คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : #ที่รักของราม:: 13[อัพครบ+CUT]
สรุปวันนั้นหลังจากกลับจากหาหมอรามก็ตัวติดฉันทั้งวันจริงๆ ไม่มีอะไรที่พูดโอเว่อร์ไปกว่าเดิมเลยเพราะเราไม่ได้ไปไหนและอยู่แต่ในห้องเพราะเราทั้งคู่เลือกที่จะขอลาอาจาร์ประจำวิฃาของเราเพราะไม่รู้ว่าหมอจะใช้เวลาตรวจนานแค่ไหน เพราะแบบนั้นเขาเลยมีโอกาสเอาตัวเองมาคลอเคลียกับฉันแล้วคอยถามฉันว่า 'เครียดไหม? เครียดรึยัง?' ทั้งวัน แต่ว่าหลังจากวันนั้นเราก็ปกติทุกอย่างเลยนะ ใฃ้ชีวิตทุกอย่างตามปกติหมด
ทั้งฉันทั้งรามอ่ะที่ปกติ จะมีผิดปกติก็แต่...
"ฉันเข้าใกล้แกไม่ค่อยได้เลยนะช่วงนี้อ่ะ" ขวัญตาพูดขึ้นก่อนจะยื่นยาดมให้ฉันเมื่อเห็นฉันเดินกลับมาจากห้องน้ำ
อาการแบบนี้จริงๆ มันไม่เรียกว่าผิดปกติหรอก มันเป็นอาการที่ปกติสำหรับคนท้องอยู่แล้วที่จะมีอาการแพ้ท้องบ้าง แต่ช่วงนี้กลิ่นน้ำหอมของเพื่อนฉันมันแรงมากจนฉันเข้าใกล้ไม่ได้เลย เวลาอยู่ใกล้กันก็จะรู้สึกพะอืดพะอมตลอด ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่กลิ่นน้ำหอมของขวัญตาเท่านั้นเพราะกับน้ำหอมนี่ห้อที่ฉันใช้เองตอนนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
ไม่ไหวอ่ะ อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เลี่ยงได้ก็อยากจะเลี่ยง ไม่งั้นถ้ารามเกิดเป็นห่วงแบบโอเว่อร์ขึ้นมาเดี๋ยวเขาได้บอกให้ฉันไปทำเรื่องดรอปเรียนแน่ๆ
เขาถามฉันบ่อยนะว่าเครียดไหม แต่เป็นการถามด้วยจุดประสงค์ที่แสดงออกชัดเจนมากว่าอยากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะด้วยกัน แต่พอเกี่ยวกับเรื่องเรียนเขากลับบอกว่าอยากให้ฉันพักการเรียนเอาไว้ก่อนเพราะกลัวว่าฉันจะเครียดกับเรื่องเรียนจนมีปัญหาสุขภาพทั้งเด็กในท้องและฉัน แต่ก็อย่างที่เห็น...ฉันยอมเขาที่ไหนล่ะ
ก็จะเรียนอ่ะ!
ถึงจะไม่ไหวกับกลิ่นน้ำหอมที่มันฉุนๆ ของใครหลายๆ คนรอบตัว แต่เรื่องเรียนฉันยังไหวอยู่นะ!
แล้วอีกอย่างคือเดี๋ยวก็สอบปลายภาคแล้วด้วย จะให้ฉันนั่งเรียนทั้งเทอมเพื่อมาดรอปก่อนสอบแบบนี้ฉันไม่เอาหรอกนะ!
"ไปนอนพักก่อนไหมแก?" ขวัญตาถามฉันด้วยความเป็นห่วง ส่วนฉันทำได้แค่ส่ายหน้าให้เธอเท่านั้น
แต่แทนที่ขวัญตาจะทำเป็นเข้าใจเหมือนทุกทีที่ฉันส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ครั้งนี้เพื่อนฉันกลับถามออกมารัวเลยทีเดียว "แก...เป็นอะไรมากรึเปล่า? แกไปหาหมอยัง? ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมอ่ะ?"
"......" ฉันนิ่งไป
"ฉันเป็นห่วงแกมากเลยนะที่รัก อาการของแกอ่ะ... มัน..." ขวัญตาพูดยังไม่ทันจะจบประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดโดยอาจารย์ที่เดินนำกลุ่มนักศึกษาเข้ามา
ฉันนั่งลงประจำที่ตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของเพื่อนไว้แล้วบีบเบาๆ
ริมฝีปากยกยิ้มหน่อยให้เพื่อนไปก่อนจะบอกมันไปว่า "แกไม่ต้องห่วงนะ มันไม่ได้ร้ายแรงหรอก" และก่อนจะปล่อยมือของขวัญตาให้เป็นอิสระฉันก็ม่ลืมที่จับอกมันว่า "ถ้าฉันพร้อม ฉันจะบอกแกเอง"
ขวัญตาเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะพยักหน้าแรงๆ หลายๆ ครั้งให้ฉันเหมือนจะบอกว่าเข้าใจ
แต่ว่าถ้าเกิดมองดีๆ จะเห็นว่าเธอกำลังน้ำตาซึมอยู่และเมื่อขวัญตาหยุดพยักหน้ามันก็ยิ่งชัดเจนไปอีก...
ดวงตาที่กำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาที่เธอใช้มองฉัน...มันทำให้ฉันพูดไม่ออก
ฉันรู้ว่าลึกๆ ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูร่าเริงและไม่สนโลกของเพื่อนเป็นคนอ่อนไหวง่ายแค่ไหน
ฉันรู้ว่าเพื่อนชอบกินอะไรและสีโปรดของเพื่อนคือสีไหน
สถานที่ที่เพื่อนฉันชอบไปฉันก็รู้
แต่ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงฉันมากถึงขนาดที่จะมานั่งร้องไห้ใส่กันแบบนี้ แถมยังอยู่ในเวลาเรียนอีกด้วย
"ยัยนี่!" ฉันทำเป็นดุเพื่อนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะอาจารย์เริ่มสอนแล้ว
ขวัญตาหัวเราะออกมาเช่นกันก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองออกเบาๆ แล้วหันไปตั้งใจเรียน
วันนี้ฉันได้รับรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตัวคนเดียวอรกต่อไปแล้วจริงๆ
ฉันมีเพื่อนสนิทที่เรียนมหา'ลัยด้วยกัน
มีเพื่อนสนิทอีกคนที่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมต้น
มีรามที่เป็นทั้งแฟนและเพื่อนที่ดีของฉัน
และมีตัวเล็กที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกเจ็ดเดือนข้างหน้า
มีแค่นี้ก็พอแล้ว...
สำหรับฉันแค่นี้ก็พอแล้วจริงๆ...
หลังเลิกเรียน
"แกจะกลับเลยไหม?" ขวัญตาถามฉันตอนที่เราสองคนกำลังยืนรอลิฟท์อยู่
เราเพิ่งเรียนเสร็จกันเมื่อกี้เพราะวันนี้มีเรียนเช้าอย่างเดียว ตอนแรกว่าจะกลับคอนโดเลย แต่ว่ารามเหมือนจะยังเรียนไม่เสร็จ ฉันเลยตอบขวัญตาออกไป "ต้องรอรามก่อนอ่ะ"
"ให้ฉันไปส่งป่ะ?"
"ไม่เป็นไรหรอก แกจะไปกินข้าวกับแฟนนี่" ฉันว่าแล้วส่งสายตาแซวเพื่อนไปก่อนจะพูดต่ออีก "เดี๋ยวรามก็เลิกแล้ว"
"งั้นก็ได้" ขวัญตาว่า
บทสนทนาเราจบลงแค่นั้นจนกระทั่งลิฟท์มาก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก แต่ว่าพอลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างขวัญตาก็พูดขึ้นมาจังหวะที่เรากำลังเดินออกจากลิฟท์
"นี่ ฉันจะรอวันที่แกพร้อมบอกฉันนะ"
"อืม เร็วๆ นี่แหละ" ฉันว่าแล้วยิ้มให้เพื่อนไป
วันนี้รามเลิกช้ากว่าปกติเพราะว่าอาจารย์เขาติดธุระเลยมาสายไปครึ่งชั่วโมง ดังนั้นเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปอาจารย์เลยสอนเขาต่อไปจนถึงเที่ยงครึ่ง ฉันที่เลิกก่อนและตัดสินใจนั่งรอรามเลิกเรียนก็ได้ขึ้นรถบัสประจำมหาลัยไปรอรามที่ใต้ตึกคณะของเขา เพื่อที่รามจะได้ไม่ต้องขับรถอ้อมมารับฉัน
รอได้ไม่นานเท่าไหร่กลุ่มนักศึกษาที่ใส่เสื้อช็อปก็เดินแห่ลงมาจากตึกคณะวิศวะกรรมศาสตร์เป็นกลุ่มๆ เหมือนกลุ่มของใครของมัน แน่นอนว่าฉันที่อยู่ใต้ตึกย่อมต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการมองหากลุ่มของรามท่ามกลางผู้ชายตัวสูงทั้งหลาย แต่ว่าเมื่อถึงตึดที่คิดว่าหาไม่เจอแน่ๆ ฉันเดินออกมาตรงที่โล่งบริเวณนั้นก่อนจะเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาราม
"ฉันอยู่หน้าตึกของนายนะ" และเมื่อรามรับสายฉันก็รีบบอกพิกัดของตัวเองให้เขารู้ทันที "มันคือต้นอะไรก็ไม่รู้อ่ะราม แต่ถ้านายเดินตรงออกมา มันจะอยู่ต้นหน้าของนายอ่ะ"
[ตรงคนเยอะๆ ไหม?] รามถาม เหมือนเขาเองก็กำลังมองหาฉันอยู่เหมือนกันเลย
ฉันเขย่งปลายเท้าชะเง้อมองหารามพร้อมกับตอบเขาไปด้วย "ใช่ๆ ตรงทางที่คนเดินออกมาเยอะๆ อ่ะ มีที่จอดรถมอไซด้วย"
[รอตรงนั้น เดี๋ยวเดินไปหา] รามว่าก่อนจะกดตัดสายไป
ฉันยืนชะโงกไปชะโงกมารอรามอยู่เกือบห้านาทีก็เห็นร่างสูงคุ้นตาเดินตรงดิ่งมาหาฉันแล้ว
คนตัวสูงถอดเสื้อช็อปของตัวเองออกก่อนจะเอามาคลุมหัวของฉันเอาไว้แล้วกอดคอพาฉันเดินออกมาจากตรงโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ
แต่ว่านะ... เรื่องที่ว่าแปลกมันก็แปลก เรื่องที่ว่าไม่แปลกมันก็ไม่แปลก
จริงอยู่ที่ฉันได้กลิ่นน้ำหอมของตัวเองกับขวัญตาแล้วรู้สึกจะอาเจียนตลอด แต่ว่าพอเป็นกลิ่นที่รามใช้กลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แทบจะเรียกได้ว่าปกติเลยด้วยซ้ำ
มันแปลกนะ หรืออาจเป็นเพราะฉันก็ยังไม่เคยได้ลองกับผู้ชายคนอื่น?
ก็เป็นไปได้ แต่จะว่าไม่เคยก็ไม่ได้นะเพราะจุดที่ยืนอยู่เมื่อกี้ก็มีผู้ชายอยู่เต็มไปหมด แต่ฉันก็ยังไม่ได้มีอาการอะไรเป็นพิเศษเลย
ทำไมนะ?
"ถึงรถแล้ว" เสียงทุ้มต่ำของรามดังขึ้นจังหวะเดียวกันกับเสื้อช็อปของเขาที่ถูกกระชากกลับไปคืน ทำให้ฉันตั้งสติได้ว่าตัวเองเผลอคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยไป แต่พอตั้งสติได้ฉันก็รีบขึ้นรถทันที
ตอนแรกตั้งใจจะนั่งเงียบๆ แต่ว่าพอสายตาหันไปเห็นเสื้อช็อปของรามที่กองยับยู่ยี่อยู่บนตักของเขาก็เลยตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบเสื้อของเขามือถือเอาไว้
ไม่สิ
ไม่ใช่ถือ
แบบนี้น่าจะเรียกกอดมากกว่า เพราะฉันปั้นมันเป็นก้อนกลมๆ แล้วใช้แขนทั้งสอบข้างกอดมันแนบตัวเอาไว้แล้วส่ายไปมาด้วยความรู้สึกที่เรียกได้ว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว
"ยับหมด" รามว่าพร้อมกับยื่นมือข้างซ้ายมาจิ้มแก้มฉันเบาๆ
"เดี๋ยวรีดให้" ฉันบอกเขาไปก่อนจะก้มหน้าลงแล้วทำท่าฟุดฟิดๆ ดมเสื้อเขาเหมือนคนโรคจิต
บ้า ไม่ถึงขนาดที่ใช้คำว่าโรคจิตด้วยได้หรอก
มั้ง
"อย่าดมเสื้อฉันแล้วยิ้มแบบนั้น" รามว่า
ไม่รู้ว่าเขาแอบเหล่มามองฉันตอนไหน แต่ว่าช็อตที่เขาเห็นเมื่อกี้มันต้องดูไม่ดีแน่ๆ เลยเพราะหลังจากที่เขาพูดเสร็จฉันก็ได้หันไปมองเสี้ยวหน้าที่จัดได้ว่าหล่อเหลาของรามแล้วเห็นว่าตอนนี้เขากำลังส่ายหน้าเบาๆ ให้กับท่าทีของฉันอยู่แหละ
"ทำไมส่ายหน้าแบบนั้น? ฉันแค่ชอบเฉยๆ มันผิดตรงไหน!?" ฉันพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
รามไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมานอกจากนั่งขับรถด้วยท่าทางสบายๆ เช่นเดิม เพิ่มเติมคือเขากำลังยิ้มมุมปากอยู่นั่นเอง
มายงมายิ้ม ชิ!
"ทีตัวเองยิ้มมุมปากฉันยังไม่เห็นว่าอะไรเลย" ฉันบ่นอุบอิบ แต่ก็ยังกดจมูกเข้ากับเสื้อของเขาอยู่ดี
ติดไปคิดมาก็คล้ายกับโรคจิตอยู่นั่นแหละ...
ฉันเหลือบไปมองราม เห็นเขามองกลับมาก็ฉีกยิ้มกว้างไปหนึ่งที รามที่เห็นแบบนี้นก็ถอนหายใจใส่ฉันยาวแล้วหันหน้ากลับไปมองถนนเหมือนเดิม แต่ก็ยังพูดขึ้นมาว่า "ทีหลังถ้าแดดมันร้อนมากก็ไปนั่งรอในคาเฟ่"
"อ่าห้ะ" ว่าพร้อมกับกางเสื้อเขาออก
"เป็นลมขึ้นมาอีกจะทำไง..." ประโยคนี้เขาพูดเสียงค่อนข้างเบา แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ได้ยิน
ฉันเงียบแล้วทำท่าคิดว่าถ้าเป็นลมตัวเองจะจัดการยังไง แต่พูดอะไรออกไปก็คงไม่ดีเหมือนเดิมเพราะสุดท้ายก็เท่ากับว่าฉันเป็นลมนั่นเอง
รามที่เห็นว่าฉันเงียบไปก็เอื้อมมือมาลูบผมฉันอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้พูดเพื่อบอกฉันว่า "ที่พูดคือเป็นห่วง"
"รู้" ฉันว่าแล้วพยักหน้าให้รามไป เขาก็ค่อยดึงมือกลับไปขับรถเหมือนเดิม
ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขาเป็นห่วง
ฉันน่ะ...รู้ดีกว่าใครเลยด้วย
และเมื่อรามขับรถมาใกล้ถึงกับบริเวณที่ตั้งของคอนโด เขาก็หันมาถามฉันตอนที่รถจอดติดไฟแดงว่า "หิวยัง?"
"นิดหน่อย" ตอบไปตามความจริง แม้ว่าตอนนี้จะเกือบบ่ายโมงแล้วก็ตาม "แต่อยากกินข้าวผัดฝีมือนายอีกอ่ะ"
"อร่อย?"
"อื้ม!" พยักหน้าแรงๆ แล้วทำตาเป็นประกายให้เขาเห็นด้วย
รามหันไปมองสัญญาไฟจราจรที่ขึ้นสีแดงแสดงการนับถอยหลังจากหลักร้อยเพื่อไปไฟเขียวแล้วหันกลับมาหาฉัน เขายื่นหน้ามาใกล้ก่อนจะใช้มือหนึ่งข้างเอื้อมมารั้งท้ายทอยฉันเข้าไปหาแล้วก่อนจะกดริมฝีปากลงช้าๆ แล้วผละออกไป
สัมผัสที่แผ่วเบาจากเขาทำให้ฉันเผลอกัดริมฝีปากขณะที่มองหน้ารามโดยไม่พูดอะไรออกมาเพราะทำตัวไม่ถูก แต่รามก็ทำลายความเงียบนั้นลงด้วยคำพูดที่ว่า
"พูดจาน่ารัก" แล้วเลื่อนฝ่ามือหนามาที่ใบหน้าของฉันก่อาจะใช้นิ้วโป้งจับที่ปลายคาง ส่งผลให้ฉันเผลอคลายริมฝีปากของตัวเองออกจากกัน
คนตัวสูงหลุลตามองริมฝีปากฉันก่อนจะขยับนิ้วขึ้นมานวดเคล้นริมฝีปากล่างของฉันเบาๆ พร้อมกับทำท่าจะประกบริมฝีปากของเราเข้าหากันอีก แต่ฉันก็ร้องห้ามขึ้นมาก่อน
"ไม่ได้นะ" ห้ามด้วยเสียงเบาๆ
"ทำไม?" รามถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงออกว่าคาดหวังอะไรมากนัก
"อยู่บนรถ ทำไม่ได้" ฉันว่าแล้วทำเป็นหันหน้าไปทางอื่น
รามเงียบไปแค่แปปเดียวแล้วค่อยถามขึ้นมาอีก "แสดงว่าถึงห้องแล้วทำได้?" และครั้งนี้...เขาถามด้วยความคาดหวัง
ฉันอมยิ้มเล็กๆ แล้วหันกลับไปมองรามอีกครั้ง ริมฝีปากขยับตอบคำถามเขาไปว่า "รอถึงห้องก่อนเดี๋ยวตอบ" แล้วก็เลื่อนตัวเข้าไปจรดริมฝีปากลงบนแก้มของรามเบาๆ
ไม่อยากจะพูดเลยว่ากลิ่นน้ำหอมของรามหอมจริงๆ นะ
และเมื่อเรามาถึงคอนโดแล้ว...
"ทำได้ไหม" รามถามขณะที่วางกระเป๋าของตัวเองลงที่พื้นแล้วเดิาตรงมาหาฉันที่ตามหลังเขาอยู่
ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แต่ก็ยื่นมือไปกอดแขนแกร่งของรามเอาไว้แล้วพยักหน้าเบาๆ
รามที่ได้รับการอนุญาตแล้วก็พาฉันเดินเข้าห้องของเขา เราสองคนตรงไปที่เตียงโดยไม่มีใครพูดหรือทักท้วงอะไรขึ้นมาเลย
รามจับมือแล้วดึงให้ฉันไปยืนประจันหน้ากันกับเขา ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างกอบกุมแก้มของฉันเอาไว้ในมือแล้วถาม "เธอพูดแล้วนะ"
ฉันพยักหน้าแล้วหลับตาลงเตรียมตัวที่ตะรับสัมผัสจากราม
ริมฝีปากเย็นชืดของรามประกบลงบนริมฝีปากของฉันอย่างแผ่วเบาราวแล้วค่อยๆ ขยับขบเม้มตามริมฝีปากของฉันช้า
ไม่ได้มีการรุกล้ำกันตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือ แต่เป็นการค่อยๆ เพิ่มระดับความร้อนแรงของสัมผัสของเขาขึ้นเรื่อยๆ ทุกการผละออกและประกบลงมาใหม่ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่เรียวลิ้นของเราเริ่มพันเกี่ยวกันไปมา
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เราตอบรับสัมผัสที่หวานละมุน แต่กลับอันตรายกันโดยไม่สนใจอะไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฉันนอนราบลงกับเตียงโดยที่มีรามขึ้นมาคร่อมร่างกายของฉันไว้ด้วย
มือหนาเริ่มเคลื่อนลงมาที่ร่างกายของฉันแล้วปัดป่ายไปมามั่วไปหมด และทั้งๆ ที่ฉันก็ยังพอมีสติที่ถึงขั้นรู้ว่าเขาทำอะไร แต่ฉันก็ไม่ห้ามหรือทักท้วงออกไปอยู่ดี ขนาดชุดนักศึกษาถูกถอดออกไปฉันยังคงนอนนิ่งจูบตอบเขาอยู่เหมือนเดิม ยกเว้นแต่ตอนที่ฉันกำลังจะหมดลมหายใจจากการจูบดูดวิญญาณของเขาน่ะนะ...
รามผละใบหน้าออกห่าง ปล่อยให้ฉันได้พักหายใจเพียงครู่เดียวก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาใหม่เหมือนคนที่อดอยากปากแห้งมานานมาก
ฉันเอื้อมมือไปกอดคอของรามเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน จัดการใช้นิ้วทั้งห้าของตัวเองแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มผมของรามแล้วขยุ้มเบาๆ จนรามส่งเสียงคำรามในลำคออย่างพอใจ
เขาผละใบหน้าออกจากฉันอีกครั้ง ส่วนฉันก็ได้แต่มองตามด้วยความมึนงงเพราะเพิ่งผละออกไปได้ไม่นาน แต่รามก็โน้มตัวลงมาอีกรอบ ทว่ารอบนี้เขาไม่ได้จะมาบดขยี้ที่ริมฝีปากของฉันอีก ครั้งนี้เขาก้มลงไปแนบริมฝีปากเย็นชืดลงบนต้นคอของฉัน...
"อ๊ะ!" ทั้งแนบทั้งขบเม้มจนฉันเกิดตกใจแล้วส่งเสียงแปลกๆ ออกไป แต่ถ้าคิดว่าเขาทำแค่ครั้งเดียวล่ะก็...ไม่ค่ะ
เขาลากริมฝีปากไล่ระดับจากต้นคอลงมาที่กระดูกไหปลาร้า ต่ำลงมาที่เนินอก เคลื่อนมาหยุดที่ใจกลางหน้าอก แล้วหยุดลงก่อนจะสอดมือข้างนึงไปข้างหลังฉันแล้วทำการปลดตะขอบราของฉันออกแล้วดำเนินการต่อ
ริมฝีปากรามวุ่นวายกับร่างกายฉันไม่แพ้ฝ่ามือร้อนของเขา และแน่นอนว่าความรู้สึกที่ตีรวนในอกของฉันก็มาจากสัมผัสเหล่านี้ของรามทั้งนั้น
ทั้งจากริมฝีปากและฝ่ามือ
และเมื่อริมฝีปากของรามลากลงมาถึงหน้าท้องของฉัน... "อยู่ในนี้ใช่ไหม?" เขาก็ถามฉันเสียงเบาแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
ฉันพยักหน้าตอบเพราะรู้สึกว่าตัวเองเปล่งเสียงออกไปไม่ได้
มัน...มันไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง ต้องพูดด้วยน้ำเสียงแบบไหน หรือว่าพูดด้วยอารมณ์ยังไง
มันไม่พร้อมที่จะพูด แต่ว่าไม่รู้ทำไมเสียงครางถึงหลุดออกจากปากของฉันทุกครั้งที่รามขบเม้มตามร่างกายนะ...
ไม่ได้อยากร้องสักหน่อย เสียงแบบนี้มันน่าอายจะตายไป...
แต่ว่า "ระ...ราม" คำแรกที่หลุดออกจากปากของฉันเป็นชื่อของรามในตอนที่เขาสบตากันแล้วใช้นิ้วชี้ลากวนไปมาอยู่หน้าท้องของฉัน
มือข้างหนึ่งของเขาถอดเสื้อไปรเวทสีดำของตัวเองออกแล้วโยนมันทิ้งก่อนจะเลื่อนลงมาปลดหัวเข็มขัดของตัวเองออกอย่างเชื่องช้า
ช้า...เหมือนเขาไม่รีบ
และช้า...เหมือนจังหวะของนิ้วที่วนไปมาอยู่หน้าท้องของฉัน
"อนุญาตแล้วนะ" รามถามย้ำอีกรอบ...
รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็รู้เหมืแนกันว่าตัวเองอนุญาตเขาไปแล้ว ถึงจะแค่จูบก็เถอะ แต่ว่าฉันก็พยักหน้าตอบกลับรามไปอยู่ดี
พยักหน้าทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงเรื่องจูบ...
รามตะกองแผ่นหลังของฉันขึ้นมาโอบกอดไว้มือข้างหนึ่งจับที่แผ่นหลังของฉัน มืออีกข้างฉันไม่รู้ว่มเขาเแาไปไว้ไหนเพราะตั้งแต่ลุกขึ้นนั่งกอดรามอยู่แบบนี้ฉันก็ไม่ได้สนใจอีกเลย มังแต่สนกลิ่นที่ได้จากผิวกายของเขา
ตอนแรกฉันคิดว่ากลิ่นน้ำหอมจะติดอยู่กับเสื้อรามอย่างเดียว แต่พอเขาถอดเสื้อทั้งหมดออกฉันกลับยังได้กลิ่นหอมจากตัวเขาอยู่เลย
'ติ๊ด!'
ท่ามกลางความเงียบ เสียงเครื่องปรับอากาศภายในห้องเริ่มทำงาน...
มืออีกข้างของรามวางลงที่สะโพกของฉันหลังจากเสียงนั้นก่อนที่ตัวฉันจะถูกวางลงเหมือนเดิม
รามหยัดตัวเองขึ้นยืนแล้วดึงเอากางเกงของเขาออกโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ฉัน ดึงชั้นในของเขาออกตามไปด้วยแล้วขึ้นมาบนเตียงใหม่อีกครั้ง
ส่วนฉัน...ก็นอนชันเข่ามองทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ร้อนเห่อ
เกินไป...
ขนาดของมัน...เคยเห็นมาแล้ว แต่ยังรู้สึกว่ามันเกินไปจริงๆ
รามจัดการถอดกระโปรงนักศึกษาของฉันออกพร้อมกับแพนตี้ตัวเล็ก เขาดึงทั้งสองอย่างออกพร้อมกันก่อนจะโยนมันหายไปที่ไหนสักที่ในห้องแล้วจับเข้าที่เข่าสองข้างของฉันแล้วแหกออก
ฉันอยากจะขัดขืน...
อยากจะ...แปลว่าไม่ได้ทำ
และใช่ ตอนนี้พื้นที่สงวนของฉันถูกรามจ้องมองมาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
"ราม..." ฉันเรียกชื่อของคนตัวสูงอีกครั้ง เรียกร้องความสนใจจากเขาเพราะรามเอาแต่จ้องสิ่งสงวนของฉันอย่างไม่ละสายตา แตาถึงจะเรัยกยังไงรามก็ไม่สนใจฉันอยู่ดี
เขาโน้มหน้าลงไปใกล้กับมันแล้วใช้นิ้วร้อนแตะตรงจุดอ่อนไหวแล้วพูดเสียงต่ำออกมาเพียงแค่ประโยคเดียว
"จะเข้าไปหาลูก"
หลังจากนั้นก็ไม่พูดไม่จาอะไรกันอีกเลย
ความคิดเห็น