“ไอ้คนน่ารัก” ฉันพึมพำเสียงงุ้งงิ้งแล้วถูไถหน้าผากตัวเองเข้ากับหัวไหล่ของเขาแล้วหยุดที่การเงยหน้าเพียงเสี้ยวของตัวเองขึ้นไปมองหน้ารามแล้วส่งเสียงที่คิดว่ามันน่ารักที่สุดออกไปจังหวะที่เราสองคนสบตากันว่า “รามขา...” แล้วได้แต่หวังว่านี่จะไม่ทำให้รามผิดหวังเท่าไหร่...
บทบรรยาย:: ราม
‘น่าขย้ำ’ คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้หลังจากที่ได้ยินเสียงอ้อนๆ ของที่รักเรียกชื่อผมออกมา...
ครั้งก่อนที่เธอเรียกผมแบบนี้เธอกำลังเมา แน่นอนว่าเธอคงจำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง แต่คนที่ยังมีสติแบบผมจำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นจำได้ว่าอารมณ์เสียเรื่องบอล ไม่ได้มีอารมณ์อยากขย้ำที่รักขนาดนี้...
อาจจะมีมันเขี้ยวบ้างก็ไม่แน่ใจ...
แต่วันนี้เหมือนที่รักจะโดนเพื่อนยุยงหรืออะไรก็ไม่มั่นใจเหมือนกันทำให้เธอต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมาทั้งที่ปกติเราไม่ค่อยได้เรียกกันเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี
ก็ดีอยู่...
อืม...
“เงียบเลย...” ที่รักพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ระเบิดความออดอ้อนที่เธอมีออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเอียงตัวมาข้างหน้าเพื่อมองหน้าผมตรงๆ ก่อนจะถาม “นี่ราม เมื่อกี้น่ารักไหม?”
อะไรทำให้ที่รักถามออกมาแบบนั้น...ผมไม่มีทางรู้ได้แน่นอน ที่รู้ๆ ตอนนี้มีแค่คำตอบให้ที่รักเท่านั้นแหละ “อืม น่ารัก”
แค่นั้น...
จบแค่นั้นผมก็เบี่ยงตัวของตัวเองให้หันไปหาที่รักก่อนจะใช้มือข้างขวาสอดไปประคองท้ายทอยของเธอเอาไว้แล้วออกแรงเล็กน้อยให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นก่อนจะโน้มใบหน้าของตัวเองลงไปประกบริมฝีปากทาบทับบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา
ตอนแรกที่รักมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเหมือนจะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ว่าไม่นานคนตัวเล็กก็หลับคาพริ้มแล้วเผยอริมฝีปากตอบรับสัมผัสของผมไปด้วยความเต็มใจและใช้แขนทั้งสองข้างกอดรอบคอของผมเอาไว้จนผมต้องส่งเสียงครางในลำคอออกมาประท้วงเมื่อที่รักลุกขึ้นมานั่งบนตักของผม
จากที่ใช้มือประคองท้ายทอยของที่รักเอาไว้ก็เปลี่ยนมาจับที่เอวบางแล้วต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นไปรับสัมผัสของที่รักแทนโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กจุดติดง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยเป็นฝ่ายโดนที่รักรุกก็เคยมาเป็นครั้งแรกด้วยท่าทีที่ดูเก้ๆ กังๆ ในตอนแรกก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นท่าทีที่ดูชำนาญในเวลาถัดมา...
เรียนรู้ง่าย เข้าใจเร็ว
แม่ของลูกผม...น่ารักจริงๆ นั่นแหละ
"อืม" เป็นอีกครั้งที่ผมส่งเสียงพึงพอใจออกไปอย่างลืมตัวเมื่อที่รักขบเม้มริมฝีปากล่างของผมเบาๆ ก่อนจะผละออกไปแล้วนั่งหอบหายใจเงียบๆ ด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของเธอ
ที่รักเหมือนจะหายใจไม่ทัน...
เป็นคนคุมเกมแล้ว แต่ยังคุมจังหวะการหายใจไม่ได้แบบนี้...ยังอ่อนหัด
"หอบเหมือนหมา" ผมว่าก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาแล้วจัดการวางให้เธอนอนลงบนโซฟาดีๆ
"แต่เมื่อกี้เพิ่งชมฉันว่าน่ารักนะ" ที่รักว่าก่อนจะยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเอง
ผมหันไปมองดูนาฬิกาที่วางอยู่ข้างโทรทัศน์ก่อนจะหันกลับมาหาที่รักแล้วก้มลงไปกดจมูกและริมฝีปากของตัวเองลงบนแก้มข้างขวาของเธอเบาๆ แล้วเลือกที่จะนั่งลงบนพื้นแล้วให้เธอนอนสบายๆ บนโซฟาไปคนเดียว
"ไม่ให้หอมแก้มคืนหรอ?"
"ไม่ เดี๋ยวยาว" ผมตอบเสียงเรียบก่อนจะหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์ดู แอบได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของที่รักดังมาจากด้านหลังด้วย แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองอะไร ทำแค่เอื้อมมือข้างซ้ายไปด้านหลังแล้วเล่นแก้มของที่รักเบาๆ แค่นั้น แต่เล่นไม่นานที่รักก็จับมือของผมแล้วเอาแก้มมาทับมือของผมเอาไว้เหมือนเป็นหมอน
ผมก็นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น สายตาจับจ้องดูโทรทัศน์ที่ช่วงนี้เปิดค้างไว้ที่ช่องเกี่ยวกับคุณแม่และการเลี้ยงดูลูกน้อยเท่านั้น
จากที่เมื่อก่อนมีโทรทัศน์ไว้เฉยๆ ไม่เคยเปิดดูก็มานั่งดูบอลด้วยกัน เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่แล้วก็มานั่งดูวิธีเลี้ยงลูก
ดูเป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่พัฒนาได้ก้าวกระโดดดี
ผมนั่งดูเงียบๆ ไม่แน่ใจว่าที่รักหลับรึเปบ่าเพราะเธอเองก็เงียบเช่นกันแถมยังนอนไม่กระดิกอะไรอีกด้วยเลยคิดว่าที่รักหลับไปแล้ว แต่ว่าเสียงหวานใสจากคนที่ผมเข้าใจว่าหลับก็ดังขึ้นมา
"ลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ..." เหมือนแค่ถามออกมาลอยๆ เพราะต่อให้ถามผมยังไงเธอก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี
แต่ผมก็ตอบออกไปว่า "ผู้หญิง"
ตอบแบบไม่ทันได้คิดอะไรเลยด้วย... กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไปก็ตอนที่ที่รักลุกขึ้นมาวางคางไว้บนไหล่ผมแล้วถามออกมาเหมือนกำลังตื่นเต้น
“นายอยากได้ลูกสาวหรอราม?" ที่รักถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นกว่าที่เธอแสดงออกมาอีก
แต่ผมก็ทำให้ความตื่นเต้นนั้นหายไปโดยการส่ายหน้าให้เธอทั้งที่สองตายังคงมองหน้าจอโทรทัศน์อยู่
"แต่เมื่อกี้พูดเหมือนอยากได้ผู้หญิงเลยอ่า..."
"บอกว่าลูกจะเป็นผู้หญิงเฉยๆ" ผมว่าแล้วหันไปดันให้เธอนอนลงเหมือนเดิมเพราะท่านี้มันกดทับหน้าท้องของเธอ ซึ่งผมเป็นห่วงว่าเดี๋ยวจะอันตรายต่อเด็กในท้องได้
"ก็นั่นแหละ เรายังไม่รู้ไงว่าลูกเป็นเพศไหนแล้วนายพูดออกมาแบบนี้แสดงว่านายกำลังคาดหวังใช่ม่ะ?"
ผมเงียบแล้วคิดตามคำพูดของที่รักก่อนจะตอบออกไปเสียงเรียบว่า "นิดหน่อย"
แค่นิดเดียวเอง...
แค่นึกถึงเด็กตัวน้อยๆ ที่ปรากฏตัวในฝันครั้งนั้นแล้วรู้สึกว่าเธอน่ารักน่าเอ็นดูแล้วที่รักก็น่าจะชอบผมก็เลยแอบคาดหวังเท่านั้นเอง
อืม แต่ของเล่นที่กำลังโชว์อยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ดูน่าเล่นดี...
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดอะไรบางอย่างลงไปแล้วพูดขึ้นมาหลังจากที่ปล่อยให้ที่รักบ่นเสียงงุ้งงิ้งๆ อยู่คนเดียวสักพักเรื่องอยากรู้เพศของลูกเราแล้ว "เพศไหนก็ได้หมดนั่นแหละ ไม่ซีเรียส" ว่าจบก็หันหลังกลับไปมองหน้าคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าทำหน้ายุ่งตั้งแต่ตอนไหน...
"ตอนไหนลูกจะโต อยากรู้แล้วว่าลูกเพศไหน"
คุณแม่ตัวน้อยเริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาแล้ว
"จะรีบให้โตทำไม? นึกถึงตัวเองตอนอุ้มท้องด้วย"
"โตช้าโตเร็วฉันก็อุ้มท้องอยู่ดีนั่นแหละราม" เธอว่าก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของตัวเอง
ที่รักเป็นคนตัวเล็กนะ ตอนแรกนึกว่าคนตัวเล็กเวลาท้องแล้วจะเห็นได้ชัดว่าท้องป่องออกมา แต่ว่าจนถึงตอนนี้หน้าท้องที่เคยแบนราบของที่รักก็ยังคงแบนอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าคนมองกับคนอุ้มท้องน่าจะให้ความรู้สึกต่างกันอยู่ เพราะผมมองเธอทุกวันเลยยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้เจอกันมานานอาจจะรับรู้ได้ว่าเธอมีบางอย่างเปลี่ยนไป...
แต่ทุกคนที่อยู่รอบตัวที่รักก็เห็นเธอทุกวัน
คงไม่มีใครที่ไม่ได้เจอเธอนานๆ โผล่มาหรอก
ผมนั่งเท้าคางบนโซฟาแล้วจ้องมองหน้าท้องของที่รักอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน โทรทัศน์ที่ควรจะสนใจก็ละสายตาจากมันออกมาแล้วและให้ความสนใจทั้งหมดไว้ที่ที่รักแทน
"ตอนไหนไอ้ต้าวของแม่จะดิ้นได้น้าา" เธอถามออกมาเสียงใสแล้วเอื้อมมือหนึ่งข้างมาดึงแก้มของผมก่อนจะทำหน้าเหมือนกำลังมันเขี้ยวแล้วพูดขึ้น "ไอ้ต้าวรามกับไอ้ต้าวตัวเล็ก"
ได้ยินแบบนี้...ผมได้แต่แอบภาวนาว่าเธอจะไม่ตั้งชื่อลูกว่า 'ไอ้ต้าว'
จบบทบรรยาย:: ราม
ช่วงเวลาแห่งการสอบผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากนี้ก็มีแค่เลี้ยงสายรหัสกับไปหาแม่ของรามแค่นั้น แล้วทุกอย่างในชีวิตก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ทำอีกแล้วเพราะฉันยื่นเรื่องของดรอปการเรียนเอาไว้และได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วด้วย หลังจากนี้ก็คงจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดมาดูแลเอาใจใส่ตัวเองกับเด็กในท้องได้เต็มที่กว่าเดิม มีเวลาพักผ่อนเยอะกว่าเดิม แล้วก็อยู่กับตัวเองมากกว่าเดิม
"รู้ใช่ไหมว่าอะไรกินได้อะไรกินไม่ได้?" น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลังของฉันหลังจากที่ฉันเอาแต่ยืนคิดอะไรเงียบๆ อยู่คนเดียวมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
"อื้ม!" ฉันส่งเสียงในลำคอออกไปก่อนจะพยักหน้าให้รามแรงๆ
วันนี้มีเลี้ยงสายรหัสกันค่ะ ตอนแรกจะจัดงานช่วงเย็น แต่ว่าน้องปี1 ที่อยู่ในสายของฉันบอกว่าต้องรีบกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแบบกระทันหัน เราก็เลยเลื่อนมาจัดตอนเที่ยงกัน กะว่ากินเป็นข้าวเที่ยงเสร็จแล้วน้องเขาจะได้กลับบ้านเลย ซึ่งฉันก็ไม่ได้มีอะไรขัดข้องเท่าไหร่ แต่ก็แอบชอบใจที่เลื่อนมาจัดตอนกลางวันอยู่เหมือนกัน
แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังแต่งตัวอยู่ค่ะ แต่งตัวโดยที่มีรามนั่งเฝ้าอยู่ปลายเตียงในห้องของฉัน จ้องมองทุกการกระทำเงียบๆ ไม่ส่งเสียงคัดค้านอะไรกับการแต่งตัวของฉันเลยแม้แต่น้อยและเมื่อกี้ก็เพิ่งเป็นประโยคแรกที่เขาพูดขึ้นมาด้วย
"รู้ค่าา"
"ห้ามดื่มนะ"
"ไม่มีให้ดื่มค่าา"
"เสร็จแล้วรีบโทรบอกนะ"
"จ้าๆๆ คุณพ่อ" ฉันว่าก่อนจะหันหลังแล้วทำท่าสวยๆ ให้เขาดูหนึ่งที่เพื่อให้รามประเมิณว่าที่ใส่อยู่เนี่ยมันโอเคไหม แน่นอนว่าฉันเลือกชุดที่ให้ความอบอุ่นทั้งฉันและลูกแล้วเรียบร้อย กางเกงก็เป็นวอร์มสีขายาวอีกต่างหาก ส่วนรองเท้าไม่ต้องพูดถึง ฉันไม่ใส่ส้นสูงมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นอะไรๆ ที่หยิบมาใส่วันนี้ก็ถือว่าเรียบร้อยดี
"แน่ใจนะว่าไม่ต้องเดินไปส่งข้างล่าง?" รามถาม
"อื้อ! แค่ข้างล่างนี้เอง นายไปนอนต่อก็ได้" ฉันตอบแล้วเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะจับผมที่ไม่เป็นทรงของรามให้เข้าที่
"นอนต่ออะไร จะเที่ยงแล้ว" รามว่าพร้อมกับเบี่ยงศีรษะหลบจากมือฉันแล้วเป็นฝ่ายเอื้อมมือมาจับที่ปลายผมของฉันที่วันนี้เลือกปล่อยยาวไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากหวีให้ตรงเฉยๆ "สวยแล้ว"
"เนอะๆ งั้นไปละนะ" เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหมด ฉันก็เดินผละออกจากรามเพื่อไปหยิบกระเป๋าสะพายเล็กๆ ของตัวเองที่ขนาดสามารถใส่โทรศัพท์กับกระเป๋าตังได้มาหนึ่งใบก่อนจะเดินออกไปที่ประตูโดยมีรามเดินตามมาติดๆ ด้วย
"ถ้ารู้สึกว่าอาการไม่ดีให้รีบโทรบอก"
"อื้อ ขากลับก็แวะซื้อของเข้ามาทำกินเองที่ห้องเลยเนอะ"
"อืม"
"ไปละๆ" แค่นั้นก่นอจะเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มรามเบาๆ แล้วเดินออกมา
จังหวะที่จะไปถึงลิฟท์ฉันเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวค่อนข้างดี แต่ว่ากลิ่นน้ำหอมของเธอเตะจมูกมากฉันฉันถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้อย่างเสียมารยาทแล้วรีบเข้าลิฟท์ไปโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนสักคนที่ฉันรู้จัก...
อีกด้าน
"ทำไมที่รักถึงได้พักอยู่กับผู้ชาย?"
เสียงของหญิงสาววัยกลางคนพึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองไปทางด้านที่คนตัวเล็กแต่งตัวมิดชิดเดินผ่านไปก่อนจะมองกลับไปทางประตูห้องที่ตอนนี้ปิดสนิทแล้วเรียบร้อยด้วยความสงสัย
ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร...
ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ของการปรากฏตัวครั้งนี้ของเธอคืออะไร...
ไม่มีใครรู้ยกเว้นเธอเอง...
กลับมาที่ด้านของที่รัก
คนตัวเล็กยังคงใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างราบเรียบเหมือนปกติ เธอพยายามไม่เครียด ไม่คิดมากเรื่องเรียนหรือแม้แต่เรื่องที่ต้องไปพบแม่ของแฟนหนุ่มซึ่งก็คือราม อีกอย่างรามก็เป็นคนบอกเธอเองว่าไม่ต้องคิดมากอะไร แต่เพราะเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในจุดเดียวกันกับเธอ...จะไม่ให้คิดมากเลยก็ไม่ได้
ตั้งแต่มีแฟนมาก็ยังไม่เคยไปเจอแม่แฟนคนไหนเลยสักคน พอจะไปหาแม่แฟนครั้งแรกก็ต้องไปบอกว่าท้องอีก แบบนี้จะไม่ให้เธอคิดมากได้ยังไง
แต่ที่รักก็ไม่ได้เปิดเผยอาการเหล่านี้ออกมาให้รามเห็นอยู่ดี แล้ววันนี้ที่รักเองก็ตั้งใจว่าจะมาฉลองปิดเทอมแล้วเอาความคิดมากทุกอย่างทิ้งไป เพื่อที่ตอนไปพบพ่อกับแม่ของรามเธอจะได้ยิ้มแย้มอย่างสดใสให้พวกท่านเห็น
ยิ้มเอาไว้เผื่อว่าขากลับเธอจะต้องนั่งร้องไห้น้ำตาซึมเพราะแม่ของรามไม่เห็นด้วย...
เฮ้อ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พยายามไม่คิดมากยังไงสุดท้ายคนตัวเล็กก็นึกถึงแต่ตอนสุดท้ายที่เธอไม่ถูกยอมรับอยู่ดี
“ร่าเริงหน่อยสิที่รัก” มานั่งทำหน้าอมทุกข์แบบนี้เขาไม่เรียกว่าฉลองหรอกนะ” หนึ่งในสายรหัสของที่รักพูดขึ้นพร้อมกับเทน้ำอัดลมใส่แก้วใบใหม่ที่มีน้ำแข็งให้ที่รักเพราะตนมองเห็นว่าข้างหน้าของที่รักนั้นไม่ได้มีแก้วน้ำอยู่
“หนูดื่มน้ำอัดลมไม่ได้ค่ะ น้ำแข็งด้วย เหมือนจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” ที่รักรีบตอบออกไปพร้อมกับยิ้มให้ตามมารยาทเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี
รุ่นพี่คนนั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเก็บแก้วก่อนหน้านั้นแล้วเดินกลับมานั่งข้างที่รักแล้วชวนอีกฝ่ายพูดคุยกัน
“ไม่น่าล่ะวันนี้เป็นเงียบๆ ซึมๆ” เธอกล่าวกับคนตัวเล็กก่อนจะยิ้มให้แล้วพูดต่อ “ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะกลับก่อนก็ได้นะ ไม่ตรงอยู่จนถึงเลิกงานก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ นานๆ ทีถึงได้รวมตัวกัน” ที่รักยังคงรักษารอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าเอาไว้ได้อย่างดีและสลัดเรื่องที่กังวลของตัวเองออกไปก่อนจะมาแฮปปี้กับงานตรงหน้าต่อ
งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา... ช่วงบ่ายของวันต่างคนต่างทยอยกลับบ้านกันหลังจากจบงานเลี้ยงฉลอง ที่รักเองก็โทรบอกให้รามมารับกลับคอนโดเหมือนกันเพราะอีกฝ่ายได้กำชับเอาไว้แล้วว่าให้โทรบอกและตนจะเป็นฝ่ายมารับเอง
ด้วยความที่ระยะทางจากคอนโดมาที่ห้างที่ที่รรักมาฉลองกันนั้นค่อนข้างจะไกลกันพอสมควร คนตัวเล็กเลยเลือกที่จะไปเดินดูของรอ ถ้าเป็นช่วงวลาปกติเธอคงเดินเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นตามที่ตัวเองชอบ แต่ ณ ตอนนี้ที่รักกลับเดินเข้าร้านของเล่นของเด็กซะงั้น
เดินดูของเล็กชิ้นเล็กที่เหมาะกับเด็กตั้งแต่แรกเกิดมาถึงวัยหัดเดินและเดินได้อารมณ์ที่ดิ่งเมื่อกี้ของที่รักก็กลับมาร่าเริงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างกับตอนที่เธอนั้นนั่งปั้นหน้ายิ้มอยู่งานเลี้ยงอย่างลิบลับราวกับว่าสิ่งของเล็กๆ น่ารักเหล่านี้ปัดเป่าความกังวลทุกอย่างให้เธอได้อย่างนั้นแหละ...
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ พนักงานที่คอยเฝ้าดูอยู่ก็เดินเข้ามาถาม “สนใจของขวัญชิ้นไหนเป็นพิเศษไหมคะ?”
ที่รักได้แต่ยิ้มให้พร้อมกับโค้งหัวให้อักฝ่ายหน่อยนึงเพราะไม่รู้จะตบยังไง
ถามว่ามีอันไหนที่เธอสนใจไหม แน่นอนว่ามี แต่เธอยังไม่รู้ว่าเด้กในท้องเธอเพศอะไรเลยเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมากสำหรับคุณแม่ที่ไม่รู้เพศขงลูกตัวเอง แต่ถ้าให้เลือกมาสองชิ้นเผื่อลูกชายและลูกสาวเธอคงจะเลือกของชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ ที่เหมาะกับเด็กที่เพศทุกวัยแทน
แต่เด็กทารกและเด็กแรกเกิดคงใช้ของเล่นแบบเดียวกันได้นั่นแหละ...
และของที่ควรซื้อเป็นอันดับแรกๆ น่าจะต้องเป็นผ้าอ้อมด้วยซ้ำ
อืม...หรือจะเป็นคู่มือการดูแลลูกกันนะ?
ที่รักยืนนิ่งคิดอยู่ที่เดิมก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าร้านหนังสือไปหาคู่มือการดูแลลูกน้อยแทนแล้วซื้อมาหนึ่งเล่มและซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องมาด้วยอีกอย่างละหนึ่งเล่มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาและคาดการว่าอีกประมาณกี่นาทีรามถึงจะมาถึงที่นี่
เธอเลยเดินไปโซนซุปเปอร์ก่อนเพื่อซื้อของที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะซื้อไปทำกินที่ห้องเย็นนี้และซื้อพวกของแห้งเข้าห้องด้วย แต่เดินไปยังไม่ถึงไหนโทรศัพท์เครื่องบางก็สั่นขึ้นด้วยความแรงเพราะมีคนโทรเข้าเสียก่อน
‘ราม’
เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาก็กดรับทันทีแล้วกรอเสียงใสให้อีกฝ่ายได้ยิน
“โหล? ถึงแล้วหรอ?”ว่าแล้วก็เดินไปหยุดตรงที่ไม่เกะกะคนแล้วมองซ้ายขวาด้วย
[อา ตอนนี้อยู่ตรงไหน?]
“นึกว่าอีกนานนายจะมาถึงเลยว่าจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์รออ่ะ” เธอกล่าวว่าไปตามจริง
รามที่กำลังเดินลงจากก็รีบถามออกไปทันที [ตอนนี้อยู่ตรงไหน?]
“อยู่แถวๆ ร้านX”
[รอตรงนั้น] รามว่าก่อนจะตัดสายไปแล้วรีบก้าวขายาวๆ ของเขาเพื่อที่จะไปหาที่รักได้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
วันนี้เป็นวันแรกที่เขาไม่ได้ออกมาข้างนอกกับที่รัก ไม่น่าเชื่อว่าแค่ห่างจากเธอไม่กี่ชั่วโมงจะทเขานั่งไม่ติดเบาะและอยู่ไม่สุขได้ขนาดนี้ ทั้งที่ปกติก็มีอยู่ห่างกันบ้างเช่นตอนไปเรียน หรือเพราะนี่ไม่ใช่การไปมหา’ลัยกันนะรามเลยกังวลและเป็นห่วงได้ขนาดนี้
ต้องใช่แน่ๆ
รามได้แต่คิดเองเออเองไปก่อนเพราะไม่อยากให้ความคิดของตัวเองมันปั่นป่วนไปมากกว่านี้ เพราะแบบนั้นคนตัวสูงเลยเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม และเมื่อถึงที่นัดหมายและได้เห็นว่าคนตัวเล็กยังปกติดีทุกอย่างรามถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเลยทีเดียว...
“ที่รัก” และเสียงทุ้มต่ำก็ถูกเปล่งออกไปพร้อมกับมือที่ยื่นออกไปแตะไหล่บางของที่รักเบาๆ ส่งผลให้คนตัวเล็กที่ยืนเหม่อลอยอยู่สะดุ้งตื่นเล็กน้อยด้วยความตกใจก่อนจะหันมามองหน้ารามแล้วตีที่แขนแกร่งเบาๆ
“ตกใจนะ!” แล้วก็พูดออกไปด้วยเสียงงุ้งงิ้งของเธอก่อนจะกอดแขนของรามเอาไว้แล้วสิ่งยิ้มอันสดใสออกไปให้
“ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรนะ?” รามถามที่รักพร้อมกับก้มสำรวจคนตัวเล็กไปด้วย
ที่รักส่ายหน้าเบาๆ เพื่อตอบคำถามของราม
เห็นคนตัวเล็กตอบแบบนั้นรามก็ไม่ได้เซ้าซี้จะคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ ทั้งคู่เลยเดินไปซื้อของด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างดีงาม...
“นี่ราม...” ฉันส่งเสียงเรียกรามออกไปพร้อมกับหันไปมองเขาที่เดินตามหลังฉันพร้อมรถเข็นที่เอาไว้ใส่ของ
คนตัวสูงเลิกคิ้วขึ้นเหมือนรอว่าฉันจะถามอะไรเขา
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ใช่อยู่ว่าความสัมพันธ์ของฉันกับรามค่อนข้างดี มีอะไรเราก็บอกกันตลอด แต่ก็ใช่ว่าฉันจะบอกทุกอย่างออกไปจริงๆ...
บางเรื่องฉันไม่รู้จะพูดออกไปยังไง บางเรื่องฉันก็ไม่อยากให้รามมาคิดมากกับฉันเพราะมันเป็นแค่อารมณ์คิดเล็กคิดน้อยของฉันเองเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย เพราะแบบนั้นฉันเลยอยากจะลองจัดการตัวเองเงียบๆ คนเดียวดู แต่ว่าทำแล้วและมันไม่เวิร์คเลย...
“แม่นาย...ชอบกินไรอ่ะ?” ฉันถามแล้วหันกลับมามองสินค้าที่วางอยู่บนชั้นวางของเพื่อทำเป็นเนียนๆ เลือกซื้อของ
“เท่าที่รู้คือกินได้หมด” รามตอบ
ฉันนิ่งไปเมื่อได้คำตอบที่ไม่ค่อยจะช่วยอะไรมากเท่าไหร่...
“งั้นแม่นายชอบอะไร? เอาเป็นสิ่งของหรืออะไรก็ได้” ฉันถามออกไปใหม่และหวังจะได้คำตอบที่ดีกว่าเดิม
แต่ว่า...
“ชอบเธอ” กลับเป็นคำตอบที่ทำให้ฉันขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
“อะไรน่ะราม?” ฉันถามแล้วหัวเราะแห้งๆ ออกไปเผื่อว่าที่รามตอบจะเป็นมุขขำขัน ต่ว่ารามกลับอธิบายคำตอบออกมาอย่างจริงจังว่า
“แม่ฉันเคยบอกว่าฉันชอบใครแม่ก็ชอบหมด”
“ห้ะ...”
“ฉันชอบเธอ แสดงว่าแม่ฉันก็ต้องชอบเธอเหมือนกัน”
อธิบายเป็นขั้นๆ ด้วยใบหน้านิ่งๆ และเรียบเรื่อยเหมือนกับตอนถามว่าเย็นนี้จะกินอะไรไม่มีผิด
นี่เขาจะบอกชอบฉันด้วยสีหน้าแบบนี้จริงดิ?
แล้วนี่ฉันจะมาอมยิ้มคนเดียวเพราะใบหน้าเรียบเรื่อยกับน้ำเสียงที่เรียบนิ่งของรามเนี่ยนะ!
บ้าที่สุด!
“ไอ้บ้าราม! ไม่ต้องมาพูดจาน่ารักเลยนะ” ฉันว่าแล้วเดินไปหารามที่อยู่ไกลกันเท่าไหร่แล้วกอดแขนรามเอาไว้
เรื่องที่เครียดอยู่เมื่อกี้เหมือนถูกคำพูดของรามปัดเป่าไปจนหมด จนฉันเริ่มคลายความเครียดลงได้บ้าง
รามก้มลงมามองฉันแล้วมองปฏิกิริยาเหล่านั้นก่อนจะถามออกมาสองคำถาม
“ถามทำไม? อยากมัดใจแม่ฉัน?”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ฉันตอบไปก่อนจะซบหน้าลงที่ต้นแขนแกร่งของรามแล้วพูดต่อ “ฉันแค่กังวล แล้วก็มีเครียดบ้างเพราะกลัวแม่นายรับฉันไม่ได้เลยจะลองหาอะไรที่ท่านชอบติดมือไปด้วยเผื่อท่านจะไม่ชอบฉัน แต่ยังเก็บไว้ในใจไม่พูดออกมาแทนไง”
“......”
“ฉันจิตใจบอบบางนะราม...” ฉันว่าแล้วหยิบเอาสบู่มาใส่ในรถเข็นแล้วก็ผละออกจากรามเพื่อวิ่งไปหยิบแชมพูกับครีมนวดผมมาด้วย และพอกลับมาที่รามคนตัวสูงก็เอื้อืมมือมารับของแล้วพูด
“เครียดเรื่องไร้สาระ”
“ไม่ไร้สาระนะ”
“พูดมาเหมือนไม่รู้จักแม่ฉัน” รามรีบแย่งฉันพูดขึ้นมา “ก็รู้ว่าเมื่อก่อนแม่ฉันเอ็นดูเธอแค่ไหน มาเล่นกับน้องฉันก็ชวนแต่จะให้นอนที่บ้านด้วยเลย ฉันกล้าพูดเลยว่าแม่ฉันไม่มีทางไม่ชอบเธอแน่ๆ” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นลูบผมฉันเหมือนจะปลอบใจก่อนจะพูดต่ออีกประโยค “ไม่มีอะไรต้องกังวล ไม่ต้องห่วง”
“อือ ไม่กังวลแล้วก็ได้” ฉันว่าแล้วก็เดินเลือกของต่อโดยที่มีรามเดินเงียบๆ อยู่ข้างๆ
ฉันอยากได้อะไรฉันก็หยิบใส่รถเข็น รามอยากได้อะไรเขาก็จะบอกให้ฉันหยิบให้ เราซื้อของแห้งและของใช้ส่วนตัวเสร็จก็เดินวนมาเลือกของสดที่จะนำไปประกอบอาหารที่จะกินเย็นนี้ มีแค่พวกหมูสับเลยเบสิกสุด ส่วนอย่างอื่นก็ตามที่รามเห็นว่าเหมาะหรือควร และเรายังซื้อผักต่างๆ อีกด้วย ก่อนจะไปจ่ายตังฉันได้เหลือบไปเห็นกระเช้าเลยนึกขึ้นมาได้ว่าถึงแม้แม่ของรามจะไม่มีของที่ชอบเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ควรจะมีอะไรติดไม้ติดมือไปตามมารยาทบ้างเลยได้กระเช้ารังนกมา 1 กระเช้าและขนมทานเล่นที่เป็นคุกกี้กล่องสีแดงๆ ที่เป็นของยอดฮิตช่วงเทศกาลปีใหม่มาด้วย 1 กล่อง จากนั้นก็ไปจ่ายตัง
กลับมาถึงห้องก็เก็บของเข้าตู้ ตอนแรกรามจะทำมื้อเย็นเลย แต่ด้วยความที่ข้าวที่หุงไว้เมื่อเช้ามันเหลือนิดเดียวเลยทำการหุงข้าวก่อนแล้วค่อยลงมือทำอาหาร ตอนนี้เราสองคนก็เลยได้แต่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันเท่านั้น
“สรุปจะกินอะไร?” รามถามฉัน
“กินอันที่มีนั่นแหละ” ฉันตอบเขา
“มีหลายอย่าง เลือกทำไม่ถูก” เขาว่า
ฉันซบไหล่เขาแล้วคิดเมนูอาหารที่อยากกินและคิดถึงวัตถุดิบที่ซื้อมาด้วยว่ามีอะไรที่พอทำได้บ้างซึ่งก็เป็นอย่างที่รามบอกว่ามีหลายอย่าง แล้วพอมีหลายอย่างมันก็อยากกินหลายอย่างไง แต่ว่าฉันกลัวกินไม่หมดไง เดี๋ยวเสียดายของ
แต่อยากกินฟักทอง...
ต้มจืดฟังทอง...
ผัดฟักทอง...
ไม่ก็บวชฟักทอง...
อะไรก็ได้ที่เป็นฟักทอง...
อยากกินมาก และฉันเชื่อว่ารามทำให้ฉันได้แน่นอน แต่ว่า...เราไม่ได้ซื้อฟักทองมาด้วยเนี่ยสิ
ก็ตอนเดินดูของมันไม่ได้มีความรู้สึกหิวหรืออยากกินอะไรนี่นา! ถ้าตอนนั้นรู้สึกว่าเย็นนี้อยากกินผัดฟกทองอย่างน้อยก็จะได้ซื้อฟักทองมาด้วย แต่นี่...เพิ่งรู้สึกเมื่อกี้เอง
เพิ่งรู้สึกเมื่อกี้สามารถงอแงอยากกินตอนนี้ได้ไหม?
ได้สิ ต้องได้แหละ
“อยากกินผัดฟักทองอ่ะราม” ว่าแล้วก็ทำเสียงให้คิดว่าน่ารักที่สุดพร้อมกับเล่นมือของรามไปด้วย “แล้วก็ใส่หมูสับนุ่มๆ อ่ะราม มันต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย”
“ไม่มี...” รามกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ฉันก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “นายรู้ใช่ไหมว่าฟักทองทำให้ผิวสวยอ่ะ?”
“......” เขาหยุดฟัง
“ถ้าได้ฉันได้กินนะราม...ลูกเราต้องผิวสวยมากแน่ๆ เลย” แล้วก็เปลี่ยนจากเสียงที่พยายามให้น่ารักเป็นเสียงหงอยๆ แทน “แต่เราไม่ได้ซื้อฟักทองมานี่เนอะ”
“อ่า”
“งั้นกินอย่างอื่นก็ได้เนอะราม” แล้วก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “กินอันที่มีที่ซื้อมานี่แหละเนอะ”
“ขอเวลา 10 นาที เดี๋ยวจะลงไปดูข้างล่างให้ว่ามีไหม”
“ได้หรอราม? ขอบคุณนะ” ว่าแล้วก็ยืดตัวขึ้นไปกอดรอบคอคนตัวสูงพร้อมกับยืดตัวขึ้นไปอมแก้มรามแรงๆ หนึ่งที่แล้วก็ผละออกมานั่งดูโทรทัศน์ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างเบิกบาน
แล้วสรุปวันนั้นฉันก็ได้กินผัดฟักทองตามที่ตัวเองต้องการ แต่ว่าไม่ได้กินฟรีๆ นะเพราะว่าหลังทานข้าวเสร็จรามขอรางวัลด้วยการที่คืนนั้นฉันต้องไปนอนที่ห้องของเขา
ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะนานๆ ฉันถึงได้ไปนอนห้องเดียวกับรามอยู่แล้ว เรียกได้ว่าถ้าไม่มีความจำเป็นก็คือต่างฝ่ายต่างนอนห้องของตัวเองเลยทั้งที่วันนั้นเพื่อนฉันก็พูดยุยงให้มีความกล้าไปนอนที่ห้องของรามแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...ไม่กล้าไง! อันนี้ถ้ารามไม่ขอก็ไม่ไปหรอกนะ!
ความคิดเห็น