คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รับออกแบบอาคารไม่ได้รับออกแบบชีวิตคู่ให้ใคร
ตอนที่ 2 รับออกแบบอาคารไม่ได้รับออกแบบชีวิตคู่ให้ใคร
BY BLACKAPPLE
“SEA”
“น้องทะเลสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
ผมขานตอบพนักงานด้วยรอยยิ้มในขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทที่ผมเป็นผู้บริหารสูงสุดแต่จะเรียกว่าท่านประธานมันก็คงไม่ถึงขนาดนั้นเพราะบริษัทผมมันเป็นแค่บริษัทรับออกแบบอาคาร บ้าน หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ลูกค้าต้องการ มันเป็นแค่บริษัทเล็กๆที่มีพนักงานไม่ถึงห้าสิบคนเพราะผมพึ่งเริ่มกิจการหลังจากที่เรียนจบมา ผมเรียนจบสถาปัตยกรรมเมื่อปีที่แล้วและเริ่มลงงมือทำบริษัทนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองเพราะที่บ้านค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยจะให้บอกว่าไงผมไม่ได้ทะเลาะกับที่บ้านนะแต่ที่บ้านผมมีธุรกิจขนาดใหญ่อยู่แล้วเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รายได้ต่อปีก็ไม่ต่ำกว่าหลักพันล้านแต่นั่นมันธุรกิจของที่บ้านไงผมอยากเริ่มต้นด้วยตัวเองมากกว่าเรื่องนี้ผมพูดกับพ่อด้วยเหตุผลของผมจริงๆว่าผมอยากเริ่มธุรกิจด้วยตัวเองส่วนเรื่องธุรกิจของที่บ้านผมก็จะช่วยแต่ต้องหลังจากที่พ่อวางมืออย่างเต็มตัวแล้วซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้
“น้องทะเลคะ น้องซีมารอพบค่ะ”
พอเดินมาถึงหน้าห้องทำงานพี่มาลีเลขาสุดสวยของผมก็เอ่ยทักขึ้นซึ่งไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพี่เขาถึงเรียกผมว่าน้องเพราะผมพึ่งยี่สิบสามส่วนพี่เขานั้นยี่สิบเจ็ดแล้วอีกอย่างที่นี่ปกครองกันแบบพี่น้อง ทุกอย่างสบายๆหมด ใครเกิดก่อนก็เรียกพี่ใครเกิดหลังก็เรียกน้อง เรื่องการแต่งตัวผมก็ไม่ซีเรียสทุกคนใส่ได้แบบบบฟรีสไตล์แต่ต้องถูกกาลเทศะอย่างเช่นการประชุมใหญ่ที่เป็นทางการควรใส่ชุดที่มันสุภาพอย่างเช่นผมวันนี้ที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำติดกระดุมแค่สามเม็ดกับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกสีดำกับรองเท้าผ้าใบสีขาวแค่นั้นส่วนเรื่องที่ผมซีเรียสที่สุดและพนักงานทุกคนต้องทำให้ได้คืองานที่มีคุณภาพเท่านั้น
“ขอบคุณครับ รบกวนพี่มาลีเดินไปรับกาแฟให้ผมที่ร้านเดิมด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะน้องทะเล”
“มีของพี่มาลีด้วยนะครับ”
ผมว่าพร้อมกับยกยิ้มให้เลขาคนสวยก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องมาแล้วพอเจอเพื่อนเวรมันนั่งไขว่ห้างอยู่เก้าอี้ทำงานผมอยู่ผมถึงกับกรอกตาทันที หมั่นไส้ว่ะไม่มีการมีงานทำรึไงมาหาผมแต่เช้า
“คิดว่ารวยแล้วจะไม่ทำมาหาแดกรึไง”
ผมแขวะมันไปหนึ่งทีเป็นคำทักทายตามสไตล์ของผมซึ่งแน่นอนว่าไอ้คนที่โดนแขวะหันมายกนิ้วกลางใส่ผมเป็นคนตอบ
“ลุกดิ นี่มันที่กู”
“มีหวงเก้าอี้ว่ะ”
มันว่าแค่นั้นแต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานผมอ้อมไปนั่งเก้าอี้สำหรับแขกที่อยู่ตรงข้ามไม่รู้ว่ามันมาหาผมทำไมแต่เช้า ไม่สิตอนนี้มันสิบโมงแล้วต่างหาก
“มามีไร ไอ้ลีไอ้วิวไม่เล่นด้วยรึไง”
“มึงอย่าพูดถึงมันดิ พวกมีคู่เนี่ยกูเบื่อ”
ผมว่าพร้อมกับเบะปากใส่ผมแต่มันลืมไปรึเปล่าว่าคนที่ผมพูดถึงสอนคนนั้นน่ะคนนึงเป็นน้องมันส่วนอีกคนก็เพื่อนเราแล้วที่สำคัญมันเป็นตัวตั้งตัวตีในการที่อยากให้เขารักกันเลยนะทีอย่างนี้มาเบื่อพวกมัน
“อ๋อ ไม่มีใครเอาเลยเซมาหากูว่างั้น”
“ใครบอกว่ากูไม่มีใครเอา กูแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก ไอ้เวร”
“มันต่างกันตรงไหนวะ”
“ไอ้เล มึงพูดเหมือนมึงมีใครงั้นแหละมึงก็โสดเหมือนกูหละวะ”
ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและไม่คิดที่จะเถียงมันด้วยเพราะผมก็โสดจริงๆแต่ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเอาหรอกนะผมแค่ไม่อยากเอาใครต่างหาก
“แต่กูไม่ขี้เหงาเหมือนมึง”
“ไอ้เวร”
“แล้วนี่ไม่มีงานทำรึไงวะ”
“ไม่มีอะ วันนี้กูว่างกูกะจะมาเฝ้ามึงทำงานทั้งวันเลย”
“ควายเถอะ กูเป็นผัวมึงรึไงถึงมาเฝ้ากูเนี่ย”
นี่มันไม่คิดว่าผมรำคาญมันรึไงวะถึงได้มาเฝ้าผมแบบนี้ไอ้นาวาก็โสดไม่ไปหามันวะ
“ด่ากูเฉย ไอ้เวรแล้วอีกอย่างนะอย่ามั่นหน้าให้มันมากว่ากูอยากได้มึงเป็นผัวอย่างกูต้องเป็นผัวเท่านั้นเว้ย”
“หาเมียให้ได้ก่อนค่อยมาคุยกับกู”
ผมยังไม่ยอมที่จะลดละในการเถียงกับมันเอาตรงๆเลยนะผมชอบเวลาได้พูดจาเหน็บแนมมันเพราะไอ้ซีมันเป็นพวกปากดีตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเรื่องเพื่อนมันเสนอหน้าได้ไม่เคยขาดดูอย่างเรื่องไอ้เซฟสิจ้างรุ่นน้องไปลองใจมันเป็นไงหละเสียตังค์เกือบล้านค่าโง่มันน่ะ
“ไม่คุยกับมึงแล้ว”
“นั่นประตู”
ผมชี้มือไปที่ประตูบานใหญ่ซึ่งมันคือทางออกสำหรับมันความจริงผมไม่ได้จะไล่มันหรอกผมแค่แกล้งมันเฉยๆและแน่นอนว่าคนอย่างมันไม่มีทางไปหรอกมันหน้าด้านจะตายอีกอย่างผมกับมันก็สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้นแล้วตอนที่ผมย้ายมากลางเทอมตอนมอหนึ่งก็มันนี่แหละที่เป็นเพื่อนคนแรกของผมในโรงเรียนอะ
แอด
“ขออนุญาตค่ะน้องทะเล กาแฟได้แล้วค่ะ”
พี่มะลิเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับขออนุญาตก่อนจะเดินถือแก้วกาแฟมาวางให้ผมบนโต๊ะทำงาน
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีค่ะ แต่ของน้องซีไม่มีนะคะให้พี่ลงไปซื้อให้ใหม่มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวมันก็กลับแล้ว”
เป็นผมที่ชิงตอบก่อนที่ไอ้ซีมันจะได้อ้าปากตอบเลขาผมเรื่องอะไรผมจะให้มันอยู่นานๆหละเกะกะลูกตาเปล่าๆ
“อ้าวไอ้เวร กูไม่กลับโว้ยกูจะอยู่กับมึงที่นี่ พี่มะลิผมฝากซื้อกาแฟมาให้ด้วยนะครับนี่ครับเงินที่เหลือไม่ต้องทอน”
มันยื่นแบงค์สีเทาให้เลขาผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับหันมามองหน้าผมตาขวางส่วนผมก็ส่ายหน้าให้มันอย่างเอือมๆก่อนจะหยิบเอกสารงานขึ้นมาเปิดดู
“โครงการปันยิ้มให้เด็กด้อยโอกาส นี่มึงทำโครงการช่วยเหลือสังคมด้วยหรอวะ”
ผมเงยหน้าขึ้นมองมันเล็กน้อยตอนนี้ซีมันกำลังดูแฟ้มเอกสารของผมอีกแฟ้มอย่างตั้งใจเอาจริงฐานะมันตอนนี้คือผู้บริหารสูงสุดของธุรกิจที่บ้านมันเลยนะแต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงได้มีเวลามาวุ่นวายกับผมได้แบบนี้บริษัทมันใหญ่ขนาดนั้นไม่ต้องไปดูแลลูกน้องรึไงขนาดของผมมีแค่นี้ยังแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย
“อืม ก็ว่าจะทำอยู่ปีที่แล้วบริษัทมีกำไรนิดหน่อยเลยอยากแบ่งปันคนอื่นบ้าง”
ผมว่าออกไปตามความจริงเพราะในประเทศนี้ยังมีเด็กอีกมากที่ขาดโอกาสทางการศึกษาแม้จะมีโรงเรียนให้เรียนมีครูมาสอนแต่อุปกรณ์การเรียนต่างๆมันอาจจะไม่ครบก็ได้จริงมั้ย
“เท่ห์สัด แล้วนี่มึงมีโรงเรียนที่จะไปช่วยรึยัง”
“ยังเลยว่ะ นี่กูก็ให้พี่มาลีไปสเก๊ามาให้อยู่เนี่ย มึงลองเปิดดูสิว่ามีโรงเรียนไหนน่าสนบ้าง”
“ขอดูหน่อยแล้วกัน”
“มึงอย่างแจมมั้ยหละ”
“เอาดิ อยากหาไรทำเหมือนกัน”
“มึงว่างมากว่างั้น”
“เออดิวะ ช่วงนี้ไอ้ลีมันฝึกงานที่บริษัทงานทุกอย่างของกูมันจัดการหมดช่วงนี้กูเลยว่างไง”
“แล้วมึงไม่อยู่สอนงานน้องมึงเลยหรอ”
“สอนให้มันด่ากูหน่ะสิ มันเก่งกว่ากูอีกไอ้เวร”
“หึ เออว่ะกูก็ลืมไป”
ผมว่ายิ้มๆทำให้เพื่อนตัวแสบตวัดสายตาขึ้นมามองขวางๆก่อนมันจะก้มลงมองเอกสารต่อเอาตรงๆเลยนะมันในตอนนี้ที่จ้องเอกสารหน่ะมาดมันดีมากน่าเกรงขามสัดๆแต่ถ้าเทียบกับน้องมันไอ้ลีโอนั้นมันก็แค่เด็กคนนึงเท่านั้นแหละไม่ใช่ว่ามันไม่เก่งนะแต่มันปัญญาอ่อนต่างหาก
“โรงเรียนนี้ก็น่าสนนะเว้ย อยู่ตีนเขาเลยว่ะนักเรียนไม่ถึงห้าสิบคนทั้งโรงเรียนมีครูสามคน ในนี้บอกว่าโรงเรียนขาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์การเรียนอื่นๆด้วยแต่กูดูจากภาพเนี่ยแม่งน่าจะขาดทุกอย่างเลยว่ะ มึงดูสิมีอาคารไม้แค่สองหลังเอง”
“แต่เด็กก็ห้าสิบคนเองไม่ใช่หรอวะ”
มีอาคารแค่นี้มันไม่น่าจะแปลกอะไรหรอกนะเพราะจำนวนนักเรียนก็ไม่ได้มากอะไรเท่าไหร่แต่ก็นั่นแหละอยู่ตีนเขาขนาดนั้นคงจะลำบากเรื่องการเดินทางไม่น้อยเหมือนกัน
“แต่มันก็ควรจะมีอาคารที่ดีกว่านี้นะเว้ย”
“แบบนี้แล้ว ท่านประธานคงต้องมอบงบประมาณในการจัดสร้างแล้วแหละขอรับ”
ผมว่ายิ้มๆหวังที่จะกวนตีนมันแต่ไอ้ซีกลับไม่เล่นมันทำหน้านิ่งขรึมก่อนผมจะเห็นมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครซักคน
“ครับ คุณตาล ผมรบกวนทำเรื่องเบิกเงินให้ผมซักห้าล้านหน่อยนะครับ ให้ไอ้ลีเซนให้ผมด้วยนะ บอกมันว่าผมจะเอาไปช่วยเด็กยากไร้เดี๋ยวส่งรายละเอียดไปให้”
ผมไม่คิดว่ามันจะตัดสินใจรวดเร็วขนาดนี้เรื่องงบประมาณความจริงผมแค่พูดเล่นเองนะใครจะคิดว่ามันจะอนุมัติไวขนาดนี้
“เอาโรงเรียนนี้นะเว้ย โรงเรียนหนองรักวิทยา”
มันวางแฟ้มเอกสารตรงหน้าผมพร้อมกับชี้ให้ดูภาพโรงเรียนที่มีอาคารไม้เก่าๆสองอาคารให้ผมดูผมพยักให้มันอย่างเข้าใจ
“มึงจะช่วยเรื่องไหนบ้าง”
“หลักๆก็เรื่องอาคารเรียนแต่กูว่ามึงกับกูควรลงไปดูพื้นที่จริงซักวันว่ะ”
“เอางั้นก็ได้แล้วแต่มึง”
“งั้นพรุ่งนี้”
“มึงบ้าปะเนี่ยกูมีงานต้องเคลียร์”
ผมหละยอมมันจริงๆคิดจะทำอะไรก็ทำปุบปับไม่ให้เวลาให้คิดเลยนะมึง
“มึงก็รีบเคลียร์ซะสิหรือให้กูช่วยมั้ย ไอ้เวรเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวไม่ต้องผ่านบอร์ดบริหารยังยุ่งยากอีกนะมึง”
มันบ่นให้ผมยกใหญ่จนผมเถียงไม่ทันปากมันก็บ่นผมมือมันก็หยิบเอกสารผมไปช่วยอ่านให้ความจริงงานมันก็ไม่ได้เยอะอะไรหรอกแต่ผมแค่ตั้งตัวไม่ทันกับการคิดทำอะไรรวดเร็วของมันต่างหาก
“พรุ่งนี้เดี๋ยวกูไปหาที่คอนโด เคนะ”
ซีโร่สั่งผมหลังจากที่มันช่วยผมเคลียร์งานภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงต้องยอมรับเลยว่ามันเก่งมากในเรื่องแบบนี้อีกอย่างมันช่วยงานที่บ้านมันมาตั้งแต่มัธยมปลายมันเลยรู้และมองออกไปซะหมดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ซึ่งต่างจากผมที่ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่อีกอย่างพ่อก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรผมด้วยแหละ
“เออ”
“กูกลับละ”
“น่าจะกลับได้ตั้งนานแล้วนะ”
“มึงนี่นะ ไล่กูจังเดี๋ยวเจอกูเล่นเข้าซักวันแน่”
มันขู่ผมพร้อมกับมองค้อนใส่ผมวงโตก่อนจะออกไปจากห้องทำงานผมส่วนผมหลังจากที่เคลียร์งานเสร็จแล้วก็ว่างผมเลยหยิบเอกสารที่มีข้อมูลของโรงเรียนขึ้นมาดูอีกครั้งโคตรงงที่ไอ้ซีมันอยากไปที่นี่มากทั้งๆที่โรงเรียนอื่นมันก็น่าช่วยเหลือทั้งนั้นแต่ก็ช่างเถอะโรงเรียนไหนก็ได้หมดแหละเพราะยังไงมันก็คือการทำบุญเหมือนกัน
ผมลืมแนะนำตัวไปรึเปล่านะ ผมน่ะ ทะเล เจ้าของบริษัทออกแบบอาคารอย่างที่เคยบอกไปเหตุที่ชื่อทะเลนั้นมันเป็นเพราะพ่อกับแม่ผมเขาชอบทะเลมากเวลาไปเที่ยวก็ชอบไปเที่ยวทะเลประจำอีกอย่างตอนเด็กช่วงอนุบาลของผมพ่อกับแม่พาผมไปอยู่บ้านที่มีหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลสีครามด้วยแหละเหตุเพราะพ่อมีบริษัทที่ต้องดูและที่นั่นผมอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุขเพราะที่นั่นมันมีท้องฟ้าเพื่อนคนแรกและคนเดียวของผมที่ผมสนิทที่สุดในตอนนั้นและผมก็รู้ว่าเพื่อนคนนั้นเขารู้สึกยังไงกับผมแม้ว่าเราจะยังเด็กแต่ผมก็รู้ว่าความรักมันเป็นยังไงใจจริงผมอยากอยู่ที่นั่นไปตลอดแต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่หวังเพราะตอนที่ผมขึ้นมอหนึ่งใหม่ๆจู่ๆคุณปู่ก็ล้มป่วยกระทันหันครอบครัวผมเลยต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพถาวรส่วนบริษัทที่นั่นก็เปลี่ยนมาเป็นบริษัทลูกของบริษัทใหญ่ของปู่อีกทีเพราะคุณปู่ยกกิจการให้พ่อผมดูแลต่อส่วนเพื่อนผมคนนั้นตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปอีกเลยไม่ใช่ว่าผมไม่คิดถึงแต่ผมกลัวท้องฟ้าจะโกรธเรื่องที่ผมหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าวแม้ว่าจนตอนนี้มันผ่านมาเป็นสิบปีแล้วผมยังไม่ลืมเขาเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น