ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (YAOI) Reclaim love ทวงคืนรัก #เลฟ้า

    ลำดับตอนที่ #3 : เจอกันในรอบสิบปี

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 65


    ตอนที่ 3 เจอกันในรอบสิบปี

    BY BLACKAPPLE

    “SKY”

                    เช้านี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปยืนรอรับนักเรียนที่หน้าโรงเรียนด้วยความที่มีครูแค่สามคนมันเลยทำให้หน้าที่ต่างๆของพวกเราหารกันแค่สามผมกับครูผู้พันจะนอนอยู่บ้านพักครูในโรงเรียนนี่แหละส่วนครูอีกคนนึงเป็นครูในพื้นที่บ้านแกจะอยู่ในหมู่บ้านก่อนที่จะถึงโรงเรียนอีกอย่างครูแกเป็นครูผู้หญิงด้วย

                    “สวัสดีครับคุณครู”

    “สวัสดีครับ ปั่นรถไปจอดในโรงจอดรถดีดีนะครับ”

    ผมรับไหว้เด็กๆพร้อมกับบอกให้พากันขับรถไปจอดที่โรงจอดรถสำหรับจักรยานดีดีความจริงเด็กๆที่นี่มีระเบียบวินัยกันมากรู้หน้าที่ตัวเองดีตลอดแต่ที่ผมบอกไปแบบนั้นมันเป็นความเคยชินมากกว่า

    “ครูฟ้า สวัสดีค่ะ”

    “สวัสดีค่ะ น้องน้ำขิง”

    “แม่ฝากกับข้าวมาให้ครูค่ะ”

    “ขอบคุณค่ะ น่ารักจังเลยครูฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะคะ”

    น้ำขิงนักเรียนชั้นปอห้าที่ค่อนข้างสนิทกับผมนำกล่องข้าวมาให้ด้วยรอยยิ้มกับข้าวเช้าฝีมือแม่น้ำขิงถูกส่งมาให้ผมเกือบทุกวันจนบางทีผมก็เกรงใจตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ผมไม่ค่อยได้ทำกับข้าวกินเองเลยเพราะพ่อแม่ของเด็กๆฝากมาให้เป็นประจำ

    “ครูฟ้าใจดี แม่เลยอยากให้กินของอร่อยๆ”

    “น้ำขิงก็เป็นเด็กปีเหมือนกันนะลูก”

    “น้ำขิงไปก่อนนะ”

    “have a good day นะคะ”

    “Me too ค่ะครูฟ้า”

    ผมส่งยิ้มให้น้ำขิงตามหลังไปจนแกลับสายตาก่อนจะหันมารับไหว้และยิ้มให้เด็กคนอื่นๆที่ทยอยเข้ามาในโรงเรียนเด็กที่นี่ส่วนมากพากันขับจักรยานมาเรียนเพราะผู้ปกครองไม่มีเวลามาส่งอีกอย่างการจราจรที่นี่ไม่ได้ติดขัดอะไรออกจะโล่งๆด้วยซ้ำมันเลยดีต่อการเดินทางของเด็กๆ

    พอผมยืนรับเด็กๆเสร็จผมก็เดินเข้ามาในโรงเรียนเพื่อที่จะยืนคุมเด็กๆเข้าแถวเคารพธงชาติมันเป็นกิจกรรมที่เด็กๆต้องทำในตอนเช้าแต่เราไม่ได้เข้าแถวกันกลางแจ้งเราเข้าแถวกันใต้ถุนอาคารเพื่อที่จะไม่ต้องตากแดดกัน

    “ครูฟ้า ครูผู้พัน พี่มีข่าวดีมาบอก”

    ผมละสายตาจากเด็กๆมาหาครูมะปรางครูผู้หญิงคนเดียวของโรงเรียนแกเดินเข้ามาหาพวกผมด้วยรอยยิ้มและออกจากดูตื่นเต้นเอามากๆเหมือนกับว่าจะมีข่าวดียังไงอย่างงั้น

    “ข่าวดีอะไรหรอครับครูมะปราง”

    “ก็วันนี้จะมีบริษัทเข้ามาดูพื้นที่โรงเรียนเราเพื่อที่จะช่วยเหลือนะสิ”

    “จริงหรอครับ”

    “ใช่จ๊ะ ตอนที่พวกเขาโทรมาพี่ดีใจมากเลยนะไม่คิดว่าจะมีคนใจดีเข้ามาช่วย”

    ผมยิ้มออกมาด้วยความดีใจนี่เป็นข่าวดีที่ดีที่สุดเลยนะตั้งแต่ที่ผมย้ายมาที่นี่อย่างนี้เด็กๆก็จะมีโอกาสมากขึ้นแล้วสิ

    “แล้วเขาจะช่วยเรื่องไหนบ้างหรอครับ”

    ครูผู้พันถามครูมะปรางด้วยใบหน้าครุ่นคิดและผมก็เริ่มคิดตามนั่นนะสิบริษัทเขาจะมาช่วยเรื่องไหนบ้างนะหรือจะช่วยแค่เงินสนับสนุนเพื่อพอให้เราเยียวยานักเรียนได้แค่นั้นเพราะที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ตลอดบริษัทยักษ์ใหญ่ออกข่าวประกาศไปทั่วว่าออกช่วยเหลือสังคมแต่ให้โรงเรียนมาแค่หลักพันซึ่งมันไม่เพียงพอต่อการพัฒนาโรงเรียนเลยซักนิด

    “อันนี้พี่ก็ไม่แน่ใจเลขาเขาบอกแค่ว่าท่านประธานจะลงมาดูพื้นที่โรงเรียนจริงแค่นั้น”

    “คงไม่ใช่ใส่ซองห้าร้อยแล้วออกข่าวช่องใหญ่หรอกนะครับ”

    “เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะครูพัน”

    “ขอให้มันจริงเถอะ ผมหละสงสารเด็กๆ นี่ถ้าผมรวยนะผมจะเอาเงินส่วนตัวมาพัฒนาโรงเรียนให้มันดีดีเลย”

    ประโยคนี้ของครูพันทำผมจุกเหมือนกันนะถ้ารวยงั้นหรอเอาจริงฐานะทางบ้านผมก็ค่อนข้างดีเลยหละแต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมกับพ่อมีปากเสียงกันตอนนี้ผมเลยไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากพ่อ

    “แล้วเขาจะมาถึงตอนไหนหรอครับ”

    “น่าจะช่วงบ่ายนะจ๊ะ”

    ครูมะปรางว่าด้วยรอยยิ้มก่อนจะปลีกตัวออกไปดูเด็กๆในปกครองส่วนผมกับครูผู้พันก็แยกย้ายกันเหมือนกันวันนี้ผมสอนเด็กปอหนึ่งและปอสามพร้อมกันทั้งสองห้องโดยแต่ละวันผมก็สอนทุกวิชานั่นแหละสอนตามความรู้ที่ผมพอมีซึ่งบางทีเรื่องที่ผมไม่ค่อยรู้ผมก็ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้นำความรู้มาสอนเด็กๆผมเข้าใจความแตกต่างเลยนะระหว่างโรงเรียนที่มีพร้อมทุกอย่างกับโรงเรียนที่ขาดแคลนทุกอย่างมันเป็นยังไงตอนผมฝึกสอนผมเคยได้ไปฝึกสอนโรงเรียนประจำจังหวัดของจังหวัดที่ผมอยู่ที่นั่นมีพร้อมทุกอย่างทั้งอุปกรณ์การเรียนบุคลากรที่มีคุณภาพเด็กนักเรียนได้ความรู้เต็มที่แต่มันก็จะมีครูบางคนที่กั๊กความรู้ที่ต้องสอนเด็กในห้องเรียนเพื่อที่จะให้เด็กๆไปซื้อคลาสเรียนพิเศษกับตัวเองนอกรอบรวมถึงการชิงดีชิงเด่นกันของครูด้วยกันเองซึ่งแน่นอนว่าตลอดการฝึกสอนของผมมันอึดอัดมากจนมันทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่สอบบรรจุเพราะไม่อยากทำในอาชีพนี้โดยถาวรเหมือนเมื่อก่อน

    “ครูฟ้าครับ ครูปรางให้มาเรียกไปห้องพักครูครับเห็นว่าบริษัททางนั้นมาถึงแล้วครับ”

    “ครับครูผู้พัน”

    ผมยิ้มรับครูผู้พันก่อนจะสั่งงานเด็กๆให้ทำในห้องก่อนจะเดินตามครูผู้พันไปยังห้องพักครูที่อยู่อีกอาคารนึงระหว่างทางเดินไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรทำไมใจมันถึงเต้นแรงขนาดนี้หรือว่าผมตื่นเต้นที่เด็กๆจะได้รับโอกาสที่ดีแล้วกันนะแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าใจที่ห่อเหี่ยวของผมมันเริ่มจะมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งกัน

    “โรงเรียนเราก็มีพื้นที่แค่นี้แหละค่ะ ไม่ได้มีมากอะไร”

    พอเดินมาถึงหน้าประตูผมก็ได้ยินเสียงครูมะปรางพูดเกี่ยวกับโรงเรียนอยู่กับผู้ชายสองคนที่นั่งหันหลังให้ประตูดูจากด้านหลังเหมือนพวกเขาจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมเลยนะแต่ไม่รู้ว่าทำไมด้านหลังของหนึ่งในแขกที่มาเยี่ยมโรงเรียนที่ผมเห็นแวบแรกผมถึงได้รู้สึกคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนเลยหละมันดูคุ้นใจผมกลัวว่าจะเป็นคนที่ผมคิดถึงมาตลอดรึเปล่า

    “อ้าวครูฟ้า ครูพันมาพอดีเลย นี่จ๊ะ คุณซีโร่กับคุณทะเล คนที่จะมาช่วยพัฒนาโรงเรียนเรา”

    ทะเล?

    ใจผมเต้นไม่เป็นระส่ำหลังจากที่ได้ยินชื่อคนที่หายไปจากชีวิตผมไปเป็นสิบๆปีแล้วพอคนที่ครูมะปรางแนะนำหันหน้ามาหาผมตอนที่เราสบตากันตอนนั้นมันทำให้ผมแทบล้มทั้งยืนยอมรับว่าช็อกจนตัวชาทำอะไรไม่ถูกแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกันนานแต่ผมก็จำได้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่ผมคิดถึงมาตลอดต่อให้ตอนนี้รูปร่างและรูปหน้าจะดูเปลี่ยนตามวัยแต่เค้าโครงหน้าเขายังเหมือนเดิมนี่ผมฝันไปรึเปล่า คนตรงหน้าผมคือทะเลจริงๆงั้นหรอและดูเหมือนว่าอีกคนจะตกใจที่เห็นผมเหมือนกันนะเพราะเขาก็มองหน้าผมนิ่งเหมือนกัน

    “ครูฟ้า เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

    แรงสะกิดจากครูผู้พันทำให้ผมมีสติขึ้นมาบ้างผมหันไปมองหน้าครูผู้พันเล็กน้อยก่อนจะฝืนยิ้มส่งไปให้ทั้งครูผู้พันและแขกที่มาเยี่ยมโรงเรียน

    “เปล่าครับ สวัสดีครับ”

    ประโยคแรกผมตอบครูผู้พันประโยคหลังผมหันไปสวัสดีแขกที่มาเยี่ยมแม้ว่าจะยังตั้งตัวไม่ทันกับคนตรงหน้าแต่ผมก็ไม่อยากแสดงอาการอะไรมากไปกว่านี้เอาตรงๆตอนนี้ผมอยากจะร้องไห้มากๆเลยหละเพราะผมไม่คาดฝันว่าเราจะได้เจอกันอีก

    “คุณครูที่นี่น่ารักจังเลยนะครับเนี่ย”

    เพื่อนของทะเลพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแถมยังมองผมด้วยสายตาที่ผมเดาไม่ออกว่าหมายความว่ายังไง

    “ใช่ค่ะ เด็กๆที่นี่รักครูทั้งสองมากเลยนะคะ”

    “หึหึ ครับ”

    “ท้องฟ้า ใช่รึเปล่า?”

    ทุกคนในห้องต่างก็ชะงักกันไปหมดหลังจากที่คนคนนั้นเขาเอ่ยชื่อผมแต่ท้ายประโยคนั่นคืออะไรทะเลจำผมไม่ได้งั้นหรอ

    “อะไรวะไอ้เล มึงรู้จักคุณครูด้วยหรอวะ”

    เพื่อนของทะเลเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยส่วนผมน้ำน้ำตาคลอเบ้าไปแล้วผมไม่รู้ว่าผมจะร้องไห้ออกมาทำไมทั้งๆที่มันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลยซักนิด

    “ครูฟ้า ร้องไห้ทำไมครับ”

    ครูผู้พันรีบเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับลูบหลังผมเบาๆส่วนผมรีบยกมือเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกไปจากตรงนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่ดีใจที่ผมเจอทะเลแต่ผมตั้งตัวไม่ทันและตอนนนี้ผมรู้สึกน้อยใจทะเลอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่หายไปจากชีวิตผมไม่บอกไม่กล่าวติดต่อก็ไม่ได้อีกต่างหาก

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ”

    พอพูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องพักครูทันทีไม่สนเสียงเรียกของครูผู้พันและครูมะปรางอีกเลยไม่ใช่ว่าอยากจะหนีปัญหาอะไรหรอกแต่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าคนใจร้ายคนนั้นต่างหาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×