ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [E-Book]My babe, My love #ที่รักของราม

    ลำดับตอนที่ #6 : #ที่รักของราม:: 05[อัพครบ]

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 63


    ประกาศจ้าาาา
    ตอนนี้ไรท์มีเพจแล้ววว ไรท์จะแจ้งเกี่ยวกับการอัพนิยายที่เพจน้าา
    FB PAGE: BBeatrizXX
    จิ้มแล้วไปกดไลค์กดติดตามได้เลยยย ><
    ตอนนี้ก็ไปติดตามนิยายต่อเลยจ้าา



    'เธอตัวเล็กน่ากอด ผมก็เลยกอดเธอ ก็แค่นั้น'



    บทบรรยาย:: ราม

    ผมนอนมองหน้าของที่รักที่กำลังหลับอยู่ข้างๆ ตัวเองด้วยความรู้สึกที่ 'เหมือนจะ' เฉยๆ มองเธอแล้วเอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่เอามาสวมให้เธอให้เรียบร้อยแล้วนอนมองหน้าเธอต่อ

    จำได้ว่ามีความรู้สึกนึงมันผุดขึ้นมาในหัวเมื่อหลายชั่วโมงก่อน แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว คงเป็นเพราะตัวเอง 'ปลอบ' ที่รักจนเธอหลับไปเลยไม่ได้รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธอเจอเรื่องแบบนั้นตอนอยู่ที่มหา'ลัย

    เมื่อเย็นของวันนี้ผมเลิกเร็วเลยตั้งใจจะถามที่รักว่าจะกลับด้วยกันไหม แต่เพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนผมเลยตัดสินใจไปรอเธอที่รถของเธอ...

    ผมตัดสินใจผิด...

    ผมควรจะยืนรอที่รักที่หน้าตึกคณะ ควรจะส่งข้อความถามหรือบอกเธอก่อนจะถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่รอให้เลิกก่อนค่อยโทรหา ผมคิดแบบนั้นเลยได้พูดขอโทษที่รักออกไปด้วยความรู้สึกผิด

    แต่เธอบอกว่าผมไม่ผิด

    ในมุมมองของเธอผมน่ะไม่ผิด แต่ในมุมมองของผมเองยังไงผมก็มีส่วนผิดอยู่

    เคยสัญญาว่าจะดูแลให้ดี แต่เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วันที่รักต้องมาร้องไห้อีกครั้งเพราะความประมาทของผม

    โคตรแย่...

    ทั้งความรู้สึกผมในตอนนั้นกับความรับผิดชอบที่มีต่อคำพูดน่ะแย่มากเลย...

    จนเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่แหละที่ผมเพิ่งปรับอารมณ์ของตัวเองได้

    ตอนนั้นรู้สึกอยากปลอบ อยากกอด อยากทำให้ที่รักหยุดร้องไห้ ไม่ได้คิดเกินเลยเธอจริงๆ แต่เหมือนว่ามันจะเพลินเกินไปเลยห้ามตัวเองไม่อยู่ แล้วที่รักก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอีกด้วยทั้งที่ครั้งนี้เธอมีสติเต็มร้อย

    บอกตรงๆ ว่าจิตใจผมแอบเตลิดไปในช่วงหนึ่งของกิจกรรม

    มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

    มันไม่มั่นใจว่าตัวเองกำลังมโนภาพลามกขึ้นมาเองรึเปล่าหรืออะไร ทำไมที่รักถึงยอม จนกระทั่งตอนนี้นี่แหละถึงเชื่อว่ามันคือความจริงน่ะ

    พอรู้ว่าเรื่องจริงแล้วหัวใจแม่งกระตุกทุกครั้งที่คิดถึงภาพที่เธอสมยอมผมเลย

    มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เธอเมาแล้วไม่รู้เรื่องอะไร มันต่างกันมาก ทั้งในเรื่องของความรู้สึกและอารมณ์ร่วมของอีกฝ่าย ซึ่งผมบรรยายไม่ถูกว่ามันดีขนาดไหน

    แต่จะบรรยายออกไปให้ได้อะไร?

    เก็บไว้ฟินคนเดียวนี่แหละดีที่สุดแล้ว

    "เนอะที่รัก" ผมเปล่งเสียงออกไปเหมือนถามความเห็นของเธอก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟในห้องนอนแล้วกลับมานอนลงที่เดิมข้างๆ ที่รัก

    ตั้งแต่เสร็จกิจกรรมเมื่อกี้เราไม่ได้พูดอะไรกันมากเท่าไหร่

    เธอแค่ขอให้ผมช่วยพาไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ขอยืมเสื้อผม แล้วก็ขอให้พากลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม หลังจากที่เธอจัดการตัวเองเสร็จผมก็ต่อเข้าไปจัดการตัวเองต่อทันที แต่พอเดินออกมาจากห้องเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างด้วยที่รักก็หลับไปแล้ว

    คงจะเหนื่อย

    ทั้งเหนื่อยเพราะร้องไห้และเรื่องบนเตียงนั่นแหละ

    ผมที่เห็นว่าเธอหลับก็ไม่ได้จะอะไรกับเธอีกเพราะอยากให้เธอพักผ่อน มีอะไรค่อยพูดกันตอนเช้าก็ได้ สุดท้ายเลยมานั่งๆ นอนๆ มองหน้าที่รักตอนหลับจนเริ่มรู้สึกง่วงด้วยนี่แหละเลยได้ไปปิดไฟน่ะ

    ผมดึงร่างของที่รักขยับเข้ามาใกล้ตัวเองพลางขยับตัวเข้าไปใกล้เธอด้วย มือข้างหนึ่งวางลงที่เอวคอด มืออีกข้างสอดเข้าใต้ท้ายทอยของเธอแล้วก็นอนกอดเธอไปแบบนั้นทั้งคืน


    เช้าวันต่อมา

    ผมตื่นเจ็ดโมงตามเวลาปกติของตัวเอง ตามมาด้วยท่าเดิมที่นอนเมื่อคืนนั่นแหละ ต่างจากเดิมตรงที่ท่อนแขนเล็กๆ ของที่รักพาดตามลำแขนข้างที่ผมใช้กอดเธอมานั่นแหละ

    ผมมองเธอสักพักก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เธอแล้วเอาหน้าผากชนกันเพราะรับรู้ได้ถึงไอร้อนจากคนตัวเล็ก 

    และมันก็เป็นดั่งที่ผมคิด

    ที่รักตัวร้อนอีกแล้ว...

    อะไรวะ...

    ทำไมหลังมีอะไรกันแล้วเธอตัวร้อนตลอดเลยอ่ะ? 

    ทำไมล่ะ? 

    ผมว่าตัวเองก็เทคนิคดีอยู่นะ หรือว่าเป็นเพราะที่รักไม่ได้ใส่อะไรนานเกินไปแล้วหนาวเพราะแอร์ในห้องมันค่อนข้างเย็นเธอก็เลยไม่สบายอ่ะ?

    ต้องใช่แหละ เพราะผมค่อนข้างมั่นใจในเทคนิคตัวเองระดับนึงเลย ไม่งั้นป่านนี้ที่รักขัดขืนผมไปแล้ว

    "ใช่ไหมที่รัก?" ผมถามที่รักออกไปแม้ว่าเธอจะยังหลับอยู่ก็ตาม

    สุดท้ายเมื่อคนตัวเล็กไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้กลับมาผมเลยตัดสินใจลุดขึ้นจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วหาอะไรมาใส่น้ำเพื่อเช็ดตัวให้เธอเพื่อให้อุณหภูมิร่างกายของเธอลดลง

    ที่รักตอนหลับคือคำนิยามของคำว่า 'ร่างไร้วิญญาณ' เพราะเธอไม่ถาม ไม่พูดมาก ไม่อ้อนและไม่เล่นกับใจผมมากเกินไป แถมยังนอนนิ่งมากอีกด้วย เพราะแบบนี้การเช็ดตัวของผมเลยเสร็จค่อนข้างเร็ว

    ผมเอาอุปกรณ์เช็ดตัวไปเก็บก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่ชาร์จเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมากดพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในแอปพลิเคชั่นไลน์ที่ห้องแชทของกลุ่มเพื่อน


    ราม:: ไม่ไปเรียนนะ

    ราม:: หมาไม่สบาย


    ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งหลังส่งข้อความเสร็จแล้วทิ้งตัวเองลงข้างๆ 'หมาตัวโต' แล้วนอนมองหน้าเธอเหมือนคนไม่มีอะไรทำ

    แต่เดี๋ยวเธอก็ตื่นเองมั้ง... พอถึงตอนนั้นก็คงมีอะไรให้ทำเองแหละ

    แต่ไม่คิดว่าเวลาผ่านไปเกือบๆ สองชั่วโมงตั้งแต่ตอนที่ผมไลน์บอกเพื่อนไปเธอถึงจะตื่น

    ตอนแรกที่รักนอนดิ้นเล็กน้อย เหมือนร้อนหรืออึดอัดกับอะไรสักอย่าง ผมเลยเอาผ้าห่มออกให้เธอแล้วลุกไปเพิ่มอุณหภูมิแอร์ขึ้นให้ เธอถึงได้นอนนิ่งเหมือนเดิม แต่ก็แปปเดี๋ยวก่อนที่เธอจะเริ่มนอนพลิกไปมาเหมือนหาท่าที่เหมาะให้ตัวเองไม่เจอเลยลืมตาแล้วลุกขึ้นมานั่งด้วยสายตาหงุดหงิด

    ผมที่นั่งมองพฤติกรรมการนอนของเธอตั้งแต่แรกก็ได้รับสายตานั้นด้วยเหมือนกัน...

    อะไร... ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

    ที่รักนั่งนิ่งมองหน้าของผม

    ผมเองก็มองหน้าเธอนิ่งๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร จนกระทั่งเธอลุกขึ้นแล้วลงจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องผมไปไม่พูดไม่จาสักคำ

    ผมงง

    แต่ก็ทำได้แค่งงเท่านั้นก่อนจะมองนาฬิกาที่อยู่ตรงหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสั่งอาหารเช้าให้เราทั้งคู่

    ไว้อาหารมาค่อยไปเรียกที่รักมากินด้วยก็ได้

    แต่...


    'แกร็ก!'


    เสียงเปิดประตูห้องผมดังขึ้นเรียกความสนใจของผมไปได้เล็กน้อยต่างจากร่างเล็กตอนนี้อยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเรียกความสนใจของผมไปได้เยอะเลย

    ไม่รู้เลยว่าเสื้อผมตัวใหญ่หรือว่าเธอตัวเล็ก

    แต่ถ้าเล็กจริงทำไมถึงได้นุ่มนิ่มน่ากอดขนาดนี้ล่ะ?

    อืม น่าสงสัย...

    ผมทิ้งความสงสัยในเรื่องไร้สาระของตัวเองไปก่อนจะมองที่รักที่กำลังเดินเอื่อยๆ ตรงมาที่เตียงของผมเงียบๆ

    เธอหยุดที่ข้างเตียงใช้มือหนึ่งข้างดึงชายเสื้อเชิ้ตลง แล้วค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงก่อนจะนอนลงตรงจุดเดิมที่เธอเพิ่งลุกออกไป จัดการห่มผ้าให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ

    หน้าเธอนิ่ง แต่แก้มเธอขึ้นสีแดงระเรื่ออ่ะ

    ทำไงดี ต้องบอกเธอไหม?

    "ฉันเหนื่อย" ที่รักพูดออกมาสองคำพร้อมกับทำหน้าง้ำงอใส่ผมแล้วถามออกมา "ปลอบคนยังไงให้เหนื่อยขนาดนี้?"

    ผมนั่งนิ่ง

    ประมวลคำถามของเธอว่าเธอต้องการคำตอบอย่างจริงจังไหม แต่ก็เหมือนว่าเธอแค่พูดบ่นให้ผมเฉยๆ ผมเลยพูดออกไป

    "ถ้าไม่ใช่ปลอบจะเหนื่อยกว่านี้" พูดแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอแล้วเอียงข้างหันหน้าไปสบตากับคนตัวเล็ก

    "ไอ้บ้า"

    "พูดไม่ดี" 

    "แค่กับนายเท่านั้นแหละ" 

    "ดื้อ" 

    "แค่กับนายเหมือนกัน" 

    แบบนี้เหมือนผมเป็นคนพิเศษเลยนะ... ควรดีใจไหม?

    "เมื่อกี้ไปไหนมา?" ผมถามเธอออกไปอย่างใคร่รู้ ซึ่งที่รักก็ตอบโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะปกปิดกันเลย

    "ไปล้างหน้าแปรงฟันมา" เธอว่าก่อนจะพ่นลมจากปากของเธอใส่หน้าผมแรงๆ "ปากไม่เหม็นแล้ว"

    สงสัยจะยังไม่พอใจที่ผมว่าเธอวันนั้นอยู่

    "อืม ไม่เหม็น" ผมว่าแล้วเอาผ้ามาห่มตัวเองด้วยก่อนจะทำเนียนขยับเข้าไปใกล้เธอตอนที่ห่มผ้าอยู่

    ที่รักไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างเรามันใกล้กันแค่ไหน เธอเอาแต่บ่นอะไรของเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งผมใช้แขนของตัวเองพาดลงบนเอวของเธอไว้นั่นแหละเธอถึงเงียบลง

    "อะไร?" ที่รักถามอย่างสงสัย ก่อนจะเปิดผ้าห่มออกเพื่อดูว่าแขนของผมอยู่ในจุดไหน เมื่อมันเป็นจุดที่ปลอดภัยเธอก็วางผ้าห่มลงเหมือนเดิมแล้วเงยหน้ามามองกันอีกครั้ง "มากอดทำไม?"

    ผมนิ่งไม่ตอบเธอออกไปในทันทีก่อนจะมองหน้าเธอแล้วขยับฝ่ามือที่อยู่ใต้ผ้ามห่มไปตามส่วนเว้าโค้งของเธอช้าๆ

    เธอตัวเล็กน่ากอด ผมก็เลยกอด แน่นั้น...

    เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดมันสามารถพูดออกไปได้ไหม สุดท้ายผมก็พูดอย่างอื่นออกไปแทน

    "แค่วางแขน ไม่ได้กอด" 

    คนตัวเล็กทำหน้าไม่พอใจก่อนจะใช้ขาเรียวยาวของเธอมาพาดที่ขาของผมแล้วพูดออกมาด้วยประโยคคล้ายๆ กันว่า "แค่วางขา ไม่ได้ก่าย"

    "แล้วแต่ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร" ผมว่าแล้วขยับเข้าไปใกล้เธอแล้วถามออกมาเสียงเรียบ "แล้วไม่เจ็บรึไง?"

    เมื่อคืนเธอยังเดินแทบไม่ได้เลย เมื่อกี้ตอนเดินก็มีหยุดบ้าง มาตอนนี้เอาความมั่นใจจากไหนมาฉีกแข้งฉีกขาแบบนี้?

    "ถึงจะแค่ปลอบ แต่ก็หนักอยู่นะ"

    จบบทบรรยาย:: ราม


    หนักจริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ...

    ไอ้บ้านี่ตอนแรกๆ ก็ปลอบกันบอกไม่เป็นไรๆๆ พอถึงรอบที่สองแล้วไม่มีเลยคำว่าไม่เป็นไรน่ะ!

    "ไอ้บ้า" ด่าเขาไปก็เลื่อนตัวลงไปซ่อนใต้ผ้าห่มเอาไว้ด้วย

    แล้วนี่...อะไรยังไง?

    หมายถึงความสัมพันธ์เราเนี่ย...มันยังไง?

    สถานะของเราตอนนี้ฉันให้เขาเป็นเพื่อน... แค่เพื่อน แต่เพื่อนกันสามารถปลอบใจกันแบบนี้ได้หรอ?

    แล้วระหว่างเรายังสามารถพูดคุยกันโดยไม่ได้รู้สึกอึดอัดเรื่องเมื่อคืนได้จริงหรอ?

    ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนควรเรียกมันว่าอะไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ฉันวางใจที่สุดแล้ว

    มันคงจะดีถ้าฉันมีเพื่อนผู้ชายที่เอาไว้ปรึกษาได้สักคน... แต่คิดว่าไม่ใช่ในความสัมพันธ์ที่เกือบจะเหมือน 'เพื่อนนอน' แบบนี้

    มัน...มันรู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ใช่

    เขาอาจจะไม่ได้คิดมาก ซึ่งฉันก็เหมือนกัน แต่...เขาควรเป็นเพื่อนที่เป็นแค่เพื่อน เข้าใจไหม? เป็นเพื่อนกันมันน่าจะยาวนานกว่า...

    เพราะว่าฉันเงียบไป รามที่นอนมองหน้าฉันอยู่เลยถามขึ้นมา "เป็นอะไร?"

    "นี่ สรุปนายจะเป็นเพื่อนกับฉันไหม?" ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่

    รามเงียบแล้วพยักหน้าให้ฉันหนึ่งที่ก่อนจะยกมือข้างที่เคยวางไว้ตรงเอวของฉันขึ้นมาปัดเส้นผมออกจากใบหน้าแล้วพูดขึ้นมา "วันนั้นตอบไปแล้ว"

    "......"

    "อยากเป็นอะไรก็เป็น"

    ฉันยิ้มให้กับคำตอบของเขาก่อนจะส่งเสียงในลำคอออกไป "อื้ม!"

    ในวันนั้น...ฉันกับเขาตกลงเป็นเพื่อนกัน มันคือวันที่สถานะความสัมพันธ์ของเราปรากฏชัดเจนต่อคนหลายๆ คนว่าเราคือเพื่อนต่างรุ่นกัน ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกันในฐานะเพื่อนเหมือนคนทั่วไป ฉันรู้สึกดีที่ได้เพื่อนอีกหนึ่งคนและขวัญตาเองก็ไม่คัดค้านที่ฉันจะคบกับเพื่อนคนนี้ 

    พี่แทนได้หายไปจากชีวิตของฉันและไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเลย  ซึ่งมันดีมากสำหรับคนที่ต้องการมูฟออนอย่างฉัน

    ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี

    แต่ในวันนี้...

    วันที่ร่างกายฉันผิดปกติไป...

    วันที่เจอใบปลิวเกี่ยวกับการคุมกำเนิดแล้วสมองเพิ่งจะมานึกขึ้นได้ว่าหลังจากมีอะไรกับรามแล้วตัวเองไม่ได้กินยาคุมเลยสักครั้ง

    วันที่เพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าประจำเดือนขาดหายไปแล้วหนึ่งเดือน และเดือนนี้มันก็ใกล้จะหมดเดือนแล้ว แต่มันก็ยังไม่มา...

    วันที่ฉันเข้าใจคำว่า 'พลาด' อย่างถ่องแท้

    ฉันยืนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น มองที่ตรวจครรภ์สามอันที่ผลออกมาเหมือนกันหมดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงในห้องน้ำอย่างหมดแรง

    ฉันรู้ตัวเองดีว่ายังไงตอนนี้ตัวฉันก็ไม่พร้อมสำหรับการเลี้ยงดูใครสักคนแน่ๆ แต่จะให้ฉันเอาเขาออกมาทั้งที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเนี่ยนะ...

    มัน...ไม่โหดร้ายเกินไปหรอ?

    ฉันนั่งคิด นั่งหาทางว่าควรทำยังไงดีกับสิ่วที่เพิ่งรับรู้และกำลังก่อตัวขึ้นอยู่ในร่างกายของฉันในห้องน้ำไม่ยอมลุกไปไหน แต่คิดยังไงก็ไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ตัวเองยังไงดี จนกระทั่งอยู่ๆ ก็มีฝ่ามืออุ่นร้อนของใครบางคนแตะลงที่หัวไหล่ของฉัน 

    ฉันหันไปมองเจ้าของฝ่ามือ

    เจ้าของฝ่ามือมองที่ตรวจครรภ์ที่วางกระจัดกระจายอยู่บนฝาชักโครก

    ฉันก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่ตรงหน้าตัก

    คนตัวสูงย่อตัวลงมาก่อนจะช้อนตัวแล้วอุ้มฉันขึ้นจากพื้นห้องน้ำแล้วพาเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะวางฉันลงเตียงเบาๆ แล้วตัวเขาเองก็เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำอะไรบางอย่าง

    ไม่สิ เพื่อหยิบอะไรบางอย่าง

    เขาเดินออกมาพร้อมกับที่ตรวจครรภ์ทั้งสามกับกล่องของพวกมันเองแล้วก้มหน้าอ่านคำอธิบายข้างกล่องเพื่อทำความเข้าใจกับมัน เมื่อเขาเข้าใจแล้วก็ก้มหน้ามองผลตรวจของฉันแล้วหันมามองหน้าฉันนิ่ง

    ในห้องมันเงียบเกิน...

    ฉันต้องพูดอะไรบางอย่าง...

    ต้องพูดบางอย่างเพื่อแย่งความสนใจของเขาจากสิ่งที่เขากำลังจะพูด

    "ขะ...เข้ามาทำไม?" ฉันถามเขาไป ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำให้เหทือนปกติที่สุด แต่เสียงตัวเองก็สั่นมากจนมันผิดปกติไปแล้ว

    อีกอย่าง...ตอนนี้เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรน่ะ

    "เรียกแล้วไม่ตอบเลยเดินเข้ามา" เขาตอบคำถามของฉัน แต่สายตาคมเข้มคู่สวยของเขาได้เลื่อนลงไปที่หน้าท้องของฉันแล้ว "เธอ..."

    "ฉันหิวข้าวอ่ะ ไปหาอะไรกินด้วยกันป่ะ?" ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้พูดแทรกเขาออกไปแบบนี้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพยายามแกะทุกอย่างออกจากมือของเขาด้วย "ไปกินเนื้อย่างกันนะ"

    เพราะรู้ว่าเขาต้องตามใจแล้วไหลตามน้ำเหมือนปกติแน่ๆ ฉันเลยชวนเขาแบบนี้ แต่ว่า...

    "ไม่" รามปฏิเสธเสียงเรียบ

    คนตัวสูงดึงมือของตัวเองออกจากมือของฉันแล้วถามขึ้นมา

    "ไม่คิดจะพูดอะไรเลย?" พร้อมกับชูที่ตรวจครรภ์ในมือด้วย

    ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันพร้อมกับเงยหน้ามองมือของเขาแล้วพูดออกไป "อย่าจับ มันสกปรก"

    "จะพูดเรื่องนี้จริงดิ?" รามถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง

    "ถ้าฉันบอกว่ายังไม่อยากพูดเรื่องนั้นนายจะยังอยากรู้เรื่องอยู่ไหม?" ฉันกอดอกถาม ทำหน้าเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เพิ่งเจอมาเลย

    รามที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบ "งั้นฉันจะถาม"

    "......"

    "มีหน้าที่ตอบแค่ใช่กับไม่" คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ

    "......"

    เขาหยุดตอนที่ปลายเท้าของเราชนกัน ดวงตาคมเข้มที่เคยมองฉันด้วยความอ่อนโยนเมื่อตอนที่ฉันกำลังอ่อนแอ บัดนี้กำลังจ้องกันเหมือนกำลังกดดันฉันให้ตอบคำถามของเขา

    คำถามที่ว่า

    "ในท้องนั่น ลูกฉันใช่รึเปล่า?"

    ฉันที่ได้รับแรงกดดันมาระดับนึงแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

    เพราะแรงกดดันจากสายตาคู่นั้นมันมีมากเกินไปฉันเลยก้มหน้าลงแล้วมองปลายเท้าของเราก่อนจะพยักหน้าให้เขาไป

    ถ้าโกหกก็กลังจะตกนรก สุดท้ายฉันก็เปล่งเสียงที่แหบพร่าไปด้วยความกังวลว่า "ใช่ นี่ลูกนาย"

    ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะความสะเพร่าของฉัน แต่ว่าฝ่ามืออุ่นร้อนของเขาที่วางลงบนกลางเรือนผมของฉันทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขา

    และเมื่อเราสบตากัน...

    คนที่ฉันเพิ่งบอกว่าเป็น 'พ่อของเด็กในท้อง' ก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า


    "อืม ก็แค่นั้น"




    Hashtag On Twitter
    #ที่รักของราม

    Talk
    วันนี้อัพบ่อยง่ะ ไม่รำคาญกันน้าาาา
    อ่านเสร็จอย่าลืมเม้นนะคะ

    Talk2 
    ไรท์จะพยายามอัพ 2-3 ครั้งต่อวันนะคะ แต่ถ้าไม่ว่างจริงๆ ขออนุญาตเหลือ 1-2 ครั้งนะ
    *วันนี้ไรท์อาจจะยุ่งๆ นะคะ* แจ้งไว้ก่อน 555555
    อ่านเสร็จอย่าลืมเม้นเด้อ

    Talk3
    มาเข้าสู่เนื้อหาหลักกันดีกว่าค่ะ!
    เม้นมา!
    ขอชี้แจงก่อนนะคะ คือที่ไรท์กลัวว่าจะรำคาญน่ะเพราะเมื่อก่อนไรท์อัพนิยายบ่อยแล้วเพื่อนไรท์มันกด fav. เรื่องนั้นไว้ แล้วมันแจ้งเตือนบ่อยมาก ไรท์เลยกลัวว่ารีดจะรำคาญ แต่ถ้าทุกคนโอเค ไม่ได้รู้สึกอะไรไรท์ก็ต้องขอบคุณนะคะ
    เท่านี้แหละ 5555555 ไม่ซีเรียส ไม่เครียดกันเด้อ อ่านนิยายกันสนุกๆ เนาะ



    เสพติดรัก
    1 เม้น = 1 กำลังใจน้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×