่ให้พวกเขามาที่นี่แต่ก็คงต้องโทษฟ้าอีกเรื่องนึงที่ทำให้ผมมาเจอกับทะเลในเวลานี้มันช่างไม่เหมาะสมเอาซะเลย
“นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนกันเนี่ยผมคงคิดว่าพวกคุณเคยรักกันมาก่อนนะครับเนี่ย”
อึก
คำพูดที่เหมือนจะแกล้งๆแต่มันก็แฝงความจริงจังลงไปในนั้นและมันก็ทำให้ผมต้องหันไปจ้องหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความสงสัยเมื่อกี้คุณซีโร่เขาหมายถึงอะไรหมายถึงใครหมายถึงผมกับทะเลงั้นหรอ ไม่มีทางอะ
“ดูมันมองครูฟ้าสิ”
คุณซีโร่เพยิดหน้าไปทางทะเลที่ยืนมองผมไม่วางตาความจริงผมรู้ว่าถูกมองแต่ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจต่างหากนี่ขนาดผมมองกลับไปแล้วนะทะเลยังไม่หลบตาเลยแม้แต่น้อยนิสัยไม่ยอมคนเนี่ยไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ
“โกรธมันมากหรอครับ”
คำพูดของคุณซีโร่ทำให้ผมชะงักหันกลับมามองเขาอีกครั้งและคราวนี้ผมตอบคำถามเขาไม่ได้แน่นอนเพราะผมก็ไม่รู้ว่าผมควรรู้สึกยังไงกันแน่ถ้าถามว่าโกรธมั้ยผมคงต้องถามกลับ
“ผมมีสิทธิ์โกรธด้วยหรอครับ แค่เพื่อนที่เคยสนิทกันไม่สิแค่เพื่อนที่เคยรู้จักกันเพราะถ้าจะใช้คำว่าสนิทต่อให้เขาไปอยู่ไกลถึงซีกโลกเขาคงติดต่อผมมาบ้างไม่ใช่หายไปเลยไม่ต่างจากตายจากกันแบบนี้”
“เชี่ย งานหินแล้วเพื่อนกู”
“ท้องฟ้า”
ผมยังจับใจความในสิ่งที่คุณซีโร่พูดยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำจู่ๆทะเลก็เดินเข้ามาเรียกผมด้วยสีหน้าจริงจังจนผมเองก็ตกใจ
“อะไรของมึงไอ้เล”
“มึงแหละอะไร ไปเลยไปไปหาไอ้เซฟโน่นกูจะอยู่นี่กับท้องฟ้าเอง”
ทะเลไล่เพื่อนเสียงนิ่งจนผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทะเลเป็นอะไรมาทำเสียงดุใส่คนอื่นทำไมกันแล้วคุณซีโร่ก็เดินไปจริงๆด้วยแถมยังไม่มีท่าทีโกรธอะไรเลยซักนิด
“คุยไรกับมันนักหนา”
แทนที่ทะเลจะหันไปถามเพื่อนตัวเองกลับหันมาถามผมเสียงนิ่งท่าทางนี่เราเรื่องสุดๆไม่เหมือนเมื่อวานเลยซักนิด
“อะไร”
ผมก็ถามทะเลกลับเสียงนิ่งเช่นกันเพราะรู้สึกไม่พอใจที่ทะเลมาทำท่าทีแบบนี้ใส่
“ลืมไปแล้วรึไงว่าเป็นเพื่อนเลไม่ใช่เพื่อนมัน”
“ทะเลถามตัวเองก่อนเถอะว่ายังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า”
ผมถามกลับทะเลไปแบบนั้นเล่นเอาคนตัวสูงกว่าชะงักตอบคำถามผมไม่ได้ส่วนผมตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บแปลบในอกเพราะคำว่าเพื่อนที่เขาย้ำชัดกับผม
“เรื่องนั้นเลมีเหตุผล คือ......”
“เด็กๆต้องขึ้นเรียนแล้วเราขอตัวนะ”
ผมไม่รอฟังในสิ่งที่ทะเลจะพูดอีกอย่างเด็กๆเลิกแถวแล้วพอดีผมต้องคุมเด็กๆขึ้นห้องบวกกับผมยังไม่อยากฟังอะไรจากทะเลตอนนี้แค่เจอหน้ากันตอนนี้ผมก็ตั้งตัวไม่ทันแล้วอย่าพึ่งให้ผมได้รับรู้อะไรไปมากกว่านี้เลยผมยังไม่พร้อม
พอผมพาเด็กๆขึ้นมายังห้องเรียนสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะคนที่ผมคิดว่าเขาจะไม่ตามตอนนี้เขาเดินเข้ามาในห้องเรียนที่ผมสอนและถือวิสาสะนั่งลงเก้าอี้ของเด็กอีกด้วย
“นี่ที่ของนักเรียนช่วยลุกขึ้นด้วย”
ผมเดินไปบอกทะเลดีดีแต่อีกคนกลับตีมึนไม่ยอมทำตามที่ผมขอแถมยังยกคิ้วเป็นเชิงถามแบบกวนๆกลับมาอีก
“ทะเล”
“ครับครูฟ้า”
ทะเลขานตอบผมด้วยรอยยิ้มกวนๆซึ่งผมไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของทะเลเลยตั้งแต่รู้จักกันมา
“ลุกขึ้นอย่ามารบกวนเวลาทำงานของคนอื่นแบบนี้”
“อะไรกันเลเป็นแขกนะ ครูฟ้าพูดกับแขกที่มาเยี่ยมโรงเรียนแบบนี้หรอครับ”
“มาป่วนนะสิไม่ว่า”
ผมบ่นอุบอิบแต่มันก็น่าจะดังพอที่ทำให้คนตรงหน้าได้ยินเพราะผมแอบเห็นทะเลยิ้มขำผมด้วย นิสัยไม่ดี
“ฟ้าเป็นคนขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยไม่เห็นรู้เลย”
“ฟ้าก็เป็นของฟ้าแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทะเลคงหายไปจากชีวิตฟ้านานมั้งเลยไม่รู้”
ผมอดที่จะเหน็บแนมฟ้าไม่ได้พูดขึ้นมาแล้วก็น้อยใจที่ทะเลไม่เคยติดต่อผมมาเลยตั้งสิบปีทั้งๆที่ช่วงนั้นจนมาถึงตอนนี้อินเตอร์เน็ตมันเข้าถึงแล้วแท้ๆทะเลมีเบอร์โทรศัพท์ผมด้วยแต่กลับไม่โทรมาแล้วพอผมโทรไปปลายสายกลับไม่มีใครรับเลยซักครั้งแบบนี้แล้วผมควรน้อยใจรึเปล่าใจจริงผมไม่อยากคุยด้วยเลยด้วยซ้ำแต่มันเป็นเพราะผมใจไม่แข็งพอต่างหากยอมรับว่าคิดถึงมากมันเลยทำให้ผมอดที่จะคุยด้วยไม่ได้
“ท้องฟ้า”
“ครูฟ้า ทำไมพี่คนนี้ถึงมานั่งที่ใบพลู”
เสียงใบพลูดังขึ้นท่ามกลางความมาคุของอารมณ์ของเราทั้งสองคนผมหันไปมองนักเรียนของตัวเองก่อนจะหันไปมองทะเลที่ไม่ยอมลุกออกจากเก้าอี้เด็กนักเรียนของผม
“พี่คนใจร้ายที่ทำครูฟ้าร้องไห้เมื่อวานนี่นา อย่ามายุ่งกับครูฟ้าของใบพลูนะ”
“น้อยๆหน่อยเด็กแสบพี่ไปใจร้ายกับครูฟ้าเราตอนไหน”
“ใบพลูไม่ใช่เด็กแสบ ใบพลูเป็นเด็กดีใช่มั้ยครับครูฟ้า”
“ใช่ครับ ใบพูลของครูฟ้าเป็นเด็กดีมากๆเลยครับ”
ผมลูบหัวเล็กพร้อมกับเอ่ยชมหลังจากที่ใบพลูถามผมว่าตนนั้นเป็นคนดีมั้ย ใบพลูเป็นเด็กดีมากๆคนนึงสำหรับผมทั้งเรื่องเรียนทั้งนิสัยแต่จะว่าไปเด็กๆที่นี่นิสัยดีกันทุกคนผมรับประกันได้เลย
“เด็กดีเขาไม่เถียงผู้ใหญ่แบบนี้หรอกนะรู้ไว้ซะด้วย”
“ทะเล อย่ามาว่านักเรียนของฟ้าแบบนี้นะ”
“...”
“แล้วก็ลุกออกจากเก้าอี้ใบพลูด้วย เดี๋ยวนี้”
ผมว่าเสียงดุจนทำให้คนที่โดนดุทำหน้าไม่พอใจใส่ผมแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนแล้วขยับออกจากเก้าอี้ของนักเรียนผมแต่แทนที่ทะเลจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนกลับเดินไปนั่งเก้าอี้ผมที่อยู่หน้าห้องเรียนหน้าตาเฉยพอผมจะทักท้วงทะเลก็ชี้หน้าดักไว้พร้อมกับชี้ไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่ฝาผนังเหมือนเป็นการเตือนผมว่าตอนนี้มันถึงเวลาสอนแล้วผมได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะตั้งสติแล้วสอนหนังสือนักเรียนในวิชาภาษาอังกฤษที่ผมถนัดด้วยความที่ผมต้องสอนสองห้องพอผมสอนเรื่องนึงกับห้องนี้แล้วผมก็เดินเข้าไปอีกห้องเพื่อสอนเด็กๆอีกห้องความจริงจะสอนรวมกันก็ได้นะเพราะเด็กๆที่นี่ในแต่ละห้องมีแค่ประมาณสิบคนเท่านั้นแต่ด้วยอายุและชั้นปีผมอยากจะสอนพวกแกตามระดับชั้นมากกว่าเลยเลือกที่จะสอนแยกเหนื่อยหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าเด็กๆไม่ได้ความรู้
ความคิดเห็น