คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : #ที่รักของราม:: 06[อัพครบ]
หลังจากที่ฉันยอมตอบรามไปตรงๆ เราก็มานั่งเงียบกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ฉันที่นั่งก้มหน้าคิดอะไรไม่ออกรู้ว่าเขามองฉันอยู่ ก็คงจะรอให้ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อนนั่นแหละ หรือไม่ก็ตอนนี้ต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
ในสถานการ์แบบนี้...ถามจริงๆ เถอะว่าฉันต้องพูดอะไร?
ชวนเขาตั้งชื่อลูกหรอ?
บ้าบอ
รามที่เอาแต่มองฉันตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่พูดอะไรออกไปแน่ๆ เลยเป็นฝ่ายพูดก่อน "อย่าเงียบ คิดอะไรก็พูดออกมา"
"แล้วต้องพูดอะไรล่ะ?" ฉันถาม
รามก้มมองโทรศัพท์ในมือของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมา "อ่อนเพลียไหม?"
"ไม่"
"คลื่นไส้?"
"ไม่"
รามนิ่งแล้วก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองอีก "เวียนหัว อยากเข้าห้องน้ำบ่อย อยากอาหาร รู้สึกอะไรพวกนี้ไหม?" ถามเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมามองฉัน
"อยากอาหาร ช่วงหลายวันมานี้เวียนหัว" ฉันบอกเขาไป
ก็หิวข้าว ยังไม่ได้กินข้าวเลย ส่วนเวียนหัวก็บ่อย แต่คิดว่ามันเป็นเพราะตากแดดหรือไม่ก็มีบางช่วงที่ไม่ได้กินอะไรมั้งเลยรู้สึกแบบนั้น ไม่คิดว่าอาการเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะเกี่ยวกับท้องด้วยน่ะ
รามพยักหน้าให้ฉันก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าแล้วพูด "อืม ทีหลังถ้ามีอาการพวกนี้ให้รีบบอก" เขาว่าแล้วยกแขนขค้นพาดพนักพิงของโซฟาผ่านไหล่ฉันไป
แล้วเราสองคนก็เงียบอีก...
มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ฉันตะติดแล้วตัดสินใจเลยได้ แต่ทำไมรามไม่ได้มีท่าทีคิดมากเหมือนฉันเลยล่ะ?
"ราม" ฉันเรียกชื่อเขาเสียงเบาก่อนจะหันไปมองเขาแล้วถามออกไป "นายไม่คิดมากเรื่องนี้เลยหรอ?"
"ไม่" ตอบสมกับเป็นรามดี ดูไม่ใส่ใจหรือไม่สนใจอะไร แต่ถ้าได้ลองมารู้จักเขาจริงๆ แล้วจะรู้ว่าเขาค่อนข้างใส่ใจเลยทีเดียว
ช่วงที่ผ่านมารามดูแลฉันดีมาก วันไหนเรามีเรียนเวลาเดียวกันเขาก็จะชวนนั่งรถไปด้วยแล้วถ้าฉันเลิกช้ากว่าเขา เขาก็จะรอ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะหมายถึงรอทั้งวันก็เถอะ...
แต่เขาดูแลดีจริงๆ เวลาจะกินอะไรก็นึกถึงตลอด แล้งก็จะคอยถามว่าหิวไหม กินอะไรไหม ให้สั่งข้าวให้ด้วยไหมทุกครั้งเลย ซึ่งชีวิตฉันในช่วงที่ผ่านมามันดีจริงๆ
แต่ไม่คิดว่าเขาจะดีถึงขั้นจะรับผิดชอบแบบไม่คิดมากแบบนี้...
"นายต้องคิดมากสิ..." ฉันบอกเขาก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วพูดต่ออีก "พ่อกับแม่นายจะรับได้หรอ?"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับสองคนนั้น?" เขาถามฉันกลับ มือที่พาดผ่านหัวไหล่ฉันไปเริ่มงอข้อพับของตัวเองแล้วเล่นผมที่ถูกปล่อยสยายของฉัน
"นั่นพ่อแม่นายนะ!" ฉันเสียงดังแล้วยกมือขึ้นไปจับมือเขาที่กำลังเล่นผมของฉันไว้นิ่งๆ "นายมาทำใครท้องก็ไม่รู้อ่ะ พวกเขาจะรู้สึกยังไง?"
"แต่พ่อแม่ฉันรู้จักเธอ..." เขาว่า "รู้จักมานานแล้วด้วย"
"......" ลืมเลย...
"เธอเป็นเพื่อนน้องฉันมากี่ปี พ่อกับแม่ฉันก็รู้จักเท่านั้นแหละ"
ฉันเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร "แต่ราม..."
"อย่าคิดมาก เดี๋ยวจัดการเอง" เขาบอกฉันแบบนี้แล้วยกมือขยี้ผมฉันเบาๆ
ดวงตาคมเข้มของเขาจ้องมองมาที่ฉันก่อนจะก้มลงมองที่หน้าท้องที่ยังแบนราบอยู่
ฉันรู้แค่ว่าตัวเองท้อง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้อายุครรภ์เท่าไหร่ ไม่รู้เลยว่าต้องทำตัวยังไงบ้างในการเตรียมตัวอุ้มท้องเด็กคนหนึ่ง แต่...แต่เดี๋ยวฉันค่อยหาความรู้เอาเองก็ได้
ค่อยๆ เรียนรู้กันไปพร้อมๆ กับเด็กในท้องนี่แหละ
เพราะว่าพ่อของเขาน่ะ...
"เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย" เขาพูดแล้วขยับห่างออกไปก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนตักของฉันแล้วหันหน้าเข้าหาหน้าท้อง "ไม่เห็นจะเด้งๆ เลย" แล้วก็พูดไปใช้นิ้วจิ้มหน้าท้องฉันผ่านเสื้อยืดไป
"รามฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองท้องนะ" ฉันพูดก่อนจะปัดมือเขาออกแล้วใช้มือตัวเองลูบตรงส่วนที่เขาจิ้มเมื่อกี้เบาๆ
"จะไปหาหมอไหม?" เขาถาม
ฉันส่ายหน้าตอบ
เขาทำเงยหน้ามองฉันแล้วทำหน้านิ่งใส่ "แล้วจะรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไงบ้าง?"
"ก็...ฉันยังไม่พร้อมไง" ฉันบอกเขา
"อยากให้รีบๆ พร้อม" เขาพูด น้ำเสียงที่นิ่งเรียบของเขาเจือไปด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาเหมือนเด็กผู้ชายที่ได้ของเล่นใหม่ทั้งที่ใจฉันตอนนี้ตึงเครียดไปหมด
เขาพูดต่ออีกหลังจากที่เงียบไปสักพักหนึ่ง "อยากเห็นแล้วว่าเป็นยังไง" ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ตื่นเต้นกว่าเดิม...
"นี่ราม ฉันท้องนะ ไม่ได้จะพานายไปซื้อของเล่น ไม่ต้องทำหน้าตื่นเต้นก็ได้" ฉันบอกเขาไปพร้อมกับตีมือลงบนแก้มของรามเบาๆ เพื่อเรียกสติเขาให้กลับมา
รามรีบเงยหน้ามองฉันแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะพูดว่า "ยังไม่รู้เลยว่าในท้องเพศไหน"
"......" อะไรนะ?
"ไม่ต้องรีบซื้อมาขนาดนั้นก็ได้" เขาว่าอีก
"......" เอ่อ ฉันว่าเราพูดกันคนละเรื่องกัน...
ฉันถอนหายใจแล้วบอกเขาไป "ช่างมันเถอะ"
รามทำหน้านิ่งใส่ฉันแล้วหลับตาลง ส่วนฉันก็นั่งนึกว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่และวันอะไรก่อนจะพูดเสียงเรียบออกไปว่า "พรุ่งนี้ตอนบ่ายไม่มีเรียนทั้งคู่ ถ้าอยากพาไปหาหมอค่อยไปพรุ่งนี้" แล้วก็ปล่อยให้เขานอนอยู่แบบนั้น
รามไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับมา ทำเพียงแค่ดึงมือฉันไปจับเอาไว้แล้วนอนนิ่งๆ จนลมหายใจเข้าออกของเขาสม่ำเสมอ
สรุปวันนี้เราทั้งสองคนไม่ได้ไปเรียนกัน...
ฉันตรวจครรภ์ตอนเช้าเพราะพี่เภสัชบอกว่าให้ตรวจตอนเช้า แล้วรามก็เข้ามาเพราะเห็นว่าฉันยังไม่ออกไปข้างนอกสักที
แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น
รามหลับ ฉันเห็นเขาหลับสบายเลยไม่กล้าปลุก แล้วฉันที่ฉันเห็นเขาหลับสบายก็เลยหลับตาม ตื่นอีกครั้งก็ตอนสายๆ ของวันเพราะกลิ่นอาหารที่รามซื้อมา เราไม่ได้พูดกันเรื่องท้องอีกเลยตั้งแต่ตอนเช้าจนกระทั่งตอนบ่ายของวันต่อมา
"ฉันอยากเปลี่ยนชุดก่อน" ฉันหันไปบอกรามที่กำลังขับรถอยู่เสียงเบา มือแอบชื้นเหงื่อเพราะรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อกำลังจะไปหาหมอ
รามส่งเสียง "อืม" ออกมาก่อนจะวนรถกลับแล้วตรงไปยังคอนโด
ฉันเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงขายาวธรรมดา รามเองก็ไม่ต่างกัน
เราตกลงกันว่าจะไปโรง'บาลที่ใกล้คอนโดแทนเพราะตอนแรกเราเลือกจะไปที่ที่ใกล้กับมหา'ลัยเนื่องจากเห็นว่ามันเดินทางเร็วกว่า แต่ว่าพอมาคิดดูอีกทีเราสองคนอยู่มี่คอนโดเป็นส่วนใหญ่ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้มาที่โรง'บาลใกล้คอนโดแทน
ฉันมาจองติว นั่งรอ แล้วทำตามขั้นตอนทุกอย่างโดยมีรามคอยอยู่ใกล้ๆ ตลอด เวลาหมอถามอะไรฉันก็ตอบไปตามความจริงทุกอย่าง เป็นครั้งแรกด้วยที่รามได้รู้เกี่ยวกับอาการที่ฉันไม่ได้บอกเขาไปเมื่อวาน หลังจากนั้นฉันมีตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ความดันและอีกหลายๆ อย่างตามที่คุณหมอต้องการ ขั้นตอนนี้รามนั่งรออยู่ข้างนอก ฉันต้องทำทุกอย่างคนเดียวเพราะฉันเป็นคนบอกเขาเองว่าไม่เป็นอะไร
หลังจากเสร็จทุกอย่างเราก็รอผลตรวจ เมื่อได้ผลตรวจฉันกับรามก็เข้าไปนั่งฟังที่หมออธิบายและบรรยายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์
หมอบอกว่าฉันท้องได้ 5 สัปดาห์แล้ว อาการของคนที่อายุครรภ์เท่านี้ก็มีพวกอาการเบสิคที่รามเคยถามฉันเมื่อวานกับรู้สึกเปรี้ยวปากอยากกินของเปรี้ยวหรืออยากกินพวกของแปลกๆ แต่ฉันยังไม่มีอาการนี้เพราะไอ้ของที่อยากกินก็หาได้ทั่วไปเลยมองว่ามันไม่แปลกเท่าไหร่
หมอยังบอกเรื่องข้อห้ามสำหรับคนท้องช่วงไตรมาสต์แรกให้ฉันฟังอีกด้วยว่าห้ามอะไรบ้าง หลักๆ คือห้ามทานพวกของกึ่งสุกกึ่งดิบ พวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามสูบบุหรี่แล้วก็ห้ามเครียด ฉันก็ตกลงรับคำอย่างเชื่อฟัง รามที่นั่งฟังด้วยกันก็พยักหน้าให้หมออย่างเงียบๆ
เท่านั้นแหละ แล้วเราสองคนก็ทำเรื่องฝากครรภ์ตามที่หมอแนะนำ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องจ่ายรามบอกว่าจะออกเอง แต่ฉันบอกเขาว่าให้หารกันออก ตอนแรกเขาไม่ยอม แต่พอเห็นว่าฉันเริ่มไม่ยอมด้วยเขาเลยยอม...
หมอสั่งยังยาและพวกอาหารเสริมสำหรับคุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ มาให้ฉันอีกด้วย
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเมื่อก่อนเคยหละหลวมในการใช้ชีวิตยังไง ตอนนี้ต้องเปลี่ยนใหม่หมด
"ฉันต้องพักผ่อนให้มากขึ้น เลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์ ไม่คิดมากหรือเครียดเกินไป..."
"......"
"แล้วก็อีกนะราม?"
"รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติให้รีบบอก"
"อ่านั่นแหละ!" ฉันว่าเมื่อได้ยินที่เขาบอก ตอนนี้เราสองคนกลับมาที่คอนโดแล้ว และกำลังนั่งคุยกันเรื่องที่หมอพูดเมื่อกี้ว่าเขาให้ทำอะไรบ้าง
ก็อย่างที่เห็น...ตอนอยู่กับหมอมันจำได้อยู่ แต่พอนั่งรถกลับมาที่คอนโดปุ๊ปฉันก็ลืมเลย มีจำได้บางส่วนที่มันเน้นๆ ย้ำๆ ตั้งแต่อยู่โรง'บาลแล้ว บางอันที่ไม่ได้เน้นย้ำไว้ก็ลืมไป แต่รามกลับจำได้ซะงั้น
"สมุดที่หมอเอาให้ก็มี เปิดอ่านสิ" รามว่าก่อนจะเดินมานั่งข้างกันแล้วหยิบสมุดเล่มเล็กที่อยู่ในถุงผ้าออกมาดู "ต้องเริ่มใส่ใจตัวเองให้มากกว่าเดิมแล้วนะ"
"ค่าๆ" ฉันว่าแล้วก็ขยับเข้าไปอ่านหนังสือทำความเข้าใจต่างๆ กับเขาด้วย
"ตั้งแต่วันนี้เริ่มนอนตอนสามทุ่มนะ" รามว่าหลังจากเปิดสมุดไปมาได้ 2-3 หน้าแล้ว
"อื้ม!" ฉันพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
"นิสัยชวนดื่มก็เลิกแล้วนะ" เขาพูดอีก
"อื้ม!"
"ข้าวเช้าที่ไม่ค่อยกินก็ต้องกินทุกวัน"
"เค"
"อืม น่าจะเท่านี้แหละนิสัยที่มันติดตัวเธอน่ะ" เขาว่าก่อนจะปิดสมุดเล่มเล็กลงแล้วหันมามองฉัน
"ก็จะเปลี่ยนตัวเองอยู่ เรื่องแค่นี้สบายมาก" ฉันพูดพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกแล้วยักคิ้วให้เขาด้วยหนึ่งครั้ง
รามส่ายหน้าไปมาเหมือนกับเอือมที่ฉันมีท่าทีผ่อนคลายต่างจากเมื่อวานมาก ก่อนจะพูดพึมพำออกมา
"น่าเป็นห่วงจังวะ..."
"ห่วงอะไร? ฉันน่ะดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว" ฉันบอกรามก่อนจะยกแขนขึ้นพาดบ่าของเขาแล้วยิ้มให้
เมื่อวานแอบเครียด แต่มาวันนี้เหมือนจะปรับตัวทันแล้ว แต่แค่ประหม่าตัวจะไปหาหมอเท่านั้น ได้ยินที่หมอพูดมาก็เหมือนจะไม่มีอะไรให้เป็นห่วง ดังนั้น...ฉันต้องไม่เครียด เดี๋ยวเด็กในท้องจะสุขภาพไม่ดีไปด้วย
รามเอื้อมมือมาดึงแก้มฉันเบาๆ แล้วรื้อของในถุงผ้าออกมาให้หมดแล้วทำท่าเหมือนหาบางอย่างก่อนจะถามออกมา "แล้วลูกอยู่ไหน?"
ลูกอะไร?
เขาหมายถึงอะไร?
ลูกก็อยู่ในท้องฉันนี่ไง ไปหาจากในกระเป๋าได้ยังไง...
ฉันขมวดคิ้วแล้วตอบเขาไป "ในท้องไง" ก่อนจะก้มลงมองหน้าท้องของตัวเอง
รามเงียบ...
เพราะเขาเงียบฉันเลยเงยหน้าขึ้นไปมองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างก่อนจะถามออกไป "ทำไม? เป็นอะไร?"
รามส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนบนตักฉันก่อนจะหันหน้าเข้ามาที่หน้าท้องแล้วพูด "นึกว่าจะได้เห็น"
ห้ะ?
"ในเน็ตบอกว่าไปตรวจแล้วจะได้เห็น"
ก็จริงอย่างที่เขาว่า แต่หมอบอกว่าถ้าอยากเห็นจริงๆ ต้องรออีกหน่อยเพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้เห็นมาก แต่นัดรอบหน้าอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการอยู่
"รอนัดรอบหน้านู้น" ฉันว่าแล้ววาวมือลงบนกลุ่มผมของรามก่อนจะแหวกว่ายนิ้วมือของตัวเองเข้าในกลุ่มผมของเขา
ผมรามนุ่มมากนะ มันทั้งนุ่มทั้งลื่นมือจนเคยมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาเมื่อนานมาแล้วว่าถ้าวันไหนว่างๆ ฉันอยากจะลองขยุ้มแล้วก็เล่นผมเขาทั้งวันดู แต่คงไม่ได้เพราะกลัวผมเขาจะหลุดหมดหัวซะก่อน...
รามเงียบมากกว่าเดิม ตอนแรกฉันนึกว่าเขาหลับ แต่เปล่า เขาเอาแต่จ้องหน้าท้องของฉันอยู่แบบนั้นไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลยสักอย่าง...
จ้องจนเหมือนอยากจะสิงเข้าไปในนั้นอย่างงั้นแหละ...
"เป็นอะไร?" ฉันถามรามออกไปอีกครั้ง คราวนี้สายตาคมเข้มเบนความสนใจมาที่ฉัน
วูบหนึ่งฉันสัมผัสได้ถึงความเสียดายจากแววตาคู่สวยของเขา แต่ก็แปปเดียวเท่านั้นก่อนที่สายตาเขาจะกลับในนิ่งเหมือนเดิม
"เปล่า" เขาตอบแค่นั้นก่อนจะเบนสายตากลับไปที่หน้าท้องฉันเหมือนเดิมแล้วพูดต่ออีก "แค่อยากเห็น อยากรู้ว่าเป็นยังไง" พูดแค่นั้นก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วแตะหน้าผากเขาเข้ากับหน้าท้องฉันอย่างแผ่วเบา
อ๋อ...ที่แท้ผู้ชายหน้านิ่งคนนี้ก็แค่อยากรู้นี่เองว่าเด็กในท้องเป็นยังไง
เขาก็แค่อยากเห็นลูก แต่ฉันที่เป็นคนท้องกลับรู้สึกดีที่ได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของเขาซะงั้น...
เมื่อวานเขาก็พูดอย่างนี้ เขาดูตื่นเต้นกับการมีตัวตนของเด็กในท้องมาก จนบางทีอาจจะมากกว่าฉันซะอีก
"เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว" ฉันบอกเขาไปก่อนจะเล่นผมของเขาต่อ
รามส่งเสียงครางในลำคอตอบฉันมา ไม่ยอมขยับไปไหน
แปลกดี...
'เพื่อน' ฉันคนนี้ดูจะตื่นเต้นกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในท้องของฉันดี...
บทบรรยาย:: ราม
"เลิกเรียนจะมารับ" ผมพูดเสียงเรียบ
"อื้ม" คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำ
"ถ้ามีอะไรจริงๆ ให้บอกเพื่อนก่อน" บอกพร้อมกับเบี่ยงตัวไปหยิบเสื้อแขนยาวก่อนจะโยนให้อีกฝ่าย "คอนโดอยู่ไกล กลัวมาไม่ทัน"
"จะพูดประโยคเดิมทุกวันเลยไหม?" ที่รักถามแล้วใส่เสื้อแขนยาวคลุมตัวเองไว้
"อือ จะบอกทุกวันเลย" ผมว่าแล้วมองที่รักแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ก่อนจะปิดประตูรถแล้วโบกมือให้กันจากนั้นก็เดินเข้าตึกคณะไป
ผมมองจนเธอหายไปจากสายตาของตัวเองค่อยกลับมาที่คอนโดตามเดิม
วันนี้อาจารย์ยกคลาสแล้วจะสอนชดเชยวันอื่นแทน ผมเลยว่าง...แต่ถึงจะว่างยังไงก็ยังมีงานของวิชาอื่นให้ทำอยู่ดี แต่ก็นั่นแหละ เรื่องงานเอาไว้ก่อน ผมมีเรื่องอื่นที่สำคัญให้ทำมากกว่า
เช่นเรื่อง...
"แล้วตอนที่แม่ไม่ได้กินของที่อยากกิน พ่อทำยังไง?"
[แม่ได้กินตลอด พ่อแกต้องขับรถดึกๆ ดื่นๆ ออกไปหาไก่ย่างมาให้แม่กิน]
ถามแมื่ว่าตอนที่แม่ท้องเป็นยังไง...
ผมต้องถามคนที่ใกล้ตัว เพราะข้อมูลที่หมอให้มามันไม่ได้ลงลึกขนาดนั้น เหมือนมันยังมีอีกหลายอย่างที่หมอไม่ได้บอก หรืออาจจะไม่รู้
"แล้วแม่เป็นยังไงอีก?" ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เชื่อว่าคนเป็นแม่ต้องตกใจแน่ๆ ที่ลูกขายของท่านมาสนใจเรื่องพวกนี้น่ะ...
[แม่สงสัยมาหลายวันแล้วนะ รามไปทำใครท้องหรือเปล่าลูก?] แล้วแม่ก็ถามออกมาจนได้ [รามถามแม่เรื่องนี้มาหลายวันแล้วนะ]
ผมว่าแม่พูดเกินไป มันไม่ได้หลายวันขนาดนั้น ผมก็แค่...ถามตั้งแต่รู้ว่าที่รักท้อง แล้วนี่ก็เพิ่งผ่านมาอาทิตย์เดียวเอง
ก็แค่เจ็ดวัน...
ยังไม่ถึงสิบวันเลย...มาหลงมาหลายวันอะไรล่ะ?
"แค่อยากรู้ อยากศึกษาไว้" ผมเลี่ยงที่จะบอกความจริงออกไป
ที่เลี่ยงไม่ใช่ว่าไม่ได้อยากบอก แต่ว่า 'แม่ของลูกผม' ยังไม่พร้อมที่จะบอก ผมที่เห็นว่าที่รักดูปกติดีทุกอย่างก็เลยยอมรอให้เธอพร้อมก่อน ไม่อยากไปเซ้าซี้ให้รีบบอกมากเกินเพราะกลัวมันจะไปทำให้เธอเครียด ก็เลย...ได้แต่เลี่ยงที่จะบอกความจริงกับแม่ไปแบบนี้
[แล้วลูกจะศึกษาไปทำไม? รู้ไหมว่ารามถามเหมือนคนเตรียมตัวจะมีลูกเลยนะ] แม่ผมยังไม่ยอม
วันก่อนก็ว่าแบบนี้ เมื่อวานก็พูดแนวเดียวกัน ส่วนผมก็โกหกไปเหมือนเดิม
"ก็แค่อยากรู้เฉยๆ" เสียงผมแผ่วลง เป็นจังหวะกับที่แม่ของผมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
[อื้มใช่! แล้วหนูที่รักเป็นยังไงบ้างช่วงนี้?] น้ำเสียงแม่ผมปราศจากน้ำเสียงที่ดูจับผิดต่างจากเมื่อกี้เมื่อพูดถึงที่รัก
ทุกครั้งที่โทรมาแม่ผมชอบถามถึงเธอตลอด เหมือนตอนนี้ผมกลายเป็นคนคอยรายงานแม่กับน้องสาวของตัวเองไปแล้วว่าที่รักเป็นยังไงบ้างน่ะ
"ก็ปกติดีทุกอย่าง" ผมตอบแม่ไป
แม่ผมส่งเสียง [อ๋อ] กลับมาก่อนจะเงียบไปแล้วพูดขึ้นมาใหม่ ด้วยน้ำเสียงใหม่... [แล้วเมื่อไหร่รามจะลองจีบๆ หนูที่รักดูล่ะ?]
'ลองจีบ' พูดง่ายเหมือนให้เดินไปทักทายเพื่อนบ้านไม่มีผิด...
ทำไมต้องให้ลองจีบ?
ทำไมต้องจีบ?
ทำไม?
ในเมื่อผม "ไม่ได้รู้สึกอะไร ทำไมต้องจีบ?" ผมถามแม่ออกไปด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากปลายสาย ไม่ใช่แค่นั้นยังมีเสียงตบเข่าดังตามมาด้วยอีก...
ตลกอะไร?
มีอะไรให้ตลก?
[โอ้ย! แม่ล่ะเบื่อ!] แม่ผมพูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงดูไม่เข้ากับประโยคที่พูดออกมาเลยสักนิด
แม่ผมดูชอบใจทั้งๆ ที่เพิ่งพูดออกมาว่าเบื่อ...
อืม ดูเข้าใจยากดี
[เอาเถอะๆ งั้นแม่ก็ฝากดูแลหนูที่รักด้วยนะ น้องเขาตัวคนเดียว] แม่ผมพูดแค่นั้นทำท่าเหมือนจะวางสายแต่ผมก็เรียกเอาไว้ก่อน
"เดี๋ยวแม่"
[ว่าไง?]
"แม่ชอบที่รักไหม?" ผมถามออกไป น้ำเสียงเรียบนิ่งของตัวเองยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้ดูจะสนใจกับคำตอบของผู้เป็นแม่เท่าไหร่
แม่ผมเงียบไป ก่อนจะตอบกลับมาว่า [ชอบสิ ลูกแม่ชอบใครแม่ก็ชอบคนนั้นด้วยนั่นแหละ] ตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ
ผมเงียบแล้วตอบกลับว่า "อืม" แค่นั้นก่อนจะกดวางสายไป
ผมไม่ได้คิดอะไรกับคำตอบของแม่ แค่รู้ว่าแม่ชอบที่รักแค่นั้นก็พอแล้ว เพราะถ้าวันไหนต้องบอกเรื่องที่เธอท้องให้คนในครอบครัวของผมฟัง มันน่าจะป็นเรื่องง่ายถ้าคนในครอบครัวผมโอเคกับเธอก่อน...
ต้องคิดให้เยอะๆ คิดให้มากๆ จะได้ไม่ต้องมาเครียดหรือมีปัญหาทีหลัง
อืม แบบนั้นน่าจะดี
ผมวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงแล้วมานั่งทำงานของตัวเองให้เสร็จเพื่อรอเวลาไปรับที่รักจากมหา'ลัยในตอนเที่ยง แต่ผมต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยเพราะไหนจะรถติด ไหนจะที่จอดรถในมหา'ลัยที่มีน้อยมากอีก
สรุปก็ต้องออกมาตั้งแต่ห้าโมงห้าสิบ...
ก็ดีกว่าต้องให้ที่รักรอนั่นแหละ
ช่วงนี้ ไม่สิ ทุกวันนี้แดดแรงมาก ผมไม่อยากให้เธอมาตากแดดรอกันนานๆ ถึงที่รักจะไม่ได้ตากแดดแต่ก็ไม่ควรให้อยู่ในที่ที่อากาศร้อนอยู่ดีนั่นแหละ
ไม่รู้สิ เหมือนไม่กล้าให้เธอทำอะไรสักอย่างเลยช่วงนี้
แต่คิดว่าน่าจะแค่ช่วงแรกๆ แหละมั้ง หลังจากนี้ผมคงจะปรับตัวได้แล้วค่อยเพลาๆ เรื่องพวกนี้ลงเอง
คนเราคงไม่ตื่นตัวกับเรื่องนี้ตลอดเวลาหรอกมั้ง
แต่...
หลับตานึกภาพมองตัวเองในอนาคตยังไงผมก็เห็นตัวเองเอาแต่เป็นห่วงที่รักอยู่ดี
จากที่เมื่อก่อนจิตใจไม่สงบเพราะเธออยู่แล้ว ตอนนี้มันไม่สงบยิ่งกว่าเดิมซะอีก
บางอย่างมันแก้ไม่ได้อ่ะนะ
ต้องทำใจ
ผมปรับแอร์ในรถให้มันเย็นจนหนาวระหว่างที่รอที่รัก พอเห็นว่าเธอไลน์มาบอกว่าเลิกแล้วก็ลดแอร์ลงให้มันอยู่ในระดับที่เย็นเฉยๆ พอเธอลงมารถมันจะได้เย็นแบบฉ่ำๆ แต่ไม่หนาวเกินไป
แล้วเมื่อที่รักมาถึงรถ... "ร้อนมากเลยอ่ะ เป็นวูบๆ ไปหมด" เธอก็บ่นพร้อมกับถอดเสื้อแขนยาวตัวที่ผมโยนให้เมื่อเช้าออกแล้วรวบผมที่ปล่อยยาวของเธอขึ้นก่อนจะเอาคอไปจ่อที่แอร์
ผมเห็นแบบนั้นเลยหันไปหยิบยางมัดผมที่เอามาใส่ไว้ตรงประตูรถตั้งแต่ที่เราตกลงเป็นเพื่อนกันได้ระยะหนึ่งขึ้นมาแล้วจัดการขยับตัวไปมัดผมให้เธอพร้อมกับถาม "จะกินข้าวที่ห้องหรือข้างนอก?"
ที่รักหันมาตอบผมอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงสดใส "อยากกินซูชิ"
อารมณ์ต่างกันกับตอนที่บ่นว่าร้อนเลย...
หรือที่เขาบอกว่าคนท้องมีหลายอารมณ์เป็นเรื่องจริง?
แต่แบบนี้...มันน่าจะเป็นเรื่องปกติของที่รักไหมวะ?
สงสัย แต่ไม่ถามออกไปเพราะมันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่ก็ตอบคำถามของที่รักไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "อืม" แล้วก็พาเธอไปร้านที่เธอต้องการไปทันที
ดีแค่ไหนที่ที่รักอยากกินซูชิตอนเที่ยงน่ะ... ถ้าเกิดอยากกินไก่ย่างตอนกลางดึกเหมือนแม่ผมขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะเตรียมตัวได้เลย...
ไม่ได้นอนทั้งคืนแน่วันนั้น
"เอาแบบบุฟเฟ่ต์นะราม"
ก็ยังดีอยู่...
"บุฟเฟ่ต์เค้ก"
มั้ง
"กับบุฟเฟ่ต์ผลไม้ด้วย มันอยู่ที่จังหวัดไหนนะราม?"
"หน้าคอนโดก็พอมั้ง"
ผมว่าผมคงต้องหาวิธีจัดการกับว่าที่คุณแม่ที่กำลังคิดถึงแต่เรื่องกินคนนี้แล้วแหละ...
จบบทบรรยาย:: ราม
ความคิดเห็น