คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : #ที่รักของราม:: 05[อัพครบ]
บทบรรยาย:: ราม
ผมนอนมองหน้าของที่รักที่กำลังหลับอยู่ข้างๆ ตัวเองด้วยความรู้สึกที่ 'เหมือนจะ' เฉยๆ มองเธอแล้วเอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่เอามาสวมให้เธอให้เรียบร้อยแล้วนอนมองหน้าเธอต่อ
จำได้ว่ามีความรู้สึกนึงมันผุดขึ้นมาในหัวเมื่อหลายชั่วโมงก่อน แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว คงเป็นเพราะตัวเอง 'ปลอบ' ที่รักจนเธอหลับไปเลยไม่ได้รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธอเจอเรื่องแบบนั้นตอนอยู่ที่มหา'ลัย
เมื่อเย็นของวันนี้ผมเลิกเร็วเลยตั้งใจจะถามที่รักว่าจะกลับด้วยกันไหม แต่เพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนผมเลยตัดสินใจไปรอเธอที่รถของเธอ...
ผมตัดสินใจผิด...
ผมควรจะยืนรอที่รักที่หน้าตึกคณะ ควรจะส่งข้อความถามหรือบอกเธอก่อนจะถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่รอให้เลิกก่อนค่อยโทรหา ผมคิดแบบนั้นเลยได้พูดขอโทษที่รักออกไปด้วยความรู้สึกผิด
แต่เธอบอกว่าผมไม่ผิด
ในมุมมองของเธอผมน่ะไม่ผิด แต่ในมุมมองของผมเองยังไงผมก็มีส่วนผิดอยู่
เคยสัญญาว่าจะดูแลให้ดี แต่เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วันที่รักต้องมาร้องไห้อีกครั้งเพราะความประมาทของผม
โคตรแย่...
ทั้งความรู้สึกผมในตอนนั้นกับความรับผิดชอบที่มีต่อคำพูดน่ะแย่มากเลย...
จนเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่แหละที่ผมเพิ่งปรับอารมณ์ของตัวเองได้
ตอนนั้นรู้สึกอยากปลอบ อยากกอด อยากทำให้ที่รักหยุดร้องไห้ ไม่ได้คิดเกินเลยเธอจริงๆ แต่เหมือนว่ามันจะเพลินเกินไปเลยห้ามตัวเองไม่อยู่ แล้วที่รักก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอีกด้วยทั้งที่ครั้งนี้เธอมีสติเต็มร้อย
บอกตรงๆ ว่าจิตใจผมแอบเตลิดไปในช่วงหนึ่งของกิจกรรม
มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
มันไม่มั่นใจว่าตัวเองกำลังมโนภาพลามกขึ้นมาเองรึเปล่าหรืออะไร ทำไมที่รักถึงยอม จนกระทั่งตอนนี้นี่แหละถึงเชื่อว่ามันคือความจริงน่ะ
พอรู้ว่าเรื่องจริงแล้วหัวใจแม่งกระตุกทุกครั้งที่คิดถึงภาพที่เธอสมยอมผมเลย
มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เธอเมาแล้วไม่รู้เรื่องอะไร มันต่างกันมาก ทั้งในเรื่องของความรู้สึกและอารมณ์ร่วมของอีกฝ่าย ซึ่งผมบรรยายไม่ถูกว่ามันดีขนาดไหน
แต่จะบรรยายออกไปให้ได้อะไร?
เก็บไว้ฟินคนเดียวนี่แหละดีที่สุดแล้ว
"เนอะที่รัก" ผมเปล่งเสียงออกไปเหมือนถามความเห็นของเธอก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟในห้องนอนแล้วกลับมานอนลงที่เดิมข้างๆ ที่รัก
ตั้งแต่เสร็จกิจกรรมเมื่อกี้เราไม่ได้พูดอะไรกันมากเท่าไหร่
เธอแค่ขอให้ผมช่วยพาไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ขอยืมเสื้อผม แล้วก็ขอให้พากลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม หลังจากที่เธอจัดการตัวเองเสร็จผมก็ต่อเข้าไปจัดการตัวเองต่อทันที แต่พอเดินออกมาจากห้องเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างด้วยที่รักก็หลับไปแล้ว
คงจะเหนื่อย
ทั้งเหนื่อยเพราะร้องไห้และเรื่องบนเตียงนั่นแหละ
ผมที่เห็นว่าเธอหลับก็ไม่ได้จะอะไรกับเธอีกเพราะอยากให้เธอพักผ่อน มีอะไรค่อยพูดกันตอนเช้าก็ได้ สุดท้ายเลยมานั่งๆ นอนๆ มองหน้าที่รักตอนหลับจนเริ่มรู้สึกง่วงด้วยนี่แหละเลยได้ไปปิดไฟน่ะ
ผมดึงร่างของที่รักขยับเข้ามาใกล้ตัวเองพลางขยับตัวเข้าไปใกล้เธอด้วย มือข้างหนึ่งวางลงที่เอวคอด มืออีกข้างสอดเข้าใต้ท้ายทอยของเธอแล้วก็นอนกอดเธอไปแบบนั้นทั้งคืน
เช้าวันต่อมา
ผมตื่นเจ็ดโมงตามเวลาปกติของตัวเอง ตามมาด้วยท่าเดิมที่นอนเมื่อคืนนั่นแหละ ต่างจากเดิมตรงที่ท่อนแขนเล็กๆ ของที่รักพาดตามลำแขนข้างที่ผมใช้กอดเธอมานั่นแหละ
ผมมองเธอสักพักก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เธอแล้วเอาหน้าผากชนกันเพราะรับรู้ได้ถึงไอร้อนจากคนตัวเล็ก
และมันก็เป็นดั่งที่ผมคิด
ที่รักตัวร้อนอีกแล้ว...
อะไรวะ...
ทำไมหลังมีอะไรกันแล้วเธอตัวร้อนตลอดเลยอ่ะ?
ทำไมล่ะ?
ผมว่าตัวเองก็เทคนิคดีอยู่นะ หรือว่าเป็นเพราะที่รักไม่ได้ใส่อะไรนานเกินไปแล้วหนาวเพราะแอร์ในห้องมันค่อนข้างเย็นเธอก็เลยไม่สบายอ่ะ?
ต้องใช่แหละ เพราะผมค่อนข้างมั่นใจในเทคนิคตัวเองระดับนึงเลย ไม่งั้นป่านนี้ที่รักขัดขืนผมไปแล้ว
"ใช่ไหมที่รัก?" ผมถามที่รักออกไปแม้ว่าเธอจะยังหลับอยู่ก็ตาม
สุดท้ายเมื่อคนตัวเล็กไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้กลับมาผมเลยตัดสินใจลุดขึ้นจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วหาอะไรมาใส่น้ำเพื่อเช็ดตัวให้เธอเพื่อให้อุณหภูมิร่างกายของเธอลดลง
ที่รักตอนหลับคือคำนิยามของคำว่า 'ร่างไร้วิญญาณ' เพราะเธอไม่ถาม ไม่พูดมาก ไม่อ้อนและไม่เล่นกับใจผมมากเกินไป แถมยังนอนนิ่งมากอีกด้วย เพราะแบบนี้การเช็ดตัวของผมเลยเสร็จค่อนข้างเร็ว
ผมเอาอุปกรณ์เช็ดตัวไปเก็บก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่ชาร์จเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมากดพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในแอปพลิเคชั่นไลน์ที่ห้องแชทของกลุ่มเพื่อน
ราม:: ไม่ไปเรียนนะ
ราม:: หมาไม่สบาย
ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งหลังส่งข้อความเสร็จแล้วทิ้งตัวเองลงข้างๆ 'หมาตัวโต' แล้วนอนมองหน้าเธอเหมือนคนไม่มีอะไรทำ
แต่เดี๋ยวเธอก็ตื่นเองมั้ง... พอถึงตอนนั้นก็คงมีอะไรให้ทำเองแหละ
แต่ไม่คิดว่าเวลาผ่านไปเกือบๆ สองชั่วโมงตั้งแต่ตอนที่ผมไลน์บอกเพื่อนไปเธอถึงจะตื่น
ตอนแรกที่รักนอนดิ้นเล็กน้อย เหมือนร้อนหรืออึดอัดกับอะไรสักอย่าง ผมเลยเอาผ้าห่มออกให้เธอแล้วลุกไปเพิ่มอุณหภูมิแอร์ขึ้นให้ เธอถึงได้นอนนิ่งเหมือนเดิม แต่ก็แปปเดี๋ยวก่อนที่เธอจะเริ่มนอนพลิกไปมาเหมือนหาท่าที่เหมาะให้ตัวเองไม่เจอเลยลืมตาแล้วลุกขึ้นมานั่งด้วยสายตาหงุดหงิด
ผมที่นั่งมองพฤติกรรมการนอนของเธอตั้งแต่แรกก็ได้รับสายตานั้นด้วยเหมือนกัน...
อะไร... ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ
ที่รักนั่งนิ่งมองหน้าของผม
ผมเองก็มองหน้าเธอนิ่งๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร จนกระทั่งเธอลุกขึ้นแล้วลงจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องผมไปไม่พูดไม่จาสักคำ
ผมงง
แต่ก็ทำได้แค่งงเท่านั้นก่อนจะมองนาฬิกาที่อยู่ตรงหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสั่งอาหารเช้าให้เราทั้งคู่
ไว้อาหารมาค่อยไปเรียกที่รักมากินด้วยก็ได้
แต่...
'แกร็ก!'
เสียงเปิดประตูห้องผมดังขึ้นเรียกความสนใจของผมไปได้เล็กน้อยต่างจากร่างเล็กตอนนี้อยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเรียกความสนใจของผมไปได้เยอะเลย
ไม่รู้เลยว่าเสื้อผมตัวใหญ่หรือว่าเธอตัวเล็ก
แต่ถ้าเล็กจริงทำไมถึงได้นุ่มนิ่มน่ากอดขนาดนี้ล่ะ?
อืม น่าสงสัย...
ผมทิ้งความสงสัยในเรื่องไร้สาระของตัวเองไปก่อนจะมองที่รักที่กำลังเดินเอื่อยๆ ตรงมาที่เตียงของผมเงียบๆ
เธอหยุดที่ข้างเตียงใช้มือหนึ่งข้างดึงชายเสื้อเชิ้ตลง แล้วค่อยๆ คลานขึ้นมาบนเตียงก่อนจะนอนลงตรงจุดเดิมที่เธอเพิ่งลุกออกไป จัดการห่มผ้าให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ
หน้าเธอนิ่ง แต่แก้มเธอขึ้นสีแดงระเรื่ออ่ะ
ทำไงดี ต้องบอกเธอไหม?
"ฉันเหนื่อย" ที่รักพูดออกมาสองคำพร้อมกับทำหน้าง้ำงอใส่ผมแล้วถามออกมา "ปลอบคนยังไงให้เหนื่อยขนาดนี้?"
ผมนั่งนิ่ง
ประมวลคำถามของเธอว่าเธอต้องการคำตอบอย่างจริงจังไหม แต่ก็เหมือนว่าเธอแค่พูดบ่นให้ผมเฉยๆ ผมเลยพูดออกไป
"ถ้าไม่ใช่ปลอบจะเหนื่อยกว่านี้" พูดแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอแล้วเอียงข้างหันหน้าไปสบตากับคนตัวเล็ก
"ไอ้บ้า"
"พูดไม่ดี"
"แค่กับนายเท่านั้นแหละ"
"ดื้อ"
"แค่กับนายเหมือนกัน"
แบบนี้เหมือนผมเป็นคนพิเศษเลยนะ... ควรดีใจไหม?
"เมื่อกี้ไปไหนมา?" ผมถามเธอออกไปอย่างใคร่รู้ ซึ่งที่รักก็ตอบโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะปกปิดกันเลย
"ไปล้างหน้าแปรงฟันมา" เธอว่าก่อนจะพ่นลมจากปากของเธอใส่หน้าผมแรงๆ "ปากไม่เหม็นแล้ว"
สงสัยจะยังไม่พอใจที่ผมว่าเธอวันนั้นอยู่
"อืม ไม่เหม็น" ผมว่าแล้วเอาผ้ามาห่มตัวเองด้วยก่อนจะทำเนียนขยับเข้าไปใกล้เธอตอนที่ห่มผ้าอยู่
ที่รักไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างเรามันใกล้กันแค่ไหน เธอเอาแต่บ่นอะไรของเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งผมใช้แขนของตัวเองพาดลงบนเอวของเธอไว้นั่นแหละเธอถึงเงียบลง
"อะไร?" ที่รักถามอย่างสงสัย ก่อนจะเปิดผ้าห่มออกเพื่อดูว่าแขนของผมอยู่ในจุดไหน เมื่อมันเป็นจุดที่ปลอดภัยเธอก็วางผ้าห่มลงเหมือนเดิมแล้วเงยหน้ามามองกันอีกครั้ง "มากอดทำไม?"
ผมนิ่งไม่ตอบเธอออกไปในทันทีก่อนจะมองหน้าเธอแล้วขยับฝ่ามือที่อยู่ใต้ผ้ามห่มไปตามส่วนเว้าโค้งของเธอช้าๆ
เธอตัวเล็กน่ากอด ผมก็เลยกอด แน่นั้น...
เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดมันสามารถพูดออกไปได้ไหม สุดท้ายผมก็พูดอย่างอื่นออกไปแทน
"แค่วางแขน ไม่ได้กอด"
คนตัวเล็กทำหน้าไม่พอใจก่อนจะใช้ขาเรียวยาวของเธอมาพาดที่ขาของผมแล้วพูดออกมาด้วยประโยคคล้ายๆ กันว่า "แค่วางขา ไม่ได้ก่าย"
"แล้วแต่ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร" ผมว่าแล้วขยับเข้าไปใกล้เธอแล้วถามออกมาเสียงเรียบ "แล้วไม่เจ็บรึไง?"
เมื่อคืนเธอยังเดินแทบไม่ได้เลย เมื่อกี้ตอนเดินก็มีหยุดบ้าง มาตอนนี้เอาความมั่นใจจากไหนมาฉีกแข้งฉีกขาแบบนี้?
"ถึงจะแค่ปลอบ แต่ก็หนักอยู่นะ"
จบบทบรรยาย:: ราม
หนักจริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ...
ไอ้บ้านี่ตอนแรกๆ ก็ปลอบกันบอกไม่เป็นไรๆๆ พอถึงรอบที่สองแล้วไม่มีเลยคำว่าไม่เป็นไรน่ะ!
"ไอ้บ้า" ด่าเขาไปก็เลื่อนตัวลงไปซ่อนใต้ผ้าห่มเอาไว้ด้วย
แล้วนี่...อะไรยังไง?
หมายถึงความสัมพันธ์เราเนี่ย...มันยังไง?
สถานะของเราตอนนี้ฉันให้เขาเป็นเพื่อน... แค่เพื่อน แต่เพื่อนกันสามารถปลอบใจกันแบบนี้ได้หรอ?
แล้วระหว่างเรายังสามารถพูดคุยกันโดยไม่ได้รู้สึกอึดอัดเรื่องเมื่อคืนได้จริงหรอ?
ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนควรเรียกมันว่าอะไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ฉันวางใจที่สุดแล้ว
มันคงจะดีถ้าฉันมีเพื่อนผู้ชายที่เอาไว้ปรึกษาได้สักคน... แต่คิดว่าไม่ใช่ในความสัมพันธ์ที่เกือบจะเหมือน 'เพื่อนนอน' แบบนี้
มัน...มันรู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ใช่
เขาอาจจะไม่ได้คิดมาก ซึ่งฉันก็เหมือนกัน แต่...เขาควรเป็นเพื่อนที่เป็นแค่เพื่อน เข้าใจไหม? เป็นเพื่อนกันมันน่าจะยาวนานกว่า...
เพราะว่าฉันเงียบไป รามที่นอนมองหน้าฉันอยู่เลยถามขึ้นมา "เป็นอะไร?"
"นี่ สรุปนายจะเป็นเพื่อนกับฉันไหม?" ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่
รามเงียบแล้วพยักหน้าให้ฉันหนึ่งที่ก่อนจะยกมือข้างที่เคยวางไว้ตรงเอวของฉันขึ้นมาปัดเส้นผมออกจากใบหน้าแล้วพูดขึ้นมา "วันนั้นตอบไปแล้ว"
"......"
"อยากเป็นอะไรก็เป็น"
ฉันยิ้มให้กับคำตอบของเขาก่อนจะส่งเสียงในลำคอออกไป "อื้ม!"
ในวันนั้น...ฉันกับเขาตกลงเป็นเพื่อนกัน มันคือวันที่สถานะความสัมพันธ์ของเราปรากฏชัดเจนต่อคนหลายๆ คนว่าเราคือเพื่อนต่างรุ่นกัน ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกันในฐานะเพื่อนเหมือนคนทั่วไป ฉันรู้สึกดีที่ได้เพื่อนอีกหนึ่งคนและขวัญตาเองก็ไม่คัดค้านที่ฉันจะคบกับเพื่อนคนนี้
พี่แทนได้หายไปจากชีวิตของฉันและไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเลย ซึ่งมันดีมากสำหรับคนที่ต้องการมูฟออนอย่างฉัน
ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี
แต่ในวันนี้...
วันที่ร่างกายฉันผิดปกติไป...
วันที่เจอใบปลิวเกี่ยวกับการคุมกำเนิดแล้วสมองเพิ่งจะมานึกขึ้นได้ว่าหลังจากมีอะไรกับรามแล้วตัวเองไม่ได้กินยาคุมเลยสักครั้ง
วันที่เพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าประจำเดือนขาดหายไปแล้วหนึ่งเดือน และเดือนนี้มันก็ใกล้จะหมดเดือนแล้ว แต่มันก็ยังไม่มา...
วันที่ฉันเข้าใจคำว่า 'พลาด' อย่างถ่องแท้
ฉันยืนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น มองที่ตรวจครรภ์สามอันที่ผลออกมาเหมือนกันหมดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงในห้องน้ำอย่างหมดแรง
ฉันรู้ตัวเองดีว่ายังไงตอนนี้ตัวฉันก็ไม่พร้อมสำหรับการเลี้ยงดูใครสักคนแน่ๆ แต่จะให้ฉันเอาเขาออกมาทั้งที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเนี่ยนะ...
มัน...ไม่โหดร้ายเกินไปหรอ?
ฉันนั่งคิด นั่งหาทางว่าควรทำยังไงดีกับสิ่วที่เพิ่งรับรู้และกำลังก่อตัวขึ้นอยู่ในร่างกายของฉันในห้องน้ำไม่ยอมลุกไปไหน แต่คิดยังไงก็ไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ตัวเองยังไงดี จนกระทั่งอยู่ๆ ก็มีฝ่ามืออุ่นร้อนของใครบางคนแตะลงที่หัวไหล่ของฉัน
ฉันหันไปมองเจ้าของฝ่ามือ
เจ้าของฝ่ามือมองที่ตรวจครรภ์ที่วางกระจัดกระจายอยู่บนฝาชักโครก
ฉันก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่ตรงหน้าตัก
คนตัวสูงย่อตัวลงมาก่อนจะช้อนตัวแล้วอุ้มฉันขึ้นจากพื้นห้องน้ำแล้วพาเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะวางฉันลงเตียงเบาๆ แล้วตัวเขาเองก็เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำอะไรบางอย่าง
ไม่สิ เพื่อหยิบอะไรบางอย่าง
เขาเดินออกมาพร้อมกับที่ตรวจครรภ์ทั้งสามกับกล่องของพวกมันเองแล้วก้มหน้าอ่านคำอธิบายข้างกล่องเพื่อทำความเข้าใจกับมัน เมื่อเขาเข้าใจแล้วก็ก้มหน้ามองผลตรวจของฉันแล้วหันมามองหน้าฉันนิ่ง
ในห้องมันเงียบเกิน...
ฉันต้องพูดอะไรบางอย่าง...
ต้องพูดบางอย่างเพื่อแย่งความสนใจของเขาจากสิ่งที่เขากำลังจะพูด
"ขะ...เข้ามาทำไม?" ฉันถามเขาไป ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำให้เหทือนปกติที่สุด แต่เสียงตัวเองก็สั่นมากจนมันผิดปกติไปแล้ว
อีกอย่าง...ตอนนี้เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรน่ะ
"เรียกแล้วไม่ตอบเลยเดินเข้ามา" เขาตอบคำถามของฉัน แต่สายตาคมเข้มคู่สวยของเขาได้เลื่อนลงไปที่หน้าท้องของฉันแล้ว "เธอ..."
"ฉันหิวข้าวอ่ะ ไปหาอะไรกินด้วยกันป่ะ?" ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้พูดแทรกเขาออกไปแบบนี้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพยายามแกะทุกอย่างออกจากมือของเขาด้วย "ไปกินเนื้อย่างกันนะ"
เพราะรู้ว่าเขาต้องตามใจแล้วไหลตามน้ำเหมือนปกติแน่ๆ ฉันเลยชวนเขาแบบนี้ แต่ว่า...
"ไม่" รามปฏิเสธเสียงเรียบ
คนตัวสูงดึงมือของตัวเองออกจากมือของฉันแล้วถามขึ้นมา
"ไม่คิดจะพูดอะไรเลย?" พร้อมกับชูที่ตรวจครรภ์ในมือด้วย
ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันพร้อมกับเงยหน้ามองมือของเขาแล้วพูดออกไป "อย่าจับ มันสกปรก"
"จะพูดเรื่องนี้จริงดิ?" รามถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง
"ถ้าฉันบอกว่ายังไม่อยากพูดเรื่องนั้นนายจะยังอยากรู้เรื่องอยู่ไหม?" ฉันกอดอกถาม ทำหน้าเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เพิ่งเจอมาเลย
รามที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบ "งั้นฉันจะถาม"
"......"
"มีหน้าที่ตอบแค่ใช่กับไม่" คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
"......"
เขาหยุดตอนที่ปลายเท้าของเราชนกัน ดวงตาคมเข้มที่เคยมองฉันด้วยความอ่อนโยนเมื่อตอนที่ฉันกำลังอ่อนแอ บัดนี้กำลังจ้องกันเหมือนกำลังกดดันฉันให้ตอบคำถามของเขา
คำถามที่ว่า
"ในท้องนั่น ลูกฉันใช่รึเปล่า?"
ฉันที่ได้รับแรงกดดันมาระดับนึงแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เพราะแรงกดดันจากสายตาคู่นั้นมันมีมากเกินไปฉันเลยก้มหน้าลงแล้วมองปลายเท้าของเราก่อนจะพยักหน้าให้เขาไป
ถ้าโกหกก็กลังจะตกนรก สุดท้ายฉันก็เปล่งเสียงที่แหบพร่าไปด้วยความกังวลว่า "ใช่ นี่ลูกนาย"
ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะความสะเพร่าของฉัน แต่ว่าฝ่ามืออุ่นร้อนของเขาที่วางลงบนกลางเรือนผมของฉันทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
และเมื่อเราสบตากัน...
คนที่ฉันเพิ่งบอกว่าเป็น 'พ่อของเด็กในท้อง' ก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า
"อืม ก็แค่นั้น"
ความคิดเห็น