คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER:: 04[อัปครบ]
เรานั่งรอไม่นานที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่ฉันทำต่อมาคือการถ่ายรูป แต่เอาแค่ไม่กี่รูปเท่านั้นก่อนจะอัปลงในโซเชียลมีเดียตัวเองพร้อมกับแท็กพระพายไปด้วยโดยที่ไม่ลืมที่จะสลับแอคเคาท์ไปเป็นของพระพายแล้วอัปรูปในมุมที่คล้าย ๆ กันพร้อมกับแท็กตัวเองมา
“ถ่ายเอง ลงเอง แท็กเอง” พระพายว่าพร้อมกับดันแก้วของตัวเองมาข้างหน้าฉัน
ส่วนฉันนั้นหาได้สนใจไม่เพราะตั้งแต่แรกเขาก็อนุญาตฉันแล้ว เพราะงั้นจะพูดอะไรก็พูดไป
ฉันยกแก้วของพระพายขึ้นมาดม ๆ ก่อนจะงับหลอดแล้วลองชิมดูว่าเครื่องดื่มที่พระพายสั่งเป็นยังไง เมื่อได้รับรู้รสชาติแล้วฉันก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างพึงพอใจกับความหอมที่ติดรสชาติหวานนิด ๆ ของวนิลาลาเต้ที่พระพายเป็นคนสั่ง
“ชอบอ่ะ” ฉันว่าพลางวางแก้วลงแล้วดันไปหน้าพระพายเหมือนเดิม
พระพายยกแก้วของตัวเองไปดื่มบ้างก่อนจะทำตาโตแล้วพยักหน้า ปฏิกิริยาไม่ต่างกับฉันเท่าไหร่ ที่เขาแสดงออกแบบนี้เพราะว่าทุกครั้งที่พระพายมาที่นี่เขาไม่เคยสั่งเครื่องดื่มแบบเดิมเลยสักรอบด้วยเหตุผลที่ว่า ‘อยากลองสั่งทุกอย่างในร้านดู’ เป็นเรื่องที่เขาตั้งขึ้นมาเพราะว่าถ้าให้มานั่งปั้นหน้ายิ้มช่วยฉันกินของที่ฉันสั่งมามันคงจะน่าเบื่อเกินไปงี้ เพราะงั้นเวลาพระพายสั่งเครื่องของเขามาเราต่างคนก็ต่างไม่รู้ว่ารสชาติมันจะออกมาเป็นยังไง
“เป็นไง?” ฉันถามเขาไปพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น พระพายเลยพยักหน้าให้ก่อนจะพูดออกมา
“โอเค ชอบ ต้องจดลงในลิสต์แล้ว” พระพายว่าก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเองโดยมีการจัดแจงอะไรเล็กน้อย
ซึ่งฉันมีส่วนร่วมกับรูปนี้ด้วย
“ถือให้หน่อย” พระพายว่าพร้อมกับพยักพเยิดหน้าให้ฉันช่วยถือ
ฉันเองก็ทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่ายพร้อมกับเอียงคอยิ้มให้กล้องตามอัตโนมัติ คล้ายกับกำลังถ่ายภาพโปรโมทให้ร้าน แต่ไม่ใช่ ซึ่งพระพายหลังจากที่ได้รูปแล้วก็หันไปสนใจฮันนี่โทสต์ต่อ
ฉันวางแก้วเขาลงก่อนจะเริ่มจัดการกับไอศกรีมสองลูกที่ตัวเองสั่งมา
เริ่มจากการราดน้ำผึ้งที่ได้มาลงบนขนมปังที่ถูกอบมาให้กรอบนอกนุ่มในที่มีกลิ่นเนยหอมกรุ่น
“ไม่ราดหมดนะ” ฉันถาม ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพระพายตรง ๆ แต่ว่าหางตาก็เห็นอยู่ว่าเขาพยักหน้าให้ฉันน่ะ
มือหนาพยายามใช้มีดแยกตรงกลางขนมปังออกเพื่อที่น้ำผึ้งจะได้ชโลมไปถึงข้างในด้วย
เมื่อพอใจแล้วก็วางโถน้ำผึ้งลงแล้วเริ่มลงมือกิน ความเงียบปกคลุมบริเวณที่เราอยู่ มีแค่เสียงจากรอบกายเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่เพื่อเตือนว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนี้แค่สองคนนั้น
พระพายคอยตัดแบ่งขนมปังออกเป็นทรงลูกเต๋าเล็ก ๆ ซึ่งก็ไม่ได้เท่ากันเท่าไหร่ แต่ก็พอดีปากที่ไม่ต้องพยายามอ้าปากให้กว้างก็สามารถยัดเข้าไปได้ ฉันก็คอยเทน้ำผึ้งราดให้พระพายด้วยตอนที่มือไม้เขาไม่สามารถจัดการอะไรได้พร้อมกันสองข้าง
“นายลองเอาแบบนี้ดิ เอาขนมปัง กีวี่ กล้วย แล้วก็ขนมปังอีกรอบ แล้วก็เอาตักไอติมไว้ด้านบน เอาน้ำผึ้งราดในคำเดียว”
“ได้หรอวะ?” พระพายถามพลางใช้สายตาลองประเมิณไปด้วยว่าได้มั๊ยขณะที่ฉันเริ่มจัดแจงโดยใช้ส้อมจิ้มเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันว่ามาให้พระพาย ปิดท้ายด้วยการราดน้ำผึ้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฉันยื่นส้อมให้พระพาย โดยลืมไปว่าส้อมที่ใช้เป็นของตัวเองน่ะ
พระพายรับส้อมไป มองสายตาที่คาดหวังปนตื่นเต้นของฉันไปด้วย ก่อนจะยัดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในปาก ซึ่งฉันที่นั่งลุ้นตัวเกร็งก็เผลออ้าปากกว้างตามเหมือนกัน พอเห็นว่าพระพายสามารถกินได้ฉันก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อรอฟังความคิดเห็นว่ามันควรหรือไม่ควร ระหว่างนั้นฉันรีบลุกขึ้นไปกดน้ำเปล่ามาให้พระพายเพื่อล้างปากหน่อย
พระพายยกนิ้วโป้งขึ้นมาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเก็บนิ้วลงไป เขาใช้เวลาเคี้ยวเกือบสามสิบวินาทีก่อนจะกลืนมันลงคอ แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นไปดื่มแล้วค่อยตอบออกมา ฉันเอื้อมมือไปรับส้อมของตัวเองคืนแล้วลงมือกินต่อ
“มันก็โอเคอ่ะ แต่ใหญ่ไปหน่อย”
“หรอ?” ฉันว่าพลางตักไอศกรีมเข้าปาก
พระพายเลยพูดขึ้นมา “ลองดูมั๊ยล่ะ? เดี๋ยวทำให้” พร้อมกับทำให้ฉันบ้าง ถึงแม้ว่าฉันจะมีท่าทีต่อต้านเขาก็เถอะ
ขนาดของคำที่พระพายทำให้ฉันใหญ่กว่าที่ฉันทำให้เขาอีก ไหนจะหน้าตาที่ดูเหมือนกำลังกวนตีนกันอยู่เนี่ย ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“ไม่เอาพาย มันคำใหญ่” เพราะคิดว่ารู้ชะตากรรมของตัวเองฉันเลยรีบพูดออกไปพร้อมกับส่ายหน้าไปมา แต่พระพายกลับไม่ฟังฉันเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าพระพายลุกขึ้นเดินอ้อมมาหาฉันแล้วใช้มือบีบแก้มให้ฉันอ้าปากแล้วยังพูดเสียงเข้มอีก
“อ้าปาก”
“พาย! มันจะเลอะ!” ฉันรีบขัดขืนทันที แต่ว่ากีวี่ก็มาชนที่ริมฝีปากของฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งฉันก็ต้องจำใจยอมอ้าปากเพื่อกินเพราะกลัวว่าถ้ายังยื้อแย่งกันอยู่แบบนี้หน้าฉันจะเลอะเพราะเพราะมันเปื้อนหน้าของฉันมากกว่า
พระพายหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นว่าสภาพของฉันตอนนี้ดูลำบากยากเย็นแค่ไหน แต่ว่าคนตัวสูงก็ไม่ได้ดูอย่างใจดำเพราะเขาก็ยังคอยเอาทิชชู่มาเช็ดที่ปลายคางให้ฉันอยู่เพราะมันเยอะจนล้นไง!
ไอ้บ้านี่!
ก็บอกว่ามันคำใหญ่ ๆ ยังจะยัดเข้ามาอีก!
ฉันถือทิชชู่มาซับตามมุมปากของตัวเองเอาไว้ มองพระพายแบบดุ ๆ ไปด้วย แต่ว่าเจ้าตัวหาได้สะมกสะท้านไม่เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกรู้สากับสายตาของฉันแล้วยังมีการยกมือขึ้นมาลูบผมกันเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้ออีก
“กินเยอะ ๆ แล้วโตไว ๆ น้าเมียจ๋า”
ดีนะตอนที่พระพายเริ่มเดินมาฉันรวบผมตัวเองไว้แล้วน่ะ ไม่งั้นต้องเปื้อนผมจนเหนียวด้วยแน่ ๆ เลย
พูดแล้วปรี๊ด
ไอ้พระพาย!
ฉันกลืนทุกอย่างลงไป หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดูดเพื่อให้รู้สึกโล่งคอก่อนจะตวัดสายตาไปมองพระพายที่เดินกลับไปนั่งลงที่ตัวเองแล้วก่อนจะโวยวายออกไป
“เอามาทำไมคำใหญ่ขนาดนั้นอ่ะ!” ฉันว่า มือก็ยังคงใช้ทิชชู่เช็ดรอบ ๆ ปากของตัวเองอยู่ ต่อให้ลิปสติกจะติดทนนานแค่ไหน แต่ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้รับรองว่าตอนี้มันคงจะหลุดแน่ ๆ ก่อนเดินออกจากร้านคงต้องเติมสีสันบนใบหน้าสักหน่อย
“กลัวไม่รู้ไงว่าอร่อย เลยต้องจัดให้เต็มคำหน่อย” พระพายว่าพลางดูดลาเต้ของตัวเองจนเหลือครึ่งแก้ว
ฉันกำหมัดแน่น มองพระพายตาเขียวปั๊ด แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ไม่พอใจเฉย ๆ เท่านั้น รอให้กลับถึงบ้านก่อนนะไอ้แก่...
“ไม่ต้องมากำหมัด รีบกินเลยไอศกรีมจะละลายหมดแล้ว” พระพายว่าทำให้ฉันต้องละความสนใจจากเขาไปเพื่อก้มหน้าก้มตากินของหวานที่อยู่ตรงหน้าต่อ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่เราอยู่ตรงนี้ ของที่อยู่ตรงหน้าหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่จานเปล่าที่มีไอศกรีมละลายอยู่ในนั้น ส่วนขนมปังและผลไม้ต่าง ๆ หายเกลี้ยงไปหมด เครื่องดื่มทั้งของฉันและของพระพายเองก็หมดแก้วแล้วด้วย ตอนนี้มีแค่น้ำเปล่าที่ไปกดมาของใครของมันเท่านั้นเอง
อืม...กินหมดแล้วนั่งทำหน้าจ๋องกันหมดเลย
มาหลายรอบ แต่เวลากินหมดแล้วก็ยังคงไปไม่ถูกกันสักรอบเหมือนเดิม
“ครั้งต่อไปสั่งอย่างอื่นนะ” แล้วพระพายก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
“สั่งอะไรล่ะ?” ฉันถามออกไป
พระพายเรียกพนักงานมาอีกรอบก่อนจะขอดูเมนูว่ามันมอะไรน่าสนใจบ้าง ฉันเลยลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เขาเพื่อดูด้วย ไล่สายตาดูไปสักพักหนึ่งก็เห็นว่ามีอันที่ฉันอยากลอง แต่ก็ไม่เคยลองสักทีเพราะว่าจุดประสงค์ส่วนใหญ่ที่มาก็เพราะอยากกินอะไรเย็น ๆ แต่อะไรเมนูที่อยากลองอ่ะมันเป็นพวกขนมปังกระทะร้อน ซึ่งฉันไม่รู้ว่าไอ้ของที่มาเสิร์ฟเนี่ยมันจะมาในรูปแบบไหน แบบร้อนจนควันขึ้นมาเลยรึเปล่า แต่ว่ามีโต๊ะนึงที่สั่งเป็นเมนูนี้ แต่เป็นชาไทยแล้วกลิ่นหอมมาก
อะไรที่มันกลิ่นหอม ๆ น่ากิน ๆ เนี่ยชอบมากเลย
“เลือกได้ยัง? ฉันอยากได้อันที่ตัวเองอยากกินแล้วนะ” พระพายหันมามองหน้าฉัน
“เลือกได้แล้ว แล้วครั้งต่อไปนายก็ต้องช่วยฉันกินด้วยเหมือนเดิม” ฉันว่าพร้อมกับเลือกเมนูไว้ในใจแล้วหันไปถามพระพาย “นายเลือกอันไหนอ่ะ?”
“อันที่เป็นบราวนี่อ่ะ ได้ไอศกรีมสองลูกเหมือนที่เธอสั่งด้วย ไม่เยอะไปด้วย” เขาว่าพลางชี้ให้ฉันดูด้วยว่าหมายถึงอันไหน
“โอเค งั้นรอบต่อไปเอาอันนั้นนะ” ฉันว่าพร้อมกับพยักหน้าเมื่อเห็นว่ามันเป็นอันไหนก่อนจะยื่นเมนูส่งคืนพนักงานไปแล้วลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้ “ป่ะ จ่ายตังแล้วกลับ”
“กลับบ้านเลยหรอ? ไม่กินข้าวก่อนอ่ะ?” พระพายถาม แต่ก็ลุกขึ้นมาเดินอยู่ข้าง ๆ ฉัน
“ก่อนจะถาม อยากให้เห็นสภาพตัวเองเมื่อกี้มากเลยว่านายดูอืดแค่ไหนอ่ะ” ฉันว่าพร้อมกับควักกระเป๋าเงินออกมาจ่ายเอง
“เธอก็เหมือนกันแหละ” พระพายพูดพร้อมกับดึงแก้มของฉัน “เมื่อกี้คำสุดท้ายฉันได้บิ้วท์เธอแค่ไหนอย่ามาทำเป็นลืม”
“จิ๊! ก็มันต้องยัดต่อกันนี่!” ฉันว่าแล้วคว้าข้อมือของพระพายเอาไว้เมื่อรับใบเสร็จมาเรียบร้อยก็เดินออกจากร้านทันที
“แก้มเธอแบบเคี้ยวตุ่ย ๆ อ่ะอัยย์ โคตรหน้ามันเขี้ยวเลย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูร่าเริงเหมือนได้เติมน้ำตาลให้ร่างกายจนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
ในขณะที่ฉันนั้น...“แล้วนี่ต้องไปออกกำลังกายอีกอ่ะ” ฉันว่าพลางมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย “อารมณ์ชั่ววูบมากอ่ะ”
“เขาบอกว่ากินอะไรหวาน ๆ สมองจะแล่น” พระพายช่วยพูดเพื่อดึงสติฉันกลับมา
ก็ขอบคุณแหละที่ช่วยพูดข้อดีของการเขมือบของหวานเข้าไปเยอะขนาดนี้ให้ฟัง แต่ว่านะพระพาย...
“พรุ่งนี้ฉันมีถ่ายงาน...”
“มื้อเดียวไม่อ้วนหรอก เมื่อเช้าก็ของเบา ๆ ย่อยง่าย ตอนเย็นก็ค่อยกินแค่สลัดก็ได้”
“เย็นนี้นายห้ามกินอะไรที่มันยั่วน้ำลายฉันนะ”
“ฉันจะกินคอหมูย่าง สไลด์บาง ๆ แล้วมีน้ำจิ้มยั่ว ๆ ราด”
“นิสัยไม่ดี” ฉันว่าพระพายไปด้วยมือก็แอบบิดสีข้างของเขาไปด้วย
“ล้อเล่น”
“ชิ!”
“แล้วพรุ่งนี้ถ่ายงานอ่ะไรอ่ะ? ทำไมต้องเครียดขนาดนั้น?” เขาถาม เพราะว่าถ้าเป็นงานทั่วไปยังไงฉันก็ไม่ซีเรียสอยู่แล้วเรื่องร่างกายตัวเองเนื่องจากมีเสื้อผ้าคอยปกปิดหรืออำรางสายตาคนอื่นได้อยู่ แต่ว่างานพรุ่งนี้ของฉันอ่ะ...
“ชุดกีฬา แล้วมันมีช็อตที่ต้องใส่สปอร์ตบราด้วยอ่ะพาย” พูดเสร็จก็เอนศีรษะของตัวเองไปซบกับไหล่ของพระพาย
“อย่าเครียดดิวะ เดี๋ยวก็หิวอยากกินนู่นนี่อีก”
“เออ โอเค ไม่เครียดละ” ฉันว่าพร้อมกับยืดตัวตรงอีกครั้ง ทั้งยังปล่อยข้อมือของพระพายให้เป็นอิสระ คนตัวสูงเลยยกมือข้างขวาของตัวเองขึ้นมาขยี้ผมของฉันเบา ๆ
“ถ่ายแบบไหนก็ออกมาดีทั้งนั้นแหละ เชื่อมั่นในฝีมือตัวเองหน่อย หรือไม่ก็เชื่อในฝีมือช่างภาพดิ” พระพายเริ่มบิ้วท์อารมณ์ฉันอีกรอบ “กินนิดกินเยอะนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นอะไรไป สมัยนี้เขาฮิตมีพุงกัน”
“ดูนุ่มนิ่มใช่ป่ะ?”
“ใช่ มันดูน่าบีบดี” พระพายว่าพร้อมกับใช้มือข้างที่ขยี้ผมฉันพาดผ่านไหล่มาแล้วเอื้อมมาบีบแก้มของฉันเล่น “นุ่ม ๆ” แล้วก็พูดไม่หยุด
“ชอบเล่นขนาดนี้ ไม่ตัดไปเล่นเลยอ่ะ?”
“ทำไม ๆ ๆ เล่นแค่นี้ไม่ได้หรอ?” พระพายถามอย่างกวนอวัยวะเบื้องล่าง
“เบื่อนายจังเลยอ่ะ” ทั้ง ๆ ที่ได้กินไอศกรีมเพื่อให้ตัวเองอารมณ์ดีแล้วนะ ยังต้องมาคิดมากอยู่อีก ไม่ชอบตัวเองก่อนเป็นประจำเดือนเลยอ่ะ
เบื่อ
เบื่อไปหมด
“เฮ้ยเธอ!” แล้วระหว่างที่ฉันกำลังมีหลากหลายอารมณ์ทางความรู้สึกตีกันไปมาในหัวอยู่นั้น พระพายก็สะกิดกันอย่างแรงพร้อมกับชี้ไปที่ร้าน ๆ หนึ่งแล้วพูดขึ้นมา “นั่นเธอนี่อัยย์”
“สวยม่ะ?” ฉันถามออกไปหลังจากที่มองไปตามนิ้วมือเรียวยาวของพระพายแล้วเห็นสแตนดี้ของตัวเองยืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง ไหนจะมีภาพเคลื่อนไหวจอ LED ขนาดใหญ่อีก ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกันกับที่ต้องไปถ่ายในวันพรุ่งนี้ ตัวที่เขากำลังตั้งโชว์อยู่เนี่ยเป็นคอลเลคชั่นเก่า ซึ่งอันพรุ่งนี้จะเป็นตัวใหม่เป็นสีสันที่ไม่เคยออกมาก่อน
ขอสปอยล์ไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นสีพาสเทลใส ๆ
“แวะหน่อยป่ะ? ลองขายของหน่อย” พระพายว่าพร้อมกับเปลี่ยนทิศทางในการเดิน
“ถ้าฉันขายแล้วจะซื้อป่ะล่ะ?” ฉันถาม แต่ก็พยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว
คือ...ฉันเป็นนางแบบ เขาจ้างฉันไปถ่ายรูปคู่กับแบรนด์เท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขายของเลยสักนิด แต่ว่าตอนที่บรีฟงานอ่ะเขาก็อธิบายอยู่นะว่าอยากให้ได้ฟีลลิ่งแบบไหนจากงาน ถ่ายมาต้องการฟีลไกน ซึ่งก็มีการป้อนข้อมูลมาด้วยอยู่บ้างส่วน
ใช่...บางส่วนเท่านั้น
“ซื้อดิ อุดหนุนผลงานขอเมียจ๋าถือเป็นหน้าที่สามีอย่างฉันป่ะวะ?”
“งั้นนายเหมาเลยนะ เขาจะได้จ้างฉันต่อ” ฉันว่าพร้อมกับเดินไปที่เสื้อฮู้ดดี้สีเข้ม พนักงานเดินมาเตรียมพร้อมจะขายของให้พวกเรา แต่เมื่อเห็นว่าเป็นฉันที่กำลังส่ายหน้าให้เธอหน่อย ๆ เธอจึงถอยหลังออกไประยะหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่
“จะขายของละนะ”
“ผมขอถ่ายคลิปไว้ด้วยได้มั๊ยครับพี่สาว พอดีผมเป็นเอฟซีอ่ะครับ” พระพายยังคงกวนฉันไม่เลิก
“ไม่ได้ ฉันอาย” ฉันว่าพร้อมกับผายมือไปที่ฮู้ดดี้สีเข้มแล้วเริ่มอธิบายถึงรายละเอียดของเสื้อผ้าโดยมีพระพายยืนกอดอกมองฉันด้วยความสนใจ “เสื้อตัวนี้ที่นายเห็นอยู่เป็นเสื้อแจ็คเก็ตฮู๊ดดี้ เหมาะกับใส่เป็นเสื้อคลุมหรือจะใส่แมทกับไอเท็มไหนกันได้ เพราะว่าถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับทุกลุคนั่นเอง”
“......”
ฉันเว้นวรรคไปเพื่อสัมผัสเนื้อผ้าอีกครั้งก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ “ตัวเนื้อผ้านะ...นิ่ม ใส่สบายเพราะว่า ใช้ผ้า Interlock ซึ่งก็คือรูปแบบการทอที่ทำให้ผ้าที่ทอออกมามีลักษณะเป็นผิวเรียบเหมือนกันทั้งสองด้านเนื้อผ้าที่นิยมใช้ Cotton 40 ประเภทงานที่เหมาะสมคือ เสื้อผ้าเด็ก ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่านายใส่ได้สบายไม่ระคายเคืองผิวแน่นอน”
“เออเก่ง”
พระพายว่าพร้อมกับปรบมือเสียงเบาเพราะไม่อยากให้รบกวนลูกค้าท่านอื่น
ฉันยักไหล่เหมือนกับว่าที่ทำไปไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเลยสักนิด เหมือนตื่นมาพร้อมกับข้อมูลพวกนี้อยู่ในหัวอยู่แล้ว
อันนี้ก็เก่งไป
“ถ้าเก่งก็ซื้อสิ” ฉันว่าพร้อมกับหยิกเสื้อที่แขวนอยู่ออกมายื่นให้พระพาย ซึ่งเป็นฮู้ดสีดำ พระพายก็รับไปพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปที่โซนของผู้หญิงแล้วพูด
“ไปหยิบของเธอมาด้วย เอาแบบเดียวกัน”
“จ่ายให้ใช่ป่ะ?” ฉันถาม
“อือ ของขวัญคนเก่ง” พระพายว่าพร้อมกับยิ้มมุมปากให้ฉัน ซึ่งพอเห็นแทั้งแววตาที่เหมือนกำลังชื่นชมหรือภูมิใจกันอยู่กับรอยยิ้มตามฉบับของพระพาย ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ยิ้มออกมาตอบเขาเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดไหนออกมาจากปากของเราสองคนอีก
พระพายจ่ายเงินค่าเสื้อให้ฉันถึงแม้ว่าตัวนี้คอลเลคชั่นนี่ฉันจะมีอยู่แบ้วเนื่องจากทางแบรนด์ส่งให้เป็นของขวัญหลังถ่ายงานจบ แต่ในเมื่อพระพายจะซื้อให้ ฉันก็จะรับไว้เอง
ถึงเมื่อกี้ตอนที่อยู่ร้านไอศกรีมฉันจะเป็นคนจ่ายก็เถอะ แต่ว่าถ้ายึดตามหลักความเป็นจริงแล้วฉันเป็นคนอยากกิน งอแงจะมาร้านนี้ให้ได้แล้วพระพายก็ลำบากพามา เขายังต้องมาจ่ายเงินค่าไอศกรีมให้ฉันอีกหรอ? ฉันว่าแบบนี้อ่ะไม่โอเค เพราะงั้นอะไรที่ฉันมองว่าเราสามารถหารกันได้อย่างของกินเงี้ยะ ถ้าเราตกลงร่วมกันว่าจะไปร้านไหนก็จ่ายกันคนละครึ่ง ไม่ก็สาเหตุที่ได้กินสิ่งนี้สิ่งนั้นเพราะฉัน ฉันก็จะจ่ายเองแบบวันนี้
แต่ถ้าเป็นสิ่งของอย่างเสื้อที่พระพายซื้อให้ ในอนาคตฉันก็อาจจะซื้อให้เขาบ้าง สลับกันไปมาแบบนี้
ตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับพระพายอ่ะ เราทำแบบนี้ตลอด เพราะว่าฉันได้รับเงินที่ได้จากการตกลงแต่งงานกันตั้งแต่ต้นแล้วไง บางทีมันก็ไม่มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินเขาเพิ่มอ่ะเก็ทมั๊ย?
ฉันแต่งงานกับเขาเพราะตาลุกวาวกับก้อนเงินก็จริง แต่ก็ไม่ได้หวังจะมาขูดเลือดขูดเนื้อเขาหรอกนะ ไม่งั้นฉันไม่ทำงานเยอะขนาดนี้หรอก
“นายไม่กินข้าวก่อนอ่ะ?” ฉันถาม “ฉันรอได้ อย่างที่บอกไปว่าวันนี้ฉันว่าง”
“ไม่เป็นไร ค่อยไปหาอะไรกินที่บ้านก็ได้”
“กินให้เสร็จจากที่นี่เลยก็ได้นี่”
“เธอจะไม่อยากกินด้วยหรอ?”
“ฉันมันคนแข็งแกร่งพระพาย ไม่เป็นไรหรอก” ฉันว่าพร้อมกับตบไหล่เขาไปด้วย “ไปเหอะ จะเอาร้านไหนเดินนำไปเลย”
“อยากกินข้าวราดแกงอยู่ฟู้ดคอร์ด” พระพายว่าขึ้นมา
กินง่าย
อยู่ง่าย
ข้าวราดแกงก็จบ
นี่แหละพระพาย
“ทำร้ายกันมากเลยอ่ะ...” ฉันว่าพร้อมกับอ้าปากค้างใส่พระพายไป
คนตัวสูงหัวเราะออกมาก่อนะดึงฮู้ดจากด้านหลังมาบังหน้าฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “แม่นางแบบชื่อดังกรุณารักษาภาพลักษณ์หน่อย”
“ขอโทษแล้วกันที่ฉันมันกินเก่งอ่ะ” ฉันว่าพร้อมกับปัดฮู้ดลงเหมือนเดิม
“สัญญาว่าจะไม่สั่งอะไรที่มันน่ากินมา” พระพายว่า แขนแกร่งกอดคอฉันเอาไว้จนตัวฉันเข้าไปชิดเขาขนาดที่ว่าเราเดินซ้อนกันและฉันต้องใช้แขนซ้ายของตัวเองโอบรอบตัวของพระพายเอาไว้เพื่อที่จะประคองและยึดไม่ให้ตัวเองเซไปมากกว่านี้
เคยบอกไปว่าอยากได้ภาพลักษณ์ของคู่สามีภรรยาที่รักกันปานจะกลืนกิน แต่หลายครั้งที่มีคนถ่ายรูปเราออกไป...ต้องยอมรับเลยว่ามันออกมาเหมือนเพื่อนซี้กันมากกว่า
เดินกอดคอบ้างล่ะ
แกล้งกันบ้างล่ะ
ไม่เคยมีรูปไหนที่มันดูหวานกันเลยสักครั้งจริง ๆ
บางครั้งฉันก็สงสัยนะว่าเราสองคนกัดกันได้ตลอดเวลาขนาดนี้เลยหรอ?
แต่สงสัยไปก็เท่านั้นแหละเพราะว่าทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้วอ่ะนะ...
พระพายชอบหาเรื่องฉัน
“เดินดี ๆ หน่อยพระพาย” ฉันว่าแล้วทุบไปหนึ่งรอบ แต่พระพายก็ไม่ยอมหยุดทั้งยังหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก
นี่เขาเป็นพวกชอบความเจ็บปวดหรอ?
หรืออะไร?
“เราต้องรีบเดิน ถ้าเที่ยงแล้วคนจะเยอะ”
“นายก็เดินไปก่อนสิพาย เดี๋ยวฉันไปหาโต๊ะรอ แยกกันไป” ฉันเสนอไป แรงที่มีน้อยนิดก็พยายามผลักพระพายออก
ครั้งนี้พระพายยอมปล่อยฉันให้เป็นอิสระ “เออเนอะ ทำไมคิดไม่ได้วะ?”
“คิดได้แล้วก็รีบไปสิพาย” แล้วเดินมาทางด้านหลังพร้อมกับยกมือขึ้นมาใช้แรงดันแผ่นหลังกว้างกำยำให้เดินไปข้างหน้าด้วย
“เออ ๆ ไปแล้ว ผาที่นั่งไว้ด้วย” พระพายว่าพร้อมกับหันกลับมาใช้นิ้วชี้ลูบคางฉันก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“จิ๊!” ฉันใช้หลังมือของตัวเองที่อยู่ข้างในแขนเสื้อมาเช็ดที่ปลายคางของตัวองไปมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ปากก็พึมพำบ่นให้คนตัวสูงไปด้วยไม่หยุด แต่ก็ไม่วายผลิรอยยิ้มออกมาบาง ๆ จนฉันต้องส่ายหน้าไปมาให้กับตัวเองที่มองว่าการกระทำเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติระหว่างเราไปแล้ว
เป็นเรื่องปกติที่ฉันเริ่มกลัวว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่เหมือนเดิมมันจะเป็นยังไง...
ความคิดเห็น